Facebook :Travel @ Manager
สายบุญคนไหนกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเสริมมงคลบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมชมบรรยากาศวิถีชีวิตชาวเมืองท้องถิ่น “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำเส้นทางไหว้พระเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตกันที่เมืองสามหมอก ซึ่งเป็นฉายาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศเย็นและมีหมอกปกคลุมตลอดทั้ง 3 ฤดูของปี
เมืองแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองขนาดย่อมที่ใช้เมืองทั้งเมืองจัดเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตให้นักท่องเที่ยวได้ชมวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นชาวไทใหญ่ ชาวไทยภูเขา พร้อมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมายรอบตัวเมืองแม่ฮ่องสอน สำหรับการเดินทางเที่ยวรอบเมืองนั้น สามารถเลือกกันได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเดินเท้า ปั่นจักรยาน ขี่มอเตอร์ไซต์ หรือนั่งรถรางก็ได้ เพียงแค่วันเดียวก็สามารถเที่ยวได้ครบทั่วตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เที่ยวได้ตั้งแต่เช้าจนถึงมืดค่ำได้อย่างสบายใจ ปลอดภัยหายห่วง
เริ่มกันที่จุดแรก “ศูนย์ประสานงานพิพิธภัณฑ์มีชีวิตเมืองแม่ฮ่องสอน” เป็นที่ให้บริการข้อมูลพิพิธภัณฑ์มีชีวิตเมืองแม่ฮ่องสอน และบริการข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆของเมืองแม่ฮ่องสอน สามารถไปสอบถามรายละเอียดต่างๆได้ที่นี่เลย ออกเดินทางต่อไปยัง “ตลาดสายหยุด” ตลาดยามเช้าบรรยากาศสุดคึกคัก ที่รวบรวมความเป็นแม่ฮ่องสอนไว้ในที่นี่แห่งเดียว เดินไปทางไหนก็เจอแต่ของกินน่าลิ้มลองมากมายให้เลือกกินกันอย่างจุใจ และที่สำคัญจะมีพระเดินสายบิณฑบาตให้ได้ตักบาตรกันในยามเช้า
เสริมสิริมงคลกันที่วัดแรกคือ “วัดหัวเวียง” วัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่ วิหารสร้างด้วยไม้ หลังคาเป็นชั้น 3 ชั้น ยอดโดมมุงด้วยสังกะสีสลักลวดลาย เป็นที่ประดิษฐานของพระมหามุนี หรือพระเจ้าพาราละแข่ง สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ เป็นวัดที่ชาวไทใหญ่เคารพศรัทธาและใช้จัดงานบุญงานประเพณีตลอดทั้งปี
“วัดพระนอน” ตั้งอยู่เชิงดอยทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู มีพระนอน หรือพระพุทธไสยาสน์ แบบประติมากรรมแบบไทใหญ่ ความยาว 12 เมตร ซึ่งเป็นพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างโดยพระยาสิงหนาทราชา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2418 โดยภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมของเก่าโบราณมากมายให้ได้ชมกัน
หลังจากไหว้พระขอพรจากพระนอนแล้วก็ข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามจะถึงยัง “วัดก้ำก่อ” เพียงเดินเข้ามาก็จะสะดุดตากับซุ้มประตูทางเข้าเชื่อมยาวเข้าไปสู่ศาลาการเปรียญ หรือที่ชาวไทใหญ่เรียกว่า “ส่างหว่าง” ซุ้มทางเดินอันเป็นเอกลักษณ์แบบไทใหญ่ซึ่งจะมีเพียงที่วัดก้ำก่อเท่านั้น ภายในวัดมีพระประธาน พระสาน พระหินอ่อนทรงเครื่องธรรมาสน์เก่าแก่ให้สักการบูชา
เดินทางต่อไปยัง “วัดจองคำ” เป็นวัดที่สร้างขึ้นเป็นวัดแรกของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อปี พ.ศ 2370 จะเห็นเจดีย์สีเหลืองอร่ามตั้งเด่นสง่าอยู่ด้านหน้าวัด เป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญสีทองงดงาม ทั้งยังมีวิหารแบบตรีมุขตามแบบศิลปะไทใหญ่ผสมตะวันตก เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะแบบพม่าองค์ใหญ่ให้ได้กราบไหว้กัน
ซึ่งอีกวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเดียวกันคือ “วัดจองกลาง” เป็นที่ตั้งของศาลาการเปรียญเป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าอินทร์สาน หรือพระไม้ไผ่สาน งดงามดูแปลกตาอีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงตุ๊กตาไม้รูปคนและสัตว์แกะสลักแบบพม่ามากมายและแผ่นกระจกเขียนสีเล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดกและพุทธประวัติ และภาพวิถีชีวิตของคนในสมัยก่อนให้ได้ชมกัน ทั้ง 2 วัดนี้ถูกเรียกว่า “วัดแฝด” เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตกำแพงเดียวกัน
โดยทั้ง 2 วัดนี้ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะหนองจองคำ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวและใช้จัดกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึง ถนนรอบๆหนองจอกนั้นทุกวันในช่วงฤดูหนาวจะมี “ถนนคนเดิน”ทั้ง 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าจากคนในท้องถิ่นทั้งชาวไทใหญ่ ชาวเขานำสินค้าพื้นบ้านต่างๆมาขายไม่ว่าจะเป็น อาหาร เสื้อผ้า ของที่ระลึก ฯลฯ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อพร้อมชมบรรยากาศความเป็นแม่ฮ่องสอนที่แท้จริง
จากนั้นไปชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนพร้อมดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ “วัดพระธาตุดอยกองมู” เดิมทีเรียกว่า “วัดปลายดอย” เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวแม่ฮ่องสอน มีพระธาตุเจดีย์ 2 องค์ตั้งคู่กันสง่างาม คือ พระธาตุเจดีย์ใหญ่สร้างขึ้นใน พ.ศ.2403 และพระธาตุเจดีย์เล็ก สร้างขึ้นใน พ.ศ.2417 เป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างศิลปะไทใหญ่กับพม่าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
โดยด้านหน้าพระธาตุเจดีย์จะมีจุดชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนให้ได้ชมกัน หากมองลงไปจะเห็นบรรยากาศเมืองแม่ฮ่องสอนทั้งเมืองที่ถูกล้อมไปด้วยภูเขามากมาย
หากเดินอ้อมไปด้านหลังอีกฝั่งบริเวณลานจอดรถจะมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดอีกจุดหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยก็ว่าได้ โดยการเดินทางขึ้นไปดอยกองมูนั้นสามารถขับรถขึ้นไปได้ หรือจะเลือกเดินเท้าขึ้นจากบันไดทางขึ้นหลังวัดพระนอนก็ได้
ถือว่าได้ทั้งความอิ่มบุญอิ่มใจ ซึมซับกลิ่นอายวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่ พร้อมยังได้เที่ยวชมเก็บภาพบรรยากาศที่สวยงามของเมืองสามหมอกแห่งนี้ ใครไม่มาถือว่าพลาดสุดๆ
ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 05-3612-982
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
สายบุญคนไหนกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเสริมมงคลบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมชมบรรยากาศวิถีชีวิตชาวเมืองท้องถิ่น “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำเส้นทางไหว้พระเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตกันที่เมืองสามหมอก ซึ่งเป็นฉายาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศเย็นและมีหมอกปกคลุมตลอดทั้ง 3 ฤดูของปี
เมืองแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองขนาดย่อมที่ใช้เมืองทั้งเมืองจัดเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตให้นักท่องเที่ยวได้ชมวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นชาวไทใหญ่ ชาวไทยภูเขา พร้อมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมายรอบตัวเมืองแม่ฮ่องสอน สำหรับการเดินทางเที่ยวรอบเมืองนั้น สามารถเลือกกันได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเดินเท้า ปั่นจักรยาน ขี่มอเตอร์ไซต์ หรือนั่งรถรางก็ได้ เพียงแค่วันเดียวก็สามารถเที่ยวได้ครบทั่วตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เที่ยวได้ตั้งแต่เช้าจนถึงมืดค่ำได้อย่างสบายใจ ปลอดภัยหายห่วง
เริ่มกันที่จุดแรก “ศูนย์ประสานงานพิพิธภัณฑ์มีชีวิตเมืองแม่ฮ่องสอน” เป็นที่ให้บริการข้อมูลพิพิธภัณฑ์มีชีวิตเมืองแม่ฮ่องสอน และบริการข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆของเมืองแม่ฮ่องสอน สามารถไปสอบถามรายละเอียดต่างๆได้ที่นี่เลย ออกเดินทางต่อไปยัง “ตลาดสายหยุด” ตลาดยามเช้าบรรยากาศสุดคึกคัก ที่รวบรวมความเป็นแม่ฮ่องสอนไว้ในที่นี่แห่งเดียว เดินไปทางไหนก็เจอแต่ของกินน่าลิ้มลองมากมายให้เลือกกินกันอย่างจุใจ และที่สำคัญจะมีพระเดินสายบิณฑบาตให้ได้ตักบาตรกันในยามเช้า
เสริมสิริมงคลกันที่วัดแรกคือ “วัดหัวเวียง” วัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่ วิหารสร้างด้วยไม้ หลังคาเป็นชั้น 3 ชั้น ยอดโดมมุงด้วยสังกะสีสลักลวดลาย เป็นที่ประดิษฐานของพระมหามุนี หรือพระเจ้าพาราละแข่ง สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ เป็นวัดที่ชาวไทใหญ่เคารพศรัทธาและใช้จัดงานบุญงานประเพณีตลอดทั้งปี
“วัดพระนอน” ตั้งอยู่เชิงดอยทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู มีพระนอน หรือพระพุทธไสยาสน์ แบบประติมากรรมแบบไทใหญ่ ความยาว 12 เมตร ซึ่งเป็นพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างโดยพระยาสิงหนาทราชา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2418 โดยภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมของเก่าโบราณมากมายให้ได้ชมกัน
หลังจากไหว้พระขอพรจากพระนอนแล้วก็ข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามจะถึงยัง “วัดก้ำก่อ” เพียงเดินเข้ามาก็จะสะดุดตากับซุ้มประตูทางเข้าเชื่อมยาวเข้าไปสู่ศาลาการเปรียญ หรือที่ชาวไทใหญ่เรียกว่า “ส่างหว่าง” ซุ้มทางเดินอันเป็นเอกลักษณ์แบบไทใหญ่ซึ่งจะมีเพียงที่วัดก้ำก่อเท่านั้น ภายในวัดมีพระประธาน พระสาน พระหินอ่อนทรงเครื่องธรรมาสน์เก่าแก่ให้สักการบูชา
เดินทางต่อไปยัง “วัดจองคำ” เป็นวัดที่สร้างขึ้นเป็นวัดแรกของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อปี พ.ศ 2370 จะเห็นเจดีย์สีเหลืองอร่ามตั้งเด่นสง่าอยู่ด้านหน้าวัด เป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญสีทองงดงาม ทั้งยังมีวิหารแบบตรีมุขตามแบบศิลปะไทใหญ่ผสมตะวันตก เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะแบบพม่าองค์ใหญ่ให้ได้กราบไหว้กัน
ซึ่งอีกวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเดียวกันคือ “วัดจองกลาง” เป็นที่ตั้งของศาลาการเปรียญเป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าอินทร์สาน หรือพระไม้ไผ่สาน งดงามดูแปลกตาอีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงตุ๊กตาไม้รูปคนและสัตว์แกะสลักแบบพม่ามากมายและแผ่นกระจกเขียนสีเล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดกและพุทธประวัติ และภาพวิถีชีวิตของคนในสมัยก่อนให้ได้ชมกัน ทั้ง 2 วัดนี้ถูกเรียกว่า “วัดแฝด” เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตกำแพงเดียวกัน
โดยทั้ง 2 วัดนี้ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะหนองจองคำ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวและใช้จัดกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึง ถนนรอบๆหนองจอกนั้นทุกวันในช่วงฤดูหนาวจะมี “ถนนคนเดิน”ทั้ง 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าจากคนในท้องถิ่นทั้งชาวไทใหญ่ ชาวเขานำสินค้าพื้นบ้านต่างๆมาขายไม่ว่าจะเป็น อาหาร เสื้อผ้า ของที่ระลึก ฯลฯ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อพร้อมชมบรรยากาศความเป็นแม่ฮ่องสอนที่แท้จริง
จากนั้นไปชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนพร้อมดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ “วัดพระธาตุดอยกองมู” เดิมทีเรียกว่า “วัดปลายดอย” เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวแม่ฮ่องสอน มีพระธาตุเจดีย์ 2 องค์ตั้งคู่กันสง่างาม คือ พระธาตุเจดีย์ใหญ่สร้างขึ้นใน พ.ศ.2403 และพระธาตุเจดีย์เล็ก สร้างขึ้นใน พ.ศ.2417 เป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างศิลปะไทใหญ่กับพม่าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
โดยด้านหน้าพระธาตุเจดีย์จะมีจุดชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนให้ได้ชมกัน หากมองลงไปจะเห็นบรรยากาศเมืองแม่ฮ่องสอนทั้งเมืองที่ถูกล้อมไปด้วยภูเขามากมาย
หากเดินอ้อมไปด้านหลังอีกฝั่งบริเวณลานจอดรถจะมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดอีกจุดหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยก็ว่าได้ โดยการเดินทางขึ้นไปดอยกองมูนั้นสามารถขับรถขึ้นไปได้ หรือจะเลือกเดินเท้าขึ้นจากบันไดทางขึ้นหลังวัดพระนอนก็ได้
ถือว่าได้ทั้งความอิ่มบุญอิ่มใจ ซึมซับกลิ่นอายวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่ พร้อมยังได้เที่ยวชมเก็บภาพบรรยากาศที่สวยงามของเมืองสามหมอกแห่งนี้ ใครไม่มาถือว่าพลาดสุดๆ
ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 05-3612-982
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
