Facebook : Travel @ Manager

ลมร้อนที่พัดผ่านมา แสงแดดจัดจ้า และท้องฟ้าใสๆ เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาแล้วสำหรับการไปพักผ่อนตากอากาศริมทะเลกันแบบชิลๆ
หนึ่งในเมืองชายทะเลยอดฮิตซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนสุดคลาสสิกมายาวนานตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ต้องนึกถึง “หัวหิน” ก่อนเป็นที่แรก เพราะที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและตากอากาศของผู้คนมาโดยตลอดหลังจากมีการขยายเส้นทางรถไฟมาสู่หัวหินในสมัยรัชกาลที่ ๖ จนสามารถเรียกได้ว่า “หัวหิน” เป็นหนึ่งในสถานตากอากาศแห่งแรกๆ ของเมืองไทย

จนบัดนี้หัวหินก็ยังมีมนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย ยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติแวะเวียนมาสัมผัสบรรยากาศของท้องทะเล เดินเล่นชมบ้านเมือง เดินช้อปปิ้งในตลาดน่ารักๆ ที่มีมากมายในหัวหิน พร้อมอร่อยกับอาหารทะเลที่มีให้เลือกหลากหลายร้าน
และในปีนี้จะมีความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อหัวหินจะเป็นสถานที่จัดงาน “เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย” ในวันที่ 23-25 มีนาคม นี้ ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ติดกับอุทยานราชภักดิ์) ที่จะเป็นการรวมเอาว่าวนานาชาติและสีสันว่าวไทย (Fancy Kite Show) มาโชว์ให้ทุกคนได้ชมอยู่บนท้องฟ้าอันสดใสของหัวหิน

ว่าวเหล่านั้นมาจากทั่วทุกภูมิภาคของโลกมากกว่า 10 ประเทศ อาทิ อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ที่มีทั้งความสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการจากนักบินว่าวมืออาชีพ และแน่นอนว่าว่าวอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยก็มาลอยลมให้ชมด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวคิดหลักของการจัดงานในครั้งนี้คือ “Hero in the Air...กองทัพแห่งความสุข สนุกยกครอบครัว” ที่พร้อมจะให้ทุกคนได้สัมผัสกับขบวนฮีโร่แบบใกล้ชิดเหนือจินตนาการ ผ่านว่าวซูเปอร์ฮีโร่และว่าวคาแรกเตอร์ในหนังการ์ตูน นอกจากนั้นยังมีว่าวรูปทรงเรขาคณิตที่มีสีสันสวยงาม

ไฮไลต์ของงานนอกจากการได้ชมว่าวแฟนซีซูเปอร์ฮีโร่และสีสันสดใสของว่าวหลากหลายชนิดแล้ว ยังมีการแสดง Revolution Kite แปลอักษรประกอบดนตรี และ Stunt Kite ที่บินด้วยความเร็วสูง โชว์ทักษะการบินขั้นสูงระดับแชมเปี้ยนจากประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงการต่อสู้อย่างน่าตื่นเต้นระหว่างว่าวไทย “จุฬา-ปักเป้า” ประกอบดนตรี
เพิ่มเติมความรู้กันด้วย Kite Exhibition นิทรรศการที่เล่าเรื่องราวว่าวไทยแบบสนุกๆ ให้ได้รู้ภูมิปัญญาไทย และสำหรับเด็กๆ หรือผู้ที่มาเที่ยวกับครอบครัวเพื่อนฝูง ต้องชวนกันมาทำศิลปะว่าวสนุกและกิจกรรม DIY (Kite Art Fun) ซึ่งมีทั้งการวาดภาพ “ภาพว่าว...เราวาด” (Kite Kid Paint) เรียนรู้การทำว่าวด้วยตัวเอง และการวาดภาพระบายสีบนว่าวแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ แถมยังได้ว่าวที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก แถมด้วยกิจกรรม Boomerang Workshop มาเรียนรู้การทำบูมเมอแรงและวิธีการร่อนบูมเมอแรงให้หมุนกลับมาหาตัว และอย่าลืมมาร่วมสนุกกับ Wind Garden กิจกรรมประดิษฐ์สวนศิลป์โดยใช้ว่าวและวัสดุต่างๆ ที่เคลื่อนไหวได้ด้วยลมทำให้เกิดเสียง เช่น กังหัน โมบาย กระดิ่ง และชมการตกแต่ง Wind Garden ระดับมืออาชีพ

อีกทั้งยังมี Ringside Kite Tour กิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมว่าวในสนามเพื่อสัมผัสว่าวได้อย่างใกล้ชิดและถ่ายรูปนักบินว่าวระดับโลก และถ้าใครอยากจะหาซื้อว่าวไปลองเล่นก็มี “ตลาดว่าว” ที่มีว่าวหลากหลายมาจำหน่ายในราคาถูก พร้อมทั้งมีพื้นที่ให้ลองเล่นว่าวด้วยเสร็จสรรพ
และภายในงานยังเตรียมอาหารการกินมาไว้ให้พร้อมในรูปแบบของ Food Truck กับเมนู signature ของหัวหิน รวมไปถึงการจำหน่ายสินค้าและอาหาร OTOP จากชุมชนแท้ๆ มาให้ชิมและช้อปในบรรยากาศสบายๆ คลอไปด้วยเพลงฟังสบายๆ ผ่อนคลายสไตล์หัวหิน ชมว่าวสวยๆ อร่อยกับของกินอิ่มท้อง รับรองต้องเพลิน

โรงเรียนนายสิบทหารบกซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทยยังตั้งอยู่ติดกับ “อุทยานราชภักดิ์” จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ไปกราบสักการะและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งสยามที่ได้ทรงสร้างคุณูปการที่ใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ
“อุทยานราชภักดิ์” เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มีความหมายว่า “อุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์” บริเวณลานด้านหน้าอุทยานฯ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ได้แก่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช
นอกจากจะได้มากราบรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของทุกๆ พระองค์แล้ว ยังสามารถเข้าไปชมอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจสำคัญของบูรพกษัตริย์ไทยบริเวณฐานด้านล่างของพระบรมราชานุสาวรีย์ได้ด้วยเช่นกัน

ไม่ไกลจากอุทยานราชภักดิ์เป็นที่ตั้งของชายหาด “สวนสนประดิพัทธ์” ซึ่งเป็นสถานพักฟื้นและพักผ่อนของกองทัพบกที่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถเข้าไปเที่ยวได้ หาดสวนสนประดิพัทธ์อยู่ห่างจากหาดหัวหินลงมาทางใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร โดยมีเขาตะเกียบคั่นกลาง ที่นี่มีบรรยากาศเงียบสงบ หาดทรายกว้างและสะอาดสะอ้าน มีเก้าอี้ผ้าใบและร้านอาหารบริการพร้อมสรรพ

อีกทั้งใกล้เคียงยังมีเขาเต่า ซึ่งบริเวณเชิงเขาด้านบนเป็นที่ตั้งของวัดถ้ำเขาเต่า มีทิวทัศน์ที่สวยงาม มีถาวรวัตถุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้มากมาย และยังเป็นจุดชมวิวมุมสูงของชายหาดเขาเต่า หาดสวนสนประดิพัทธ์ที่สวยงามไม่น้อย และจากยอดเขาเต่ายังสามารถเดินลงไปสู่หาดทรายน้อย ซึ่งเป็นหาดทรายขนาดเล็กที่ชาวต่างชาตินิยมมานอนอาบแดดเล่นน้ำทะเลกันอีกด้วย


แต่ชายหาดที่คึกคักมากที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดก็ต้องยกให้ “หาดหัวหิน” ชายหาดยาวสะอาดตาที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาพักผ่อนริมหาดกันอย่างสบายอารมณ์ ทั้งมาเล่นน้ำ เดินทอดน่อง อาบแดด นั่งพักผ่อน จิบเครื่องดื่มเบาๆ และอีกหลากหลายกิจกรรมท่ามกลางสายลมแสงแดดหาดทรายและเกลียวคลื่นขาวฟูฟ่อง ที่ขาดไม่ได้คือม้าแกลบรูปร่างสันทัดที่มีเจ้าของจูงไปมาบนหาดทรายให้นักท่องเที่ยวได้ลองขี่ถ่ายรูป อีกทั้งริมหาดยังเต็มไปด้วยโรงแรมหลากหลายให้เลือกพักได้ตามงบ มีเก้าอี้ชายหาดและร้านอาหารให้เลือกกินกันตามอัธยาศัย


ทางใต้สุดของหาดหัวหินเป็นที่ตั้งของเขาตะเกียบ ซึ่งมีวัดเขาตะเกียบอยู่ด้านบน เราสามารถเดินขึ้นบันไดหรือขับรถขึ้นไปบนเขาเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดเขาตะเกียบ และยังสามารถชมวิวมุมสูงของหาดหัวหินได้อย่างสบายตาสบายใจอีกด้วย

ความคลาสสิกอีกอย่างหนึ่งของหัวหินที่ไม่ควรพลาดชมก็คือ “สถานีรถไฟหัวหิน” ที่ยังคงรูปแบบอาคารไม้อันสวยงามอ่อนช้อยเอาไว้ จุดเด่นของสถานีแห่งนี้อยู่ที่ “พลับพลาสนามจันทร์” พลับพลาจัตุรมุขที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ เดิมอยู่ในพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม ใช้เป็นที่เสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศที่ฝึกซ้อมยุทธวิธี และหลังจากสิ้นรัชสมัยของพระองค์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้รื้อถอนนำมาสร้างใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหิน และเรียกชื่อใหม่ว่า “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” เป็นเอกลักษณ์ของหัวหินมาจนทุกวันนี้


แม้ในยามเย็นย่ำค่ำคืนเสน่ห์ของหัวหินก็ยังไม่หมดสิ้น ที่นี่ยังมีสีสันยามราตรีทั้งร้านรวง ร้านอาหาร รวมไปถึงตลาดกลางคืนน่าเดินอย่าง “ตลาดโต้รุ่ง” กลางเมืองหัวหินที่มีทั้งอาหาร ขนม ของกินและสินค้าของที่ระลึกสารพัดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยกันอย่างจุใจ ถ้าชอบสินค้าแนวแฮนด์เมดต้องมาที่ “ตลาดซิเคด้า” ใกล้กับเขาตะเกียบที่มีร้านค้าขายของท่ามกลางบรรยากาศของสวนและต้นไม้ใหญ่สุดชิล และที่ตั้งอยู่ติดกันคือ “ตลาดแทมมารีน” ที่นี่เน้นขายอาหารสารพัดอย่างที่ล้วนแล้วแต่น่ารับประทาน มีโต๊ะให้นั่งในบรรยากาศกลางแจ้ง รับรองมาที่นี่อิ่มท้องเลือกกินไม่ถูกเลยทีเดียว


ดังนั้นในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ 23-25 มีนาคมนี้ ขอบอกว่าอย่าพลาดโอกาสที่จะมาชมโชว์ว่าวนานาชาติที่หาชมที่ไหนไม่ได้ง่ายๆ และมาชิลกับบรรยากาศชายทะเลหัวหิน รับรองว่าหน้าร้อนนี้จะกลายเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจไม่น้อยเลย
“เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2561 ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดกับอุทยานราชภักดิ์ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร.0 3251 3885, 0 3251 3871, 0 3251 3854 หรือ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย และ www.tourismthailand.org/thaifest
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ลมร้อนที่พัดผ่านมา แสงแดดจัดจ้า และท้องฟ้าใสๆ เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาแล้วสำหรับการไปพักผ่อนตากอากาศริมทะเลกันแบบชิลๆ
หนึ่งในเมืองชายทะเลยอดฮิตซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนสุดคลาสสิกมายาวนานตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ต้องนึกถึง “หัวหิน” ก่อนเป็นที่แรก เพราะที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและตากอากาศของผู้คนมาโดยตลอดหลังจากมีการขยายเส้นทางรถไฟมาสู่หัวหินในสมัยรัชกาลที่ ๖ จนสามารถเรียกได้ว่า “หัวหิน” เป็นหนึ่งในสถานตากอากาศแห่งแรกๆ ของเมืองไทย
จนบัดนี้หัวหินก็ยังมีมนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย ยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติแวะเวียนมาสัมผัสบรรยากาศของท้องทะเล เดินเล่นชมบ้านเมือง เดินช้อปปิ้งในตลาดน่ารักๆ ที่มีมากมายในหัวหิน พร้อมอร่อยกับอาหารทะเลที่มีให้เลือกหลากหลายร้าน
และในปีนี้จะมีความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อหัวหินจะเป็นสถานที่จัดงาน “เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย” ในวันที่ 23-25 มีนาคม นี้ ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ติดกับอุทยานราชภักดิ์) ที่จะเป็นการรวมเอาว่าวนานาชาติและสีสันว่าวไทย (Fancy Kite Show) มาโชว์ให้ทุกคนได้ชมอยู่บนท้องฟ้าอันสดใสของหัวหิน
ว่าวเหล่านั้นมาจากทั่วทุกภูมิภาคของโลกมากกว่า 10 ประเทศ อาทิ อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ที่มีทั้งความสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการจากนักบินว่าวมืออาชีพ และแน่นอนว่าว่าวอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยก็มาลอยลมให้ชมด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวคิดหลักของการจัดงานในครั้งนี้คือ “Hero in the Air...กองทัพแห่งความสุข สนุกยกครอบครัว” ที่พร้อมจะให้ทุกคนได้สัมผัสกับขบวนฮีโร่แบบใกล้ชิดเหนือจินตนาการ ผ่านว่าวซูเปอร์ฮีโร่และว่าวคาแรกเตอร์ในหนังการ์ตูน นอกจากนั้นยังมีว่าวรูปทรงเรขาคณิตที่มีสีสันสวยงาม
ไฮไลต์ของงานนอกจากการได้ชมว่าวแฟนซีซูเปอร์ฮีโร่และสีสันสดใสของว่าวหลากหลายชนิดแล้ว ยังมีการแสดง Revolution Kite แปลอักษรประกอบดนตรี และ Stunt Kite ที่บินด้วยความเร็วสูง โชว์ทักษะการบินขั้นสูงระดับแชมเปี้ยนจากประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงการต่อสู้อย่างน่าตื่นเต้นระหว่างว่าวไทย “จุฬา-ปักเป้า” ประกอบดนตรี
เพิ่มเติมความรู้กันด้วย Kite Exhibition นิทรรศการที่เล่าเรื่องราวว่าวไทยแบบสนุกๆ ให้ได้รู้ภูมิปัญญาไทย และสำหรับเด็กๆ หรือผู้ที่มาเที่ยวกับครอบครัวเพื่อนฝูง ต้องชวนกันมาทำศิลปะว่าวสนุกและกิจกรรม DIY (Kite Art Fun) ซึ่งมีทั้งการวาดภาพ “ภาพว่าว...เราวาด” (Kite Kid Paint) เรียนรู้การทำว่าวด้วยตัวเอง และการวาดภาพระบายสีบนว่าวแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ แถมยังได้ว่าวที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก แถมด้วยกิจกรรม Boomerang Workshop มาเรียนรู้การทำบูมเมอแรงและวิธีการร่อนบูมเมอแรงให้หมุนกลับมาหาตัว และอย่าลืมมาร่วมสนุกกับ Wind Garden กิจกรรมประดิษฐ์สวนศิลป์โดยใช้ว่าวและวัสดุต่างๆ ที่เคลื่อนไหวได้ด้วยลมทำให้เกิดเสียง เช่น กังหัน โมบาย กระดิ่ง และชมการตกแต่ง Wind Garden ระดับมืออาชีพ
อีกทั้งยังมี Ringside Kite Tour กิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมว่าวในสนามเพื่อสัมผัสว่าวได้อย่างใกล้ชิดและถ่ายรูปนักบินว่าวระดับโลก และถ้าใครอยากจะหาซื้อว่าวไปลองเล่นก็มี “ตลาดว่าว” ที่มีว่าวหลากหลายมาจำหน่ายในราคาถูก พร้อมทั้งมีพื้นที่ให้ลองเล่นว่าวด้วยเสร็จสรรพ
และภายในงานยังเตรียมอาหารการกินมาไว้ให้พร้อมในรูปแบบของ Food Truck กับเมนู signature ของหัวหิน รวมไปถึงการจำหน่ายสินค้าและอาหาร OTOP จากชุมชนแท้ๆ มาให้ชิมและช้อปในบรรยากาศสบายๆ คลอไปด้วยเพลงฟังสบายๆ ผ่อนคลายสไตล์หัวหิน ชมว่าวสวยๆ อร่อยกับของกินอิ่มท้อง รับรองต้องเพลิน
โรงเรียนนายสิบทหารบกซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทยยังตั้งอยู่ติดกับ “อุทยานราชภักดิ์” จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ไปกราบสักการะและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งสยามที่ได้ทรงสร้างคุณูปการที่ใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ
“อุทยานราชภักดิ์” เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มีความหมายว่า “อุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์” บริเวณลานด้านหน้าอุทยานฯ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ได้แก่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช
นอกจากจะได้มากราบรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของทุกๆ พระองค์แล้ว ยังสามารถเข้าไปชมอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจสำคัญของบูรพกษัตริย์ไทยบริเวณฐานด้านล่างของพระบรมราชานุสาวรีย์ได้ด้วยเช่นกัน
ไม่ไกลจากอุทยานราชภักดิ์เป็นที่ตั้งของชายหาด “สวนสนประดิพัทธ์” ซึ่งเป็นสถานพักฟื้นและพักผ่อนของกองทัพบกที่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถเข้าไปเที่ยวได้ หาดสวนสนประดิพัทธ์อยู่ห่างจากหาดหัวหินลงมาทางใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร โดยมีเขาตะเกียบคั่นกลาง ที่นี่มีบรรยากาศเงียบสงบ หาดทรายกว้างและสะอาดสะอ้าน มีเก้าอี้ผ้าใบและร้านอาหารบริการพร้อมสรรพ
อีกทั้งใกล้เคียงยังมีเขาเต่า ซึ่งบริเวณเชิงเขาด้านบนเป็นที่ตั้งของวัดถ้ำเขาเต่า มีทิวทัศน์ที่สวยงาม มีถาวรวัตถุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้มากมาย และยังเป็นจุดชมวิวมุมสูงของชายหาดเขาเต่า หาดสวนสนประดิพัทธ์ที่สวยงามไม่น้อย และจากยอดเขาเต่ายังสามารถเดินลงไปสู่หาดทรายน้อย ซึ่งเป็นหาดทรายขนาดเล็กที่ชาวต่างชาตินิยมมานอนอาบแดดเล่นน้ำทะเลกันอีกด้วย
แต่ชายหาดที่คึกคักมากที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดก็ต้องยกให้ “หาดหัวหิน” ชายหาดยาวสะอาดตาที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาพักผ่อนริมหาดกันอย่างสบายอารมณ์ ทั้งมาเล่นน้ำ เดินทอดน่อง อาบแดด นั่งพักผ่อน จิบเครื่องดื่มเบาๆ และอีกหลากหลายกิจกรรมท่ามกลางสายลมแสงแดดหาดทรายและเกลียวคลื่นขาวฟูฟ่อง ที่ขาดไม่ได้คือม้าแกลบรูปร่างสันทัดที่มีเจ้าของจูงไปมาบนหาดทรายให้นักท่องเที่ยวได้ลองขี่ถ่ายรูป อีกทั้งริมหาดยังเต็มไปด้วยโรงแรมหลากหลายให้เลือกพักได้ตามงบ มีเก้าอี้ชายหาดและร้านอาหารให้เลือกกินกันตามอัธยาศัย
ทางใต้สุดของหาดหัวหินเป็นที่ตั้งของเขาตะเกียบ ซึ่งมีวัดเขาตะเกียบอยู่ด้านบน เราสามารถเดินขึ้นบันไดหรือขับรถขึ้นไปบนเขาเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดเขาตะเกียบ และยังสามารถชมวิวมุมสูงของหาดหัวหินได้อย่างสบายตาสบายใจอีกด้วย
ความคลาสสิกอีกอย่างหนึ่งของหัวหินที่ไม่ควรพลาดชมก็คือ “สถานีรถไฟหัวหิน” ที่ยังคงรูปแบบอาคารไม้อันสวยงามอ่อนช้อยเอาไว้ จุดเด่นของสถานีแห่งนี้อยู่ที่ “พลับพลาสนามจันทร์” พลับพลาจัตุรมุขที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ เดิมอยู่ในพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม ใช้เป็นที่เสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศที่ฝึกซ้อมยุทธวิธี และหลังจากสิ้นรัชสมัยของพระองค์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้รื้อถอนนำมาสร้างใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหิน และเรียกชื่อใหม่ว่า “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” เป็นเอกลักษณ์ของหัวหินมาจนทุกวันนี้
แม้ในยามเย็นย่ำค่ำคืนเสน่ห์ของหัวหินก็ยังไม่หมดสิ้น ที่นี่ยังมีสีสันยามราตรีทั้งร้านรวง ร้านอาหาร รวมไปถึงตลาดกลางคืนน่าเดินอย่าง “ตลาดโต้รุ่ง” กลางเมืองหัวหินที่มีทั้งอาหาร ขนม ของกินและสินค้าของที่ระลึกสารพัดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยกันอย่างจุใจ ถ้าชอบสินค้าแนวแฮนด์เมดต้องมาที่ “ตลาดซิเคด้า” ใกล้กับเขาตะเกียบที่มีร้านค้าขายของท่ามกลางบรรยากาศของสวนและต้นไม้ใหญ่สุดชิล และที่ตั้งอยู่ติดกันคือ “ตลาดแทมมารีน” ที่นี่เน้นขายอาหารสารพัดอย่างที่ล้วนแล้วแต่น่ารับประทาน มีโต๊ะให้นั่งในบรรยากาศกลางแจ้ง รับรองมาที่นี่อิ่มท้องเลือกกินไม่ถูกเลยทีเดียว
ดังนั้นในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ 23-25 มีนาคมนี้ ขอบอกว่าอย่าพลาดโอกาสที่จะมาชมโชว์ว่าวนานาชาติที่หาชมที่ไหนไม่ได้ง่ายๆ และมาชิลกับบรรยากาศชายทะเลหัวหิน รับรองว่าหน้าร้อนนี้จะกลายเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจไม่น้อยเลย
“เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2561 ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดกับอุทยานราชภักดิ์ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร.0 3251 3885, 0 3251 3871, 0 3251 3854 หรือ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย และ www.tourismthailand.org/thaifest
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager