Facebook :Travel @ Manager
ความสงบ และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายในอดีต ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในเมืองหลวง ยิ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ใครๆ ก็ต่างหยุดงาน และพากันออกมาหาที่พักผ่อนนั้น ทำให้สถานที่ต่างๆ ในเมืองหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายไม่ต่างจากวันธรรมดาเสียเท่าไหร่นัก แต่ถ้าใครกำลังมองหาสถานที่ที่ทำให้รู้สึกสงบ และผ่อนคลาย โดยไม่ต้องเดินทางออกนอกเขตกรุงเทพมหานคร ฉันเลยอยากแนะนำ “ชุมชนริมคลองบางหลวง” ให้ทุกคนได้ไปเที่ยวกัน
“ชุมชนริมคลองบางหลวง” เป็นชุมชนเล็กๆ ในฝั่งธนบุรีที่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอดีต มี "คลองบางหลวง" หรือ "คลองบางกอกใหญ่" ไหลผ่านซึ่งเป็นเส้นทางน้ำสายสำคัญแยกจากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งขวาของป้อมวิชัยประสิทธิ์ และสิ้นสุดที่คลองมอญตรงข้ามปากคลองชักพระ
ชุมชนริมคลองบางหลวงที่รู้จักกันในปัจจุบัน คือส่วนของชุมชนริมฝั่งคลองบางหลวงช่วงปลายสายตั้งแต่วัดกำแพงบางจากถึงวัดคูหาสวรรค์ ในอดีตเป็นตลาดเก่าที่รุ่งเรือง มีเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ มีวัดเก่าแก่ริมคลอง สวนสมุนไพร ประเพณีและการละเล่นดั้งเดิมที่ยังคงสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น รวมถึงชาวบ้านต่างมีวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ในวันนี้ที่นี่กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งในกลุ่มของนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติ งานศิลป์ และบรรยากาศอันเงียบสงบ
เมื่อมาเยือนชุมชนริมคลองบางหลวงแล้ว “บ้านศิลปิน” มักเป็นที่แรกที่หลายคนคิดถึง รวมถึงตัวฉันด้วย เดิมทีที่นี่เป็นบ้านเก่าของ "ตระกูลรักสำรวจ" ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ซึ่งทายาทรุ่นสุดท้ายขายบ้านหลังนี้ให้กับ คุณชุมพล อักพันธานนท์ เพื่อปรับปรุงให้เป็นสถานที่แสดงงานศิลป์ เป็นที่รวมตัวของกลุ่มศิลปินที่รักงานศิลปะทุกประเภท ซึ่งที่นี่ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองได้อีกด้วย
ตัวอาคารของบ้านศิลปินจะเป็นอาคารไม้ทรงมะนิลารูปตัวแอลที่สร้างล้อมรอบเจดีย์เก่า ซึ่งเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในสี่ของเจดีย์แต่ละทิศที่กำหนดเขตพื้นที่เก่าของวัด โดยยังคงสภาพเก่าของตัวอาคารไว้อย่างสมบูรณ์
ด้านบนของตัวอาคารเป็นแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะมากมาย ทั้งภาพวาดและภาพถ่ายให้ได้ชมกัน ส่วนด้านล่างแบ่งเป็นพื้นที่ทำงานศิลปะต่างๆ โดยอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้เป็นของเก่าที่อยู่กับอาคารหลังนี้ ตั้งแต่สมัยก่อนและทุกวันนี้ยังใช้ได้จริง หนึ่งในงานศิลปะที่ฉันชอบก็คือการทำเครื่องประดับนั่นเอง
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีการจัดแสดง “หุ่นละครเล็กคลองบางหลวง” เพื่ออนุรักษ์ศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็กให้ยืนยาว และหวังที่จะร่วมเผยแพร่อนุรักษ์ศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็ก อีกทั้งยังมีมุมขายของที่ระลึกให้ได้เลือกซื้อโปสต์การ์ด ภาพถ่ายสวยๆ และมีมุมร้านกาแฟให้สั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบเพลินๆ พร้อมนั่งชมวิวทิวทัศน์ริมคลองและวิถีชีวิตของชาวบ้านที่เรียบง่ายริมน้ำซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยาก
เมื่อดูการเเสดงจนจบแล้ว เดินออกมาจากบ้านศิลปินเพียงไม่กี่ก้าว ก็จะพบกับ “ร้านบ้านของเล่น” เป็นร้านขายกาแฟโบราณเครื่องดื่ม และของเล่นมากมายในสมัยอดีต อีกมุมหนึ่งของร้านก็จะขายกาแฟโบราณเครื่องดื่ม ด้านหน้าตกแต่งด้วยของโบราณ เช่น ปิ่นโตรุ่นเก่าหลายขนาด หม้อโบราณ มีที่ให้นั่งรับประทานริมน้ำแบบสบายใจ รวมทั้งมีของประดับตกแต่งต่างๆ ที่น่าสนใจ
ถัดจากร้านบ้านของเล่นมาก็จะเป็น “บ้าน ศ.จิตรกร” เป็นบ้านเก่าแก่ที่โชว์งานศิลปะต่างๆ รวมทั้งรับวาดภาพเหมือนโดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ฉันจึงลองแวะให้จิตรกรวาดภาพฉัน และถือโอกาศนั่งพักชมบรรยากาศในบ้านไปในตัวด้วยเลย
หลังจากนั่งกินลมชมบรรยากาศกันแล้ว ก็มาทำบุญให้เป็นสิริมงคลกันเสียหน่อย เพราะที่ชุมชนแห่งนี้มีวัดที่มีอายุเก่าแก่ด้วยกันถึง 2 วัด มาเริ่มกันที่วัดแรกที่ “วัดคูหาสวรรค์วรวิหาร” เดิมเรียกชื่อว่า วัดศาลาสี่หน้า เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง
สิ่งที่ยังคงหลงเหลือและแสดงความเป็นสิ่งของสมัยกรุงศรีอยุธยา คือ ลายหน้าบันสลักไม้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของพระอุโบสถ ปีกของหน้าบันเล็กตามหลังคาลดชั้นอีกด้านละสองปีก เป็นฝีมือช่างสมัยกรุงศรีอยุธยา และใบสีมาที่เป็นสีมาคู่ ทำด้วยหินทรายแดง ฝีมือช่างอยุธยาตอนปลาย
ส่วนซุ้มสีมานั้นสร้างเพิ่มเติมขึ้นที่หลัง แบบเดิมใบสีมาประดิษฐานอยู่บนแท่นปูนเท่านั้น ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้บูรณะขึ้นใหม่แล้วทรงสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหารพร้อมทั้งเปลี่ยนนามวัดใหม่จาก วัดศาลาสี่หน้า เป็น วัดคูหาสวรรค์วรวิหาร ตามหลักฐานรับรองสภาพวัดของกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปรากฏว่า วัดนี้ตั้งขึ้นและรับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2320
เมื่อออกจากวัดแรกเดินมาจนสุดทางอีกฝั่งหนึ่งของชุมชนก็จะพบกับ “วัดกำแพง(คลองบางจาก)” วัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นวัดขนาดเล็กที่มีการวางผังได้อย่างลงตัว แต่ยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมของโบราณสถานไว้ได้เกือบครบถ้วนทั้งสถาปัตยกรรม และจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ
ศิลปะสถาปัตยกรรมที่ปรากฏอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นผลงานที่สร้าง หรือบูรณะขึ้นในช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น หากแต่เป็นความโชคดีที่วัดกำแพงแห่งนี้ตั้งอยู่ค่อนข้างลึกจากเส้นทางคมนาคม ประกอบกับเป็นวัดขนาดเล็กจึงไม่ค่อยได้รับความสนใจทำให้ยังคงสามารถรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ได้
หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว แต่ถ้าท้องยังหิวอยู่ก็เพียงเดินมาตรงบริเวณหน้าวัดกำแพงก็จะพบกับ “ตลาดน้ำคลองบางหลวง” ที่มีของกินอร่อยๆ มากมาย ให้ฉันได้แวะกินและซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝากอีกด้วย อิ่มบุญอิ่มท้องจริงๆ
โดยตลาดแห่งนี้จัดตั้งขึ้นด้วยดำริของท่านเจ้าอาวาส พระครูศรีปริยัติยานุรักษ์ (หลวงพ่อณรงค์ ปัญญาทีโป) วัดกำแพง (คลองบางจาก) ที่ต้องการสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชนคลองบางบางหลวง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเขตภาษีเจริญ ในด้านการปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงาม และยังคงความเป็นธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่ภายในวัดที่มีอายุยาวนาน เมื่อปรับปรุงพื้นที่จัดสรรร้านค้าต่างๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกลมกลืนกับวัด และธรรมชาติริมคลองแล้วจึงเปิดให้ทำการค้าขาย
หากใครมีโอกาสฉันก็อยากชวนให้มาเยือนชุมชนย่านคลองบางหลวงแห่งนี้กันสักครั้ง รับรองว่าจะได้เพลิดเพลินกับชุมชนเล็กๆ ริมมคลองที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์อันสะท้อนผ่านวิถีชีวิตริมน้ำอันแสนเรียบง่ายอย่างแน่นอน
“ชุมชนริมคลองบางหลวง” ตุั้งอยู่ที่ซอยเพชรเกษม 28 ถนนเพชรเกษม แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ ได้ทุกวันประมาณ 09.00-18.00 น. แต่ถ้ามาในวันธรรมดาร้านบางร้านอาจจะปิด "บ้านศิลปิน" เปิดวันจันทร์-วันอังคาร เวลา 10.00-18.00 น. ,วันพุธ-วันพฤหัสบดี เวลา 09.00-18.00 น. และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2868-5279
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ความสงบ และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายในอดีต ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในเมืองหลวง ยิ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ใครๆ ก็ต่างหยุดงาน และพากันออกมาหาที่พักผ่อนนั้น ทำให้สถานที่ต่างๆ ในเมืองหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายไม่ต่างจากวันธรรมดาเสียเท่าไหร่นัก แต่ถ้าใครกำลังมองหาสถานที่ที่ทำให้รู้สึกสงบ และผ่อนคลาย โดยไม่ต้องเดินทางออกนอกเขตกรุงเทพมหานคร ฉันเลยอยากแนะนำ “ชุมชนริมคลองบางหลวง” ให้ทุกคนได้ไปเที่ยวกัน
“ชุมชนริมคลองบางหลวง” เป็นชุมชนเล็กๆ ในฝั่งธนบุรีที่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอดีต มี "คลองบางหลวง" หรือ "คลองบางกอกใหญ่" ไหลผ่านซึ่งเป็นเส้นทางน้ำสายสำคัญแยกจากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งขวาของป้อมวิชัยประสิทธิ์ และสิ้นสุดที่คลองมอญตรงข้ามปากคลองชักพระ
ชุมชนริมคลองบางหลวงที่รู้จักกันในปัจจุบัน คือส่วนของชุมชนริมฝั่งคลองบางหลวงช่วงปลายสายตั้งแต่วัดกำแพงบางจากถึงวัดคูหาสวรรค์ ในอดีตเป็นตลาดเก่าที่รุ่งเรือง มีเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ มีวัดเก่าแก่ริมคลอง สวนสมุนไพร ประเพณีและการละเล่นดั้งเดิมที่ยังคงสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น รวมถึงชาวบ้านต่างมีวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ในวันนี้ที่นี่กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งในกลุ่มของนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติ งานศิลป์ และบรรยากาศอันเงียบสงบ
เมื่อมาเยือนชุมชนริมคลองบางหลวงแล้ว “บ้านศิลปิน” มักเป็นที่แรกที่หลายคนคิดถึง รวมถึงตัวฉันด้วย เดิมทีที่นี่เป็นบ้านเก่าของ "ตระกูลรักสำรวจ" ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ซึ่งทายาทรุ่นสุดท้ายขายบ้านหลังนี้ให้กับ คุณชุมพล อักพันธานนท์ เพื่อปรับปรุงให้เป็นสถานที่แสดงงานศิลป์ เป็นที่รวมตัวของกลุ่มศิลปินที่รักงานศิลปะทุกประเภท ซึ่งที่นี่ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองได้อีกด้วย
ตัวอาคารของบ้านศิลปินจะเป็นอาคารไม้ทรงมะนิลารูปตัวแอลที่สร้างล้อมรอบเจดีย์เก่า ซึ่งเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในสี่ของเจดีย์แต่ละทิศที่กำหนดเขตพื้นที่เก่าของวัด โดยยังคงสภาพเก่าของตัวอาคารไว้อย่างสมบูรณ์
ด้านบนของตัวอาคารเป็นแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะมากมาย ทั้งภาพวาดและภาพถ่ายให้ได้ชมกัน ส่วนด้านล่างแบ่งเป็นพื้นที่ทำงานศิลปะต่างๆ โดยอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้เป็นของเก่าที่อยู่กับอาคารหลังนี้ ตั้งแต่สมัยก่อนและทุกวันนี้ยังใช้ได้จริง หนึ่งในงานศิลปะที่ฉันชอบก็คือการทำเครื่องประดับนั่นเอง
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีการจัดแสดง “หุ่นละครเล็กคลองบางหลวง” เพื่ออนุรักษ์ศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็กให้ยืนยาว และหวังที่จะร่วมเผยแพร่อนุรักษ์ศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็ก อีกทั้งยังมีมุมขายของที่ระลึกให้ได้เลือกซื้อโปสต์การ์ด ภาพถ่ายสวยๆ และมีมุมร้านกาแฟให้สั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบเพลินๆ พร้อมนั่งชมวิวทิวทัศน์ริมคลองและวิถีชีวิตของชาวบ้านที่เรียบง่ายริมน้ำซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยาก
เมื่อดูการเเสดงจนจบแล้ว เดินออกมาจากบ้านศิลปินเพียงไม่กี่ก้าว ก็จะพบกับ “ร้านบ้านของเล่น” เป็นร้านขายกาแฟโบราณเครื่องดื่ม และของเล่นมากมายในสมัยอดีต อีกมุมหนึ่งของร้านก็จะขายกาแฟโบราณเครื่องดื่ม ด้านหน้าตกแต่งด้วยของโบราณ เช่น ปิ่นโตรุ่นเก่าหลายขนาด หม้อโบราณ มีที่ให้นั่งรับประทานริมน้ำแบบสบายใจ รวมทั้งมีของประดับตกแต่งต่างๆ ที่น่าสนใจ
ถัดจากร้านบ้านของเล่นมาก็จะเป็น “บ้าน ศ.จิตรกร” เป็นบ้านเก่าแก่ที่โชว์งานศิลปะต่างๆ รวมทั้งรับวาดภาพเหมือนโดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ฉันจึงลองแวะให้จิตรกรวาดภาพฉัน และถือโอกาศนั่งพักชมบรรยากาศในบ้านไปในตัวด้วยเลย
หลังจากนั่งกินลมชมบรรยากาศกันแล้ว ก็มาทำบุญให้เป็นสิริมงคลกันเสียหน่อย เพราะที่ชุมชนแห่งนี้มีวัดที่มีอายุเก่าแก่ด้วยกันถึง 2 วัด มาเริ่มกันที่วัดแรกที่ “วัดคูหาสวรรค์วรวิหาร” เดิมเรียกชื่อว่า วัดศาลาสี่หน้า เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง
สิ่งที่ยังคงหลงเหลือและแสดงความเป็นสิ่งของสมัยกรุงศรีอยุธยา คือ ลายหน้าบันสลักไม้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของพระอุโบสถ ปีกของหน้าบันเล็กตามหลังคาลดชั้นอีกด้านละสองปีก เป็นฝีมือช่างสมัยกรุงศรีอยุธยา และใบสีมาที่เป็นสีมาคู่ ทำด้วยหินทรายแดง ฝีมือช่างอยุธยาตอนปลาย
ส่วนซุ้มสีมานั้นสร้างเพิ่มเติมขึ้นที่หลัง แบบเดิมใบสีมาประดิษฐานอยู่บนแท่นปูนเท่านั้น ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้บูรณะขึ้นใหม่แล้วทรงสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหารพร้อมทั้งเปลี่ยนนามวัดใหม่จาก วัดศาลาสี่หน้า เป็น วัดคูหาสวรรค์วรวิหาร ตามหลักฐานรับรองสภาพวัดของกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปรากฏว่า วัดนี้ตั้งขึ้นและรับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2320
เมื่อออกจากวัดแรกเดินมาจนสุดทางอีกฝั่งหนึ่งของชุมชนก็จะพบกับ “วัดกำแพง(คลองบางจาก)” วัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นวัดขนาดเล็กที่มีการวางผังได้อย่างลงตัว แต่ยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมของโบราณสถานไว้ได้เกือบครบถ้วนทั้งสถาปัตยกรรม และจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ
ศิลปะสถาปัตยกรรมที่ปรากฏอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นผลงานที่สร้าง หรือบูรณะขึ้นในช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น หากแต่เป็นความโชคดีที่วัดกำแพงแห่งนี้ตั้งอยู่ค่อนข้างลึกจากเส้นทางคมนาคม ประกอบกับเป็นวัดขนาดเล็กจึงไม่ค่อยได้รับความสนใจทำให้ยังคงสามารถรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ได้
หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว แต่ถ้าท้องยังหิวอยู่ก็เพียงเดินมาตรงบริเวณหน้าวัดกำแพงก็จะพบกับ “ตลาดน้ำคลองบางหลวง” ที่มีของกินอร่อยๆ มากมาย ให้ฉันได้แวะกินและซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝากอีกด้วย อิ่มบุญอิ่มท้องจริงๆ
โดยตลาดแห่งนี้จัดตั้งขึ้นด้วยดำริของท่านเจ้าอาวาส พระครูศรีปริยัติยานุรักษ์ (หลวงพ่อณรงค์ ปัญญาทีโป) วัดกำแพง (คลองบางจาก) ที่ต้องการสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชนคลองบางบางหลวง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเขตภาษีเจริญ ในด้านการปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงาม และยังคงความเป็นธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่ภายในวัดที่มีอายุยาวนาน เมื่อปรับปรุงพื้นที่จัดสรรร้านค้าต่างๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกลมกลืนกับวัด และธรรมชาติริมคลองแล้วจึงเปิดให้ทำการค้าขาย
หากใครมีโอกาสฉันก็อยากชวนให้มาเยือนชุมชนย่านคลองบางหลวงแห่งนี้กันสักครั้ง รับรองว่าจะได้เพลิดเพลินกับชุมชนเล็กๆ ริมมคลองที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์อันสะท้อนผ่านวิถีชีวิตริมน้ำอันแสนเรียบง่ายอย่างแน่นอน
“ชุมชนริมคลองบางหลวง” ตุั้งอยู่ที่ซอยเพชรเกษม 28 ถนนเพชรเกษม แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ ได้ทุกวันประมาณ 09.00-18.00 น. แต่ถ้ามาในวันธรรมดาร้านบางร้านอาจจะปิด "บ้านศิลปิน" เปิดวันจันทร์-วันอังคาร เวลา 10.00-18.00 น. ,วันพุธ-วันพฤหัสบดี เวลา 09.00-18.00 น. และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2868-5279
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager