โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน

“มาเมืองน่านสิบครั้งไม่รู้จักน่าน แต่มาที่นี่แค่ครั้งเดียวก็รู้จักน่าน และรักน่าน”
ข้อความบอกเล่าคำกล่าวของนักประวัติศาสตร์ท่านหนึ่ง ซึ่งได้กล่าวไว้หลังการเข้าเยี่ยมชม “หอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา” (และได้มีการเขียนอ้างอิงไว้ในคำนำของหนังสือแนะนำสถานที่ดังกล่าว)
หอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ“ตึกรังษีเกษม” วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้น่าสนใจในจังหวัดน่าน ที่เป็นดังไทม์แมชชีนย้อนเวลาพาเราไปรู้จักกับอดีตของเมืองน่าน ผ่านอาคารเก่าแก่อันขรึมขลังสวยงามสุดคลาสสิก

ย้อนรอยตึกรังษีเกษม
ตึกรังษีเกษมสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2458(ค.ศ.1915) โดยคณะมิชชันนารี นำโดย ดร. นพ.ซามูเอล ซี พีเพิลส์, ดร.ฮิวส์ เทเลอร์, ศาสนาจารย์ แมเรียน บี ปาล์เมอร์ และ นางสาว ลูซี่ สตาร์ลิง สร้างแล้วเสร็จในปี 2459
ตึกหลังนี้ดัดแปลงแบบมาจากอาคารเรียนตึกลินกัล์น(น่านลินกัล์นอะแคเดมี)ซึ่งเป็นโรงเรียนชายแห่งแรกของจังหวัดน่าน ส่วนตึกรังษีเกษมเป็นโรงเรียนหญิงแห่งแรกของจังหวัดน่าน ทั้งสองถือเป็นตึกแบบตะวันตกยุคแรกๆของน่าน

เดิมโรงเรียนหญิงแห่งนี้มีชื่อว่า “เมริเอสมิทบราวส์” ต่อมาในปี 2451 จอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช(พระโอรสองค์ที่ 4 ในรัชกาลที่ 4 พระอนุชาของรัชกาลที่ 5) ได้พระราชทานนามของโรงเรียนให้ใหม่ว่า “โรงเรียนรังษีเกษม” เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมชมกิจการของศูนย์มิชชั่นน่าน
โรงเรียนรังษีเกษมแรกเริ่มมีเพียงอาคารใหญ่หลังกลางเท่านั้น ต่อมาได้มีการสร้างอาคารฝั่งซ้ายขึ้นเพื่อใช้เป็นห้องพักมิชชันนารีและหอพักนักเรียน(2451-2452) และสร้างส่วนฝั่งขวาขึ้นใช้เป็นห้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อให้พอเพียงต่อจำนวนนักเรียนที่เพิ่มมากขึ้น

ตึกรังษีเกษมเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่มีการปรับแบบบางส่วนให้เข้ากับสภาพอากาศเมืองร้อนของไทย เป็นอาคารรูปตัวยู 2 ชั้น พื้นเพดานสร้างด้วยไม้ หลังคาเดิมเป็นกระเบื้องดินขอ แต่ได้เคยถูกพายุใหญ่พัดกระเบื้องดินขอพังเสียหาย ต่อมาในปี 2526 ได้มีการปรับเปลี่ยนหลังคาให้เป็นสังกะสีมาจนถึงปัจจุบัน
ตึกรังษีเกษมได้ยืนหยัดผ่านร้อนผ่านหนาวเคียงคู่เมืองน่านมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ผ่านการบูรณะซ่อมแซม และปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งทางโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาได้มีการนำตึกหลังนี้มาปรับปรุงเป็นหอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา ในปี 2554

หอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาหรือตึกรังษีเกษม เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน ผ่านพยานวัตถุที่จัดแสดงอันหลากหลาย อาทิ โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้โบราณเก่าแก่ของคนน่าน วัตถุเครื่องใช้ของมิชชันนารี วัตถุเครื่องใช้ของโรงเรียนรังษีเกษม โรงเรียนน่านลินกัล์นอะแคเดมี และโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา
อีกทั้งยังมีผลงานภาพถ่ายในอดีตของเมืองน่านมากว่า 1,000 ภาพ ที่บอกเล่าเรื่องราวของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงงานในจังหวัดน่าน พระราชกรณียกิจของเจ้าผู้ครองนครน่าน พันธกิจของมิชชันนารีที่มีต่อคนเมืองน่าน ภาพของอาคาร สถานที่ เหตุการณ์สำคัญ ตลอดจนภาพวิถีชีวิตของคนเมืองน่านในอดีต

นอกจากนี้ด้วยมนต์ขลังความสวยงามคลาสสิกกอปรกับการอนุรักษ์อาคารเก่าแก่อันทรงคุณค่าหลังนี้ไว้เป็นอย่างดีทำให้ตึกรังษีเกษม ได้รับรางวัลอาคาร“อนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2557” จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์
ท่องอดีตเมืองน่าน ผ่านตึกรังษีเกษม

หลังติดต่อนัดแนะมาล่วงหน้าว่าผมกับเพื่อนๆจะเข้าชมไปชมตึกรังษีเกษม เมื่อพวกเรามาถึงที่นี่ในช่วงบ่ายแก่ๆของวันแดดแรง เราก็ได้พบกับ คุณครู“หิรัญ อุทธวงค์” หรือ “ครูต้น” ยืนคอยท่ารอต้อนรับในชุดไทย“ราชปะแตน” ที่มันดูเข้ากันเป็นอย่างดีกับอาคารเก่าแก่คลาสสิกหลังนี้
และมันก็ยังเข้ากับกระแสการแต่งชุดไทย ซึ่งเป็นกระแส(ฮอต)แห่งยุคสมัยได้เป็นอย่างดี

งานนี้ครูต้นไม่พูดพล่ามทำเพลง เมื่อแนะนำตัวเสร็จก็พาพวกเราท่องอดีตไปรู้จักเรื่องราวต่างๆของเมืองน่าน เริ่มกันที่ห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ นำโดยขวานหินโบราณ เครื่องปั้นดินเผา อาวุธ เครื่องดนตรี เครื่องมือทำมาหากินของคนท้องถิ่น เป็นต้น

ต่อจากนั้นครูต้นก็นำอธิบายไล่เรียงไปตามห้องและส่วนจัดแสดงต่างๆได้อย่างถึงอรรถรส โดยส่วนจัดแสดงเด่นๆภายในตึกรังสีเกษมนั้นก็ได้แก่ ห้องจัดแสดงภาพที่แบ่งเห็นห้องต่างๆ อาทิ ห้องภาพพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ซึ่งเสด็จฯมาที่น่านมากถึง 23 ครั้ง นำโดยภาพการเสด็จเยือนน่านครั้งแรก ณ ที่ว่าการอำเภอเวียงสา เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2501

ห้องภาพผู้พระราชทานนามโรงเรียนรังษีเกษม, ห้องเจ้าฟ้านครน่าน และวงศ์ญาติ, ห้องภาพพันธกิจชองมิชชันนารี, ห้องภาพอดีตการศึกษาแบบตะวันตกแห่งแรกของน่าน, ห้องจัดแสดงภาพถ่ายจากภาพยนตร์เรื่องช้าง ภาพยนตร์เชิงสารคดีเรื่องแรกของเมืองไทยที่ถ่ายทำที่จังหวัดน่าน
ห้องภาพการทำสัมปทานป่าไม้ในจังหวัดน่าน, ห้องภาพเหตุการณ์สำคัญของน่าน, ห้องภาพประเพณีต่างๆของน่าน, ห้องภาพอดีตสถานที่สำคัญของน่าน, ห้องพิธีศพ

และ ห้องคริสต์ศาสนาในจังหวัดน่าน ที่มีไฮไลท์ไม่ควรพลาด คือไม้กางเขนที่สร้างจากกระจกสีที่ใช้ทำช่องแสงของอาคารไฮปาร์คอนุสรณ์คริสตจักรน่าน ซึ่งผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 2449 นำเข้ามาโดยมิชชันนารีคณะเพรสไบทีเรียนอเมริกัน
นอกจากนี้ตึกรังษีเกษม ยังมีอีกหลายแง่มุมอันชวนแปลกตาน่าทึ่งให้สัมผัสกัน ไม่ว่าจะเป็น ตึกหลังนี้เป็นตึกเดียวในน่านที่มีปล่องไฟและเตาผิงไฟ, มีการสร้างบานหน้าต่างหลอกไว้ที่จั่วด้านหน้า ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์เหมือนกับหน้าต่างทั่วไป

ประตู หน้าต่าง ของที่นี่ทุกบานด้านบนจะเป็นรูปทรงโค้งครึ่งวงกลม, มีหน้าต่างมหัศจรรย์ที่มีกลอนกลไกพิเศษเมื่อปิดแล้วจะล็อกทันทีนับเป็นภูมิปัญญาอันน่าทึ่งของคนสมัยก่อน, ยังคงมี ลูกบิด-กลอน ประตู-หน้าต่าง ในรูปแบบโบราณดั้งเดิมที่มีลวดลายสวยงาม ยังคงเปิด-ปิด ได้ หลงเหลืออยู่ 2 ห้อง ของชั้นบน

ห้องเรียนที่นี่บนชั้นสอง มีกระดานดำทั้งสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นกระดานดำสำหรับครู ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นกระดานดำสำหรับนักเรียน, ผนังตึกที่นี่มีรูในหลายช่วงด้วยกัน ช่างทำไว้เพื่อระบายอากาศภาย, ฐานรากของตึกทำจากหิน ใช้แทนเสาเข็ม, มีบ่อน้ำฝนที่สร้างในปี 2459 ที่ฝังดินเอาไว้ และถูกค้นพบในปี 2559 หลังการรื้ออาคารสุขาที่สร้างประกอบทางฝั่งทิศใต้

พื้นระเบียงทางเดินชั้นสอง มีลักษณะลาดเอียง ทำไว้เพื่อระบายน้ำให้ไหลออก, ส่วนของอาคารที่สร้างด้วยอิฐ ในอดีตเมื่อก่อสร้างต้องนำช่างก่ออิฐมาจากเชียงใหม่ เพราะช่างอิฐเมืองน่านยังไม่ชำนาญพอ

มีโต๊ะไม้ที่ประกอบโดยไม่ใช้ตะปู แต่ใช้การเข้าลิ่ม เข้าเดือยแทน และสามารถถอดแยกออกมาได้ 3 ส่วน, โต๊ะนักเรียนที่นี่ออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ สามารถนำมาจัดเรียงได้หลากหลายรูปแบบ, โต๊ะที่นี่ยืดได้ หดได้, บนเพดานชั้นหนึ่งมีซี่กากบาทช่วยป้องกันการคดงอของไม้ตง

ขณะที่อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นความโดดเด่นของตึกหลังนี้ก็คือที่สอดรับกับกระแสนิยมของยุคสมัยก็คือ ที่นี่มีหลากหลายมุมย้อนยุคกิ๊บเก๋ให้เลือกถ่ายภาพ ทั้งมุมบันได ประตู หน้าต่าง ลวดลายกำแพงเก่า ช่องประตู-หน้าต่าง ระเบียง และโต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ อันสวยงามคลาสสิก ที่มีคนนิยมมาถ่ายรูปกับบรรยากาศเก่าๆย้อนยุคที่ที่ตึกรังษีเกษมกันเป็นจำนวนมาก

และนี่ก็คือเรื่องราวบางส่วนของหอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาหรือตึกรังษีเกษม ที่หากใครมีโอกาสมาเยือนน่าน “เมืองต้องห้าม...พลาด” ก็ไม่ควรพลาดการไปสัมผัสมนต์เสน่ห์อาคารเก่าแก่อันสวยงามสุดคลาสสิกแห่งนี้ด้วยประการทั้งปวง
เพราะนี่เป็นดังไทม์แมชชีนที่จะพาเราย้อนเวลาพาเราไปรู้จักกับอดีตของเมืองน่านได้อย่างน่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง

หอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาหรือตึกรังษีเกษม เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา ตั้งอยู่ที่ถนนสุมนเทวราช อ.เมือง จ.น่าน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30-15.00 น. ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 08-7178-2588, 06-1736-5421 หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อก่อนล่วงหน้า
และสามารถสอบถามข้อมูล รายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดน่านเชื่อมโยงกับดอยสวนยาหลวง ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ (พื้นที่รับผิดชอบแพร่ น่าน) โทร.0-5452-1127 ทุกวันในเวลาราชการ
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“มาเมืองน่านสิบครั้งไม่รู้จักน่าน แต่มาที่นี่แค่ครั้งเดียวก็รู้จักน่าน และรักน่าน”
ข้อความบอกเล่าคำกล่าวของนักประวัติศาสตร์ท่านหนึ่ง ซึ่งได้กล่าวไว้หลังการเข้าเยี่ยมชม “หอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา” (และได้มีการเขียนอ้างอิงไว้ในคำนำของหนังสือแนะนำสถานที่ดังกล่าว)
หอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ“ตึกรังษีเกษม” วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้น่าสนใจในจังหวัดน่าน ที่เป็นดังไทม์แมชชีนย้อนเวลาพาเราไปรู้จักกับอดีตของเมืองน่าน ผ่านอาคารเก่าแก่อันขรึมขลังสวยงามสุดคลาสสิก
ย้อนรอยตึกรังษีเกษม
ตึกรังษีเกษมสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2458(ค.ศ.1915) โดยคณะมิชชันนารี นำโดย ดร. นพ.ซามูเอล ซี พีเพิลส์, ดร.ฮิวส์ เทเลอร์, ศาสนาจารย์ แมเรียน บี ปาล์เมอร์ และ นางสาว ลูซี่ สตาร์ลิง สร้างแล้วเสร็จในปี 2459
ตึกหลังนี้ดัดแปลงแบบมาจากอาคารเรียนตึกลินกัล์น(น่านลินกัล์นอะแคเดมี)ซึ่งเป็นโรงเรียนชายแห่งแรกของจังหวัดน่าน ส่วนตึกรังษีเกษมเป็นโรงเรียนหญิงแห่งแรกของจังหวัดน่าน ทั้งสองถือเป็นตึกแบบตะวันตกยุคแรกๆของน่าน
เดิมโรงเรียนหญิงแห่งนี้มีชื่อว่า “เมริเอสมิทบราวส์” ต่อมาในปี 2451 จอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช(พระโอรสองค์ที่ 4 ในรัชกาลที่ 4 พระอนุชาของรัชกาลที่ 5) ได้พระราชทานนามของโรงเรียนให้ใหม่ว่า “โรงเรียนรังษีเกษม” เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมชมกิจการของศูนย์มิชชั่นน่าน
โรงเรียนรังษีเกษมแรกเริ่มมีเพียงอาคารใหญ่หลังกลางเท่านั้น ต่อมาได้มีการสร้างอาคารฝั่งซ้ายขึ้นเพื่อใช้เป็นห้องพักมิชชันนารีและหอพักนักเรียน(2451-2452) และสร้างส่วนฝั่งขวาขึ้นใช้เป็นห้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อให้พอเพียงต่อจำนวนนักเรียนที่เพิ่มมากขึ้น
ตึกรังษีเกษมเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่มีการปรับแบบบางส่วนให้เข้ากับสภาพอากาศเมืองร้อนของไทย เป็นอาคารรูปตัวยู 2 ชั้น พื้นเพดานสร้างด้วยไม้ หลังคาเดิมเป็นกระเบื้องดินขอ แต่ได้เคยถูกพายุใหญ่พัดกระเบื้องดินขอพังเสียหาย ต่อมาในปี 2526 ได้มีการปรับเปลี่ยนหลังคาให้เป็นสังกะสีมาจนถึงปัจจุบัน
ตึกรังษีเกษมได้ยืนหยัดผ่านร้อนผ่านหนาวเคียงคู่เมืองน่านมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ผ่านการบูรณะซ่อมแซม และปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งทางโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาได้มีการนำตึกหลังนี้มาปรับปรุงเป็นหอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา ในปี 2554
หอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาหรือตึกรังษีเกษม เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน ผ่านพยานวัตถุที่จัดแสดงอันหลากหลาย อาทิ โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้โบราณเก่าแก่ของคนน่าน วัตถุเครื่องใช้ของมิชชันนารี วัตถุเครื่องใช้ของโรงเรียนรังษีเกษม โรงเรียนน่านลินกัล์นอะแคเดมี และโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา
อีกทั้งยังมีผลงานภาพถ่ายในอดีตของเมืองน่านมากว่า 1,000 ภาพ ที่บอกเล่าเรื่องราวของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงงานในจังหวัดน่าน พระราชกรณียกิจของเจ้าผู้ครองนครน่าน พันธกิจของมิชชันนารีที่มีต่อคนเมืองน่าน ภาพของอาคาร สถานที่ เหตุการณ์สำคัญ ตลอดจนภาพวิถีชีวิตของคนเมืองน่านในอดีต
นอกจากนี้ด้วยมนต์ขลังความสวยงามคลาสสิกกอปรกับการอนุรักษ์อาคารเก่าแก่อันทรงคุณค่าหลังนี้ไว้เป็นอย่างดีทำให้ตึกรังษีเกษม ได้รับรางวัลอาคาร“อนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2557” จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์
ท่องอดีตเมืองน่าน ผ่านตึกรังษีเกษม
หลังติดต่อนัดแนะมาล่วงหน้าว่าผมกับเพื่อนๆจะเข้าชมไปชมตึกรังษีเกษม เมื่อพวกเรามาถึงที่นี่ในช่วงบ่ายแก่ๆของวันแดดแรง เราก็ได้พบกับ คุณครู“หิรัญ อุทธวงค์” หรือ “ครูต้น” ยืนคอยท่ารอต้อนรับในชุดไทย“ราชปะแตน” ที่มันดูเข้ากันเป็นอย่างดีกับอาคารเก่าแก่คลาสสิกหลังนี้
และมันก็ยังเข้ากับกระแสการแต่งชุดไทย ซึ่งเป็นกระแส(ฮอต)แห่งยุคสมัยได้เป็นอย่างดี
งานนี้ครูต้นไม่พูดพล่ามทำเพลง เมื่อแนะนำตัวเสร็จก็พาพวกเราท่องอดีตไปรู้จักเรื่องราวต่างๆของเมืองน่าน เริ่มกันที่ห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ นำโดยขวานหินโบราณ เครื่องปั้นดินเผา อาวุธ เครื่องดนตรี เครื่องมือทำมาหากินของคนท้องถิ่น เป็นต้น
ต่อจากนั้นครูต้นก็นำอธิบายไล่เรียงไปตามห้องและส่วนจัดแสดงต่างๆได้อย่างถึงอรรถรส โดยส่วนจัดแสดงเด่นๆภายในตึกรังสีเกษมนั้นก็ได้แก่ ห้องจัดแสดงภาพที่แบ่งเห็นห้องต่างๆ อาทิ ห้องภาพพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ซึ่งเสด็จฯมาที่น่านมากถึง 23 ครั้ง นำโดยภาพการเสด็จเยือนน่านครั้งแรก ณ ที่ว่าการอำเภอเวียงสา เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2501
ห้องภาพผู้พระราชทานนามโรงเรียนรังษีเกษม, ห้องเจ้าฟ้านครน่าน และวงศ์ญาติ, ห้องภาพพันธกิจชองมิชชันนารี, ห้องภาพอดีตการศึกษาแบบตะวันตกแห่งแรกของน่าน, ห้องจัดแสดงภาพถ่ายจากภาพยนตร์เรื่องช้าง ภาพยนตร์เชิงสารคดีเรื่องแรกของเมืองไทยที่ถ่ายทำที่จังหวัดน่าน
ห้องภาพการทำสัมปทานป่าไม้ในจังหวัดน่าน, ห้องภาพเหตุการณ์สำคัญของน่าน, ห้องภาพประเพณีต่างๆของน่าน, ห้องภาพอดีตสถานที่สำคัญของน่าน, ห้องพิธีศพ
และ ห้องคริสต์ศาสนาในจังหวัดน่าน ที่มีไฮไลท์ไม่ควรพลาด คือไม้กางเขนที่สร้างจากกระจกสีที่ใช้ทำช่องแสงของอาคารไฮปาร์คอนุสรณ์คริสตจักรน่าน ซึ่งผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 2449 นำเข้ามาโดยมิชชันนารีคณะเพรสไบทีเรียนอเมริกัน
นอกจากนี้ตึกรังษีเกษม ยังมีอีกหลายแง่มุมอันชวนแปลกตาน่าทึ่งให้สัมผัสกัน ไม่ว่าจะเป็น ตึกหลังนี้เป็นตึกเดียวในน่านที่มีปล่องไฟและเตาผิงไฟ, มีการสร้างบานหน้าต่างหลอกไว้ที่จั่วด้านหน้า ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์เหมือนกับหน้าต่างทั่วไป
ประตู หน้าต่าง ของที่นี่ทุกบานด้านบนจะเป็นรูปทรงโค้งครึ่งวงกลม, มีหน้าต่างมหัศจรรย์ที่มีกลอนกลไกพิเศษเมื่อปิดแล้วจะล็อกทันทีนับเป็นภูมิปัญญาอันน่าทึ่งของคนสมัยก่อน, ยังคงมี ลูกบิด-กลอน ประตู-หน้าต่าง ในรูปแบบโบราณดั้งเดิมที่มีลวดลายสวยงาม ยังคงเปิด-ปิด ได้ หลงเหลืออยู่ 2 ห้อง ของชั้นบน
ห้องเรียนที่นี่บนชั้นสอง มีกระดานดำทั้งสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นกระดานดำสำหรับครู ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นกระดานดำสำหรับนักเรียน, ผนังตึกที่นี่มีรูในหลายช่วงด้วยกัน ช่างทำไว้เพื่อระบายอากาศภาย, ฐานรากของตึกทำจากหิน ใช้แทนเสาเข็ม, มีบ่อน้ำฝนที่สร้างในปี 2459 ที่ฝังดินเอาไว้ และถูกค้นพบในปี 2559 หลังการรื้ออาคารสุขาที่สร้างประกอบทางฝั่งทิศใต้
พื้นระเบียงทางเดินชั้นสอง มีลักษณะลาดเอียง ทำไว้เพื่อระบายน้ำให้ไหลออก, ส่วนของอาคารที่สร้างด้วยอิฐ ในอดีตเมื่อก่อสร้างต้องนำช่างก่ออิฐมาจากเชียงใหม่ เพราะช่างอิฐเมืองน่านยังไม่ชำนาญพอ
มีโต๊ะไม้ที่ประกอบโดยไม่ใช้ตะปู แต่ใช้การเข้าลิ่ม เข้าเดือยแทน และสามารถถอดแยกออกมาได้ 3 ส่วน, โต๊ะนักเรียนที่นี่ออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ สามารถนำมาจัดเรียงได้หลากหลายรูปแบบ, โต๊ะที่นี่ยืดได้ หดได้, บนเพดานชั้นหนึ่งมีซี่กากบาทช่วยป้องกันการคดงอของไม้ตง
ขณะที่อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นความโดดเด่นของตึกหลังนี้ก็คือที่สอดรับกับกระแสนิยมของยุคสมัยก็คือ ที่นี่มีหลากหลายมุมย้อนยุคกิ๊บเก๋ให้เลือกถ่ายภาพ ทั้งมุมบันได ประตู หน้าต่าง ลวดลายกำแพงเก่า ช่องประตู-หน้าต่าง ระเบียง และโต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ อันสวยงามคลาสสิก ที่มีคนนิยมมาถ่ายรูปกับบรรยากาศเก่าๆย้อนยุคที่ที่ตึกรังษีเกษมกันเป็นจำนวนมาก
และนี่ก็คือเรื่องราวบางส่วนของหอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาหรือตึกรังษีเกษม ที่หากใครมีโอกาสมาเยือนน่าน “เมืองต้องห้าม...พลาด” ก็ไม่ควรพลาดการไปสัมผัสมนต์เสน่ห์อาคารเก่าแก่อันสวยงามสุดคลาสสิกแห่งนี้ด้วยประการทั้งปวง
เพราะนี่เป็นดังไทม์แมชชีนที่จะพาเราย้อนเวลาพาเราไปรู้จักกับอดีตของเมืองน่านได้อย่างน่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง
หอประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาหรือตึกรังษีเกษม เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา ตั้งอยู่ที่ถนนสุมนเทวราช อ.เมือง จ.น่าน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30-15.00 น. ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 08-7178-2588, 06-1736-5421 หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อก่อนล่วงหน้า
และสามารถสอบถามข้อมูล รายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดน่านเชื่อมโยงกับดอยสวนยาหลวง ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ (พื้นที่รับผิดชอบแพร่ น่าน) โทร.0-5452-1127 ทุกวันในเวลาราชการ
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager