Facebook :Travel @ Manager
เป็นที่รู้กันดีว่า จ.สมุทรสงคราม โดยเฉพาะ อ.อัมพวา นั้น เป็น “ถนนสายผลไม้” ที่มีผลไม้นานาชนิดเรียงรายอยู่สองข้างทาง ซึ่งหนึ่งในผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ “ลิ้นจี่” พันธุ์ “ค่อม” ที่เรียกว่าในแต่ละปีจะต้องรอลุ้นกันว่าจะได้ลิ้มรสความอร่อยหรือไม่
“ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม” ลักษณะต้นไม่ค่อยสูงเป็นทรงพุ่ม ปลูกง่ายและให้ผลง่ายกว่าลิ้นจี่พันธุ์อื่นเมื่ออากาศดี ส่วนตัวผลเมื่อจัดได้ที่จะมีไหล่ (บ่า) ผลกว้างแป้น รูปทรงคล้ายรูปหัวใจโย้หน่อย ๆ ไม่สมดุลทีเดียว เปลือกมีหนามตั้งแต่ไม่หนา เนื้อแห้ง กรอบ ไม่แฉะ กลิ่นหอมรสหวาน
ในอัมพวายังมีหลายสวนที่ยังปลูกลิ้นจี่พันธุ์ค่อมอยู่ อย่างลุงมงคล ศรีสวัสดิ์ อายุ 81 ปี เจ้าของสวนมณีรัตน์ ใน ต.บางช้าง อ.อัมพวา ที่มีสวนลิ้นจี่เนื้อที่กว่า 9 ไร่ ปลูกลิ้นจี่พันธุ์ค่อมกว่า 100 ต้น ลุงได้เล่าให้ฟังว่า ลิ้นจี่พันธุ์ค่อมไม่มีให้กินมา 4 ปีแล้ว เพราะว่าอากาศร้อนหนาวไม่ต่อเนื่องจึงทำให้ต้นลิ้นจี่ไม่ติดผล
โดยการที่จะให้ติดผลนั้นจะต้องให้มีอุณหภูมิ 18-20 องศาต่อเนื่องกัน 7 วัน หรือก็คือช่วง พ.ย.-ธ.ค. ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ (ม.ค. 61) มีช่วงที่อากาศดีต่อเนื่องกว่าหลายปีที่ผ่านมาทำให้ในช่วงสงกรานต์นี้ (เม.ย. 61) จะได้กินลิ้นจี่พันธุ์ค่อมอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ต้นลิ้นจี่ค่อมที่สวนมณีรัตน์กำลังออกผลดกแดง ชวนกินอย่างมาก โดยลุงมงคลบอกว่าจะให้อร่อยที่สุดต้องช่วงวันที่ 20 เม.ย. นี้ เพราะเป็นวันที่ต้นลิ้นจี่อายุการเก็บเกี่ยวครบ 120 วันพอดี
สำหรับการเลือกซื้อลิ้นจี่พันธุ์ค่อมของแท้รสชาติอร่อยนั้น มีวิธีดูคือให้ดูที่ลักษณะผลจะต้องสีแดงจัด ตัวลูกจะไม่เป็นทรงกลมนักจะเหมือนมีบ่าสองข้าง และด้านในจะเป็นร่องชาด (ในภาษาของชาวสวนคือ ผิวเปลือกด้านในเป็นสีชมพูออกแดง) หากพอดีกินจะเป็นสีชมพูด้านในจากขั้วมาถึงกึ่งกลางลูก รสชาติอาจมีติดฝาดเล็กน้อย แต่หากจัดเต็มที่แล้วสีชมพูจะเลยกึ่งกลางผลลงไปและรสชาติจะหวานไม่ติดฝาด
ส่วนหนามที่เปลือกจะต้องไม่คมมากนัก และหนามจะไม่ถี่มาก หรือดูที่ขั้วของลูกลิ้นจี่ ถ้ามีตุ่ม (ลูกเล็กๆ) เป็นสีเขียวแปลว่ายังมีติดฝาดและอมเปรี้ยวอยู่บ้าง แต่หากตุ่มนั้นเป็นสีแดง แปลว่ารสฝาดหมดไปแล้วนั่นเอง
นอกจากลิ้นจี่พันธุ์ค่อมแล้ว อัมพวาก็ยังมีลิ้นจี่อีกหลายพันธุ์เช่น พันธุ์ค่อมลำเจียก (ลักษณะคล้ายค่อมแต่จะมีกลิ่นหอมกว่า), พันธุ์สำเภาแก้ว (ลักษณะต้นสูงและให้ลูกใหญ่), พันธุ์กะโหลก (คล้ายค่อมแต่จะลูกใหญ่กว่าและไม่มีบ่า) เป็นต้น
ปัจจุบัน “ลิ้นจี่ค่อมต้นแรก” ที่เป็นต้นสายพันธุ์มีอายุกว่า 160 ปี ปลูกโดยนายติ มีแก้วกุญชร เมื่อประมาณปี พ.ศ.2397 ก็ยังคงออกลูกดกให้ได้กินกันอยู่ที่สวนลิ้นจี่ 200 ปี ใน ต.แควอ้อม อ.อัมพวา หรือจะมาที่สวนมณีรัตน์ของลุงมงคลก็ได้กินลิ้นจี่ค่อมแสนอร่อยแน่นอนเช่นกัน โดยราคาขายที่เป็นราคากลางของตลาดที่ทางจังหวัดกำหนดมาในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 200-250 บาท/กิโลกรัม (1 กิโลกรัม มีลิ้นจี่ประมาณ 50 ลูก)
**************************
“สวนมณีรัตน์” ตั้งอยู่ที่ด้านหลังร้านเกรท การ์เด้น ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม สามารถสั่งจองลิ้นจี่ค่อมได้ที่เบอร์โทร. 0-3471-0714 หรือ 08-5919-4629 (มีบริการจัดส่ง)
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
เป็นที่รู้กันดีว่า จ.สมุทรสงคราม โดยเฉพาะ อ.อัมพวา นั้น เป็น “ถนนสายผลไม้” ที่มีผลไม้นานาชนิดเรียงรายอยู่สองข้างทาง ซึ่งหนึ่งในผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ “ลิ้นจี่” พันธุ์ “ค่อม” ที่เรียกว่าในแต่ละปีจะต้องรอลุ้นกันว่าจะได้ลิ้มรสความอร่อยหรือไม่
“ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม” ลักษณะต้นไม่ค่อยสูงเป็นทรงพุ่ม ปลูกง่ายและให้ผลง่ายกว่าลิ้นจี่พันธุ์อื่นเมื่ออากาศดี ส่วนตัวผลเมื่อจัดได้ที่จะมีไหล่ (บ่า) ผลกว้างแป้น รูปทรงคล้ายรูปหัวใจโย้หน่อย ๆ ไม่สมดุลทีเดียว เปลือกมีหนามตั้งแต่ไม่หนา เนื้อแห้ง กรอบ ไม่แฉะ กลิ่นหอมรสหวาน
ในอัมพวายังมีหลายสวนที่ยังปลูกลิ้นจี่พันธุ์ค่อมอยู่ อย่างลุงมงคล ศรีสวัสดิ์ อายุ 81 ปี เจ้าของสวนมณีรัตน์ ใน ต.บางช้าง อ.อัมพวา ที่มีสวนลิ้นจี่เนื้อที่กว่า 9 ไร่ ปลูกลิ้นจี่พันธุ์ค่อมกว่า 100 ต้น ลุงได้เล่าให้ฟังว่า ลิ้นจี่พันธุ์ค่อมไม่มีให้กินมา 4 ปีแล้ว เพราะว่าอากาศร้อนหนาวไม่ต่อเนื่องจึงทำให้ต้นลิ้นจี่ไม่ติดผล
โดยการที่จะให้ติดผลนั้นจะต้องให้มีอุณหภูมิ 18-20 องศาต่อเนื่องกัน 7 วัน หรือก็คือช่วง พ.ย.-ธ.ค. ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ (ม.ค. 61) มีช่วงที่อากาศดีต่อเนื่องกว่าหลายปีที่ผ่านมาทำให้ในช่วงสงกรานต์นี้ (เม.ย. 61) จะได้กินลิ้นจี่พันธุ์ค่อมอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ต้นลิ้นจี่ค่อมที่สวนมณีรัตน์กำลังออกผลดกแดง ชวนกินอย่างมาก โดยลุงมงคลบอกว่าจะให้อร่อยที่สุดต้องช่วงวันที่ 20 เม.ย. นี้ เพราะเป็นวันที่ต้นลิ้นจี่อายุการเก็บเกี่ยวครบ 120 วันพอดี
สำหรับการเลือกซื้อลิ้นจี่พันธุ์ค่อมของแท้รสชาติอร่อยนั้น มีวิธีดูคือให้ดูที่ลักษณะผลจะต้องสีแดงจัด ตัวลูกจะไม่เป็นทรงกลมนักจะเหมือนมีบ่าสองข้าง และด้านในจะเป็นร่องชาด (ในภาษาของชาวสวนคือ ผิวเปลือกด้านในเป็นสีชมพูออกแดง) หากพอดีกินจะเป็นสีชมพูด้านในจากขั้วมาถึงกึ่งกลางลูก รสชาติอาจมีติดฝาดเล็กน้อย แต่หากจัดเต็มที่แล้วสีชมพูจะเลยกึ่งกลางผลลงไปและรสชาติจะหวานไม่ติดฝาด
ส่วนหนามที่เปลือกจะต้องไม่คมมากนัก และหนามจะไม่ถี่มาก หรือดูที่ขั้วของลูกลิ้นจี่ ถ้ามีตุ่ม (ลูกเล็กๆ) เป็นสีเขียวแปลว่ายังมีติดฝาดและอมเปรี้ยวอยู่บ้าง แต่หากตุ่มนั้นเป็นสีแดง แปลว่ารสฝาดหมดไปแล้วนั่นเอง
นอกจากลิ้นจี่พันธุ์ค่อมแล้ว อัมพวาก็ยังมีลิ้นจี่อีกหลายพันธุ์เช่น พันธุ์ค่อมลำเจียก (ลักษณะคล้ายค่อมแต่จะมีกลิ่นหอมกว่า), พันธุ์สำเภาแก้ว (ลักษณะต้นสูงและให้ลูกใหญ่), พันธุ์กะโหลก (คล้ายค่อมแต่จะลูกใหญ่กว่าและไม่มีบ่า) เป็นต้น
ปัจจุบัน “ลิ้นจี่ค่อมต้นแรก” ที่เป็นต้นสายพันธุ์มีอายุกว่า 160 ปี ปลูกโดยนายติ มีแก้วกุญชร เมื่อประมาณปี พ.ศ.2397 ก็ยังคงออกลูกดกให้ได้กินกันอยู่ที่สวนลิ้นจี่ 200 ปี ใน ต.แควอ้อม อ.อัมพวา หรือจะมาที่สวนมณีรัตน์ของลุงมงคลก็ได้กินลิ้นจี่ค่อมแสนอร่อยแน่นอนเช่นกัน โดยราคาขายที่เป็นราคากลางของตลาดที่ทางจังหวัดกำหนดมาในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 200-250 บาท/กิโลกรัม (1 กิโลกรัม มีลิ้นจี่ประมาณ 50 ลูก)
**************************
“สวนมณีรัตน์” ตั้งอยู่ที่ด้านหลังร้านเกรท การ์เด้น ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม สามารถสั่งจองลิ้นจี่ค่อมได้ที่เบอร์โทร. 0-3471-0714 หรือ 08-5919-4629 (มีบริการจัดส่ง)
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager