Facebook :Travel @ Manager

“ตะลอนเที่ยว” ยังคงออกเดินทางท่องเที่ยวเปิดโลกกว้างไปกับ “บริษัท เวิลด์โปรแทรเวิล จำกัด” โดยในทริปนี้พวกเรามีจุดมุ่งหมายไปตะลอนทัวร์กันที่จังหวัด “มิยางิ” (Miyagi) ตั้งอยู่ทางตอนกลางของภูมิภาคโทโฮกุ (Tohoku) มีเมืองเซนได (Sendai) เป็นเมืองหลวงซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้

ทริปนี้พวกเราออกเดินทางไปสัมผัสกับหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ว่าหากมาเยือน จ.มิยางิแล้วต้องไม่พลาดสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเหล่านี้ สถานที่เที่ยวแรกพวกเราได้มาชมความน่ารักของสุนัขจิ้งจอกกันที่นี่ “หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ” (Zao Fox Village) ตั้งอยู่ที่เมืองชิโรอิชิ (Shiroishi) เมื่อมาถึงที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ พวกเราต้องฟังคำอธิบายชี้แนะจากเจ้าหน้าที่ของที่นี่กันก่อน โดยเจ้าหน้าที่ได้บอกถึงการเข้าไปชมสุนัขจิ้งจอกว่า สุนัขจิ้งจอกที่อยู่ภายในหมู่บ้านแห่งนี้มีอยู่ 6 สายพันธุ์ ซึ่งจะถูกเลี้ยงแบบปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ แต่ว่าก็มีฉีดวัคซีนป้องกันเห็บหมัด และผ่านการตรวจโรคทุกตัว ดังนั้นจึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย แล้วการเข้าไปชมสุนัขจิ้งจอกที่นี่มีกฎระเบียบที่พวกเราต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือ ห้ามจับสุนัขจิ้งจอกโดยเด็ดขาด เรียกว่าดูแต่ตามืออย่าต้อง เพราะว่าสุนัขจิ้งจอกอาจจะไม่คุ้นกับเราอาจถูกกัดได้ แต่ก็ให้อิสระถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย

พอได้รับแนะนำเสร็จสิ้น พวกเราก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปสู่โลกของเหล่าสุนัขจิ้งจอกที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติกัน ภายในหมู่บ้านมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร มีเนินเขาที่มีหิมะสีขาวปกคลุมอยู่ มีต้นไม้ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งด้านในนี้จะมีทางเดินเป็นวงรอบให้ได้เดินชมความน่ารักของเหล่าสุนัขจิ้งจอกกันแบบใกล้ชิด แบบไม่มีกรงขังแต่อย่างใด เรียกว่าหันมองไปทางไหน ก็จะได้เห็นเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวพองๆ ขนฟูๆ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าชังจำนวนมากมายเป็นร้อยๆ ตัว พากันเดินเฉิดฉาย วิ่งไปวิ่งมาแบบไม่ตื่นกลัวคนเลย

จะมีก็แต่ “ตะลอนเที่ยว” นี่แหละที่แสดงอาการตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจสุดๆ เมื่อได้เห็นสุนัขจิ้งจอกตัวเป็นๆ แบบใกล้ชิดมาก ได้เห็นถึงพฤติกรรมหลากหลายรูปแบบของเจ้าสุนัขจิ้งจอกที่น่ารัก บางตัวนอนอยู่ในบ้านไม้อย่างสบายใจ บางตัวนอนนิ่งๆ ท่ามกลางหิมะโปรยปราย บางตัวยืนจ้องมองส่งสายตาเหมือนจะอยากทักทายเรา แล้วก็มีบางตัวที่ดูจะซนเป็นพิเศษ เดินปรี่เข้ามาหาเราแบบประชิดถึงตัวกันเลย

เราเดินถ่ายรูปสุนัขจิ้งจอกที่น่ารักอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน และก็เดินมาถึงยังจุดให้อาหาร ซึ่งเจ้าพวกเหล่าสุนัขจิ้งจอกจะพากันมาอออยู่ แล้วพากันทำสายตาเว้าวอนยื่นหน้ายื่นตา เขย่งตัวรออาหารจากเหล่านักท่องเที่ยวใจดี ซึ่งที่นี่จะมีอาหารสำหรับสุนัขจิ้งจอกจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อให้สุนัขจิ้งจอก การให้อาหารสุนัขจิ้งจอกเป็นกิจกรรมที่สนุกดี พวกสุนัขจิ้งจอกจะมารอกินอาหารกันอย่างตั้งอกตั้งใจ เรียกว่าพออาหารเทลงมาปุ๊บ เจ้าสุนัขจิ้งจอกแต่ละตัวก็จะก้มหน้าก้มตากินกันอย่างเอร็ดอร่อย เป็นภาพความน่ารักน่าชังที่เมื่อเห็นแล้วเรียกรอยยิ้มได้จากเรา
เมื่อได้สนุกสนานกับการให้อาหารสุนัขจิ้งจอกแล้ว ก็ยังสามารถเดินเที่ยวโดยรอบภายในหมู่บ้านได้ มีประตูโทริอิสีแดงสวยงามให้ได้ถ่ายรูปด้วย พวกเราใช้เวลาเดินชมความน่ารักของเหล่าสุนัขจิ้งจอกกันอยู่ครู่ใหญ่ ก็ได้เวลาโบกมือบ๊ายบายลาเจ้าสุนัขจิ้งจอกกันแล้ว แต่ก่อนที่จะกลับออกจากหมู่บ้านไป ที่นี่ยังมีโซนขายสินค้าเกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอกที่น่ารักมากมาย อาทิ ตุ๊กตา พวงกุญแจ กระเป๋า ฯลฯ ให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึกกันด้วย

ออกจากหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก พวกเราเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อไปคือ “อ่าวมัตสึชิม่า” (Matsushima Bay) ตั้งอยู่ที่เมืองมัตสึชิม่า (Matsushima) โดยอ่าวมัตสึชิม่าได้รับการยกย่องว่า เป็น 1 ใน 3 อ่าวที่มีทัศนียภาพงดงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพวกเราได้ขึ้นมายังจุดชมวิวอ่าวมัตสึชิม่ากันด้านบน เพื่อจะได้มองชมความงามอ่าวมัตสึชิม่าจากมุมสูง

เมื่อได้ขึ้นมายืนบนยอดเขาด้านบนแล้วมองไปยังเบื้องหน้า ก็ได้เห็นทัศนียภาพความสวยงามเป็นอย่างยิ่งของอ่าวมัตสึชิม่าอันกว้างใหญ่ มองออกไปไกลแบบสุดลูกหูลูกตา ภาพทิวทัศน์โดยรอบของอ่าวมัตสึชิม่านั้นช่างงดงามจับใจ ในอ่าวมีเกาะน้อยใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่อ่าวมัตสึชิม่าแห่งนี้ยังเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยนางรมที่มีรสชาติที่ดีอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น

พอได้ชื่นชมทัศนียภาพของอ่าวมัตสึชิม่ากันจนอิ่มเอมใจแล้ว พวกเราก็เดินทางไปชมวัดสวยๆ ที่อยู่บริเวณด้านหน้าอ่าวกัน โดยวัดชื่อดังที่ห้ามพลาดไปชมด้วยประการทั้งปวงก็คือ “วัดโกไดโดะ” (Godaido Temple) ที่ตั้งอยู่บนเกาะใกล้กับท่าเรือมัตสึชิม่าวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 807 ผู้ที่สร้างไว้คือพระสงฆ์นิกายเทนได ซึ่งการเดินไปชมวัดโกะไดโดะนั้น จะต้องเดินสะพานไม้ทาสีแดงดูสวยงามโดดเด่นสะดุดตา ซึ่งสะพานยังมีเอกลักษณ์ตรงที่มีการเว้นช่องระหว่างไม้กระดานด้วย ทำให้เวลาเดินข้ามจะมองเห็นพื้นน้ำด้านล่าง มักจะมีคู่รักพากันมาเดินจูงมือเมื่อข้ามสะพาน เพราะเชื่อว่าจะทำให้ความรักที่มีต่อกันนั้น มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมากยิ่งขึ้น

“วัดโกไดโดะ” มีลักษณะเป็นอาคารขนาดเล็กสร้างด้วยไม้แกะสลักอย่างสวยงาม ภายในมีพระพุทธรูป 5 องค์ประดิษฐานอยู่กล่าวขานกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นยิ่งนักโดยในทุกๆ 33ปี ทางวัดจะมีการเปิดให้ประชาชนได้สักการะพระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ได้เปิดคือในปี ค.ศ. 2006 ดังนั้นครั้งต่อไปที่จะเปิดก็คือในปี ค.ศ.2039


หลังจากได้ไหว้พระขอพรที่วัดโกไดโดะแล้ว เราได้เดินทางไปอิ่มบุญกันต่อที่ “วัดซุยกันจิ” (Zuiganji Temple) และ “วัดเอ็นทสึอิน” (Entsuin Temple) ซึ่ง 2 วัดนี้ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน โดยเรามุ่งหน้าไปที่ “วัดซุยกันจิ” (Zuiganji Temple)กันก่อนวัดซุยกันจิเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวของท่านซามูไรดาเตะ มาสะมุเนะ ซึ่งเป็นสุดยอดไดเมียว (ไดเมียว คือ ตำแหน่งเจ้าเมืองที่มีความสำคัญรองลงมาจากโชกุน) ที่มีความสำคัญระดับแถวหน้าของยุคเอโดะ

จากวัดซุยกันจิเราเดินถัดมาไม่ไกลก็มาถึงยัง “วัดเอ็นทสึอิน” (Entsuin Temple) เป็นวัดที่ตั้งสุสานของหลานชายของดาเตะ มาซามุเนะ ที่เสียชีวิตเมื่ออายุ 19 ปี ภายในวัดมีความเงียบสงบ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่นของแมกไม้ ภายในวัดมีรูปปั้นพระหินมากมายให้ได้ชมและกราบขอพร

เราสามารถเดินชมบรรยากาศอันรื่นรมย์ภายในวัดได้แบบสบายอารมณ์ เพราะภายในวัดมีการจัดตกแต่งสวนหินที่สวยงามอยู่หลายจุด และยังมีอาคารที่จะมีกิจกรรมร้อยลูกประคำผู้ที่สนใจสามารถมานั่งร้อยสร้อยประคำได้ด้วยตัวเอง
ครั้นได้เข้าวัดไหว้พระและขอพรกันจนอิ่มบุญอิ่มใจอย่างเต็มที่แล้ว แน่นอนว่ามากับคณะทัวร์ไทยไม่ว่าจะไปเที่ยวยังประเทศไหน จังหวัดไหน เมืองไหน สิ่งสำคัญในการเที่ยวที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทัวร์ไทย คือการพาไปชอปปิ้ง

ดังนั้นพวกเราจึงได้เดินทางมุ่งตรงไปยังย่านชอปปิ้งที่มีชื่อเสียงของเมืองเซนได (Sendai) กันที่ “ย่านอิจิบันโจ” (Ichibancho) ที่นี่เป็นเเหล่งชอปปิ้งยอดฮิต เป็นถนนเส้นยาวที่ชวนเดินชอปปิ้งแบบสบายๆ เพราะมีหลังคาโปร่งแสงสร้างไว้อย่างแข็งแรงและสวยงามคลุมถนนไปตลอดแนวทางเดิน
ตลอดสองข้างทางของถนนสายชอปปิ้งนี้ มีร้านค้ามากมายให้เหล่านักช้อปได้เดินชอปปิ้งละลายทรัพย์กันอย่างจุใจ มีทั้งร้านค้าแบรนด์เนม ร้านขายเครื่องสำอางชั้นนำของญี่ปุ่น ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายรองเท้า ร้านอาหาร และร้านขายสินค้าอีกหลายหลากที่นักช้อปปรารถนาเรียกได้ว่าที่นี่เป็นสวรรค์ของนักช้อป ซึ่งพวกเราได้ปิดฉากทริปเที่ยวจังหวัดมิยางิลงอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมกับความรู้สึกสุขล้นใจ ที่ได้มาเยือนภูมิภาคโทโฮกุ ประเทศญี่ปุ่น
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บริษัท เวิลด์โปรแทรเวิล จำกัด (World Pro Travel Co.,LTD.)เป็นบริษัททัวร์ที่มีการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวอันหลากหลายมีความแปลกใหม่ ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบการท่องเที่ยวได้เปิดโลกกว้าง ออกไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกอันงดงาม ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2026-3372, line id : wpoutbound หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.worldprotravel.com/tour-program และ www.facebook.com/WorldProTravel หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ E-mail : outbound@worldprotravel.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“ตะลอนเที่ยว” ยังคงออกเดินทางท่องเที่ยวเปิดโลกกว้างไปกับ “บริษัท เวิลด์โปรแทรเวิล จำกัด” โดยในทริปนี้พวกเรามีจุดมุ่งหมายไปตะลอนทัวร์กันที่จังหวัด “มิยางิ” (Miyagi) ตั้งอยู่ทางตอนกลางของภูมิภาคโทโฮกุ (Tohoku) มีเมืองเซนได (Sendai) เป็นเมืองหลวงซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้
ทริปนี้พวกเราออกเดินทางไปสัมผัสกับหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ว่าหากมาเยือน จ.มิยางิแล้วต้องไม่พลาดสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเหล่านี้ สถานที่เที่ยวแรกพวกเราได้มาชมความน่ารักของสุนัขจิ้งจอกกันที่นี่ “หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ” (Zao Fox Village) ตั้งอยู่ที่เมืองชิโรอิชิ (Shiroishi) เมื่อมาถึงที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ พวกเราต้องฟังคำอธิบายชี้แนะจากเจ้าหน้าที่ของที่นี่กันก่อน โดยเจ้าหน้าที่ได้บอกถึงการเข้าไปชมสุนัขจิ้งจอกว่า สุนัขจิ้งจอกที่อยู่ภายในหมู่บ้านแห่งนี้มีอยู่ 6 สายพันธุ์ ซึ่งจะถูกเลี้ยงแบบปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ แต่ว่าก็มีฉีดวัคซีนป้องกันเห็บหมัด และผ่านการตรวจโรคทุกตัว ดังนั้นจึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย แล้วการเข้าไปชมสุนัขจิ้งจอกที่นี่มีกฎระเบียบที่พวกเราต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือ ห้ามจับสุนัขจิ้งจอกโดยเด็ดขาด เรียกว่าดูแต่ตามืออย่าต้อง เพราะว่าสุนัขจิ้งจอกอาจจะไม่คุ้นกับเราอาจถูกกัดได้ แต่ก็ให้อิสระถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย
พอได้รับแนะนำเสร็จสิ้น พวกเราก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปสู่โลกของเหล่าสุนัขจิ้งจอกที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติกัน ภายในหมู่บ้านมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร มีเนินเขาที่มีหิมะสีขาวปกคลุมอยู่ มีต้นไม้ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งด้านในนี้จะมีทางเดินเป็นวงรอบให้ได้เดินชมความน่ารักของเหล่าสุนัขจิ้งจอกกันแบบใกล้ชิด แบบไม่มีกรงขังแต่อย่างใด เรียกว่าหันมองไปทางไหน ก็จะได้เห็นเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวพองๆ ขนฟูๆ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าชังจำนวนมากมายเป็นร้อยๆ ตัว พากันเดินเฉิดฉาย วิ่งไปวิ่งมาแบบไม่ตื่นกลัวคนเลย
จะมีก็แต่ “ตะลอนเที่ยว” นี่แหละที่แสดงอาการตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจสุดๆ เมื่อได้เห็นสุนัขจิ้งจอกตัวเป็นๆ แบบใกล้ชิดมาก ได้เห็นถึงพฤติกรรมหลากหลายรูปแบบของเจ้าสุนัขจิ้งจอกที่น่ารัก บางตัวนอนอยู่ในบ้านไม้อย่างสบายใจ บางตัวนอนนิ่งๆ ท่ามกลางหิมะโปรยปราย บางตัวยืนจ้องมองส่งสายตาเหมือนจะอยากทักทายเรา แล้วก็มีบางตัวที่ดูจะซนเป็นพิเศษ เดินปรี่เข้ามาหาเราแบบประชิดถึงตัวกันเลย
เราเดินถ่ายรูปสุนัขจิ้งจอกที่น่ารักอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน และก็เดินมาถึงยังจุดให้อาหาร ซึ่งเจ้าพวกเหล่าสุนัขจิ้งจอกจะพากันมาอออยู่ แล้วพากันทำสายตาเว้าวอนยื่นหน้ายื่นตา เขย่งตัวรออาหารจากเหล่านักท่องเที่ยวใจดี ซึ่งที่นี่จะมีอาหารสำหรับสุนัขจิ้งจอกจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อให้สุนัขจิ้งจอก การให้อาหารสุนัขจิ้งจอกเป็นกิจกรรมที่สนุกดี พวกสุนัขจิ้งจอกจะมารอกินอาหารกันอย่างตั้งอกตั้งใจ เรียกว่าพออาหารเทลงมาปุ๊บ เจ้าสุนัขจิ้งจอกแต่ละตัวก็จะก้มหน้าก้มตากินกันอย่างเอร็ดอร่อย เป็นภาพความน่ารักน่าชังที่เมื่อเห็นแล้วเรียกรอยยิ้มได้จากเรา
เมื่อได้สนุกสนานกับการให้อาหารสุนัขจิ้งจอกแล้ว ก็ยังสามารถเดินเที่ยวโดยรอบภายในหมู่บ้านได้ มีประตูโทริอิสีแดงสวยงามให้ได้ถ่ายรูปด้วย พวกเราใช้เวลาเดินชมความน่ารักของเหล่าสุนัขจิ้งจอกกันอยู่ครู่ใหญ่ ก็ได้เวลาโบกมือบ๊ายบายลาเจ้าสุนัขจิ้งจอกกันแล้ว แต่ก่อนที่จะกลับออกจากหมู่บ้านไป ที่นี่ยังมีโซนขายสินค้าเกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอกที่น่ารักมากมาย อาทิ ตุ๊กตา พวงกุญแจ กระเป๋า ฯลฯ ให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึกกันด้วย
ออกจากหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก พวกเราเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อไปคือ “อ่าวมัตสึชิม่า” (Matsushima Bay) ตั้งอยู่ที่เมืองมัตสึชิม่า (Matsushima) โดยอ่าวมัตสึชิม่าได้รับการยกย่องว่า เป็น 1 ใน 3 อ่าวที่มีทัศนียภาพงดงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพวกเราได้ขึ้นมายังจุดชมวิวอ่าวมัตสึชิม่ากันด้านบน เพื่อจะได้มองชมความงามอ่าวมัตสึชิม่าจากมุมสูง
เมื่อได้ขึ้นมายืนบนยอดเขาด้านบนแล้วมองไปยังเบื้องหน้า ก็ได้เห็นทัศนียภาพความสวยงามเป็นอย่างยิ่งของอ่าวมัตสึชิม่าอันกว้างใหญ่ มองออกไปไกลแบบสุดลูกหูลูกตา ภาพทิวทัศน์โดยรอบของอ่าวมัตสึชิม่านั้นช่างงดงามจับใจ ในอ่าวมีเกาะน้อยใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่อ่าวมัตสึชิม่าแห่งนี้ยังเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยนางรมที่มีรสชาติที่ดีอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น
พอได้ชื่นชมทัศนียภาพของอ่าวมัตสึชิม่ากันจนอิ่มเอมใจแล้ว พวกเราก็เดินทางไปชมวัดสวยๆ ที่อยู่บริเวณด้านหน้าอ่าวกัน โดยวัดชื่อดังที่ห้ามพลาดไปชมด้วยประการทั้งปวงก็คือ “วัดโกไดโดะ” (Godaido Temple) ที่ตั้งอยู่บนเกาะใกล้กับท่าเรือมัตสึชิม่าวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 807 ผู้ที่สร้างไว้คือพระสงฆ์นิกายเทนได ซึ่งการเดินไปชมวัดโกะไดโดะนั้น จะต้องเดินสะพานไม้ทาสีแดงดูสวยงามโดดเด่นสะดุดตา ซึ่งสะพานยังมีเอกลักษณ์ตรงที่มีการเว้นช่องระหว่างไม้กระดานด้วย ทำให้เวลาเดินข้ามจะมองเห็นพื้นน้ำด้านล่าง มักจะมีคู่รักพากันมาเดินจูงมือเมื่อข้ามสะพาน เพราะเชื่อว่าจะทำให้ความรักที่มีต่อกันนั้น มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมากยิ่งขึ้น
“วัดโกไดโดะ” มีลักษณะเป็นอาคารขนาดเล็กสร้างด้วยไม้แกะสลักอย่างสวยงาม ภายในมีพระพุทธรูป 5 องค์ประดิษฐานอยู่กล่าวขานกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นยิ่งนักโดยในทุกๆ 33ปี ทางวัดจะมีการเปิดให้ประชาชนได้สักการะพระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ได้เปิดคือในปี ค.ศ. 2006 ดังนั้นครั้งต่อไปที่จะเปิดก็คือในปี ค.ศ.2039
หลังจากได้ไหว้พระขอพรที่วัดโกไดโดะแล้ว เราได้เดินทางไปอิ่มบุญกันต่อที่ “วัดซุยกันจิ” (Zuiganji Temple) และ “วัดเอ็นทสึอิน” (Entsuin Temple) ซึ่ง 2 วัดนี้ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน โดยเรามุ่งหน้าไปที่ “วัดซุยกันจิ” (Zuiganji Temple)กันก่อนวัดซุยกันจิเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวของท่านซามูไรดาเตะ มาสะมุเนะ ซึ่งเป็นสุดยอดไดเมียว (ไดเมียว คือ ตำแหน่งเจ้าเมืองที่มีความสำคัญรองลงมาจากโชกุน) ที่มีความสำคัญระดับแถวหน้าของยุคเอโดะ
จากวัดซุยกันจิเราเดินถัดมาไม่ไกลก็มาถึงยัง “วัดเอ็นทสึอิน” (Entsuin Temple) เป็นวัดที่ตั้งสุสานของหลานชายของดาเตะ มาซามุเนะ ที่เสียชีวิตเมื่ออายุ 19 ปี ภายในวัดมีความเงียบสงบ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่นของแมกไม้ ภายในวัดมีรูปปั้นพระหินมากมายให้ได้ชมและกราบขอพร
เราสามารถเดินชมบรรยากาศอันรื่นรมย์ภายในวัดได้แบบสบายอารมณ์ เพราะภายในวัดมีการจัดตกแต่งสวนหินที่สวยงามอยู่หลายจุด และยังมีอาคารที่จะมีกิจกรรมร้อยลูกประคำผู้ที่สนใจสามารถมานั่งร้อยสร้อยประคำได้ด้วยตัวเอง
ครั้นได้เข้าวัดไหว้พระและขอพรกันจนอิ่มบุญอิ่มใจอย่างเต็มที่แล้ว แน่นอนว่ามากับคณะทัวร์ไทยไม่ว่าจะไปเที่ยวยังประเทศไหน จังหวัดไหน เมืองไหน สิ่งสำคัญในการเที่ยวที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทัวร์ไทย คือการพาไปชอปปิ้ง
ดังนั้นพวกเราจึงได้เดินทางมุ่งตรงไปยังย่านชอปปิ้งที่มีชื่อเสียงของเมืองเซนได (Sendai) กันที่ “ย่านอิจิบันโจ” (Ichibancho) ที่นี่เป็นเเหล่งชอปปิ้งยอดฮิต เป็นถนนเส้นยาวที่ชวนเดินชอปปิ้งแบบสบายๆ เพราะมีหลังคาโปร่งแสงสร้างไว้อย่างแข็งแรงและสวยงามคลุมถนนไปตลอดแนวทางเดิน
ตลอดสองข้างทางของถนนสายชอปปิ้งนี้ มีร้านค้ามากมายให้เหล่านักช้อปได้เดินชอปปิ้งละลายทรัพย์กันอย่างจุใจ มีทั้งร้านค้าแบรนด์เนม ร้านขายเครื่องสำอางชั้นนำของญี่ปุ่น ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายรองเท้า ร้านอาหาร และร้านขายสินค้าอีกหลายหลากที่นักช้อปปรารถนาเรียกได้ว่าที่นี่เป็นสวรรค์ของนักช้อป ซึ่งพวกเราได้ปิดฉากทริปเที่ยวจังหวัดมิยางิลงอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมกับความรู้สึกสุขล้นใจ ที่ได้มาเยือนภูมิภาคโทโฮกุ ประเทศญี่ปุ่น
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บริษัท เวิลด์โปรแทรเวิล จำกัด (World Pro Travel Co.,LTD.)เป็นบริษัททัวร์ที่มีการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวอันหลากหลายมีความแปลกใหม่ ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบการท่องเที่ยวได้เปิดโลกกว้าง ออกไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกอันงดงาม ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2026-3372, line id : wpoutbound หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.worldprotravel.com/tour-program และ www.facebook.com/WorldProTravel หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ E-mail : outbound@worldprotravel.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager