Facebook :Travel @ Manager
ประเทศไทยช่างร้อนแสนร้อน ฤดูหนาวของบ้านเราเรียกว่าแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ มีแต่ฤดูร้อนน้อย ร้อนมาก และร้อนมากที่สุด “ตะลอนเที่ยว” อยากจะสัมผัสฤดูหนาวที่แท้จริงกับเขาบ้าง และแล้วเหมือนสวรรค์จะเห็นใจและเข้าข้าง เมื่อเรามีโอกาสได้รับคำชวนจาก คุณตุ้ย รุ่งนภา คำพญา กรรมการผู้จัดการบริษัท “บริษัท เวิลด์โปร แทรเวิล จำกัด” (World Pro Travel Co.,LTD.) ชวนไปเปิดโลกกว้างท่องเที่ยวสัมผัสกับทัศนียภาพของหิมะอันสวยงามของประเทศญี่ปุ่นในฤดูหนาวกัน
โดยการไปเยือนประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ คณะทัวร์ของเรามีจุดมุ่งหมายไปเที่ยวที่ “ภูมิภาคโทโฮกุ” (Tohoku) คำว่า “โทโฮกุ” แปลว่า “ตะวันออกเฉียงเหนือ” เป็นดินแดนที่ครอบคลุมพื้นที่ 1 ใน 4 ของเกาะฮอนชู โดยมีชื่อเดิมว่า "มิจิโนกุ" แปลว่าถนนสายในหรือถนนสายแคบ เนื่องจากในอดีตนั้นการเดินทางเข้าถึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา และมีฤดูหนาวอันโหดร้าย แต่ถึงกระนั้นโทโฮกุก็เป็นดินแดนที่ยังคงไว้ด้วยธรรมชาติอันสวยสดงดงาม ซึ่งภูมิภาค “โทโฮกุ” นั้นประกอบไปด้วย 6 จังหวัด คือ อาโอโมริ (Aomori) อิวาเตะ (Iwate) มิยางิ (Miyagi) อาคิตะ (Akit) ยามากาตะ (Yamagata) และ ฟุกุชิมะ (Fukushima) โดยมีเซนได (Sendai) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของภูมิภาค
เมื่อถึงวันนัดหมาย “ตะลอนเที่ยว” พร้อมกับคณะทัวร์ชาวไทยได้พร้อมใจกันบินลัดฟ้าจากประเทศไทย โดยการเช่าเหมาลำการบินไทย Charter Flight ไปสู่โทโฮกุ ซึ่งเป็นการบินแบบ Charter Flight ครั้งแรก ที่มุ่งตรงสู่จุดหมายปลายทางที่เมืองเซนได (Sendai) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงยังสนามบินเซนได เมื่อมาถึงพวกเราก็ประทับใจกับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากทางสมาคม Michinoku ซึ่งเป็นสมาคมที่ก่อกำเนิดขึ้นมาเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮกุ ซึ่งคุณตุ้ยได้มาเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับทางสมาคมนี้ด้วย โดยมีความตั้งใจที่จะช่วยโปรโมทให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้รู้จักโทโฮกุมากขึ้น และมาเที่ยวมาสัมผัสกับหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามของภูมิภาคโทโฮกุนี้
หลังจากประทับใจกับการต้อนรับด้วยมิตรไมตรีอันดีงามที่แสนจะชื่นมื่นแล้ว การเปิดฉากท่องเที่ยวโทโฮกุของคณะทัวร์เราก็เริ่มขึ้นทันที พวกเรามุ่งหน้ามาเที่ยวกันที่จังหวัด “ยามากาตะ” (Yamagata) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของโทโฮกุ ในยามฤดูหนาวเช่นนี้ จ.ยามากาตะมีสถานที่ท่องเที่ยวชูโรงยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายใฝ่ฝัน หรือเรียกว่าหากใครได้มาเยือนยามากาตะแล้วห้ามพลาดสถานที่เที่ยวแห่งนี้ด้วยประการทั้งปวง นั่นคือการไปเยือน “ภูเขาซาโอะ” (Mount Zao) ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ทอดตัวตัดระหว่าง จ.มิยางิ และจ.ยามากาตะ เพื่อมาชม “ปีศาจหิมะ” (Snow Monsters) หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “จูเฮียว” (Juhyo) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น จากต้นสนที่ขึ้นอยู่ตามเขาที่เคยเขียวขจีจะแปรเปลี่ยนสภาพเป็นสีขาวโพลนไปหมด เมื่อป่าสนโดนหิมะปกคลุมไปทั่ว และต้นสนถูกหิมะทับถมหนาขึ้น ทำให้รูปทรงของหิมะบนต้นสน แปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นรูปทรงต่าง ๆ ที่ดูแล้วคล้ายกับเหล่าปีศาจยักษ์สีขาวกำลังเดินขึ้นเขาดูงดงามแปลกตายิ่งนัก
คณะทัวร์ของเราเลือกมาเที่ยวภูเขาซาโอะกันทางฝั่ง จ.ยามากาตะ เพื่อที่จะได้นั่งกระเช้าไฟฟ้า (Ropeway) ขึ้นไปชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างสรรค์ขึ้นมา การจะขึ้นไปชมปีศาจหิมะจะต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปถึง 2 ช่วง ช่วงแรกมีความยาว 1,734 เมตร ซึ่งตลอด 2 ข้างทางจะได้เห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามชวนยล มองเห็นต้นสนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนไปหมดดูงดงามจับตา กระเช้าไฟฟ้าจะค่อยๆ เคลื่อนตัวไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็มาถึงยังจุดเปลี่ยนกระเช้าไฟฟ้าช่วงที่ 2 ที่มีความสูงเพิ่มขึ้นความยาวบนลาดเขาอยู่ที่ 1,872 เมตร ยิ่งสูงวิวสองข้างทางก็ยิ่งสวยจับใจ จะได้เห็นต้นสนที่ถูกหิมะปกคลุมมีรูปร่างแปลกตามากยิ่งขึ้น
กระทั่งในที่สุดกระเช้าไฟฟ้าก็มาถึงยังจุดหมายยอดเขาซาโอะด้านบน ที่เมื่อแรกก้าวเท้าอออกไปยังลานกว้าง แล้วเดินไปตามแนวเส้นทางเดินไปเรื่อยๆ ก็จะได้ตื่นตาตื่นใจกับเหล่าปีศาจหิมะที่อยู่เบื้องหน้าอย่างใกล้ชิด (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยว่าเปิดเป็นใจหรือไม่ เพราะถ้าฟ้าปิดก็ไม่สามารถเห็นปีศาจหิมะเป็นตัวๆ ได้อย่างเด่นชัด) ตรงจุดนี้เราได้ชมได้ถ่ายรูปคู่กับปีศาจหิมะท่ามกลางความหนาวยะเยือก ช่างเป็นความประทับใจเกินจะบรรยายได้ และหากเดินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะได้พบกับพระพุทธรูปที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางหิมะอันขาวโพลน แล้วถ้าหากได้ขึ้นมาชมปีศาจหิมะในช่วงกลางคืน ก็จะตื่นใจตื่นตาไปกับการเปิดไฟ Light-up ที่ส่องสีสันสวยงามไปยังผืนป่าจูเฮียว ดูสวยงดงามไปอีกแบบ
ครั้นได้ชื่นชมกับเหล่าปีศาจหิมะจนสมใจปรารถนา คณะทัวร์ของเราก็นั่งกระเช้าไฟฟ้ากลับลงมายังด้านล่าง ซึ่งระหว่างทางที่ลงมายังจุดด้านล่าง ก็จะได้เห็นเหล่านักเล่นสกี พากันเล่นสกี สโนว์บอร์ด กันอย่างสนุกสนาน เพราะว่าที่ภูเขาซาโอะถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเล่นสกียอดนิยมของยามากาตะ
แม้ว่าคณะทัวร์ของเราจะไม่ได้ลงไปสัมผัสการเล่นสกีกัน แต่ก็ใช่ว่าความสนุกกับหิมะจะหยุดอยู่แค่นี้ เพราะจุดหมายปลายทางถัดไปนั้นความสนุกกำลังรออยู่ เพราะว่าพวกเราได้มาเที่ยว “เทศกาลฤดูหนาวของเมืองชินโจ” (Shinjo Snow Festival) ที่จัดขึ้น ณ ลานกิจกรรมบริเวณด้านหลังสถานีรถไฟเมืองชินโจ (Shinjo Station) เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเฉพาะช่วงฤดูหนาว เพื่อให้ชาวเมืองชินโจ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจากเมืองอื่นๆ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้มาสัมผัสกับกิจกรรมฤดูหนาวอันหลากหลาย
เมื่อมาถึงงานบอกได้เลยว่าออกอาการตื่นเต้นไม่น้อย เพราะว่าพวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ และเชื้อเชิญให้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น ซึ่งในเมืองไทยบ้านเราไม่มีให้สัมผัสอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น Snow Mobile ที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยขับขี่ Snow Mobile แล้วให้เรานั่งซ้อนไป ขับไปตามเส้นทางที่ตระเตรียมไว้ ตะลุยฝ่าหิมะไปอย่างสนุกสนาน แล้วยังมี Snow Banana Boat ที่ก็คล้ายกับการเล่นบานาน่าโบ๊ตที่บ้านเรา แต่แทนที่จะเล่นในทะเลหรือในแม่น้ำ แต่ที่นี่เล่นบนลานน้ำแข็ง ท่ามกลางหิมะโปรยปรายเรียกว่าสนุกสนานเพลิดเพลินเป็นยิ่งนัก
ยังไม่พอเครื่องเล่นอื่นๆ ยังให้ได้เล่นสนุกกันอีก ไม่ว่าจะเป็น Sledding ที่จะมีเป็นเหมือนถาดสี่เหลี่ยมๆ ให้เอาตัวลงไปนั่งแล้วก็แล่นไถลลงมาจากเนินหิมะ เรียกความตื่นเต้นและเสียงกรี๊ดได้ไม่น้อย หรือเลือกสนุกกับการการไถลห่วงยางลงจากเนินหิมะก็สร้างความสนุกไม่น้อยเลย
นอกจากกิจกรรมต่างๆ ที่มีให้เล่นสนุกอย่างเพลินเพลิดแล้ว ในเทศกาลก็ยังมีการออกร้านจำหน่ายสารพัดของดีของเด่นเมืองชินโจ มีของกินอร่อยๆ ให้ได้ลองลิ้ม มีของเล่นสนุกในสไตล์แบบญี่ปุ่นให้ได้ร่วมเล่นสนุกมากมาย
หลังจากได้สนุกสนานกับการเล่นเครื่องเล่นต่างๆ มากมายท่ามกลางหิมะกันจนหนำใจแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อไปยัง “ไร่สตรอเบอร์รี่” ที่เมืองซากาเอะ (Sagae) ยามฤดูหนาวเช่นนี้ จะมีไร่สตรอเบอร์รี่หลายแห่ง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชมไร่และสามารถเก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ ด้วยตัวเองได้เลย
เมื่อคณะทัวร์ของเราได้เข้ามายังไร่สตรอเบอร์รี่ หลายคนถึงกับร้องว้าว!! รวมถึง “ตะลอนเที่ยว” ด้วย เพราะว่าไร่สตรอเบอร์รี่ที่นี่เป็นแบบโรงเรือนปิดมิดชิด มีความสะอาดสะอ้าน ภายในไร่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่แปลงสตรอบเบอร์รี่ ที่มีผลสตรอเบอร์รี่สีแดงสด ลูกเล็กลูกใหญ่คละขนาดกันไป ให้พวกเราได้เด็ดกินแบบอิ่มไม่อั้น ราคา 1,600 เยนต่อคน สามารถเด็ดกินสตรอเบอร์รี่ที่หอมหวานอร่อยได้แบบไม่อั้นภายใน 30 นาที เรียกว่าทุกคนต่างเดินชมแปลงสตรอเบอร์รี่ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเด็ดสตรอเบอร์รี่ชิมกันอย่างเพลินเพลินจำเริญใจ เล่นเอาแทบอิ่มพุงกางกับสตรอเบอร์รี่ที่หวานสดกรอบฉ่ำปาก อร่อยโดนใจเอามากๆ แถมถ้าหากใครยังไม่หนำใจกับการเก็บกินเองเมื่อเวลาหมดแล้ว ทางไร่ก็ยังมีสตรอเบอร์รี่สดที่คัดขนาดลูกโตๆ ใส่กล่องขายให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
อิ่มกับสตรอบเบอร์รี่จนพุงกางกันแล้ว คณะทัวร์เราก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวถัดไป ที่ถ้ามาเยือนยามากาตะแล้ว ก็ต้องห้ามพลาดที่จะมาไหว้พระขอพรยังวัดชื่อดังแห่งนี้ “วัดยามาเดระ” (Yamadera Temple) เป็นการรวมของคำสองคำ คือ Yama แปลว่า ภูเขา และ Dera แปลว่า วัด ฉะนั้นจึงแปลตรงตัวได้ว่า “วัดภูเขา” แต่อันที่จริงวัดแห่งนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "ริชชะกุจิ" (Risshakuji) และยังได้อีกชื่อว่า "วัดบันไดพันขั้น" เพราะการมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้จะมีบันไดกว่าพันขั้นให้ได้เดินไล่เรียงขึ้นไปตามหุบเขา เพื่อจะได้ชมสิ่งสวยงามอันเก่าแก่ต่างๆ ของวัดโดยทั่ว พร้อมกับได้ชื่นชมกับทัศนียภาพแห่งขุนเขาอันงดงาม
สำหรับ “วัดยามาเดระ” แห่งนี้เป็นวัดนิกายเทนได สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.860 มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี และเป็นวัดที่ภูมิทัศน์สวยงาม เพราะตั้งอยู่ในภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองยามากาตะ ในหน้าหนาวเช่นนี้วัดยามาเดระที่ตั้งโดนเด่นเป็นสง่าอยู่บนหุบเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอันขาวโพลน ช่างมีทัศนียภาพที่งดงามเป็นยิ่งนัก เมื่อเดินขึ้นบันไดมาเพียงเล็กน้อย ก็จะถึงตัววัดแล้วได้พบกับวิหาร Konponchudo มีพระสังกัจจายน์ประดิษฐานอยู่ ตรงจุดนี้นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมกับลูบท้องพระแล้วอธิษฐานในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ซึ่งเชื่อกันว่าทุกคนจะสมปรารถนาตามใจหวัง
ภายในวัดหากเดินไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะมีบันไดกว่าพันขั้น ให้เดินขึ้นไปชมวัดบนหุบเขาด้านบน จะได้พบกับสิ่งปลูกสร้างต่างๆ อาทิ ประตู Niomon ประตูป้องกันสิ่งชั่วร้าย, วิหาร Okunoin, Kaisendo Hall ที่ตั้งอยู่บนหน้าผา, Nokyodo วิหารสีแดง และภายในวัดยังมีพระพุทธรูปหิน แผ่นป้ายสลักหินต่างๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางหิมะให้ได้ชมกัน
ได้ไหว้พระจนอิ่มบุญอิ่มใจกันแล้ว แต่ว่ายังไม่อิ่มท้องทำยังไงดี ไม่เรื่องยากก็แวะหาของกินอร่อยๆ ใส่ท้องกันดีกว่า คณะทัวร์ของเราตรงดิ่งมาที่เมืองโชไน โดยมีเป้าหมายมาที่ร้าน “Kiyokawaya” เป็นร้านขายขนมชื่อดังที่ดำเนินธุรกิจมานมนานมีอายุยาวนานเก่าแก่ถึง 352 ปี
ภายในร้านแห่งนี้มีขนมชื่อดังของร้านให้เลือกซื้อหาชิมกันอย่างมากมาย อาทิ เค้กนมสด ชีสเค้ก คุกกี้ช็อกโกแลต พุดดิ้งถั่วแระ และขนมขายดีของทางร้านอีกหลากหลาย รวมถึงที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าโอทอปของดีมีคุณภาพที่ชวนให้ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน และภายในร้านยังมีโซนโต๊ะนั่งให้ได้นั่งจิบชา ดื่มกาแฟ และกินขนมอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศร้านสวยที่ชวนนั่งสบายๆ
พอท้องอิ่มแล้วหลังตาก็เริ่มหย่อน พร้อมที่อยากจะพักผ่อนกันแล้ว ในทริปนี้คณะทัวร์เราได้มาเข้าพักที่โรงแรม “Rich & Garden Sakata” ตั้งอยู่กลางใจเมืองซากาตะ (Sakata) โรงแรมแห่งนี้มีความสะดวกสบายครบครัน และที่สำคัญเมื่อพวกเรามาเป็นคณะทัวร์กับทางเวิลด์โปร แทรเวิล ทางโรงแรมได้มีการงานเลี้ยงต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราเป็นพิเศษด้วย โดยได้จำลองงานวัดแบบญี่ปุ่นให้พวกเราชาวไทยได้สัมผัสกัน มีการนำเอาชุดกิโมโนที่สวยงามของคนญี่ปุ่นให้ได้ลองสวมใส่ถ่ายรูป
มีการโชว์แล่ปลาบุริ มีซุ้มยิงปืนที่คล้ายๆ กับการยิงปืนจุกน้ำปลาแบบบ้านเรา ที่ถ้าใครยิงโดนของรางวัลอันไหนก็รับกลับบ้านไปได้เลย มีซุ้มโชว์การปล่อยเส้นราเมงมาตามรางน้ำไม้ไผ่ แล้วให้คอยคีบเส้นราเมงขึ้นมาใส่ชามกินอย่างสนุกสาน มีการสอนทำทาโกะยากิ อีกทั้งยังมีซุ้มอาหารญี่ปุ่นทั้งคาวและหวานให้ได้อิ่มอร่อยกันอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยังมีการแสดงการโชว์ร่ายรำแบบญี่ปุ่น และให้พวกเราชาวไทยได้ร่วมวงร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานครื้นเครง จากนั้นคณะทัวร์ของเราก็แยกย้ายกันไปนอน พร้อมกับการกล่าวลาด้วยคำว่า “โอะยะซุมินะไซ” (Oyasuminasai) ราตรีสวัสดิ์
ค่ำคืนนั้น “ตะลอนเที่ยว” รู้ตัวเลยว่านอนหลับฝันดีเป็นอย่างมาก เพราะตลอดทริปแห่งการมาเยือนภูมิภาคโทโฮกุ จังหวัดยามากาตะในครั้งนี้ เป็นการเปิดโลกกว้างใบใหม่ที่มีแต่ความรู้สึกที่ดีอันตราตรึงใจ จนไม่มีคำไหนที่จะพูดได้ดีไปกว่าคำนี้ “โทโฮกุฉันตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บริษัท เวิลด์โปร แทรเวิล จำกัด (World Pro Travel Co.,LTD.) เป็นบริษัททัวร์ที่มีการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวอันหลากหลายมีความแปลกใหม่ ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบการท่องเที่ยวได้เปิดโลกกว้าง ออกไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกอันงดงาม ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2026-3372, line id : wpoutbound หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.worldprotravel.com/tour-program, www.facebook.com/WorldProTravel, E-mail : outbound@worldprotravel.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ประเทศไทยช่างร้อนแสนร้อน ฤดูหนาวของบ้านเราเรียกว่าแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ มีแต่ฤดูร้อนน้อย ร้อนมาก และร้อนมากที่สุด “ตะลอนเที่ยว” อยากจะสัมผัสฤดูหนาวที่แท้จริงกับเขาบ้าง และแล้วเหมือนสวรรค์จะเห็นใจและเข้าข้าง เมื่อเรามีโอกาสได้รับคำชวนจาก คุณตุ้ย รุ่งนภา คำพญา กรรมการผู้จัดการบริษัท “บริษัท เวิลด์โปร แทรเวิล จำกัด” (World Pro Travel Co.,LTD.) ชวนไปเปิดโลกกว้างท่องเที่ยวสัมผัสกับทัศนียภาพของหิมะอันสวยงามของประเทศญี่ปุ่นในฤดูหนาวกัน
โดยการไปเยือนประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ คณะทัวร์ของเรามีจุดมุ่งหมายไปเที่ยวที่ “ภูมิภาคโทโฮกุ” (Tohoku) คำว่า “โทโฮกุ” แปลว่า “ตะวันออกเฉียงเหนือ” เป็นดินแดนที่ครอบคลุมพื้นที่ 1 ใน 4 ของเกาะฮอนชู โดยมีชื่อเดิมว่า "มิจิโนกุ" แปลว่าถนนสายในหรือถนนสายแคบ เนื่องจากในอดีตนั้นการเดินทางเข้าถึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา และมีฤดูหนาวอันโหดร้าย แต่ถึงกระนั้นโทโฮกุก็เป็นดินแดนที่ยังคงไว้ด้วยธรรมชาติอันสวยสดงดงาม ซึ่งภูมิภาค “โทโฮกุ” นั้นประกอบไปด้วย 6 จังหวัด คือ อาโอโมริ (Aomori) อิวาเตะ (Iwate) มิยางิ (Miyagi) อาคิตะ (Akit) ยามากาตะ (Yamagata) และ ฟุกุชิมะ (Fukushima) โดยมีเซนได (Sendai) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของภูมิภาค
เมื่อถึงวันนัดหมาย “ตะลอนเที่ยว” พร้อมกับคณะทัวร์ชาวไทยได้พร้อมใจกันบินลัดฟ้าจากประเทศไทย โดยการเช่าเหมาลำการบินไทย Charter Flight ไปสู่โทโฮกุ ซึ่งเป็นการบินแบบ Charter Flight ครั้งแรก ที่มุ่งตรงสู่จุดหมายปลายทางที่เมืองเซนได (Sendai) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงยังสนามบินเซนได เมื่อมาถึงพวกเราก็ประทับใจกับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากทางสมาคม Michinoku ซึ่งเป็นสมาคมที่ก่อกำเนิดขึ้นมาเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮกุ ซึ่งคุณตุ้ยได้มาเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับทางสมาคมนี้ด้วย โดยมีความตั้งใจที่จะช่วยโปรโมทให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้รู้จักโทโฮกุมากขึ้น และมาเที่ยวมาสัมผัสกับหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามของภูมิภาคโทโฮกุนี้
หลังจากประทับใจกับการต้อนรับด้วยมิตรไมตรีอันดีงามที่แสนจะชื่นมื่นแล้ว การเปิดฉากท่องเที่ยวโทโฮกุของคณะทัวร์เราก็เริ่มขึ้นทันที พวกเรามุ่งหน้ามาเที่ยวกันที่จังหวัด “ยามากาตะ” (Yamagata) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของโทโฮกุ ในยามฤดูหนาวเช่นนี้ จ.ยามากาตะมีสถานที่ท่องเที่ยวชูโรงยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายใฝ่ฝัน หรือเรียกว่าหากใครได้มาเยือนยามากาตะแล้วห้ามพลาดสถานที่เที่ยวแห่งนี้ด้วยประการทั้งปวง นั่นคือการไปเยือน “ภูเขาซาโอะ” (Mount Zao) ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ทอดตัวตัดระหว่าง จ.มิยางิ และจ.ยามากาตะ เพื่อมาชม “ปีศาจหิมะ” (Snow Monsters) หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “จูเฮียว” (Juhyo) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น จากต้นสนที่ขึ้นอยู่ตามเขาที่เคยเขียวขจีจะแปรเปลี่ยนสภาพเป็นสีขาวโพลนไปหมด เมื่อป่าสนโดนหิมะปกคลุมไปทั่ว และต้นสนถูกหิมะทับถมหนาขึ้น ทำให้รูปทรงของหิมะบนต้นสน แปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นรูปทรงต่าง ๆ ที่ดูแล้วคล้ายกับเหล่าปีศาจยักษ์สีขาวกำลังเดินขึ้นเขาดูงดงามแปลกตายิ่งนัก
คณะทัวร์ของเราเลือกมาเที่ยวภูเขาซาโอะกันทางฝั่ง จ.ยามากาตะ เพื่อที่จะได้นั่งกระเช้าไฟฟ้า (Ropeway) ขึ้นไปชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างสรรค์ขึ้นมา การจะขึ้นไปชมปีศาจหิมะจะต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปถึง 2 ช่วง ช่วงแรกมีความยาว 1,734 เมตร ซึ่งตลอด 2 ข้างทางจะได้เห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามชวนยล มองเห็นต้นสนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนไปหมดดูงดงามจับตา กระเช้าไฟฟ้าจะค่อยๆ เคลื่อนตัวไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็มาถึงยังจุดเปลี่ยนกระเช้าไฟฟ้าช่วงที่ 2 ที่มีความสูงเพิ่มขึ้นความยาวบนลาดเขาอยู่ที่ 1,872 เมตร ยิ่งสูงวิวสองข้างทางก็ยิ่งสวยจับใจ จะได้เห็นต้นสนที่ถูกหิมะปกคลุมมีรูปร่างแปลกตามากยิ่งขึ้น
กระทั่งในที่สุดกระเช้าไฟฟ้าก็มาถึงยังจุดหมายยอดเขาซาโอะด้านบน ที่เมื่อแรกก้าวเท้าอออกไปยังลานกว้าง แล้วเดินไปตามแนวเส้นทางเดินไปเรื่อยๆ ก็จะได้ตื่นตาตื่นใจกับเหล่าปีศาจหิมะที่อยู่เบื้องหน้าอย่างใกล้ชิด (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยว่าเปิดเป็นใจหรือไม่ เพราะถ้าฟ้าปิดก็ไม่สามารถเห็นปีศาจหิมะเป็นตัวๆ ได้อย่างเด่นชัด) ตรงจุดนี้เราได้ชมได้ถ่ายรูปคู่กับปีศาจหิมะท่ามกลางความหนาวยะเยือก ช่างเป็นความประทับใจเกินจะบรรยายได้ และหากเดินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะได้พบกับพระพุทธรูปที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางหิมะอันขาวโพลน แล้วถ้าหากได้ขึ้นมาชมปีศาจหิมะในช่วงกลางคืน ก็จะตื่นใจตื่นตาไปกับการเปิดไฟ Light-up ที่ส่องสีสันสวยงามไปยังผืนป่าจูเฮียว ดูสวยงดงามไปอีกแบบ
ครั้นได้ชื่นชมกับเหล่าปีศาจหิมะจนสมใจปรารถนา คณะทัวร์ของเราก็นั่งกระเช้าไฟฟ้ากลับลงมายังด้านล่าง ซึ่งระหว่างทางที่ลงมายังจุดด้านล่าง ก็จะได้เห็นเหล่านักเล่นสกี พากันเล่นสกี สโนว์บอร์ด กันอย่างสนุกสนาน เพราะว่าที่ภูเขาซาโอะถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเล่นสกียอดนิยมของยามากาตะ
แม้ว่าคณะทัวร์ของเราจะไม่ได้ลงไปสัมผัสการเล่นสกีกัน แต่ก็ใช่ว่าความสนุกกับหิมะจะหยุดอยู่แค่นี้ เพราะจุดหมายปลายทางถัดไปนั้นความสนุกกำลังรออยู่ เพราะว่าพวกเราได้มาเที่ยว “เทศกาลฤดูหนาวของเมืองชินโจ” (Shinjo Snow Festival) ที่จัดขึ้น ณ ลานกิจกรรมบริเวณด้านหลังสถานีรถไฟเมืองชินโจ (Shinjo Station) เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเฉพาะช่วงฤดูหนาว เพื่อให้ชาวเมืองชินโจ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจากเมืองอื่นๆ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้มาสัมผัสกับกิจกรรมฤดูหนาวอันหลากหลาย
เมื่อมาถึงงานบอกได้เลยว่าออกอาการตื่นเต้นไม่น้อย เพราะว่าพวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ และเชื้อเชิญให้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น ซึ่งในเมืองไทยบ้านเราไม่มีให้สัมผัสอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น Snow Mobile ที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยขับขี่ Snow Mobile แล้วให้เรานั่งซ้อนไป ขับไปตามเส้นทางที่ตระเตรียมไว้ ตะลุยฝ่าหิมะไปอย่างสนุกสนาน แล้วยังมี Snow Banana Boat ที่ก็คล้ายกับการเล่นบานาน่าโบ๊ตที่บ้านเรา แต่แทนที่จะเล่นในทะเลหรือในแม่น้ำ แต่ที่นี่เล่นบนลานน้ำแข็ง ท่ามกลางหิมะโปรยปรายเรียกว่าสนุกสนานเพลิดเพลินเป็นยิ่งนัก
ยังไม่พอเครื่องเล่นอื่นๆ ยังให้ได้เล่นสนุกกันอีก ไม่ว่าจะเป็น Sledding ที่จะมีเป็นเหมือนถาดสี่เหลี่ยมๆ ให้เอาตัวลงไปนั่งแล้วก็แล่นไถลลงมาจากเนินหิมะ เรียกความตื่นเต้นและเสียงกรี๊ดได้ไม่น้อย หรือเลือกสนุกกับการการไถลห่วงยางลงจากเนินหิมะก็สร้างความสนุกไม่น้อยเลย
นอกจากกิจกรรมต่างๆ ที่มีให้เล่นสนุกอย่างเพลินเพลิดแล้ว ในเทศกาลก็ยังมีการออกร้านจำหน่ายสารพัดของดีของเด่นเมืองชินโจ มีของกินอร่อยๆ ให้ได้ลองลิ้ม มีของเล่นสนุกในสไตล์แบบญี่ปุ่นให้ได้ร่วมเล่นสนุกมากมาย
หลังจากได้สนุกสนานกับการเล่นเครื่องเล่นต่างๆ มากมายท่ามกลางหิมะกันจนหนำใจแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อไปยัง “ไร่สตรอเบอร์รี่” ที่เมืองซากาเอะ (Sagae) ยามฤดูหนาวเช่นนี้ จะมีไร่สตรอเบอร์รี่หลายแห่ง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชมไร่และสามารถเก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ ด้วยตัวเองได้เลย
เมื่อคณะทัวร์ของเราได้เข้ามายังไร่สตรอเบอร์รี่ หลายคนถึงกับร้องว้าว!! รวมถึง “ตะลอนเที่ยว” ด้วย เพราะว่าไร่สตรอเบอร์รี่ที่นี่เป็นแบบโรงเรือนปิดมิดชิด มีความสะอาดสะอ้าน ภายในไร่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่แปลงสตรอบเบอร์รี่ ที่มีผลสตรอเบอร์รี่สีแดงสด ลูกเล็กลูกใหญ่คละขนาดกันไป ให้พวกเราได้เด็ดกินแบบอิ่มไม่อั้น ราคา 1,600 เยนต่อคน สามารถเด็ดกินสตรอเบอร์รี่ที่หอมหวานอร่อยได้แบบไม่อั้นภายใน 30 นาที เรียกว่าทุกคนต่างเดินชมแปลงสตรอเบอร์รี่ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเด็ดสตรอเบอร์รี่ชิมกันอย่างเพลินเพลินจำเริญใจ เล่นเอาแทบอิ่มพุงกางกับสตรอเบอร์รี่ที่หวานสดกรอบฉ่ำปาก อร่อยโดนใจเอามากๆ แถมถ้าหากใครยังไม่หนำใจกับการเก็บกินเองเมื่อเวลาหมดแล้ว ทางไร่ก็ยังมีสตรอเบอร์รี่สดที่คัดขนาดลูกโตๆ ใส่กล่องขายให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
อิ่มกับสตรอบเบอร์รี่จนพุงกางกันแล้ว คณะทัวร์เราก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวถัดไป ที่ถ้ามาเยือนยามากาตะแล้ว ก็ต้องห้ามพลาดที่จะมาไหว้พระขอพรยังวัดชื่อดังแห่งนี้ “วัดยามาเดระ” (Yamadera Temple) เป็นการรวมของคำสองคำ คือ Yama แปลว่า ภูเขา และ Dera แปลว่า วัด ฉะนั้นจึงแปลตรงตัวได้ว่า “วัดภูเขา” แต่อันที่จริงวัดแห่งนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "ริชชะกุจิ" (Risshakuji) และยังได้อีกชื่อว่า "วัดบันไดพันขั้น" เพราะการมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้จะมีบันไดกว่าพันขั้นให้ได้เดินไล่เรียงขึ้นไปตามหุบเขา เพื่อจะได้ชมสิ่งสวยงามอันเก่าแก่ต่างๆ ของวัดโดยทั่ว พร้อมกับได้ชื่นชมกับทัศนียภาพแห่งขุนเขาอันงดงาม
สำหรับ “วัดยามาเดระ” แห่งนี้เป็นวัดนิกายเทนได สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.860 มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี และเป็นวัดที่ภูมิทัศน์สวยงาม เพราะตั้งอยู่ในภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองยามากาตะ ในหน้าหนาวเช่นนี้วัดยามาเดระที่ตั้งโดนเด่นเป็นสง่าอยู่บนหุบเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอันขาวโพลน ช่างมีทัศนียภาพที่งดงามเป็นยิ่งนัก เมื่อเดินขึ้นบันไดมาเพียงเล็กน้อย ก็จะถึงตัววัดแล้วได้พบกับวิหาร Konponchudo มีพระสังกัจจายน์ประดิษฐานอยู่ ตรงจุดนี้นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมกับลูบท้องพระแล้วอธิษฐานในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ซึ่งเชื่อกันว่าทุกคนจะสมปรารถนาตามใจหวัง
ภายในวัดหากเดินไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะมีบันไดกว่าพันขั้น ให้เดินขึ้นไปชมวัดบนหุบเขาด้านบน จะได้พบกับสิ่งปลูกสร้างต่างๆ อาทิ ประตู Niomon ประตูป้องกันสิ่งชั่วร้าย, วิหาร Okunoin, Kaisendo Hall ที่ตั้งอยู่บนหน้าผา, Nokyodo วิหารสีแดง และภายในวัดยังมีพระพุทธรูปหิน แผ่นป้ายสลักหินต่างๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางหิมะให้ได้ชมกัน
ได้ไหว้พระจนอิ่มบุญอิ่มใจกันแล้ว แต่ว่ายังไม่อิ่มท้องทำยังไงดี ไม่เรื่องยากก็แวะหาของกินอร่อยๆ ใส่ท้องกันดีกว่า คณะทัวร์ของเราตรงดิ่งมาที่เมืองโชไน โดยมีเป้าหมายมาที่ร้าน “Kiyokawaya” เป็นร้านขายขนมชื่อดังที่ดำเนินธุรกิจมานมนานมีอายุยาวนานเก่าแก่ถึง 352 ปี
ภายในร้านแห่งนี้มีขนมชื่อดังของร้านให้เลือกซื้อหาชิมกันอย่างมากมาย อาทิ เค้กนมสด ชีสเค้ก คุกกี้ช็อกโกแลต พุดดิ้งถั่วแระ และขนมขายดีของทางร้านอีกหลากหลาย รวมถึงที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าโอทอปของดีมีคุณภาพที่ชวนให้ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน และภายในร้านยังมีโซนโต๊ะนั่งให้ได้นั่งจิบชา ดื่มกาแฟ และกินขนมอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศร้านสวยที่ชวนนั่งสบายๆ
พอท้องอิ่มแล้วหลังตาก็เริ่มหย่อน พร้อมที่อยากจะพักผ่อนกันแล้ว ในทริปนี้คณะทัวร์เราได้มาเข้าพักที่โรงแรม “Rich & Garden Sakata” ตั้งอยู่กลางใจเมืองซากาตะ (Sakata) โรงแรมแห่งนี้มีความสะดวกสบายครบครัน และที่สำคัญเมื่อพวกเรามาเป็นคณะทัวร์กับทางเวิลด์โปร แทรเวิล ทางโรงแรมได้มีการงานเลี้ยงต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราเป็นพิเศษด้วย โดยได้จำลองงานวัดแบบญี่ปุ่นให้พวกเราชาวไทยได้สัมผัสกัน มีการนำเอาชุดกิโมโนที่สวยงามของคนญี่ปุ่นให้ได้ลองสวมใส่ถ่ายรูป
มีการโชว์แล่ปลาบุริ มีซุ้มยิงปืนที่คล้ายๆ กับการยิงปืนจุกน้ำปลาแบบบ้านเรา ที่ถ้าใครยิงโดนของรางวัลอันไหนก็รับกลับบ้านไปได้เลย มีซุ้มโชว์การปล่อยเส้นราเมงมาตามรางน้ำไม้ไผ่ แล้วให้คอยคีบเส้นราเมงขึ้นมาใส่ชามกินอย่างสนุกสาน มีการสอนทำทาโกะยากิ อีกทั้งยังมีซุ้มอาหารญี่ปุ่นทั้งคาวและหวานให้ได้อิ่มอร่อยกันอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยังมีการแสดงการโชว์ร่ายรำแบบญี่ปุ่น และให้พวกเราชาวไทยได้ร่วมวงร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานครื้นเครง จากนั้นคณะทัวร์ของเราก็แยกย้ายกันไปนอน พร้อมกับการกล่าวลาด้วยคำว่า “โอะยะซุมินะไซ” (Oyasuminasai) ราตรีสวัสดิ์
ค่ำคืนนั้น “ตะลอนเที่ยว” รู้ตัวเลยว่านอนหลับฝันดีเป็นอย่างมาก เพราะตลอดทริปแห่งการมาเยือนภูมิภาคโทโฮกุ จังหวัดยามากาตะในครั้งนี้ เป็นการเปิดโลกกว้างใบใหม่ที่มีแต่ความรู้สึกที่ดีอันตราตรึงใจ จนไม่มีคำไหนที่จะพูดได้ดีไปกว่าคำนี้ “โทโฮกุฉันตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บริษัท เวิลด์โปร แทรเวิล จำกัด (World Pro Travel Co.,LTD.) เป็นบริษัททัวร์ที่มีการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวอันหลากหลายมีความแปลกใหม่ ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบการท่องเที่ยวได้เปิดโลกกว้าง ออกไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกอันงดงาม ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2026-3372, line id : wpoutbound หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.worldprotravel.com/tour-program, www.facebook.com/WorldProTravel, E-mail : outbound@worldprotravel.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager