xs
xsm
sm
md
lg

"ท่องเที่ยววิถีนนท์ ที่คนยังไม่รู้" ล่องเรือไหว้พระ ไหว้เจ้า เพียง 20 บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Facebook :Travel @ Manager
ภาพบรรยากาศขณะล่องเรือไหว้พระ
ในช่วงวันหยุดสุดเสาร์อาทิตย์ หากใครว่างๆ แล้วยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ฉันมีกิจกรรมดีๆ น่าสนใจมานำเสนอ สำหรับใครที่ชอบการทำบุญ ทำทาน นั้นไม่ควรพลาดกับกิจกรรม ล่องเรือไหว้พระ ไหว้เจ้า 11 แห่ง เสริมมงคล “ท่องเที่ยววิถีนนท์ ที่คนยังไม่รู้” ที่ทางเทศบาลนครนนทบุรี และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร (พื้นที่รับผิดชอบ : กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นนทบุรี) กับพันธมิตร ร่วมมือกันจัดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ของจังหวัดนนทบุรี ในราคาประหยัดเพียงแค่ 20 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเกินราคามาก
กิจกรรมนี้เริ่มต้นกันที่ “ศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ฯ”(พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี) ก่อนชาวคณะจะเดินทางไปยัง“ศาลเจ้าแม่ทับทิม” ที่ตั้งอยู่บริเวณข้างๆริมเขื่อนท่าน้ำนนทบุรี หรือที่รู้จักกันดีในนาม“ท่าน้ำนนท์”
ศาลเจ้าแม่ทับทิมแห่งนี้ ภายในศาลมีรูปปั้น “เจ้าแม่จุ้ยป่วยเนี้ยว” แปลว่าเจ้าแม่ชายน้ำหรือเทพธิดาแห่งท้องทะเลที่คอยปกป้องคุ้มครองผู้เดินทางทางเรือ หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกขานกันว่า“เจ้าแม่ทับทิม” ที่มาจากพลอยสีแดงทับทิมที่เป็นเครื่องประดับประจำพระองค์ โดยพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก เชื่อกันว่าหากใครขอพรในเรื่องของการทำมาค้าขายจะประสบความสำเร็จ กิจการรุ่งเรืองสมพรปรารถนา
ศาลเจ้าแม่ทับทิม
หลังกราบไหว้ขอพรจากเจ้าแม่ทับทิมเพื่อเสริมกำลังใจก่อนล่องเรือกันแล้ว เดินเท้าต่อไปอีกนิดจะถึงบริเวณริมเขื่อนท่าน้ำนนทบุรี ซึ่งเป็นจุดขึ้นเรือเพื่อที่จะข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่อไปคือ “ศาลหลักเมือง(เดิม)” ตั้งอยู่บริเวณใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทร์
ศาลหลักเมือง
ศาลหลักเมือง(เดิม)” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ศาลเจ้าพ่อปากคลองอ้อม" เป็นศาลที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี เป็นที่ประดิษฐานของเทพยดาที่ช่วยคุ้มครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรืองและมั่นคง ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวนนทบุรีเป็นอย่างมาก
ภายในศาลประดิษฐานองค์เจ้าพ่อหลักเมือง มีลักษณะเป็นเจว็ดไม้มงคลแกะสลัก แผ่นไม้รูปคล้ายใบเสมา แต่ทำทรงสูง ด้านหน้าจำหลักเป็นรูปเทวดายืน บนศีรษะสวมชฎาทรงสูง ให้ได้กราบไหว้เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตกัน
ภายในอุโบสถวัดโตนด
ต่อจากนั้นเราล่องเรือต่อไปยังคลองอ้อมนนท์ มุ่งหน้าสู่จัดต่อไปคือ “วัดโตนด” ซึ่งระหว่างทางที่ล่องเรือมานั้นก็จะผ่านย่านชุมชนริมน้ำ รับลมเย็นๆ พร้อมสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนริมแม่น้ำอย่างใกล้ชิดกันเลยทีเดียว มีกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การทอดผ้าป่ากลางน้ำแบบไม่เหมือนวัดไหนเลย
ที่วัดโตนด ภายในบริเวณวัดริมแม่น้ำในวันเสาร์-อาทิตย์จะมี“ตลาดน้ำวัดโตนด” มีสินค้า ร้านอาหารหลากหลายชนิดให้ได้เลือกชิมช้อปกันอย่างจุใจ อีกทั้งมีบริเวณพักผ่อนริมน้ำให้นั่งกินอาหารกันอย่างสบายใจในบรรยากาศสบายๆ นอกจากนี้ที่วัดโตนดก็ยังกิจกรรมน่าสนใจอื่นๆ อย่างเช่น มีจุดให้อาหารปลาสลายตัวโตๆ และให้อาหาร ไถ่ชีวิตโค-กระบือกันอีกด้วย
หลังจากชิมช้อปจากตลาดน้ำวัดโตนดกันแล้ว ก็ล่องเรือต่อไปอีกนิดเดียวก็จะถึง “วัดบางระโหง” มีหลวงพ่อใหญ่ เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ประจำอุโบสถหลังเก่า ทำด้วยศิลาแลงลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 69 นิ้ว สูง 89 นิ้ว เป็นพระพุทธปางมารวิชัย มีความเชื่อกันว่าหากหนุ่มๆ คนไหนไม่อยากเกณฑ์ทหาร หากได้มาสักการะหลวงพ่อใหญ่แล้วนั้นจะช่วยให้รอดจากการเกณฑ์ทหารได้ จึงทำให้มีผู้มาไหว้สักการะกันอยู่ทุกวันไม่ขาดสาย นอกจากนั้นยังมีปูชนียวัตถุและโบราณสถานที่สำคัญ เช่น พระอุโบสถ พระเจดีย์ทอง เจดีย์ทรงเครื่อง เป็นต้น
วัดบางระโหง
จากวัดบางระโหงเราล่องเรือกลับไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา ข้ามฝั่งไปยัง “วัดท้ายเมือง” ที่ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา
หลวงพ่อดำ วัดท้ายเมือง
วัดท้ายเมือง เป็นวัดเก่าแก่ที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในยุคสมัยไหน ภายในวัดมีศาสนาสถานที่สำคัญ คือ ศิลาหินอ่อนหน้าพระอุโบสถ วิหาร พระประธานประจำอุโบสถปางมารวิชัย พระประธานประจำศาลาการเปรียญปางสมาธิ(สร้างเมื่อ พ.ศ. 2535) พระแท่นจำลอง และพระปรางค์ประจำวันเกิด โดยมีพื้นที่ของแต่ละวันเกิดให้กราบสักการะอย่างสะดวกสบาย ร่มรื่น ถือเป็นวัดเก่าแก่คู่กับชาวตลาดขวัญและเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนนทบุรี
สำหรับจุดต่อไป เราเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการนั่งรถสองแถวที่ทางเทศบาลจัดเตรียมไว้ให้มุ่งหน้าสู่ “วัดกลางบางซื่อ” อีกหนึ่งวัดดังที่ชาวนนทบุรีให้ความศรัทธาเป็นอย่างมาก
หลวงพ่อพระกาฬ วัดกลางบางซื่อ
วัดกลางบางซื่อ สร้างในสมัยอยุธยา วัดแห่งนี้โดดเด่นด้วยพระพุทธรูปหลวงพ่อโตหรือขนาดใหญ่ตั้งเด่นสง่าอยู่กลางแจ้งหน้าพระอุโบสถ รวมไปถึง“หลวงพ่อพระกาฬ”ที่คนเมืองนนท์นับถือกันอย่างมาก คนทั่วไปนิยมขอให้หลวงพ่อพระกาฬท่านช่วยเหลือ คือ ขอให้หายจากเจ็บไข้ได้ป่วย โรคต่างๆ ก็จะหายอย่างน่าอัศจรรย์ ช่วยให้กิจการค้าขายร่ำรวย รวมไปถึงการเลื่อนขั้นในตำแหน่งหน้าที่การงานล้วนสำเร็จกันอย่างถ้วนหน้า
หลังจากได้ขอพรจากหลวงพ่อพระกาฬกันแล้วก็นั่งรถสองแถวกลับไปยังวัดท้ายเมืองอีกครั้ง เพื่อนั่งเรือต่อไปยัง “วัดแคนอก” ตั้งอยู่บนถนนสนามบินน้ำ
บรรยากาศวัดแคนอก
วัดแคนอก สร้างเมื่อ พ.ศ.2367 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมมีชื่อเรียกว่า “วัดแคร่เบ็ญจ้น” เป็นวัดที่ชาวรามัญ อันมีพระยารามัญมุนี เป็นหัวหน้า ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้สร้างขึ้น ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกว่าวัดแค ภายในวัดยังมีตลาดน้ำประชารัฐวัดแคนอก มีของกินต่างๆ รวมไปถึงผักผลไม้ของดีเมืองนนทบุรีให้เลือกซื้อกันอย่างหลากหลาย โดยเปิดทุกวันสามารถเข้าไปเลือกชิม ช้อป ทำบุญได้ในอย่างสบายใจ
จากวัดแคนอกเราล่องเรือไปกันต่อที่ “พุทธสถานเชิงท่า-หน้าโบสถ์” ที่พอเดินขึ้นจากเรือมาก็มีเสียงเพลงกลองยาวต้อนรับจากชาวบ้านอย่างสนุกนาน เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างดี พร้อมกับบรรยากาศลมพัดเย็นสบายใจก่อนเข้าวัดกันเลยทีเดียว
บรรยากาศพุทธสถานเชิงท่า-หน้าโบสถ์
สำหรับพุทธสถานเชิงท่า-หน้าโบสถ์ แต่เดิมคือวัดเชิงท่ากับวัดหน้าโบสถ์ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลางพร้อมกับวัดเชิงเลน และเนื่องจากมีถาวรวัตถุคงสภาพสมบูรณ์กรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน แต่ได้บำรุงรักษาจึงได้เสื่อมโทรมลงจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง อีกทั้งยังมีสถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักอีกที่คือ ศาลเจ้าพ่อเสือ ตั้งอยู่บริเวณด้านข้างโบสถ์ ซึ่งหลวงพ่อเสือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของผู้คนในละแวกนี้ เชื่อกันว่าสามารถขออะไรก็ได้เพียงหนึ่งอย่าง จะเป็นไปตามปรารถนาดังที่อธิษฐานไว้
ภายในอุโบสถวัดฉิมพลีสุทธาวาส
หลังจากนั้นก็นั่งเรือต่อไปยังเกาะเกร็ด เพื่อไปยัง “วัดฉิมพลีสุทธาวาส” เดิมเรียก วัดป่าฝ้าย เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา หลังจากนั้นมีการสันนิษฐานว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ได้ทรงบูรณะ ปฏิสังขรณ์ และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดฉิมพลี” เนื่องจากพระนามเดิมของรัชกาลที่ 2 คือ เจ้าฟ้าชายฉิม และตราพระราชลัญจกรของพระองค์เป็นรูปครุฑ ทั้งนี้ ชื่อเต็มของวัดฉิมพลี คือวัดฉิมพลีสุทธาวาส” เป็นวัดเก่าแก่ เพียงเดินก้าวลงจากเรือเข้าสู่ประตูวัดก็จะรู้สึกถึงความน่าเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างมาก
ภายในพระอุโบสถวัดปรมัยยิกาวาส
สำหรับจุดสุดท้ายคือ“วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร” วัดชื่อดังแห่งเกาะเกร็ดที่อยู่ไม่ไกลจากวัดฉิมพลี สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ ซึ่งในเส้นทางจากวัดฉิมพลีสู่วัดปรมัยยิกาวาส จะผ่านเส้นทางภายในชุมชนชาวเกาะเกร็ด ที่สามารถสัมผัสกับบรรยากาศวิถีชีวิต วัฒนธรรมของชาวบ้านภายในเกาะเกร็ดอย่างใกล้ชิดติดขอบรั้วบ้าน โดยมีชาวบ้านนำสินค้าต่างๆ มาวางขายมากมาย ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่เครื่องปั้นดินเผา มีทั้งขนาดที่สามารถใช้ได้จริง และขนาดเล็กจิ๋วเพื่อเป็นของฝากได้ รวมไปถึงของกินอีกมากมาย ที่เด็ดๆ เลยก็คือ ทอดมันหน่อกะลา ดอกไม้ทอด รวมไปถึงบรรดาผลไม้และของหวานอีกมากหลายชนิดให้เลือกกินกันอย่างสบายใจ
จากวัดฉิมพลีเมื่อเดินมาไม่นานก็จะถึงยัง “วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร” ซึ่งเดิมเรียก วัดปากอ่าว มีชื่อในภาษามอญว่า "เภี่ยมุเกี๊ยะเติ้ง" หมายความว่า วัดหัวแหลม เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่รวบรวมศิลปวัตถุข้าวของเก่าแก่ให้ผู้สนใจได้เข้าชมศึกษาหาความรู้กัน ไม่ว่าจะเป็น พระคัมภีร์ภาษามอญ พิมพ์ดีดเก่า เครื่องถ้วยชาม เครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น
ที่วัดปรมัยยิกาวาสยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่เห็นแล้วชวนสะดุดตาเป็นยิ่งนัก นั่นก็คือ “เจดีย์เอียง” หรือ “เจดีย์มุเตา” เป็นเจดีย์ทรงมอญที่ถูกน้ำกัดเซาะฐานจนเอียง กลายเป็นจุดเด่นของวัดนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งเวลาใครขับรถผ่านเส้นสะพานพระราม 4 ก็จะเห็นเจดีย์เอียงนี้ตั้งเด่นสง่าอยู่ข้างหน้าวัดอย่างชัดเจน
ภาพบรรยากาศขณะล่องเรือไหว้พระ
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของ กิจกรรม ล่องเรือไหว้พระ ไหว้เจ้า 11 แห่ง เสริมมงคล “ท่องเที่ยววิถีนนท์ ที่คนยังไม่รู้” กับทริปท่องเที่ยวธรรมะ พาไปสัมผัสสิ่งน่าสนใจในเมืองนนท์ ซึ่งหากใครสนใจในวันหยุดนี้ก็สามารถไปร่วมกิจกรรมดังกล่าวกันได้ ในสนนราคาเพียง 20 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มราคาเกินราคาไม่น้อย
กิจกรรมยังมีอีกในวันที่ 18, 25 กุมภาพันธ์ และวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม 2561 บริเวณริมเขื่อนท่าน้ำนนทบุรี เวลา 07.00 น. โทร. 025802085 ต่อ 0 ค่าใช้จ่ายคนละ 20 บาท และพิเศษเฉพาะผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยมาร่วมกิจกรรมจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษ ด้วยการส่งภาพถ่ายเข้าร่วมประกวด โดยมีกติกาคือถ่ายภาพที่สวมชุดผ้าไทยคู่กับจุดเช็กอินของสถานที่ต่างๆ แล้วโพสต์ภาพผ่าน Facebook ส่วนตัว พร้อมโพสต์ข้อความ เหตุผลโดนใจที่สื่อถึงวัฒนธรรม และติดแฮชแท็ก #ท่องเที่ยววิถีนนท์ที่คนยังไม่รู้ ตั้งค่าเป็นสาธารณะ (public) 1 ท่านต่อ 1 ภาพ โพสต์ภาพในวันที่ท่านเดินทางระหว่าง 06.00 น. - 23.00 น. (เกินกว่าเวลากำหนดถือว่าไม่เข้าเงื่อนไข) ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลผ่านทางเว็บไซต์ของเทศบาลนครนนทบุรี www.nakornnont.go.th และ Facebook : www.facebook.com/nakornnont ทุกวันพุธ เวลา 17.00 น. จำนวน 10 รางวัล ต่อสัปดาห์
ผู้ใดสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองส่งเสริมวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและกีฬา เทศบาลนครนนทบุรี โทร. 0-2580-2085 กด 0 หรือติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/nakornnont/
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น