โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
ใจดวงเก่า โลกใบเก่า สถานที่เก่า
หลายต่อหลายครั้งที่ผมพาใจดวงเก่ากลับมาเยือนยังสถานที่เก่าๆ แต่ความรู้สึกที่ได้กลับผิดแผกแตกต่างออกไป ยิ่งการกลับมาเยือนด้วยรูปแบบใหม่ สัมผัสแปลกใหม่ มันเหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่ของสถานที่เก่า ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ ให้เราได้สัมผัสกับอรรถรสใหม่ๆ
และนี่ไยมิใช่เสน่ห์ของการเดินทางท่องเที่ยวที่ใครและใครหลายๆ คนถวิลหา และพร้อมที่จะออกเดินทางไปสัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่อยู่เสมอ
ดานัง-หายเวิน
เมืองดานัง, ฮอยอัน ประเทศเวียดนาม
นี่เป็นอีกครั้งที่ผมกลับมาเยือน 2 เมืองนี้
แต่เป็นการมาเยือนในบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นการมาปั่นจักรยานท่องเที่ยวตะลุยประเทศเวียดนามกลาง ในเส้นทาง “ดานัง-ลังโก-ฮอยอัน-ดานัง” (4 วัน 3 คืน) ซึ่งทางบริษัท “Octo Cycling” ได้เชิญชวนผู้รักการปั่นจักรยาน ทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่น และมือใหม่ ให้ไปปั่นจักรยานท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ เปิดมุมมองใหม่ ใกล้ชิดธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตวัฒนธรรม ในบรรยากาศที่แตกต่าง กินอร่อย-นอนสบาย ที่สำคัญคือเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด
หลังบินลัดฟ้าจากเมืองไทยมาถึงยังเมืองดานัง (Danang) หรือด่าหนัง เมืองชายฝั่งทะเลสำคัญและเป็นใหญ่อันดับสามของประเทศเวียดนาม คณะเราเมื่อประกอบจักรยานเสร็จก็ไม่รีรอ เดินทางจากสนามบินดานังออกสู่นอกเมือง มุ่งหน้าสู่ภูเขา“หายเวิน”(Hai Van) ในเส้นทางสาย(เก่า) “ดานัง-เว้” ในทันที
ซันนี่(Sunny) หรือ “ตะวัน” ไกด์ชาวเวียดนามที่มาพาคณะเราเที่ยวในทริปนี้ บอกกับผมว่า หาย ภาษาเวียดนาม หมายถึง ทะเล เวิน หมายถึงเมฆ ภูเขาหายเวิน คือภูเขาสูงที่เชื่อมระหว่างเมฆกับทะเล เนื่องจากด้านหนึ่งของภูเขาติดทะเลและที่บนยอดเขามักจะมีเมฆหมอกลอยปกคลุมอยู่เสมอ
ขณะที่ทางกายภาพ ภูเขาหายเวินเป็นขุนเขาที่ทอดตัวตระหง่านแบ่งเขตแดนระหว่างจังหวัดดานังกับจังหวัดเถื่อเทียนเว้ออกจากกัน
เดิมคนที่จะเดินทางสัญจรไปมาระหว่างจังหวัดดานังกับจังหวัดเถื่อเทียนเว้ ที่มีเมืองเว้ (อำเภอเมือง) เป็นเมืองมรดกโลก หรือต้องการเดินทางจากดานังไปเที่ยวเมืองมรดกโลกเว้ (หรือเว้ไปดานัง) ต้องมาใช้เส้นทางผ่านภูเขาหายเงินอันลดเลี้ยวเคี้ยวโค้งขึ้นเขาลงเขา ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง (หรือมากกว่านั้นหากในเส้นทางมีอุบัติเหตุ)
แต่หลังจากที่ทางการเวียดนามได้ขุดเจาะภูเขาสร้าง “อุโมงค์หายเวิน” ขึ้น มีระยะทาง 6.28 กม. นับเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ภูเขาที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยย่นระยะทางสัญจรข้ามภูเขาหายเวินจาก 3-4 ชม. ให้เหลือแค่ประมาณ 20 นาที บนถนนสายเก่าที่ข้ามขุนเขาหายเวิน ดานัง-เว้ ก็ดูจะเงียบเหงา รถราห่างหายลดน้อยลงไปมากโข
ทว่า ด้วยความงดงามของวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่ด้านหนึ่งเป็นทะเล ด้านหนึ่งเป็นภูเขาสูงมีธรรมชาติอันร่มรื่นเขียวขจี จนเส้นทางสายเก่านี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในถนนสายสวยที่สุดสายหนึ่งในเวียดนาม นั่นจึงทำให้ภูเขาหายเวิน โดยเฉพาะยอดเขาหายเวินบนระดับความสูงกว่า 600 เมตร กลายเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวอันโดดเด่นของเมืองดานัง
และที่บนยอดเขาแห่งนี้ ทางบริษัท Octo Cycling ได้เลือกให้เป็นจุดสตาร์ทออกตัวของคณะนักปั่นจักรยานเมืองไทยในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันแรก ที่วันนี้บนยอดเขาหายเวิน อากาศดีฟ้าใส จึงมีคนขึ้นมาเที่ยวชมวิวบนยอดเขาบริเวรป้อมปราการเก่ากันเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการมาใช้ยอดเขาหายเวินเป็นฉากถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย
หายเวิน-ลังโก
สำหรับการปั่นจักรยานวันแรกนี้ มีระยะทางประมาณ 30 กม. เป็นเส้นทางปั่นลงเขา จากยอดเขาหายเวินมุ่งหน้าสู่เมือง “ลังโก” (Langco) ที่แม้จะไม่เหนื่อยแรงแต่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะนอกจากจะเป็นเส้นทางลงเขาชันแล้ว หลายช่วงยังเป็นเส้นทางคดเคี้ยว แถมบางช่วงเป็นโค้งหักศอกตัวยู (U) โค้งแหลมประหนึ่งศอกของบัวขาวที่ใช้ฟันหน้าคู่ต่อสู้
แม้หลายต่อหลายครั้งในการปั่นจักรยาน ผมจะชอบชีวิตขาลงของการปั่นลงเนินลงเขามากกว่าชีวิตขาขึ้นของการปั่นขึ้นเขา แต่กับเส้นทางลงเขาที่คดเคี้ยวสูงชันเช่นนี้ ทำให้เราพึงระลึกอยู่เสมอว่า ต้องมี“สติ”และ“ตื่นตัว”อยู่เสมอ และอย่าชะล่าใจปั่นเร็วจนเกินไป ชนิดเกินความควบคุมการบังคับเบรกของเรา เนื่องจากผมไม่ใช่นักปั่นจักรยานมืออาชีพ เป็นแค่เพียงคนที่ชอบปั่นจักรยานท่องเที่ยว
ที่สำคัญคืออย่าประมาทเด็ดขาด เพราะความประมาทเป็นบ่อเกิดของหายนะ ไม่ว่าจะเป็นบนถนนของเส้นทางจักรยาน หรือบนถนนแห่งเส้นทางชีวิต...
อย่างไรก็ดี ชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง ฉันใดก็ฉันเพล ที่เส้นทางจักรยานก็มีขึ้นมีลง ยิ่งปั่นลงจากที่สูงชัน เส้นทางลงก็ยิ่งน่าหวาดเสียว แต่งานนี้พวกเราค่อยๆ ปั่นประคองกันไป ตรงจุดไหนวิวสวยก็แวะจอดถ่ายรูปพร้อมถือโอกาสพักไปในตัว ซึ่งจะว่าไปบนเส้นทางปั่นลงนี้ไม่เหนื่อยเลย
แต่ที่เราแวะพักกันบ่อยในหลายจุดนั้นก็เพราะสองข้างทางมีวิวทิวทัศน์สวยๆ งามๆ ให้ชมกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็น วิวถนนสายสวยอันลดเลี้ยวเคี้ยวโค้ง วิวของท้องทะเลและแนวขุนเขา วิวของธรรมชาติป่าไม้อันร่มรื่นเขียวขจี บางช่วงมีน้ำตกไหลเป็นสายลงมาดูน่ายล
บนถนนทางลงจากหายเวินสู่ลังโก ยิ่งเราปั่นลงเขาใกล้ถึงพื้นราบมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งสัมผัสได้กับกลิ่นอายของท้องทะเลที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่ปั่นผ่านทางรถไฟ แล้วบังเอิญจังหวะพอดีที่พนักงานรถไฟของเวียดนามบอกให้หยุดรอรถไฟกำลังวิ่งผ่าน ซึ่งนี่เป็นทางรถไฟสายสวยกับเส้นทางรถไฟสายเลาะเลียบทะเลอันงดงาม
ต่อจากนั้นเส้นปั่นลงเขาอันสูงชันก็หมดไป กลายเป็นถนนทางราบ ก่อนที่คณะเราจะปานเข้าสู่เขตเมืองลังโกสถานที่พักค้างของเราในค่ำคืนแรกนี้
ลังโก
เมืองลังโก (Langco) เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอฝูหลก จังหวัดเถื่อเทียนเว้ ประเทศเวียดนาม ลังโก หมายถึง“หมู่บ้านนก” เป็นเมืองผ่านและเมืองพักในเส้นทาง ดานัง-เว้ (เมืองมรดกโลก) ตั้งอยู่ห่างจากตัวดานังประมาณ 40 กม. ห่างจากเว้ประมาณ 60 กม. คณะทัวร์หลายคณะเมื่อนั่งรถลอดอุโมงค์หายเวินจากดานังมาก็จะมาแวะกินอาหารที่นี่ เพราะลังโคเป็นเมืองริมทะเลที่ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารทะเลอร่อยสดใหม่
นอกจากจะเป็นเมืองริมทะเลแล้ว เมืองลังโกยังมี“ทะเลสาบลังโก”เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์
จากยอดเขาหายเวิน พวกเราปั่นลงเขากันมาประมาณ 10 กม.ก็ถึงยังบริเวณทะเลสาบลังโกในช่วงเย็นของวันแรกนี้
ทะเลสาบลังโกมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่สวยงาม ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณทะเลสาบส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเลี้ยงหอย จับปลา ทำการประมงพื้นบ้าน เป็นต้น
รอบๆ ทะเลสาบลังโกมีถนนสายสวยเลาะเลียบ ถือเป็นไฮไลต์เส้นทางปั่นกินลมชมวิวในช่วงสุดท้ายของวันนี้ ก่อนที่พวกเราจะไปหาร้านอร่อยๆ ริมทะเลสาบ หม่ำอาหารทะเล (มื้อค่ำ) สดใหม่ในสไตล์เวียดนาม ที่พนักงานในร้านนอกจากจะดูแลลูกค้าอย่างดีแล้ว บางคนยังพอพูดไทยได้บ้าง ให้พวกเราได้พูดคุยประกอบมื้ออาหารกันอย่างออกรสออกชาติ
หลังอิ่มหนำอาหารค่ำแล้ว พวกเราเดินทางเข้าสู่ที่พักที่อยู่ไม่ไกลกัน เพื่อพักผ่อนเอาแรง นอนหลับฝันดี เพราะพรุ่งนี้ (วันที่ 2) พวกเราต้องปั่นระยะไกล ผ่านเส้นทางสายสวยสู่เมืองมรดกโลก“ฮอยอัน” ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่ผมพาใจดวงเก่ากลับมาเยือนยังสถานที่เก่าๆ แต่ความรู้สึกที่ได้ กลับผิดแผกแตกต่างออกไป
ยิ่งการกลับมาเยือนด้วยรูปแบบใหม่ สัมผัสแปลกใหม่ มันเหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่ของสถานที่เก่า ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ ให้เราได้สัมผัสกับอรรถรสใหม่ๆ
สำหรับการมาเยือน “ดานัง-ฮอยอัน” ในทริปนี้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน...(อ่านต่อตอนหน้า)
**************************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
ใจดวงเก่า โลกใบเก่า สถานที่เก่า
หลายต่อหลายครั้งที่ผมพาใจดวงเก่ากลับมาเยือนยังสถานที่เก่าๆ แต่ความรู้สึกที่ได้กลับผิดแผกแตกต่างออกไป ยิ่งการกลับมาเยือนด้วยรูปแบบใหม่ สัมผัสแปลกใหม่ มันเหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่ของสถานที่เก่า ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ ให้เราได้สัมผัสกับอรรถรสใหม่ๆ
และนี่ไยมิใช่เสน่ห์ของการเดินทางท่องเที่ยวที่ใครและใครหลายๆ คนถวิลหา และพร้อมที่จะออกเดินทางไปสัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่อยู่เสมอ
ดานัง-หายเวิน
เมืองดานัง, ฮอยอัน ประเทศเวียดนาม
นี่เป็นอีกครั้งที่ผมกลับมาเยือน 2 เมืองนี้
แต่เป็นการมาเยือนในบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นการมาปั่นจักรยานท่องเที่ยวตะลุยประเทศเวียดนามกลาง ในเส้นทาง “ดานัง-ลังโก-ฮอยอัน-ดานัง” (4 วัน 3 คืน) ซึ่งทางบริษัท “Octo Cycling” ได้เชิญชวนผู้รักการปั่นจักรยาน ทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่น และมือใหม่ ให้ไปปั่นจักรยานท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ เปิดมุมมองใหม่ ใกล้ชิดธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตวัฒนธรรม ในบรรยากาศที่แตกต่าง กินอร่อย-นอนสบาย ที่สำคัญคือเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด
หลังบินลัดฟ้าจากเมืองไทยมาถึงยังเมืองดานัง (Danang) หรือด่าหนัง เมืองชายฝั่งทะเลสำคัญและเป็นใหญ่อันดับสามของประเทศเวียดนาม คณะเราเมื่อประกอบจักรยานเสร็จก็ไม่รีรอ เดินทางจากสนามบินดานังออกสู่นอกเมือง มุ่งหน้าสู่ภูเขา“หายเวิน”(Hai Van) ในเส้นทางสาย(เก่า) “ดานัง-เว้” ในทันที
ซันนี่(Sunny) หรือ “ตะวัน” ไกด์ชาวเวียดนามที่มาพาคณะเราเที่ยวในทริปนี้ บอกกับผมว่า หาย ภาษาเวียดนาม หมายถึง ทะเล เวิน หมายถึงเมฆ ภูเขาหายเวิน คือภูเขาสูงที่เชื่อมระหว่างเมฆกับทะเล เนื่องจากด้านหนึ่งของภูเขาติดทะเลและที่บนยอดเขามักจะมีเมฆหมอกลอยปกคลุมอยู่เสมอ
ขณะที่ทางกายภาพ ภูเขาหายเวินเป็นขุนเขาที่ทอดตัวตระหง่านแบ่งเขตแดนระหว่างจังหวัดดานังกับจังหวัดเถื่อเทียนเว้ออกจากกัน
เดิมคนที่จะเดินทางสัญจรไปมาระหว่างจังหวัดดานังกับจังหวัดเถื่อเทียนเว้ ที่มีเมืองเว้ (อำเภอเมือง) เป็นเมืองมรดกโลก หรือต้องการเดินทางจากดานังไปเที่ยวเมืองมรดกโลกเว้ (หรือเว้ไปดานัง) ต้องมาใช้เส้นทางผ่านภูเขาหายเงินอันลดเลี้ยวเคี้ยวโค้งขึ้นเขาลงเขา ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง (หรือมากกว่านั้นหากในเส้นทางมีอุบัติเหตุ)
แต่หลังจากที่ทางการเวียดนามได้ขุดเจาะภูเขาสร้าง “อุโมงค์หายเวิน” ขึ้น มีระยะทาง 6.28 กม. นับเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ภูเขาที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยย่นระยะทางสัญจรข้ามภูเขาหายเวินจาก 3-4 ชม. ให้เหลือแค่ประมาณ 20 นาที บนถนนสายเก่าที่ข้ามขุนเขาหายเวิน ดานัง-เว้ ก็ดูจะเงียบเหงา รถราห่างหายลดน้อยลงไปมากโข
ทว่า ด้วยความงดงามของวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่ด้านหนึ่งเป็นทะเล ด้านหนึ่งเป็นภูเขาสูงมีธรรมชาติอันร่มรื่นเขียวขจี จนเส้นทางสายเก่านี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในถนนสายสวยที่สุดสายหนึ่งในเวียดนาม นั่นจึงทำให้ภูเขาหายเวิน โดยเฉพาะยอดเขาหายเวินบนระดับความสูงกว่า 600 เมตร กลายเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวอันโดดเด่นของเมืองดานัง
และที่บนยอดเขาแห่งนี้ ทางบริษัท Octo Cycling ได้เลือกให้เป็นจุดสตาร์ทออกตัวของคณะนักปั่นจักรยานเมืองไทยในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันแรก ที่วันนี้บนยอดเขาหายเวิน อากาศดีฟ้าใส จึงมีคนขึ้นมาเที่ยวชมวิวบนยอดเขาบริเวรป้อมปราการเก่ากันเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการมาใช้ยอดเขาหายเวินเป็นฉากถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย
หายเวิน-ลังโก
สำหรับการปั่นจักรยานวันแรกนี้ มีระยะทางประมาณ 30 กม. เป็นเส้นทางปั่นลงเขา จากยอดเขาหายเวินมุ่งหน้าสู่เมือง “ลังโก” (Langco) ที่แม้จะไม่เหนื่อยแรงแต่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะนอกจากจะเป็นเส้นทางลงเขาชันแล้ว หลายช่วงยังเป็นเส้นทางคดเคี้ยว แถมบางช่วงเป็นโค้งหักศอกตัวยู (U) โค้งแหลมประหนึ่งศอกของบัวขาวที่ใช้ฟันหน้าคู่ต่อสู้
แม้หลายต่อหลายครั้งในการปั่นจักรยาน ผมจะชอบชีวิตขาลงของการปั่นลงเนินลงเขามากกว่าชีวิตขาขึ้นของการปั่นขึ้นเขา แต่กับเส้นทางลงเขาที่คดเคี้ยวสูงชันเช่นนี้ ทำให้เราพึงระลึกอยู่เสมอว่า ต้องมี“สติ”และ“ตื่นตัว”อยู่เสมอ และอย่าชะล่าใจปั่นเร็วจนเกินไป ชนิดเกินความควบคุมการบังคับเบรกของเรา เนื่องจากผมไม่ใช่นักปั่นจักรยานมืออาชีพ เป็นแค่เพียงคนที่ชอบปั่นจักรยานท่องเที่ยว
ที่สำคัญคืออย่าประมาทเด็ดขาด เพราะความประมาทเป็นบ่อเกิดของหายนะ ไม่ว่าจะเป็นบนถนนของเส้นทางจักรยาน หรือบนถนนแห่งเส้นทางชีวิต...
อย่างไรก็ดี ชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง ฉันใดก็ฉันเพล ที่เส้นทางจักรยานก็มีขึ้นมีลง ยิ่งปั่นลงจากที่สูงชัน เส้นทางลงก็ยิ่งน่าหวาดเสียว แต่งานนี้พวกเราค่อยๆ ปั่นประคองกันไป ตรงจุดไหนวิวสวยก็แวะจอดถ่ายรูปพร้อมถือโอกาสพักไปในตัว ซึ่งจะว่าไปบนเส้นทางปั่นลงนี้ไม่เหนื่อยเลย
แต่ที่เราแวะพักกันบ่อยในหลายจุดนั้นก็เพราะสองข้างทางมีวิวทิวทัศน์สวยๆ งามๆ ให้ชมกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็น วิวถนนสายสวยอันลดเลี้ยวเคี้ยวโค้ง วิวของท้องทะเลและแนวขุนเขา วิวของธรรมชาติป่าไม้อันร่มรื่นเขียวขจี บางช่วงมีน้ำตกไหลเป็นสายลงมาดูน่ายล
บนถนนทางลงจากหายเวินสู่ลังโก ยิ่งเราปั่นลงเขาใกล้ถึงพื้นราบมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งสัมผัสได้กับกลิ่นอายของท้องทะเลที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่ปั่นผ่านทางรถไฟ แล้วบังเอิญจังหวะพอดีที่พนักงานรถไฟของเวียดนามบอกให้หยุดรอรถไฟกำลังวิ่งผ่าน ซึ่งนี่เป็นทางรถไฟสายสวยกับเส้นทางรถไฟสายเลาะเลียบทะเลอันงดงาม
ต่อจากนั้นเส้นปั่นลงเขาอันสูงชันก็หมดไป กลายเป็นถนนทางราบ ก่อนที่คณะเราจะปานเข้าสู่เขตเมืองลังโกสถานที่พักค้างของเราในค่ำคืนแรกนี้
ลังโก
เมืองลังโก (Langco) เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอฝูหลก จังหวัดเถื่อเทียนเว้ ประเทศเวียดนาม ลังโก หมายถึง“หมู่บ้านนก” เป็นเมืองผ่านและเมืองพักในเส้นทาง ดานัง-เว้ (เมืองมรดกโลก) ตั้งอยู่ห่างจากตัวดานังประมาณ 40 กม. ห่างจากเว้ประมาณ 60 กม. คณะทัวร์หลายคณะเมื่อนั่งรถลอดอุโมงค์หายเวินจากดานังมาก็จะมาแวะกินอาหารที่นี่ เพราะลังโคเป็นเมืองริมทะเลที่ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารทะเลอร่อยสดใหม่
นอกจากจะเป็นเมืองริมทะเลแล้ว เมืองลังโกยังมี“ทะเลสาบลังโก”เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์
จากยอดเขาหายเวิน พวกเราปั่นลงเขากันมาประมาณ 10 กม.ก็ถึงยังบริเวณทะเลสาบลังโกในช่วงเย็นของวันแรกนี้
ทะเลสาบลังโกมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่สวยงาม ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณทะเลสาบส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเลี้ยงหอย จับปลา ทำการประมงพื้นบ้าน เป็นต้น
รอบๆ ทะเลสาบลังโกมีถนนสายสวยเลาะเลียบ ถือเป็นไฮไลต์เส้นทางปั่นกินลมชมวิวในช่วงสุดท้ายของวันนี้ ก่อนที่พวกเราจะไปหาร้านอร่อยๆ ริมทะเลสาบ หม่ำอาหารทะเล (มื้อค่ำ) สดใหม่ในสไตล์เวียดนาม ที่พนักงานในร้านนอกจากจะดูแลลูกค้าอย่างดีแล้ว บางคนยังพอพูดไทยได้บ้าง ให้พวกเราได้พูดคุยประกอบมื้ออาหารกันอย่างออกรสออกชาติ
หลังอิ่มหนำอาหารค่ำแล้ว พวกเราเดินทางเข้าสู่ที่พักที่อยู่ไม่ไกลกัน เพื่อพักผ่อนเอาแรง นอนหลับฝันดี เพราะพรุ่งนี้ (วันที่ 2) พวกเราต้องปั่นระยะไกล ผ่านเส้นทางสายสวยสู่เมืองมรดกโลก“ฮอยอัน” ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่ผมพาใจดวงเก่ากลับมาเยือนยังสถานที่เก่าๆ แต่ความรู้สึกที่ได้ กลับผิดแผกแตกต่างออกไป
ยิ่งการกลับมาเยือนด้วยรูปแบบใหม่ สัมผัสแปลกใหม่ มันเหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่ของสถานที่เก่า ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ ให้เราได้สัมผัสกับอรรถรสใหม่ๆ
สำหรับการมาเยือน “ดานัง-ฮอยอัน” ในทริปนี้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน...(อ่านต่อตอนหน้า)
**************************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager