xs
xsm
sm
md
lg

แอ่วอุ้มผาง...พิชิต “ทีลอซู” ดูมิติใหม่ “ปิตุโกร” น้ำตกสูงที่สุดในเมืองไทย/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)

Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
น้ำตกทีลอซู อ.อุ้มผาง น้ำตกที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่สวยงามที่สุดในเมืองไทย
     “ชื่ออุ้มผางคุณรู้จักไหม ดินแดนที่แสนห่างไกล ท่ามกลางแมกไม้สายธาร
ในอดีต เป็นแดนที่แสนกันดาร เคยมีเรื่องราวกล่าวขาน กลายเป็นตำนานผ่านมา
ขอเชิญชวนเที่ยวชมสักครา ธรรมชาติงดงามหนักหนา ตรึงอุรามิมีเสื่อมคลาย...”

โชว์เฟอร์รถตู้คนเก่ง ผู้ช่ำชองการขับรถเลาะตามโค้ง เปิดเพลง“แอ่วอุ้มผาง”(ของ “ครูซัน : สมพงศ์ หมื่นจิต” คุณครูนักสู้ผู้ล่วงลับ)อีกครั้ง หลังรถตู้กำลังวิ่งถนนลอยฟ้า มุ่งหน้าสู่อำเภอ“อุ้มผาง” ผ่านโค้งซ้ายโค้งขวา โค้งแล้วโค้งเล่า รวมแล้ว(มีคน)นับได้ 1,219 โค้ง
ปิตุโกร น้ำตกที่สูงที่สุดในเมืองไทย อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ อ.อุ้มผาง
อุ้มผาง เป็นอำเภอทางตอนใต้ของจังหวัดตาก (ฝั่งตะวันตกเป็นพรมแดนของอำเภอติดกับประเทศเมียนมา) อุ้มผางเป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย(มีพื้นที่ 4,325.4 ตารางกิโลเมตร) มีสภาพธรรมชาติอุดมสมบูรณ์

แม้ผมจะเคยมาแอ่วอุ้มผางหลายต่อหลายครั้ง แต่การมาเยือนอุ้มผางในครั้งนี้กลับมีความแตกต่างออกไป เพราะนี่ไม่ใช่การมาเที่ยวอุ้มผางแบบทั่วๆไป หากแต่เป็นการมาเที่ยวอุ้มผางพร้อมร่วมทำกิจกรรมจิตอาสากับกลุ่ม“อาสาเที่ยว” (www.rsatieo.com) กลุ่มคนตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ผู้ชื่นชอบในการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ ทำประโยชน์ให้กับแหล่งท่องเที่ยวหรือชุมชนในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น การนำสิ่งของไปบริจาค การไปเก็บขยะในแหล่งท่องเที่ยว ไปสร้างห้องน้ำ ไปสร้างฝาย ไปสร้างเตาเผาขยะชุมชน เป็นต้น

ที่สำคัญคือพวกเขาไปกันเองด้วยใจ ไม่ใช่ไปทำกิจกรรม CSR สร้างภาพแบบหลายๆหน่วยงาน
เส้นทางเข้า-ออก ที่ทำการเขตฯ-น้ำตกทีลอซู
ทีลอซู น้ำตกสวยที่สุดในเมืองไทย

อุ้มผางได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินดอยลอยฟ้า แน่นอนว่าเมื่อเอ่ยชื่ออุ้มผาง หลายๆคนก็มักจะนึกถึงน้ำตก“ทีลอซู”ตามมา เพราะนี่เป็นน้ำตกที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในเมืองไทย

แน่นอนว่าในการมาเยือนอุ้มผางคราวนี้ พวกเราไม่พลาดการไปเยือนน้ำตกทีลอซูด้วยประการทั้งปวง
ลานกางเต็นท์สำหรับผู้มาพักค้างที่น้ำตกทีลอซู
น้ำตกทีลอซูอยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง การเข้าถึงตัวน้ำตกทีลอซู จากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์ฯอุ้มผาง เราต้องนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือรถกระบะ รถปิ๊คอัพที่มีสมรรถนะสูงเข้าไป ในระยะทาง 26.5 กม. บนถนนลาดยางสลับถนนลูกรัง ขึ้นเขาลงเขา บางช่วงต้องลุยผ่านลำห้วย ถือว่าสมบุกสมบันพอควร แต่หากเทียบกับในอดีตการเข้าถึงน้ำตกทีลอซูในวันนี้สบายกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย
ผืนป่า ลำธาร ก่อนถึงตัวน้ำตกทีลอซู
เมื่อเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดทางรถยนต์ ก็เป็นสถานที่พักแรม ลานกางเต็นท์ (สำหรับผู้พักค้าง) และเส้นทางเดินเท้าสู่ตัวน้ำตกทีลอซู เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนทางเดินคอนกรีตสบายๆ ผ่านไปในผืนป่าอันร่มรื่น ช่วงท้ายๆก่อนถึงตัวน้ำตกที่เป็นเส้นทางเดินเลียบลำธารที่มีมุมสวยๆงามๆให้ถ่ายรูปกันหลายจุดด้วยกัน
น้ำตกทีลอซู ยิ่งใหญ่อลังการกลางผืนป่าอุ้มผาง
จากนั้นก็จะถึงยังตัวน้ำตกทีลอซูอันสูงใหญ่สวยงามอลังการ สายน้ำตกอันงดงามแห่งนี้เกิดจากลำห้วยกล้อทอที่อยู่ด้านบน ก่อนที่จะไหลรวมกันและไหลตกลงมายังช่องเขาขาดที่สูงประมาณ 300 เมตร กว้างประมาณ 500 เมตร โดยสายน้ำตกทีลอซูได้ไหลลดหลั่นโจนทะยานกันมาเป็นชั้นๆบนภูเขาหินปูนท่ามกลางขุนเขาแมกไม้ที่เขียวขจี
ทีลอซู น้ำตกงามคู่อำเภออุ้มผาง
สำหรับการมาเที่ยวน้ำตกทีลอซูในวันนี้ ทางเขตรักษาพันธุ์ฯอุ้มผาง นอกจากจะมีการจัดระเบียบรถเข้า-ออก การจัดสถานที่พักแรม และเส้นทางทางเดินศึกษาธรรมชาติอย่างดีแล้ว ทางเขตฯยังมีการรณรงค์ในเรื่องของขยะ มีด่านตรวจขยะ เพื่อกันไม่ให้นักท่องเที่ยว(บางคนที่มักง่าย)ไปทิ้งขยะในป่า หรือบริเวณน้ำตก พร้อมทั้งรณรงค์ให้นำขยะกลับไปทิ้งในจุดที่จัดเตรียมไว้ให้ เพราะขยะถือเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของแหล่งท่องเที่ยวของเมืองไทย
การรณรงค์เรื่องขยะในเส้นทางเดินเท้าสู่ทีลอซู
เนื่องจากที่ผ่านมาคนไทยจำนวนมากติดนิสัย ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ จึงมีการทิ้งขยะกันมากมายตามแหล่งท่องเที่ยว กลายเป็นภาระต่อผู้ดูแล และส่งผลเสียต่อธรรมชาติอย่างชนิดที่หลายๆคนคาดไม่ถึง

ปิตุโกร น้ำตกสูงที่สุดในเมืองไทย
ปิตุโกรน้ำตกรูปหัวใจกลางป่าใหญ่
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ อุ้มผางนอกจากจะมีน้ำตกทีลอซูที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่สวยงามที่สุดในเมืองไทยแล้ว ก็ยังมีน้ำตกสวยๆงามๆอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกทีลอจ่อ น้ำตกทีลอเร น้ำตกปะละทะ น้ำตกเซปละ และน้ำตก“ปิตุโกร”ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของอำเภออุ้มผางในปัจจุบัน

น้ำตกปิตุโกร(ชื่อทางการ) ตั้งอยู่บนเทือกเขาสามหมื่น เกิดจาก“ลำห้วยปิตุโกร” มีชื่อเรียกขานหลากหลาย อาทิ น้ำตก “เปรโต๊ะลอซู”, “ปิตุ๊โกรทีลอซู”,“น้ำตกปิตุ๊โกร” แล้วแต่ใครจะเรียก
ปิตุโกร น้ำตกที่สูงที่สุดในเมืองไทย
ปิตุโกร เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในเมืองไทย มีความสูงกว่า 500 เมตร ในชั้นไฮไลท์ของน้ำตกแห่งนี้ จะมีสายน้ำ 2 สายไหลมาบรรจบกัน เกิดเป็น“น้ำตกรูปหัวใจ” อันงดงามกลางผืนป่า

อย่างไรก็ดีน้ำตกปิตุโกรมีน้ำให้เที่ยวชมเฉพาะในฤดูฝนเพียงสี่เดือนเท่านั้น คือ ส.ค. - พ.ย. โดยช่วงที่สวยที่สุดจะอยู่ในช่วง ส.ค.-ก.ย.ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาทองที่เราจะมองเห็นน้ำตกปิตุโกรเป็นรูปหัวใจสีขาวฟูฟ่อง ท่ามกลางผืนป่าเขียวขจี ดูงดงามน่าประทับใจ

ด้วยความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของน้ำตกปิตุโกร ทำให้ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา หลังการบูมของโซเชียลมีเดีย ทำให้น้ำตกแห่งนี้ที่แม้จะไปลำบาก โด่งดังมีชื่อเสียงรู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้ง แล้วลูกหาบเก็บออกมา(ภาพเมื่อ 3 ปีที่แล้ว)
เมื่อมีนักท่องเที่ยวไปมากก็ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องขยะตามมา ซึ่งผมจำได้ว่าเมื่อครั้งไปพิชิตน้ำตกปิตุโกรเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ระหว่างดินขึ้นน้ำตก ลูกหาบคนหนึ่งได้เก็บขยะเป็นกระป๋องเบียร์ที่นักท่องเที่ยวนำขึ้นไปดื่มบริเวณน้ำตกและแคมป์ที่พักด้านบน ก่อนจะทิ้งลงในป่าอย่างไม่ไยดี

นี่นับเป็นปัญหาที่ชาวชุมชนในพื้นที่วิตก จึงมีการปรึกษาหารือกัน โดยเฉพาะชาวชุมชน“กุยเลอตอ”(บ้าน กุยเลอตอ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก) เนื่องจากน้ำตกปิตุโกรนั้นตั้งอยู่ในเขต“พื้นที่ป่าชุมชนกุยเลอตอ” ป่าชุมชนที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ไว้

คนเล็ก หัวใจใหญ่
กุยเลอตอ หมู่บ้านชาวปกาเกอะญอ ที่มีวิถีผูกพันกับผืนป่า
ชาวบ้านกุยเลอตอเป็นชาวปกาเกอะญอ หรือที่เราคุ้นชินกับการเรียกพวกเขาด้วยคำไม่สุภาพว่า “กะเหรี่ยง” ชาวบ้านที่นี่เป็นคนที่รู้คุณค่าของผืนป่า จึงมีการอนุรักษ์ผืนป่าชุมชนไว้ พร้อมด้วยการออกกฎระเบียบการใช้ป่าชุมชน อีกทั้งยังมีการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ อนุรักษ์พันธุ์ปลาไว้ที่“วังปลา” เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และเขตปลอดการจับปลา(คล้ายเขตอภัยทาน)

สำหรับปัญหาเรื่องขยะที่เกิดจากคนต่างถิ่นที่มาเที่ยวน้ำตกปิตุโกร แต่ว่าชาวบ้านนั้นที่ต้องมาคอยเก็บตามล้างตามเช็ด เมื่อชาวบ้านเขาปรึกษาหารือแล้วก็ไม่ได้ปล่อยให้มันผ่านเลย หรือรอให้ภาครัฐมาช่วย หากแต่พวกเขาได้เริ่มลงมือทำ โดยเมื่อปีที่แล้ว(2560) ได้มีการออกกฎระเบียบในการเที่ยวน้ำตกปิตุโกร ซึ่งมีนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการหลายคนให้ความร่วมมือ และอีกหลายคนไม่ให้ร่วมมือ
วังปลา หมู่บ้านกุยเลอตอ ที่ชาวบ้านอนุรักษ์ไว้
อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้น(ปีแรก-2560) ชาวบ้านได้รณรงค์ให้ผู้ที่นำขยะขึ้นไป นำลงมาทิ้งในหลุมขยะในบริเวณใกล้ๆกับที่ตั้งแคมป์พักแรมก่อนเดินขึ้นไปชมน้ำตกปิตุโกร ที่พวกเขาจัดเตรียมไว้ เพื่อจะดำเนินการเผา และกำจัดมันต่อไป

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือขยะที่นักท่องเที่ยวนำมานั้นมันเยอะมาก เพียงแค่ฤดูกาลเดียวประมาณ 3-4 เดือน มีขยะตกค้างล้นหลุมขยะ ไม่สามารถเผากำจัดได้ทัน นั่นส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อปัญหาอื่นๆที่ตามมาอีก เช่น สัตว์ป่ามาคุ้ยหากินขยะ หากเป็นพลาสติกก็จะไปติดในท้อง หากเป็นพวกกระป๋อง หรือขวดแก้วที่แตกก็จะไปทำอันตรายต่อสัตว์ได้ นอกจากนี้ขยะเหล่านี้ยังส่งกลิ่นเหม็นต่อแคมป์ที่พักแรม
ชาวบ้านและจิตอาสา มารวมตัวกัน ก่อนนั่งรถอีแต๊กไปเก็บขยะ
เรื่องนี้เมื่อชาวบ้านมาเจอกับกลุ่มอาสาเที่ยว จึงปรึกษาหารือถึงแนวทางการกำจัดขยะดังกล่าว ได้ข้อสรุปว่า ต้องมีการสร้างเตาเผาขยะชุมชน และต้องนำขยะจากหลุมขยะที่แคมป์พักแคมออกมา เพื่อจัดการแยกขยะก่อนนำไปกำจัดอีกทีหนึ่ง

ครั้นเมื่อถึงช่วงปิดฤดูกาลท่องเที่ยวน้ำตกปิตุโกร ชาวบ้านในพื้นที่จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มอาสาเที่ยว จัดกิจกรรม“เก็บขยะที่จุดพักแรมน้ำตกปิตุโกร” ขึ้น ในช่วงวันเด็กที่ผ่านมา

เก็บขยะออกจากป่า
ชาวบ้านและจิตอาสานั่งอีแต๊กร่วมกันไปเก็บขยะ
เช้าวันเด็ก ปี 2561 (ที่ผ่านมา)

ชาวบ้านจำนวนมากต่างมายืนรอคอยท่า ณ จุดนัดพบที่หมู่บ้านกุยเลอตอ สาวๆหลายคนแม้รู้ว่าจะต้องไปเก็บขยะในป่า แต่พวกเธอยังรักสวยรักงามมาในชุดปาเกอะญอสวยงาม พร้อมทาแป้งทานาคา(แป้งพม่า)บำรุงรักษาผิวกันมาเป็นอย่างดี

ชาวบ้านที่มาในวันนี้ไม่ใช่แค่หมู่บ้านกุยเลอตออย่างเดียว หากแต่พวกเขามาจากหลายชุมชน(8 หมู่บ้าน) รวมแล้วหลายสิบคน ซึ่งกลุ่มชาวบ้านคนรุ่นใหม่ที่นี่เขามีเครือข่ายจิตอาสา เมื่อถึงเวลาทำกิจกรรมอะไรจะร่วมมือร่วมใจกันมาโดยพร้อมเพรียง แถมส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ผู้มีหัวใจรักษ์บ้านเกิด เสียสละให้ชุมชน เห็นแล้วน่าชื่นใจ
ขยะตกค้างที่แคมป์จำนวนมาก
เมื่อทุกคนพร้อม ชาวบ้านและกลุ่มอาสาเที่ยวก็นั่งรถอีแต๊ก(หลายคัน)มุ่งหน้าสู่แคมป์น้ำตก ผ่านเส้นทางสมบุกสมบันก่อนถึงยังบริเวณจุดตั้งแคมป์ ที่อยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านกุยเลอตอประมาณ 8 กม.และ ห่างจากตัวน้ำตกปิตุโกรประมาณ 2 กม. ซึ่งเมื่อผมเดินไปเจอหลุมขยะแล้วถึงกับตกใจ เพราะขยะมันเยอะมากกกกกกกก
ชาวบ้าน จิตอาสา ร่วมแรงร่วมใจกันเก็บขยะออกจากป่า
แถมที่ทำให้อึ้งเข้าไปอีกก็คือนี่เป็นขยะตกค้างจากนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเพียงแค่ฤดูกาล(ท่องเที่ยว)เดียวประมาณ 3-4 เดือนเท่านั้น แต่ทำไมขยะถึงเยอะขนาดนี้

งานนี้เห็นขยะแล้ว หากมัวแต่ท้อ คงไม่ได้ไปต่อ ว่าแล้วกิจกรรมเก็บขยะออกจากป่าจึงเริ่มขึ้นทั้งจากชาวบ้านและนักท่องเที่ยวกลุ่มอาสาเที่ยว ด้วยความร่วมแรง ร่วมมือ ร่วมใจ ไปพร้อมๆกับการคัดแยกขยะใส่ถุงปุ๋ยไปในทั่ว เช่น ขยะเปียก ขยะทั่วไป พลาสติก ขวดแก้ว กระป๋อง เป็นต้น
แม้ขยะตกค้างจะเยอะ แต่เมื่อร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่นานก็เก็บหมด
แม้ขยะจะเยอะแต่ด้วยความร่วมแรงร่วมใจ พวกเราเก็บขยะไปเรื่อยๆ จากสายถึงบ่ายก็เก็บหมดหลุม รวมแล้วได้เกินกว่า 100 ถุงปุ๋ย

สุดท้ายนี้ก่อนจากหลุมขยะพวกเราขอกลบมันด้วย เพื่อจะได้ไม่มีมันในป่าอีกต่อไป
แม้จะต้องมาเก็บขยะในป่า แต่สาวๆชาวปกาเกอะญอก็แต่งตัวกันมาอย่างสวยงาม
เมื่อเก็บขยะเสร็จแล้ว ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น เพราะต้องแบกขยะหนักๆลงจากป่าเขาบนทางเดินลำบากๆอีกราว 2 กม.

สาวๆปกาเกอะญอหลายๆคน แม้จะเดินแบกขยะลงเขาอย่างเหน็ดเหนื่อย หลายคนหัวทิ่มหัวตำ แต่พวกเธอก็หัวเราะร่าด้วยความสนุกสุขใจ
2 สาวชาวปกาเกอะญอ แบกขยะออกจากป่า
บางครั้งการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ความสุขที่ได้มันก็ติดจรวดปรากฏมาให้เห็นในทันทีเหมือนกัน...

ก้าวต่อไป

เมื่อเก็บขยะลงจากเขามาแล้ว ก็ต้องนำขยะขึ้นรถอีแต๊กกลับมายังหมู่บ้านกุยเลอตอ

นี่ถือเป็นอีกปัญหาต่อมาว่า เมื่อเก็บขยะออกจากป่ามาแล้วก็จริง แต่ขยะยังคงอยู่!!!
สาธิตการใช้เตาเผาขยะชุมชน
ด้วยเหตุนี้ทางกลุ่มอาสาเที่ยว นอกจากจะด้วยช่วยกันเก็บขยะกับชาวบ้านแล้ว ยังได้นำวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในการสร้าง“เตาเผาขยะชุมชน” (เป็นอาจารย์และนักศึกษา)จากภาควิชาพัฒนาการเกษตรและการจัดการทรัพยากร คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาแนะนำชาวบ้านสร้างเตาเผาขยะชุมชนต้นแบบ ซึ่งสร้างไม่ยาก(ชาวบ้านสามารถนำแบบวิธีการไปสร้างเองได้) แต่สามารถเผาขยะ(ที่สามารถเผาได้)ได้คุณภาพดี และมีมลภาวะน้อยที่สุด

สุริยัน ธนุพงพันธ์” ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกุยเลอตอ หนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของงานนี้ บอกกับผมว่า เมื่อมีเตาเผาขยะ และทำการนำขยะออกจากป่ามาไว้ที่หมู่บ้านแล้ว ต่อไปจะให้กลุ่มเยาวชนของหมู่บ้านมาดำเนินบริหารจัดการขยะจากนักท่องเที่ยว อันไหนเผาได้ก็เผา อันไหนทิ้งได้ทิ้ง(ให้รถขยะเทศบาลมารับ) ส่วนอันไหนขายได้ก็ขาย โดยรายได้ส่วนหนึ่งนำเข้ากลุ่ม และอีกส่วนหนึ่งเข้ากองทุนน้ำตกปิตุโกร
ขยะบางส่วนที่คนเล็กหัวใจใหญ่เก็บออกจากป่าจนหมด
ขณะที่แผนการจัดการขยะต่อไปในปีนี้(2561) ทางชุมชนจะกำหนดกติกาให้มีการจัดการลงทะเบียนขยะ(มัดจำขยะ)สำหรับนักท่องเที่ยว โดยทุกสิ่งที่ใช้แล้วเป็นขยะนักท่องเที่ยวนำกลับมาทิ้งที่หมู่บ้าน(เตาเผาขยะชุมชน) เพื่อให้ชาวบ้านดำเนินการจัดการขยะตามกระบวนการของพวกเขาต่อไป
กลบหลุมขยะไม่ให้มีต่อไป
นี่ถือเป็นมิติใหม่ของน้ำตกปิตุโกร ที่ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจิตอาสาได้มาทำสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ให้กับส่วนรวม

เป็นการรวมหัวใจเล็กๆ เพื่อน้ำตกรูปหัวใจดวงใหญ่นามปิตุโกร

เป็นก้าวแรกที่เริ่มเดิน เพื่อที่จะมีก้าวต่อๆไป

เช่นเดียวกับก้าวต่อไปของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการก็จะต้องร่วมด้วยช่วยกัน นำสิ่งที่ใช้แล้วเป็นขยะออกจากป่ามาให้หมด
รอยยิ้มของผู้ที่ทำเพื่อส่วนรวม
อย่างไรก็ดีสำหรับใครที่มีนิสัยมักง่าย ชอบทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง ทิ้งได้แม้กระทั้งในผืนป่าที่ชาวบ้านอุตส่าห์ร่วมแรงร่วมใจกันดูแลรักษา

งานนี้ถึงแม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจถูกคนตราหน้าได้ว่า...

เป็น“ขยะสังคม”!?!
******************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น