xs
xsm
sm
md
lg

กราบ“พระพุทธชินราช” ต้นแบบพระงามทั่วไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Facebook : Travel @ Manager
พระพุทธชินราชได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในประติมากรรมพุทธศิลป์ชั้นสูงสุดของเมืองไทย
หากพูดถึงพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามเป็นหนึ่งในเมืองไทย คงต้องนึกถึง “พระพุทธชินราช” พระคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อำเภอเมืองพิษณุโลก

ตามประวัติ “พระพุทธชินราช” เล่าว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกหรือพระมหาธรรมราชาลิไท ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงสุโขทัยในสมัยนั้นทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงมีศรัทธาเลื่อมใสพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุขึ้น พร้อมทั้งรับสั่งให้หล่อพระพุทธชินราชขึ้น
พระพุทธชินราชแห่งวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองพิษณุโลก
พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัย หล่อด้วยทองสำริด เส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย ชายผ้าสังฆาฏิแยกเป็นเขี้ยวตะขาบ พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิง พระหัตถ์มีปลายนิ้วทั้งสี่เสมอกัน ส่วนซุ้มเรือนแก้วทำด้วยไม้แกะสลักอย่างงดงามคาดว่าน่าจะสร้างในสมัยอยุธยา ซึ่งด้วยพุทธลักษณะอันงดงามโดดเด่น พระพุทธชินราชจึงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในประติมากรรมพุทธศิลป์ชั้นสูงสุดของเมืองไทย

และนั่นทำให้วัดในเมืองไทยหลายๆ แห่งเลือกที่จะสร้างพระประธานในอุโบสถหรือวิหารตามแบบองค์พระพุทธชินราช เรียกได้ว่าพระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปที่ถูกสร้างเป็นองค์จำลองมากที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ จนทำให้คนทั่วไปที่อาจยังไม่เคยได้ไปกราบพระพุทธชินราชองค์จริง แต่ก็เคยเห็นรูปลักษณ์ของท่านจนคุ้นตามาก่อนแล้ว

ในวันนี้เราจึงรวบรวมเอาวัดต่างๆ ที่จำลององค์พระพุทธชินราชมาเป็นพระประธานอย่างงดงามมาฝากกัน
พระพุทธชินราชแห่งวัดเบญจมบพิตร
“วัดเบญจมบพิตร” กรุงเทพฯ

ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังสวนดุสิตขึ้น พระองค์ได้ทรงทำผาติกรรมและสถาปนาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามขึ้นอย่างงดงามวิจิตร พระองค์จึงมีพระราชประสงค์จะให้อัญเชิญพระพุทธชินราชจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองพิษณุโลกซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่งดงามไม่มีที่เปรียบมาเป็นพระประธาน แต่การจะอัญเชิญพระพุทธชินราชอันเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองชาวพิษณุโลกลงมาย่อมไม่สมควร จึงทรงมีพระราชดำริให้หล่อขึ้นใหม่

พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระประสิทธิปฏิมา (มรว.เหมาะ ดวงจักร) จางวางช่างหล่อขวา ซึ่งเป็นช่างหล่อฝีมือดีที่สุด ขึ้นไปปั้นหุ่นถ่ายแบบจากพระพุทธชินราชองค์จริงที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก แล้วเสด็จพระราชดำเนินทรงเททองหล่อเป็นส่วนๆ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2444 อัญเชิญล่องเรือมาคุมองค์และแต่งที่กรมทหารเรือ จากนั้นเสร็จแล้วเชิญลงเรือมณฑปแห่ไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2444
พระอุโบสถหินอ่อนงดงามของวัดเบญจมบพิตร
ในวันอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร พระองค์ทรงปีติโสมนัสอย่างยิ่งจึงทรงเปลื้องสายสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ นพรัตน์ราชวราภรณ์ ซึ่งกำลังทรงอยู่ ถวายพระพุทธชินราชเป็นพุทธบูชา เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับราชตระกูล ซึ่งทางวัดได้เก็บรักษาไว้อย่างดี และอัญเชิญมาคล้องถวายที่พระหัตถ์พระพุทธชินราช ในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม ทุกปี
พระพุทธชินราชแห่งวัดพุทธบูชา สร้างจำลองเท่าองค์จริง
“วัดพุทธบูชา” กรุงเทพฯ

วัดพุทธบูชาตั้งอยู่บนถนนพุทธบูชาซอย 30 ริมคลองบางมด วัดนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีการสร้างพระพุทธชินราชองค์จำลองขึ้นเป็นพระประธานในอุโบสถ พระพุทธชินราชแห่งวัดพุทธบูชามีขนาดเท่าองค์จริง หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ (เป็นโลหะผสมระหว่างทองเหลืองและดีบุก) มีซุ้มเรือนแก้วลวดลายคล้ายตัวพญานาค ดุจรัศมีล้อมรอบองค์พระ มียักษ์ซึ่งมีลักษณะกึ่งนั่งกึ่งยืนมือขวาถือกระบองอยู่ปลายเรือนแก้วทางด้านซ้าย และมีมาร ลักษณะอยู่ในท่ากำลังเหาะมือทั้งสองข้างจับบ่วงบาศบนศีรษะอยู่ปลายเรือนแก้วตรงด้านขวา
อุโบสถวัดพุทธบูชา
พระพุทธชินราชแห่งวัดพุทธบูชานี้ยังเป็นฝีมือการหล่อของจ่าทวี บูรณเขตต์ ช่างปั้นหล่อพระพุทธรูปและผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี อ.เมืองพิษณุโลก ดังนั้นพระพุทธชินราชวัดพุทธบูชาจึงมีพุทธลักษณะที่ละม้ายพระพุทธชินราชองค์จริงยิ่งนัก
งามอลังการพระพุทธชินราชวัดท่าซุง
“วัดท่าซุง” จ.อุทัยธานี

“วัดท่าซุง” หรือวัดจันทาราม วัดดังแห่งเมืองอุทัยฯ (ต.น้ำซึม อ.เมืองอุทัยธานี) ก็เป็นวัดที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของความงดงาม อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่ปฏิบัติธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอันดับต้นๆของจังหวัดอุทัยธานี แต่ละวันมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาทำบุญ ไหว้พระ และเที่ยวชมความงามของวัดแห่งนี้กันไม่ได้ขาด
มหาวิหารแก้ว 100 เมตรงามระยิบระยับ
สำหรับจุดที่เป็นไฮไลท์สำคัญของวัดท่าซุงก็คือ “มหาวิหารแก้ว 100 เมตร” วิหารสำคัญที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำสร้างไว้ก่อนมรณภาพ ภายในประดับด้วยกระจกและโมเสกแก้วใสแวววับ บนเพดานประดับโคมไฟคริสตัล มีเสาเรียงรายนำสวยงามนำสายตาไปสู่องค์พระประธานซึ่งสร้างจำลองมาจากพระพุทธชินราชแห่งเมืองพิษณุโลก

องค์พระพุทธรูปที่จำลองมาจากพระพุทธรูปที่งดงามที่สุด เมื่อมาอยู่ในพระวิหารที่สะท้อนประกายเจิดจ้าระยิบระยับทำให้ดูงดงามปานเนรมิต ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นโลกแห่งธรรมที่คอยเตือนใจให้เราสลัดหลุดจากกิเลสทั้งปวง
“พระพุทธชินเรศนวราชพิตร” แห่งวัดพระธาตุสุโทน
“วัดพระธาตุสุโทน” จ.แพร่

หากใครเคยเดินทางผ่านไปมาบนถนนหมายเลข 101 (เด่นชัย-ลำปาง) ก็คงสะดุดตากับพระนอนองค์โตและวัดหลังงามตั้งตระหง่านอยู่บนเนินย่อมๆ นั่นคือ “วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรม” หรือเรียกสั้นๆ ว่าวัดพระธาตุสุโทน (อ.เด่นชัย จ.แพร่)

วัดแห่งนี้มีความงามโดดเด่นทั้งในสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และงานพุทธศิลป์ต่างๆ แทบทุกจุดที่เราพบเจอ ทั้งงานแกะสลัก งานปูนปั้น พระพุทธรูป และลวดลายประดับต่างๆ โดยมีไฮไลต์เด่นคือ “พระบรมธาตุ 30 ทัส” เจดีย์องค์ประธานและเจดีย์รายรอบหุ้มทองจังโก้สีทองเหลืออร่ามงดงาม เป็นศิลปะเชียงแสนยุคต้น จำลองมาจากวัดพระธาตุนอ(หน่อ) แห่งสิบสองปันนา
พระบรมธาตุ 30 ทัสแห่งวัดพระธาตุสุโทน
ส่วนอุโบสถประดิษฐาน “พระพุทธชินเรศนวราชพิตร” หนึ่งในพระพุทธรูปที่มีความงดงามมาก โดยองค์พระพุทธชินเรศฯ ได้รับอิทธิพลมาจากองค์พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดในเมืองไทยด้วยเช่นกัน
พระพุทธชินเรศนวราชพิตร แห่งวัดอาฮง
“วัดอาฮงศิลาวาส” จ.บึงกาฬ

“วัดอาฮงศิลาวาส” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงใน จ.บึงกาฬ บริเวณแม่น้ำหน้าวัดเป็นที่ตั้งของ “แก่งอาฮง” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง เรียกกันว่า “สะดือแม่น้ำโขง” เคยมีการวัดความลึกโดยใช้เชือกผูกกับก้อนหินหย่อนลงไปด้านล่าง วัดได้ถึง 98 วา (ประมาณ 196 เมตร) ชาวบ้านเชื่อว่า ณ จุดสะดือแม่น้ำโขงนี้ก็คือวังบาดาลของพญานาค และเป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคอีกแห่งหนึ่งของลำน้ำโขง
วัดอาฮงศิลาวาสแห่ง จ.บึงกาฬ
ภายในวัดอาฮงศิลาวาสยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธคุวานันท์ศาสดา” พระพุทธรูปที่งดงามลักษณะเดียวกันกับพระพุทธชินราช และมีความเชื่อว่า หากใครมาสักการะก็จะประสบความสำเร็จด้านโชคลาภ และเมตตามหานิยม
อุโบสถวัดเนรมิตวิปัสสนา
“วัดเนรมิตวิปัสสนา” จ.เลย

“วัดเนรมิตวิปัสสนา” หรือ “วัดหัวนายูง” ตั้งอยู่ใน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นวัดที่มีความสวยงามและมีความน่าสนใจไม่น้อย โดยสิ่งก่อสร้างทั้งหมดในวัดตั้งแต่กำแพงประตูทางเข้า โบสถ์ มณฑป ซุ้มประตู หอระฆัง ล้วนสร้างด้วยศิลาแลงทั้งสิ้น วัดแห่งนี้สร้างโดยพระครูภาวนาวิสุทธิญาน (หลวงพ่อมหาพัน) หนึ่งในเกจิแห่งภาคอีสานที่คนนับถือกันมาก หลังจากท่านมรณภาพ ทางวัดได้สร้างมณฑปอาคารอนุสรณ์ขึ้นเพื่อรำลึกถึงท่าน ภายในมีหุ่นขี้ผึ้ง รูปหล่อ และรูปถ่ายของท่านจัดแสดงไว้ให้ญาติโยมได้สักการะบูชา

ภายในโบสถ์ดูขรึมขลังเปี่ยมศรัทธาไปด้วยองค์พระประธานที่ตั้งเด่นเป็นสง่าสร้างเป็นองค์พระพุทธชินราชจำลองขนาดย่อมให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา ส่วนใน 2 ฟากของผนังภายในนั้นก็น่าชมไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธประวัติ ซึ่งช่างได้วาดถ่ายทอดออกมาอย่างประณีตสวยงาม นอกจากนี้ภายในโบสถ์ยังมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อมหาพันประดิษฐานอยู่อีกด้วย

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น