Facebook :Travel @ Manager
หลังจากเลิกทำงานเหนื่อยๆ การได้มานั่งแฮงค์เอาท์กับผองเพื่อน พร้อมกับได้ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มและอาหารที่ชวนอิ่มเอม ช่างเป็นการช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากใครกำลังมองหาร้านอาหารที่ชวนนั่งชิลๆ อยู่ “ตระเวนกิน” ขอชวนมานั่งชิลกันที่ร้านอาหารแห่งนี้ "THE CLOCK OUT" ที่มีความหมายว่า การตอกบัตรหลังเลิกงาน
โดย "THE CLOCK OUT" มีคอนเซ็ปต์ที่ว่าอยากให้ร้านเป็นสถานที่แฮงค์เอาท์นั่งชิล ที่นี่จึงเป็นร้านอาหารที่ชวนให้มานั่งกิน-ดื่ม ท่ามกลางบรรยากาศร้านที่ตกแต่งแบบมีสไตล์ แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นชวนนั่งแบบผ่อนคลาย มีโต๊ะนั่งภายในห้องแอร์ และโต๊ะนั่งรับลมธรรมชาติด้านหน้าร้าน
อาหารของที่นี่ก็ชวนให้สั่งมากินแบบอิ่มเอม เป็นอาหารยุโรปสไตล์ฟิวชั่นที่ทางร้านคิดสร้างสรรค์สูตรขึ้นมาโดยเฉพาะ และมีการปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทย มีจุดเด่นอยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียมนำเข้า และคัดสรรวัตถุดิบที่มีความสดใหม่ นำมาปรุงเป็นอาหารจานเด็ดมากมายทั้งคาวและหวานที่ชวนชิม
เมนูอาหารจานเด็ดของที่นี่มีมากมาย เราขอเลือกแนะนำเมนูจานเด่นๆ ที่ชวนสั่งมาลองลิ้มกันก็มี TRIO DEEP FRIED (190 บาท+) อาหารกินเล่นที่มีถึง 3 อย่างให้กินกัน มีไก่บาร์บีคิวที่กรอบนอกนุ่มในได้รสชาติซอสบาร์บีบีคิวเข้มข้น ชีสบอลกรอบนุ่มยืดด้วยมอสซาเรลลาชีส มันฝรั่งทอดทั้งเปลือกที่หอมกรอบนุ่มกินได้ทั้งเปลือก และมีซอสมะเขือเทศกับซอสเทาซันไอส์แลนด์ให้จิ้มเพิ่มรสชาติ
เมนูต่อมาชวนชิม DUCK CONFIT WAFFLE (260 บาท+) มีวาฟเฟิลแป้งสูตรพิเศษที่ทางร้านทำเองแบบสดใหม่หอมกลิ่นวานิลลา กินคู่กับเป็ดทอดที่หนังกรอบนุ่มทำแบบสไตล์ฝรั่งเศส มีไข่ดาวโปะมาด้านบน แล้วยังมีซอสเมเปิ้ลไซรัปผสมมัสตาร์ดดิจองหอมหวานรสเข้มข้นกินเข้ากันถูกปากดี
ถัดมาลิ้มรสเมนูจานเส้น SPICY BLACK INK SPAGHETTI WITH SEARED FOIE GRAS (320 บาท+) เป็นสปาเกตตี้เส้นดำผัดกับเครื่องเทศ มีฟัวกราส์ชิ้นใหญ่ใส่มาด้วย กินละมุนลิ้นเข้ากับสปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่มออกรสเผ็ดลิ้นนิดๆ
ตามมาด้วยเมนูนี้ KUROBUTA PORK RIBS BBQ 600 G. (560 บาท+) เป็นซี่โครงหมูคุโรบุตะชิ้นใหญ่ตุ๋นจนซี่โครงหมูนุ่มได้ที่ ทาซอสบาร์บีคิวแล้วย่างเสิร์ฟมาร้อนๆ เคียงด้วยมันฝรั่งทอดทั้งเปลือกและสลัดผัก กินซี่โครงหมูชิ้นใหญ่เนื้อนุ่มเปื่อยเคี้ยวเพลินปาก ได้รสชาติซอสบาร์บีคิวเข้มข้นโดนใจ
หากใครชอบกินเนื้อแนะนำสเต็กจานเด็ด TAGLIATA DI MANZO AUSTRALIA (690 บาท+) หน้าตาชวนกิน เป็นเนื้อริบอายออสเตรเลียนำมาหมักกับเครื่องเทศ ย่างจนเนื้อสุกได้ที่ (สามารถเลือกระดับความสุกของเนื้อได้ตามต้องการ) แล่เนื้อหั่นเสิร์ฟมาเป็นชิ้นๆ เคียงด้วยสลักผักสด และมีน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บแบบไทยๆ กับน้ำเกรวี่รสกลมกล่อม กินคู่กับเนื้อที่เคี้ยวนุ่มหนึบหนับปาก โดนใจคนรักเนื้อกันไป
อีกหนึ่งสเต็กจานเด็ดที่ชวนกินคือ SALMON WITH PROVENCE AIOLI SAUCE (340 บาท+) เป็นปลาแซลมอนชิ้นใหญ่นำมาย่าง ราดซอสไอโอรี่สไตล์ฝรั่งเศส มีสลัดผักมาให้กินเคียงด้วย ลิ้มรสปลาแซลมอนเนื้อนุ่มแน่นหวานสด กินเข้ากันดีกับซอสรสกลมกล่อมถูกลิ้นดีแท้
แนะนำเมนูของคาวไปหลายเมนูแล้ว ขอนำเสนอเมนูของหวานบ้าง ที่ชวนสั่งก็มี NUTELLA CHOCOLATE MILKSHAKE (150 บาท+) เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของผงโกโก้นำเข้าจากเบลเยียมชงผสมกับนูเทลล่า ใส่น้ำแข็งปั่นรวมกัน ใส่ไอศกรีมรสช็อกโกแลตกับวิปครีมด้วย ดื่มแล้วหอมหวานได้รสชาติช็อกโกแลตเข้มข้น กินเข้ากับไอศกรีมช็อกโกแลตหวานเย็นชื่นใจ
แล้วถ้าใครชอบกินวาฟเฟิล แนะนำให้สั่ง BANANA NUTELLA WAFFLE (220 บาท+) วาฟเฟิลแป้งสดกลื่นวานิลลาทางร้านทำแบบสดใหม่ร้อนๆ ใส่ไอศกรีมรสช็อกดกแลต กล้วยหอม ราดนูเทลล่า โรยอัลมอนด์และผงโกโก้ ใส่วิปครีมด้วย ทุกอย่างที่ใส่มากินเข้ากันอย่างลงตัว กับวาฟเฟิลร้อนๆ หอมกรอบนุ่มกินดีต่อใจจริงๆ
ส่งท้ายด้วยของหวานเมนูนี้ PANNA COTTA RASPBERRY (120 บาท+) เป็นพานาคอตต้าที่ทางร้านทำเองมาแบบขนาดใหญ่มาก ราดซอสราสเบอร์รี่ ลิ้มรสพานาคอตต้าเนื้อเนียนนุ่มละมุนลิ้นหอมหวาน ตัดด้วยซอสราสเบอร์รี่รสอมเปรี้ยวนิดๆ ถูกปากโดนใจ
นอกจากเมนูเหล่านี้ที่ได้แนะนำมาแล้ว ยังมีอาหารจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนลองลิ้มอีกมากมาย อาทิ GARLIC & HERB CRUSTED LAMB CHOPS (640 บาท+) SEARED BARRAMUNDI WITH MISO SUACE (300 บาท+) SEARED SCALLOPS WITH FOIE GRAS (440 บาท+) NEW YORK STRIP STEAK 250 G. (750 บาท+) ฯลฯ รวมถึงยังมีอาหารเช้าให้บริการ เค้กโอมเมด แล้วก็เครื่องดื่มมากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไวน์ เบียร์สด ม็อกเทล ค็อกเทล ชา กาแฟ ที่ชวนให้เหล่านักกินทั้งหลายได้สั่งมานั่งดื่ม-กิน มาแฮงค์เอาท์กันอย่างอิ่มหนำสำราญใจที่ร้าน “THE CLOCK OUT”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“THE CLOCK OUT” ตั้งอยู่ที่อาคาร COMET OFFICE ถนนกรุงธนบุรี คลองสาน กรุงเทพฯ การเดินทางนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีวงเวียนใหญ่ แล้วลงทางออก 3 เดินมาเจอเซเว่นอีเลฟเว่น เลี้ยวซ้ายตรงเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีตรงตรอกมานะวิทย์ ก็จะเห็นร้าน THE CLOCK OUT มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 16.00 น. และ 17.00 - 23.00 น. (ปิดรับออเดอร์ 22.00 น.) ถ้ามากินอาหารวันศุกร์-วันอาทิตย์ แนะนำว่าควรโทร. มาจองโต๊ะก่อน และทางร้านรับจัดงานเลี้ยงด้วย โทร. 09-2962-2279 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.theclockoutbkk.com, www.facebook.com/theclockout
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
หลังจากเลิกทำงานเหนื่อยๆ การได้มานั่งแฮงค์เอาท์กับผองเพื่อน พร้อมกับได้ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มและอาหารที่ชวนอิ่มเอม ช่างเป็นการช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากใครกำลังมองหาร้านอาหารที่ชวนนั่งชิลๆ อยู่ “ตระเวนกิน” ขอชวนมานั่งชิลกันที่ร้านอาหารแห่งนี้ "THE CLOCK OUT" ที่มีความหมายว่า การตอกบัตรหลังเลิกงาน
โดย "THE CLOCK OUT" มีคอนเซ็ปต์ที่ว่าอยากให้ร้านเป็นสถานที่แฮงค์เอาท์นั่งชิล ที่นี่จึงเป็นร้านอาหารที่ชวนให้มานั่งกิน-ดื่ม ท่ามกลางบรรยากาศร้านที่ตกแต่งแบบมีสไตล์ แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นชวนนั่งแบบผ่อนคลาย มีโต๊ะนั่งภายในห้องแอร์ และโต๊ะนั่งรับลมธรรมชาติด้านหน้าร้าน
อาหารของที่นี่ก็ชวนให้สั่งมากินแบบอิ่มเอม เป็นอาหารยุโรปสไตล์ฟิวชั่นที่ทางร้านคิดสร้างสรรค์สูตรขึ้นมาโดยเฉพาะ และมีการปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทย มีจุดเด่นอยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียมนำเข้า และคัดสรรวัตถุดิบที่มีความสดใหม่ นำมาปรุงเป็นอาหารจานเด็ดมากมายทั้งคาวและหวานที่ชวนชิม
เมนูอาหารจานเด็ดของที่นี่มีมากมาย เราขอเลือกแนะนำเมนูจานเด่นๆ ที่ชวนสั่งมาลองลิ้มกันก็มี TRIO DEEP FRIED (190 บาท+) อาหารกินเล่นที่มีถึง 3 อย่างให้กินกัน มีไก่บาร์บีคิวที่กรอบนอกนุ่มในได้รสชาติซอสบาร์บีบีคิวเข้มข้น ชีสบอลกรอบนุ่มยืดด้วยมอสซาเรลลาชีส มันฝรั่งทอดทั้งเปลือกที่หอมกรอบนุ่มกินได้ทั้งเปลือก และมีซอสมะเขือเทศกับซอสเทาซันไอส์แลนด์ให้จิ้มเพิ่มรสชาติ
เมนูต่อมาชวนชิม DUCK CONFIT WAFFLE (260 บาท+) มีวาฟเฟิลแป้งสูตรพิเศษที่ทางร้านทำเองแบบสดใหม่หอมกลิ่นวานิลลา กินคู่กับเป็ดทอดที่หนังกรอบนุ่มทำแบบสไตล์ฝรั่งเศส มีไข่ดาวโปะมาด้านบน แล้วยังมีซอสเมเปิ้ลไซรัปผสมมัสตาร์ดดิจองหอมหวานรสเข้มข้นกินเข้ากันถูกปากดี
ถัดมาลิ้มรสเมนูจานเส้น SPICY BLACK INK SPAGHETTI WITH SEARED FOIE GRAS (320 บาท+) เป็นสปาเกตตี้เส้นดำผัดกับเครื่องเทศ มีฟัวกราส์ชิ้นใหญ่ใส่มาด้วย กินละมุนลิ้นเข้ากับสปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่มออกรสเผ็ดลิ้นนิดๆ
ตามมาด้วยเมนูนี้ KUROBUTA PORK RIBS BBQ 600 G. (560 บาท+) เป็นซี่โครงหมูคุโรบุตะชิ้นใหญ่ตุ๋นจนซี่โครงหมูนุ่มได้ที่ ทาซอสบาร์บีคิวแล้วย่างเสิร์ฟมาร้อนๆ เคียงด้วยมันฝรั่งทอดทั้งเปลือกและสลัดผัก กินซี่โครงหมูชิ้นใหญ่เนื้อนุ่มเปื่อยเคี้ยวเพลินปาก ได้รสชาติซอสบาร์บีคิวเข้มข้นโดนใจ
หากใครชอบกินเนื้อแนะนำสเต็กจานเด็ด TAGLIATA DI MANZO AUSTRALIA (690 บาท+) หน้าตาชวนกิน เป็นเนื้อริบอายออสเตรเลียนำมาหมักกับเครื่องเทศ ย่างจนเนื้อสุกได้ที่ (สามารถเลือกระดับความสุกของเนื้อได้ตามต้องการ) แล่เนื้อหั่นเสิร์ฟมาเป็นชิ้นๆ เคียงด้วยสลักผักสด และมีน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บแบบไทยๆ กับน้ำเกรวี่รสกลมกล่อม กินคู่กับเนื้อที่เคี้ยวนุ่มหนึบหนับปาก โดนใจคนรักเนื้อกันไป
อีกหนึ่งสเต็กจานเด็ดที่ชวนกินคือ SALMON WITH PROVENCE AIOLI SAUCE (340 บาท+) เป็นปลาแซลมอนชิ้นใหญ่นำมาย่าง ราดซอสไอโอรี่สไตล์ฝรั่งเศส มีสลัดผักมาให้กินเคียงด้วย ลิ้มรสปลาแซลมอนเนื้อนุ่มแน่นหวานสด กินเข้ากันดีกับซอสรสกลมกล่อมถูกลิ้นดีแท้
แนะนำเมนูของคาวไปหลายเมนูแล้ว ขอนำเสนอเมนูของหวานบ้าง ที่ชวนสั่งก็มี NUTELLA CHOCOLATE MILKSHAKE (150 บาท+) เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของผงโกโก้นำเข้าจากเบลเยียมชงผสมกับนูเทลล่า ใส่น้ำแข็งปั่นรวมกัน ใส่ไอศกรีมรสช็อกโกแลตกับวิปครีมด้วย ดื่มแล้วหอมหวานได้รสชาติช็อกโกแลตเข้มข้น กินเข้ากับไอศกรีมช็อกโกแลตหวานเย็นชื่นใจ
แล้วถ้าใครชอบกินวาฟเฟิล แนะนำให้สั่ง BANANA NUTELLA WAFFLE (220 บาท+) วาฟเฟิลแป้งสดกลื่นวานิลลาทางร้านทำแบบสดใหม่ร้อนๆ ใส่ไอศกรีมรสช็อกดกแลต กล้วยหอม ราดนูเทลล่า โรยอัลมอนด์และผงโกโก้ ใส่วิปครีมด้วย ทุกอย่างที่ใส่มากินเข้ากันอย่างลงตัว กับวาฟเฟิลร้อนๆ หอมกรอบนุ่มกินดีต่อใจจริงๆ
ส่งท้ายด้วยของหวานเมนูนี้ PANNA COTTA RASPBERRY (120 บาท+) เป็นพานาคอตต้าที่ทางร้านทำเองมาแบบขนาดใหญ่มาก ราดซอสราสเบอร์รี่ ลิ้มรสพานาคอตต้าเนื้อเนียนนุ่มละมุนลิ้นหอมหวาน ตัดด้วยซอสราสเบอร์รี่รสอมเปรี้ยวนิดๆ ถูกปากโดนใจ
นอกจากเมนูเหล่านี้ที่ได้แนะนำมาแล้ว ยังมีอาหารจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนลองลิ้มอีกมากมาย อาทิ GARLIC & HERB CRUSTED LAMB CHOPS (640 บาท+) SEARED BARRAMUNDI WITH MISO SUACE (300 บาท+) SEARED SCALLOPS WITH FOIE GRAS (440 บาท+) NEW YORK STRIP STEAK 250 G. (750 บาท+) ฯลฯ รวมถึงยังมีอาหารเช้าให้บริการ เค้กโอมเมด แล้วก็เครื่องดื่มมากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไวน์ เบียร์สด ม็อกเทล ค็อกเทล ชา กาแฟ ที่ชวนให้เหล่านักกินทั้งหลายได้สั่งมานั่งดื่ม-กิน มาแฮงค์เอาท์กันอย่างอิ่มหนำสำราญใจที่ร้าน “THE CLOCK OUT”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“THE CLOCK OUT” ตั้งอยู่ที่อาคาร COMET OFFICE ถนนกรุงธนบุรี คลองสาน กรุงเทพฯ การเดินทางนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีวงเวียนใหญ่ แล้วลงทางออก 3 เดินมาเจอเซเว่นอีเลฟเว่น เลี้ยวซ้ายตรงเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีตรงตรอกมานะวิทย์ ก็จะเห็นร้าน THE CLOCK OUT มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 16.00 น. และ 17.00 - 23.00 น. (ปิดรับออเดอร์ 22.00 น.) ถ้ามากินอาหารวันศุกร์-วันอาทิตย์ แนะนำว่าควรโทร. มาจองโต๊ะก่อน และทางร้านรับจัดงานเลี้ยงด้วย โทร. 09-2962-2279 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.theclockoutbkk.com, www.facebook.com/theclockout
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager