xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนตำนาน “สวนสัตว์ดุสิต” ที่เที่ยวสุดฮิตของเด็กไทยทุกยุคทุกสมัย ก่อนปิดตำนานสิ้นเดือน ส.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager

ยีราฟยืนต้อนรับนักท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของเด็กๆ ที่เที่ยวแล้วได้ทั้งความบันเทิง ความสนุกสนาน และความรู้คงหนีไม่พ้น "สวนสัตว์" ที่ทั้งครอบครัวจะได้ใช้เวลาร่วมกัน ชี้ชวนกันดูสัตว์หลากหลายชนิดอย่างตื่นเต้นตื่นตา
โดยเฉพาะ "สวนสัตว์ดุสิต" สวนสัตว์หนึ่งเดียวที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ และอยู่คู่คนไทยมากว่า 80 ปี ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พ่อแม่และเด็กๆ หรือแม้แต่กลุ่มเพือนและคู่รักมักพากันไปใช้เวลาร่วมกันในช่วงวันหยุดอยู่เสมอ

ช่วงที่ผ่านมามีข่าวว่าจะมีการย้าย “สวนสัตว์ดุสิต” หรือ “เขาดิน” ไปในสถานที่ใหม่ เพราะที่ตั้งเดิมเริ่มคับแคบ ข่าวนี้ได้รับการยืนยันชัดเจนแล้วว่า ทางสวนสัตว์ดุสิตจะเปิดให้บริการจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2561 เพื่อเตรียมย้ายไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่ บริเวณคลอง 6 ต.รังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ต่อประชาชนชาวไทยและชาวองค์การสวนสัตว์ ที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระราชทานโฉนดที่ดิน จำนวน 300 ไร่ ให้กับองค์การสวนสัตว์ เพื่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ โดยมีขนาดใหญ่กว่าสวนสัตว์ดุสิตเดิมถึง 3 เท่า ทำให้สัตว์มีพื้นที่ที่อยู่อย่างสบาย มีอากาศที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ในช่วงที่เตรียมพื้นที่ใหม่นั้นก็จะทยอยดำเนินการเคลื่อนย้ายสัตว์ออกไปจัดแสดง ณ สวนสัตว์ต่างๆ ภายใต้การบริหารขององค์การสวนสัตว์ จำนวน 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์สงขลา สวนสัตว์อุบลราชธานี และสวนสัตว์ขอนแก่น โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

ยีราฟยืนชูคอยาว
สำหรับ สวนสัตว์ดุสิต ถือเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของประเทศ แถมยังมีมีประวัติที่น่าสนใจมากด้วย โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตั้งแต่พ.ศ.2438 หลังจากที่พระองค์ได้ทอดพระเนตรกิจการสวนพฤกษชาติของต่างประเทศและพบว่าสวนพฤกษชาติเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้ความเพลิดเพลิน และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน จึงมีพระราชดำริให้จัดสร้างขึ้นในประเทศไทยบ้าง

พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในพื้นที่ราบทางด้านทิศตะวันออกติดคลองเปรมประชากร (ถนนพระราม 5) ด้วยการขุดสระน้ำใหญ่ ประกอบคูคลองระบายน้ำ และถนน แล้วนำดินขึ้นมาเป็นเนินเขา เรียกว่า "เขาดิน" และรอบๆเขาดินนั้น ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปลูกลงพรรณไม้นานาชนิด สร้างขึ้นเป็นสวนพฤกษชาติ สำหรับส่วนพระองค์ เรียกว่า "วนา" รวมอาณาเขตส่วนนี้ทรงโปรดเรียกว่า "เขาดินวนา" โดยในขั้นต้นพระองค์ให้สร้างขึ้นสำหรับเป็นที่ประพาส ทรงพระเกษมสำราญส่วนพระองค์ และข้าราชบริภารฝ่ายในก่อน ดังนั้น "สวนดุสิต" หรือ "เขาดินวนา" จึงเป็นส่วนหนึ่งในเขตพระราชฐานพระราชวังดุสิต

ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงมีพระราชดำริที่จะทำนุบำรุงสวนแห่งนี้ให้กว้างขวางและดีกว่าที่เป็นอยู่ และเปิดให้ประชาชนมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจด้วย

ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 คณะรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานสวนดุสิต ให้ดำเนินการจัดทำเป็นสวนสาธารณะ และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ในเวลานั้นพระองค์เจ้าทิพอาภาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้พระราชทานอนุมัติในนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลรัชกาลที่ ๘ ให้เทศบาลนครกรุงเทพรับบริเวณสวนดุสิต หรือ เขาดินวนา สนามเสือป่า และสวนอัมพร มาจัดเป็นสวนสาธารณะได้

จากนั้นทางเทศบาลนครกรุงเทพ ได้จัดการย้ายกวางดาวและสัตว์ชนิดต่างๆ มาจากสวนอัมพร และ ย้ายสัตว์บางชนิด เช่น จระเข้ ลิง จากสวนสราญรมย์มาไว้ที่เขาดินวนา และได้ขอให้ทางสำนักพระราชวัง ส่งช้างหลวงมาให้ประชาชนได้ชมในวันอาทิตย์ และเมื่อปรับปรุงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เรียบร้อยแล้วทางเทศบาล นครกรุงเทพจึงเปิดสวนดุสิตให้ประชาชนเที่ยวชม และพักผ่อนหย่อนใจได้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2481 และให้เรียกสวนดุสิตนี้ว่า "สวนสัตว์ดุสิต" ซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนสัตว์แห่งแรกในประเทศไทย

เจ้าลิงน้อยแสนซน
ทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 80 ปีที่ "เขาดิน" อยู่คู่คนไทย เราจึงจะขอพาไปรำลึกบรรยากาศก่อนที่สวนสัตว์เขาดินจะย้ายไปสถานที่แห่งใหม่กัน

เมื่อซื้อบัตรเข้าผ่านประตูเรียบร้อยแล้ว ทางด้านขวามือจะเจอกับยีราฟชูคอยาวยืนต้อนรับทักทายแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน ใกล้กันจะมี ม้าลาย นกกระจอกเทศ และส่วนที่เรียกว่าเกาะนก ซึ่งเป็นกรงขนาดใหญ่มีนกกว่าร้อยชนิดมาให้เด็กๆ ส่องหากันอย่างสนุกสนาน

ต่อมาจะต้องไม่พลาดไปดูลิง ที่นี่มีมากมายหลายพันธุ์ด้วยกัน ทั้งลิงชิมแปนซี ลิงอุรังอุตัง ลิงแสม ฯลฯ แต่ละตัวก็ดูร่าเริงมีความสุขดี แต่ละตัวทำท่าทางดูแล้วมีลักษณะเหมือนคนมากๆ นอกจากนั้นก็ยังมีสัตว์เผ่าพันธุ์เดียวกับลิงอย่าง ชะนีแก้มขาว ชะนีมือขาว ชะนีมือดำ ค่างดำ ค่างเทา ค่างแว่นถิ่นใต้ กระโดดโลดเต้นอยู่ภายในกรงข้างๆ และสิ่งสำคัญของการมาเที่ยวสวนสัตว์ก็คือ นักท่องเที่ยวไม่ควรหยิบยื่นอาหารให้แก่สัตว์ชนิดต่างๆ ที่อยู่ภายในกรง นอกจากจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับเด็กๆ แล้ว ยังมีโอกาสถูกสัตว์ทำร้ายได้อีกด้วย

อุรังอุตังนั่งพักผ่อนอยู่มุมส่วนตัว

เสือกำลังนอนหลับพักผ่อน
บรรดาเจ้าป่าต่างๆ ก็ไม่ควรพลาดชมเช่นกัน ตั้งแต่สิงโต เจ้าแห่งป่าที่เวลาคำรามที เสียงดังเก้องกังวาน หรือจะเป็นเสือโคร่ง เสือขาว เสือดาว เสือปลา เสือไฟ ฯลฯ ที่เอาแต่นอนกลางวัน ไม่ยอมออกมาเดินอวดโฉมให้คนเห็นชัดๆ ส่วนที่เป็นขวัญใจเด็กๆ ก็คือหมีคนหรือหมีหมา ตัวอ้วนน่ากอด

หมีขอขวัญใจเด็กๆ

แม่มะลิ ฮิปโปวัย51ปี
อีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเที่ยวสวนสัตว์ดุสิตก็คือ “แม่มะลิ” ฮิปโปๆ ตัวโตที่มีอายุ 51 ปี ถือเป็นฮิปโปโปที่มีอายุยืนที่สุดในประเทศไทย เดินอุ้ยอ้ายอวดโฉมมาให้ชมความน่ารัก และยังเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยเสมอมา

ชมบรรดาเจ้าป่าไปแล้ว มาดูส่วนของสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกกันบ้าง ที่นี่มีอาคารแยกเป็นสัดส่วนโดยเฉพาะ ได้เข้าไปชมสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และยังมีให้ชมทั้งเต่าหลากหลายพันธุ์ ตะพาบน้ำประเภทต่างๆ จระเข้ ตะโขง ตะกวด อีกัวน่า และงูอีกหลากหลายชนิด ดูแล้วก็ชวนขนลุกเช่นกัน

พ่อแม่พาลูกๆ มาชมสัตว์ป่า
อีกอย่างหนึ่งที่ไม่น่าพลาดก็คือ การชมการแสดงความสามารถของสัตว์ โดยมีการฝึกให้สัตว์ต่างๆ ได้แสดงความสามารถน่ารักๆ ให้คนได้ชมกัน อย่างเช่นให้นกแก้วมาคอว์ตัวใหญ่สีสันสวยงาม ปั่นจักรยานแข่งกัน แข่งชู้ตลูกบอล แข่งโยนห่วง การแสดงโชว์การบินของนกเหยี่ยว นกเงือก เป็นต้น

พักสายตาจากการชมบรรดาสิงสาราสัตว์ด้วยการแวะไปดูหลุมหลบภัยสาธารณะ หรือหลุมหลบลูกระเบิดที่สร้างไว้ตั้งแต่เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อให้ผู้ที่มาพักผ่อนที่สวนสัตว์ได้หลบภัย ที่นี่ถือว่าเป็นอันซีนบางกอกด้วยนะ ถ้าใครอยากเห็นบรรยากาศของหลุมหลบภัยในอดีตก็สามารถมาดูได้ที่นี่

ถีบเรือผ่อนคลายสบายอารมณ์
หลังจากชมความน่ารักของเจ้าสัตว์ป่ากันอย่างจุใจกันแล้ว มานั่งพักผ่อนตากลมชมวิวกันบริเวณที่นั่งริมบึง หรือใครอยากจะออกกำลังขา ที่นี่ก็มีเรือถีบให้เช่าด้วย ถีบไปเรื่อยๆ สัมผัสบรรยากาศของความร่มรื่นรวมถึงสายน้ำนิ่งในบึงกว้าง ลอดใต้สะพานอยู่หลายจุด ผู้ใหญ่จะนั่งได้ 2 คน ถ้าเป็นเด็กก็จะได้ 3 คนต่อเรือ 1 ลำ ที่สำคัญทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพด้วยเพื่อความปลอดภัย นอกจากนั้นยังมีมุมสวนน้ำขนาดเล็กให้เด็กๆ ได้สนุกสนานกับการเล่นน้ำ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดด้วย

เด็กๆ สนุกสนานกับสวนน้ำขนาดเล็ก
“สวนสัตว์ดุสิต” ตั้งอยู่บนถนนพระราม 5 เขตดุสิต กรุงเทพฯ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ทุกวัน อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็กเล็ก-ปวช. 20 บาท ปวส.-มหาวิทยาลัย 50 บาท ข้าราชการในเครื่องแบบ 50 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ภิกษุ สามเณร และคนพิการ เข้าชมฟรี และจะเปิดให้ชมถึงวันที่ 31 ส.ค. นี้เท่านั้น สอบถามโทร.0-2281-2000

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น