Facebook :Travel @ Manager

“อาหารญี่ปุ่น” เป็นอีกหนึ่งอาหารต่างชาติในดวงใจของ “ตระเวนกิน” ด้วยเพราะความสดของวัตถุดิบในอาหารญี่ปุ่น บวกกับหน้าตาความสวยงาม และอาหารญี่ปุ่นนั้นมีรสชาติที่ถูกปากโดนใจ อีกทั้งยังมีความหลากหลายของเมนูอาหารให้เลือกลิ้มรส จึงทำให้เราชื่นชอบกินอาหารญี่ปุ่นเป็นยิ่งนัก

มื้อนี้ “ตระเวนกิน” เลยขอมาจัดหนักอิ่มอร่อยกับอาหารญี่ปุ่นรสเลิศกันที่ร้านนี้ “Shinsoko Sushi” เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชวนให้มาลองลิ้ม เพราะด้วยความน่าสนใจตั้งแต่ชื่อร้าน “Shinsoko” ที่แปลว่า “ก้นบึ้งของหัวใจ” ซึ่งทางร้านมีความตั้งใจนำเสนอซูชิทุกคำให้ออกมาดีที่สุด ตามสโลแกนของทางร้านที่ว่า “พิถีพิถันทุกคำ ด้วยความใส่ใจ”

รวมถึงที่นี่ยังมีอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับหลากหลาย ที่มีการปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นคนไทย นำเสนออาหารญี่ปุ่นพรีเมียม เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่ต้องอิมพอร์ตมาเป็นพิเศษ มีความสดใหม่ และใส่ใจการปรุงอาหารทุกจานอย่างพิถีพิถันด้วยความตั้งใจจากเชฟมากฝีมือ

ในส่วนของบรรยากาศร้านก็ชวนนั่งกินอาหารให้ความรู้สึกสบาย แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นแบบผ่อนคลาย ภายในร้านมี 2 ชั้น ตกแต่งร้านสไตล์โมเดิร์นดูโปร่งโล่งสบายตา มีโต๊ะนั่งให้เลือกนั่งหลายโซนตามชอบใจ ชั้นล่างมีโซนโต๊ะนั่งเคาน์เตอร์ซูชิบาร์จะได้เห็นเชฟปรุงอาหารแบบใกล้ชิด มีโซนโต๊ะนั่งสบายๆ และมีห้องส่วนตัวให้บริการ ส่วนชั้น 2 ก็มีโต๊ะนั่งในมุมสบายๆ ให้เลือกนั่ง และโซนห้องส่วนตัวให้บริการเช่นกัน

มาลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นจานเด็ดของที่นี่กันดีกว่า มีเมนูที่ชวนกินมากมาย จานแรกขอแนะนำ Shirauo Salad (350 บาท++) เป็นสลัดปลาเงินที่ชวนกินมาก เชฟนำปลาเงินมาชุบแป้งเทมปุระสูตรพิเศษทอดจนเหลืองกรอบ พร้อมกับมีผักไฮโดรโปนิกส์สดๆ หลากชนิดใส่มาด้วย ราดซอสสูตรพิเศษเฉพาะ ใส่มายองเนส และโรยหน้าด้วยไข่กุ้ง เวลากินก็คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน เคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความกรอบกรุบของปลาเงิน เข้ากันดีกับผักสลัดสดกรอบ ได้รสชาติน้ำซอสรสกลมกล่อมเข้ากับมายองเนส เรียกว่าสลัดจานนี้กินเพลินปากดี

เมนูถัดมาเอาใจคนชอบกินซาชิมิแบบจัดเต็มนำเสนอ Mini Shinsoko Sashimi A (2,500 บาท++ ลดราคาโปรโมชั่นพิเศษเหลือ 2,100 บาท++ โดยไม่เข้าร่วมกับโปรฯ อื่น) จัดเสิร์ฟมาแบบอลังการ มีปลาดิบหลากหลายอย่าง แต่ละอย่างเชฟแล่มาแบบชิ้นหนากำลังดี มีมาให้กินอย่างละ 3 ชิ้น มี Akami ส่วนเนื้อแดงของปลาทูน่า, ปลาฮามาจิ, ปลาคัมปาจิ, ปลากะพงญี่ปุ่น, ปลาแซลมอนส่วนท้อง และหอยเชลล์ญี่ปุ่น ซาชิมิของที่นี่ต้องขอยกนิ้วให้เลยในความสด ปลาดิบแต่ละอย่างเคี้ยวนุ่มลิ้นเต็มปากเต็มคำ หวานสดถูกปากมาก กินแล้วฟินดีต่อใจ

ต่อด้วยเมนูเด็ดจานนี้ Rainbow Roll (650 บาท++) หน้าตาสีสันชวนชิม เป็นข้าวปั้นหน้าปลาดิบหลากหลายไส้ข้างในใส่ปูอัด ไชเท้าดอง และแตงกวา จัดมา 7 คำ มี Chutoro ส่วนเนื้อปลาทูน่าที่มีไขมันปานกลาง, Akami ส่วนเนื้อแดงของปลาทูน่า, ปลาแซลมอน, ปลาฮามาจิ, กุ้งต้ม, อะโวคาโด และปลาไหลย่าง ข้าวปั้นแต่ละคำเคี้ยวกร้วมคำโต สัมผัสได้ถึงข้าวญี่ปุ่นนุ่มลิ้นเข้ากับไส้ต่างๆ และหน้าปลาดิบที่หวานสดดีแท้

แล้วชวนมาชิม Crunchy Roll (300 บาท++) เป็นเทมปุระกุ้งและอะโวคาโด สอดไส้ตรงกลางล้อมรอบด้วยสาหร่าย ชั้นต่อมาล้อมรอบด้วยข้าวญี่ปุ่น เกล็ดเทมปุระ และไข่กุ้ง ราดด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน กินแบบเต็มปากเต็มคำ เคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงข้าวปั้นเทมปุระกุ้งกรอบกรุบมันอโวคาโด ได้รสชาติน้ำซอสรสกลมกล่อมถูกปากโดนใจ

ถ้าใครชอบกินซูชิที่นี่มีซูชิให้เลือกสั่งมากินแบบเป็นคำๆ ตามใจชอบ มีให้เลือกหลายหลาก ที่ชวนกินก็มี Kobe Beef Sushi (450 บาท++) เป็นซูชิหน้าเนื้อโกเบแท้ๆ จากญี่ปุ่น มาแบบชิ้นใหญ่มาก นำมาเบิร์นให้แค่พอสุก ด้านล่างเป็นข้าวปั้น ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ส่งเข้าปากกินทั้งคำเนื้อเคี้ยวนุ่มละลายในปากเข้ากับข้าวปั้นรสดี ชุ่มน้ำซอสรสกลมกล่อมลิ้น ลงตัวเข้ากันได้ดีมาก
ซูชิคำต่อมาที่ชวนชิม คือ Salmon Harasu Aburi Saikyo Sushi (130 บาท++) เป็นข้าวปั้นส่วนท้องปลาแซลมอนที่นำไปเผาไฟ ราดด้วยซอสมิโซะ โรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอน ลิ้มลองแล้วยกนิ้วให้ในความหวานสดของเนื้อปลาแซลมอน เข้ากันดีกับซอสมิโซะรสเยี่ยม และอีกหนึ่งซูชิที่น่าลองลิ้ม คือ Engawa Ponzu Sushi (150 บาท++) เป็นข้าวปั้นครีบปลาตาเดียวเผาไฟราดด้วยซอสพอนซึ ชิมแล้วสัมผัสได้ถึงข้าวปั้นรสดีเข้ากับครีบปลาตาเดียวเนื้อนุ่มสดไม่คาว ได้รสชาติซอสพอนซึกลมกล่อมลงตัว

ส่วนถ้าใครชอบกินสเต็ก แนะนำจานเด็ดนี้ Prawn Steak (400 บาท++) หน้าตาชวนกิน เป็นกุ้งลายเสือตัวใหญ่นำมาผัดบนเตาเทปันยากิ ราดซอสเทปันยากิสูตรพิเศษของเชฟ เคียงด้วยผักอย่างหน่อไม้ฝรั่ง เห็ดหอม เห็ดออรินจิ ฟักทอง และพริกหวาน กินกุ้งเนื้อเด้งหวานสด ชุ่มซอสรสเด็ดถูกปากดีจริง

จากนั้นชวนล้างปากด้วยของหวาน Genmaicha ( 100 บาท++) เป็นไอศกรีมชาข้าวญี่ปุ่นโฮมเมด ที่กินแล้วหอมกลิ่นข้าวญี่ปุ่นอ่อนๆ รสชาติหวานเย็นกินแล้วชื่นใจ

หรือถ้าใครคิดว่าเมนูที่แนะนำมาเหล่านี้อาจจะยังไม่อิ่มหนำพอ ขอบอกว่ายังมีอาหารญี่ปุ่นจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนชิมอีก อาทิ Taraba Nabe (เล็ก 1,200 บาท++, ใหญ่ 2,200 บาท++) Kobe Beef Tataki (1,500 บาท+) Agedashi Tofu (250 บาท++) Shinsoko Sushi Shake Kama (400 บาท++) และอีกหลายหลากเมนูญี่ปุ่นเลิศรส ที่ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้อาหารญี่ปุ่น อยากจะชวนให้ลองมาอิ่มหนำกับอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพกันที่ร้าน “Shinsoko Sushi” แห่งนี้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“Shinsoko Sushi” ตั้งอยู่ที่ 12/70-72 ซอยอรรถกระวี 1 ถนนสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ การเดินทางสามารถมาได้ทางถนนสุขุมวิท 26 หรือจะมาทางถนนพระราม4 ซอย Big C จะเห็นร้าน Shinsoko Sushi ตั้งอยู่ใกล้กับ K-Village เปิดทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และ 17.30-22.30 น. ทางร้านรับจัดงานเลี้ยงด้วย ถ้ามากินอาหารวันศุกร์-วันอาทิตย์ แนะนำว่าโทร. มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2074-4419, 09-7078-5257 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/shinsokosushi
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“อาหารญี่ปุ่น” เป็นอีกหนึ่งอาหารต่างชาติในดวงใจของ “ตระเวนกิน” ด้วยเพราะความสดของวัตถุดิบในอาหารญี่ปุ่น บวกกับหน้าตาความสวยงาม และอาหารญี่ปุ่นนั้นมีรสชาติที่ถูกปากโดนใจ อีกทั้งยังมีความหลากหลายของเมนูอาหารให้เลือกลิ้มรส จึงทำให้เราชื่นชอบกินอาหารญี่ปุ่นเป็นยิ่งนัก
มื้อนี้ “ตระเวนกิน” เลยขอมาจัดหนักอิ่มอร่อยกับอาหารญี่ปุ่นรสเลิศกันที่ร้านนี้ “Shinsoko Sushi” เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชวนให้มาลองลิ้ม เพราะด้วยความน่าสนใจตั้งแต่ชื่อร้าน “Shinsoko” ที่แปลว่า “ก้นบึ้งของหัวใจ” ซึ่งทางร้านมีความตั้งใจนำเสนอซูชิทุกคำให้ออกมาดีที่สุด ตามสโลแกนของทางร้านที่ว่า “พิถีพิถันทุกคำ ด้วยความใส่ใจ”
รวมถึงที่นี่ยังมีอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับหลากหลาย ที่มีการปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นคนไทย นำเสนออาหารญี่ปุ่นพรีเมียม เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่ต้องอิมพอร์ตมาเป็นพิเศษ มีความสดใหม่ และใส่ใจการปรุงอาหารทุกจานอย่างพิถีพิถันด้วยความตั้งใจจากเชฟมากฝีมือ
ในส่วนของบรรยากาศร้านก็ชวนนั่งกินอาหารให้ความรู้สึกสบาย แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นแบบผ่อนคลาย ภายในร้านมี 2 ชั้น ตกแต่งร้านสไตล์โมเดิร์นดูโปร่งโล่งสบายตา มีโต๊ะนั่งให้เลือกนั่งหลายโซนตามชอบใจ ชั้นล่างมีโซนโต๊ะนั่งเคาน์เตอร์ซูชิบาร์จะได้เห็นเชฟปรุงอาหารแบบใกล้ชิด มีโซนโต๊ะนั่งสบายๆ และมีห้องส่วนตัวให้บริการ ส่วนชั้น 2 ก็มีโต๊ะนั่งในมุมสบายๆ ให้เลือกนั่ง และโซนห้องส่วนตัวให้บริการเช่นกัน
มาลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นจานเด็ดของที่นี่กันดีกว่า มีเมนูที่ชวนกินมากมาย จานแรกขอแนะนำ Shirauo Salad (350 บาท++) เป็นสลัดปลาเงินที่ชวนกินมาก เชฟนำปลาเงินมาชุบแป้งเทมปุระสูตรพิเศษทอดจนเหลืองกรอบ พร้อมกับมีผักไฮโดรโปนิกส์สดๆ หลากชนิดใส่มาด้วย ราดซอสสูตรพิเศษเฉพาะ ใส่มายองเนส และโรยหน้าด้วยไข่กุ้ง เวลากินก็คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน เคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความกรอบกรุบของปลาเงิน เข้ากันดีกับผักสลัดสดกรอบ ได้รสชาติน้ำซอสรสกลมกล่อมเข้ากับมายองเนส เรียกว่าสลัดจานนี้กินเพลินปากดี
เมนูถัดมาเอาใจคนชอบกินซาชิมิแบบจัดเต็มนำเสนอ Mini Shinsoko Sashimi A (2,500 บาท++ ลดราคาโปรโมชั่นพิเศษเหลือ 2,100 บาท++ โดยไม่เข้าร่วมกับโปรฯ อื่น) จัดเสิร์ฟมาแบบอลังการ มีปลาดิบหลากหลายอย่าง แต่ละอย่างเชฟแล่มาแบบชิ้นหนากำลังดี มีมาให้กินอย่างละ 3 ชิ้น มี Akami ส่วนเนื้อแดงของปลาทูน่า, ปลาฮามาจิ, ปลาคัมปาจิ, ปลากะพงญี่ปุ่น, ปลาแซลมอนส่วนท้อง และหอยเชลล์ญี่ปุ่น ซาชิมิของที่นี่ต้องขอยกนิ้วให้เลยในความสด ปลาดิบแต่ละอย่างเคี้ยวนุ่มลิ้นเต็มปากเต็มคำ หวานสดถูกปากมาก กินแล้วฟินดีต่อใจ
ต่อด้วยเมนูเด็ดจานนี้ Rainbow Roll (650 บาท++) หน้าตาสีสันชวนชิม เป็นข้าวปั้นหน้าปลาดิบหลากหลายไส้ข้างในใส่ปูอัด ไชเท้าดอง และแตงกวา จัดมา 7 คำ มี Chutoro ส่วนเนื้อปลาทูน่าที่มีไขมันปานกลาง, Akami ส่วนเนื้อแดงของปลาทูน่า, ปลาแซลมอน, ปลาฮามาจิ, กุ้งต้ม, อะโวคาโด และปลาไหลย่าง ข้าวปั้นแต่ละคำเคี้ยวกร้วมคำโต สัมผัสได้ถึงข้าวญี่ปุ่นนุ่มลิ้นเข้ากับไส้ต่างๆ และหน้าปลาดิบที่หวานสดดีแท้
แล้วชวนมาชิม Crunchy Roll (300 บาท++) เป็นเทมปุระกุ้งและอะโวคาโด สอดไส้ตรงกลางล้อมรอบด้วยสาหร่าย ชั้นต่อมาล้อมรอบด้วยข้าวญี่ปุ่น เกล็ดเทมปุระ และไข่กุ้ง ราดด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน กินแบบเต็มปากเต็มคำ เคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงข้าวปั้นเทมปุระกุ้งกรอบกรุบมันอโวคาโด ได้รสชาติน้ำซอสรสกลมกล่อมถูกปากโดนใจ
ถ้าใครชอบกินซูชิที่นี่มีซูชิให้เลือกสั่งมากินแบบเป็นคำๆ ตามใจชอบ มีให้เลือกหลายหลาก ที่ชวนกินก็มี Kobe Beef Sushi (450 บาท++) เป็นซูชิหน้าเนื้อโกเบแท้ๆ จากญี่ปุ่น มาแบบชิ้นใหญ่มาก นำมาเบิร์นให้แค่พอสุก ด้านล่างเป็นข้าวปั้น ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ส่งเข้าปากกินทั้งคำเนื้อเคี้ยวนุ่มละลายในปากเข้ากับข้าวปั้นรสดี ชุ่มน้ำซอสรสกลมกล่อมลิ้น ลงตัวเข้ากันได้ดีมาก
ซูชิคำต่อมาที่ชวนชิม คือ Salmon Harasu Aburi Saikyo Sushi (130 บาท++) เป็นข้าวปั้นส่วนท้องปลาแซลมอนที่นำไปเผาไฟ ราดด้วยซอสมิโซะ โรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอน ลิ้มลองแล้วยกนิ้วให้ในความหวานสดของเนื้อปลาแซลมอน เข้ากันดีกับซอสมิโซะรสเยี่ยม และอีกหนึ่งซูชิที่น่าลองลิ้ม คือ Engawa Ponzu Sushi (150 บาท++) เป็นข้าวปั้นครีบปลาตาเดียวเผาไฟราดด้วยซอสพอนซึ ชิมแล้วสัมผัสได้ถึงข้าวปั้นรสดีเข้ากับครีบปลาตาเดียวเนื้อนุ่มสดไม่คาว ได้รสชาติซอสพอนซึกลมกล่อมลงตัว
ส่วนถ้าใครชอบกินสเต็ก แนะนำจานเด็ดนี้ Prawn Steak (400 บาท++) หน้าตาชวนกิน เป็นกุ้งลายเสือตัวใหญ่นำมาผัดบนเตาเทปันยากิ ราดซอสเทปันยากิสูตรพิเศษของเชฟ เคียงด้วยผักอย่างหน่อไม้ฝรั่ง เห็ดหอม เห็ดออรินจิ ฟักทอง และพริกหวาน กินกุ้งเนื้อเด้งหวานสด ชุ่มซอสรสเด็ดถูกปากดีจริง
จากนั้นชวนล้างปากด้วยของหวาน Genmaicha ( 100 บาท++) เป็นไอศกรีมชาข้าวญี่ปุ่นโฮมเมด ที่กินแล้วหอมกลิ่นข้าวญี่ปุ่นอ่อนๆ รสชาติหวานเย็นกินแล้วชื่นใจ
หรือถ้าใครคิดว่าเมนูที่แนะนำมาเหล่านี้อาจจะยังไม่อิ่มหนำพอ ขอบอกว่ายังมีอาหารญี่ปุ่นจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนชิมอีก อาทิ Taraba Nabe (เล็ก 1,200 บาท++, ใหญ่ 2,200 บาท++) Kobe Beef Tataki (1,500 บาท+) Agedashi Tofu (250 บาท++) Shinsoko Sushi Shake Kama (400 บาท++) และอีกหลายหลากเมนูญี่ปุ่นเลิศรส ที่ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้อาหารญี่ปุ่น อยากจะชวนให้ลองมาอิ่มหนำกับอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพกันที่ร้าน “Shinsoko Sushi” แห่งนี้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“Shinsoko Sushi” ตั้งอยู่ที่ 12/70-72 ซอยอรรถกระวี 1 ถนนสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ การเดินทางสามารถมาได้ทางถนนสุขุมวิท 26 หรือจะมาทางถนนพระราม4 ซอย Big C จะเห็นร้าน Shinsoko Sushi ตั้งอยู่ใกล้กับ K-Village เปิดทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และ 17.30-22.30 น. ทางร้านรับจัดงานเลี้ยงด้วย ถ้ามากินอาหารวันศุกร์-วันอาทิตย์ แนะนำว่าโทร. มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2074-4419, 09-7078-5257 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/shinsokosushi
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager