xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยว “ดาลัด” สัมผัสเวียดนามที่แตกต่าง...ยลสีสันตะวันตกในตะวันออก/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)

Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
บรรยากาศภายใน King Palace
ปารีสตะวันออก, ปารีสเอเชีย, ลิตเติ้ลปารีส, ปารีสแห่งอินโดจีน, สวิตเซอร์แลนด์เวียดนาม ฯลฯ

ชื่อต่างๆ เหล่านี้คือฉายาบางส่วนของเมือง “ดาลัด” ซึ่งสะท้อนถึงมนต์เสน่ห์ตัวตนบนความเป็นดาลัดออกมาอย่างชัดเจน

รู้จักดาลัด

ดาลัด (Dalat) เป็นเมืองเอกของจังหวัดแลมดอง (ลัม ด่อง, เลิมดง : Lam Dong) ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (อยู่เหนือโฮจิมินห์ขึ้นมาประมาณ 300 กม.)
ดาลัดเมืองแห่งขุนเขาที่มีป่าสนขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วไป
ดาลัดตั้งอยู่บนที่ราบสูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีอากาศดีเย็นสบายตลอดทั้งปี มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะป่าสนที่ขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วไป

เสน่ห์ของเมืองดาลัดถูกค้นพบในยุคอาณานิคมที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนาม โดย “อาเลกซ็องดร์ แยร์แซ็ง” นักวิทยาแบคทีเรียชาวฝรั่งเศส ได้เดินทางเข้ามาสำรวจพื้นที่ในดาลัด และรัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้ลงมือสร้างเมืองเล็กๆ ในหุบเขาให้เจริญเติบโตขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 เพื่อให้เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส อีกทั้งยังตั้งเป้าหวังให้ดาลัดเป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐอินโดจีน (แต่ไม่สำเร็จ)
อาคารบ้านเรือนในตัวเมืองดาลัด ปลูกสร้างลดหล่นไปตามภูมิประเทศ
จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งสภาพพื้นที่ความเป็นเมืองแห่งขุนเขา มีวิวทิวทัศน์สวยงาม อากาศดี เย็นสบาย ธรรมชาติป่าไม้อุดมสมบูรณ์ และความโดดเด่นของบ้านเรือนในสไตล์ตะวันตก โดยเฉพาะวิลล่าสไตล์ฝรั่งเศสที่มีอยู่ทั่วไป ทำให้วันนี้ดาลัดเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวพักผ่อนในอันดับต้นๆของเวียดนาม ซึ่งได้รับการเรียกขานด้วยฉายาอันหลากหลายตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

ดาลัดวันนี้มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายทั้ง แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด มีโรงแรม 3-5 ดาว สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานบันเทิงยามราตรี ผับบาร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย ที่มุ่งตอบโจทย์ด้านการท่องเที่ยวที่กำลังโตวันโตคืน
โรงแรม 5 ดาวในดาลัด กับงานสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก
ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองดาลัด นอกจากนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามเองแล้วก็ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยที่นิยมเดินทางมาเยือนเมืองงามแห่งนี้กันไม่น้อย ซึ่งล่าสุดทางสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท” ได้เปิดเส้นทางบินตรง “กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) - ดาลัด” จำนวน 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์และอาทิตย์ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที จากเมืองไทยก็เหินฟ้ามาถึงยังสนามบิน “เลียน เคือง” ของเมืองดาลัด ที่ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเดินทางสู่ดาลัดที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
อาคารพิพิธภัณฑ์แลม ดอง ด้านหน้า
สำหรับผู้มาเยือนดาลัด หากอยากรู้เรื่องเมืองดาลัดและจังหวัดแลมดองในแบบฉบับย่อรวบรัด ที่ “พิพิธภัณฑ์ แลมดอง”(Lam Dong Museum) สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

พิพิธภัณฑ์แลมดอง เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม เมื่อเดินเข้ามาภายในโถงพิพิธภัณฑ์ จะได้พบกับรูปเคารพของประธานาธิบดี “โฮจิมินห์” วีรบุรุษของชาวเวียดนาม ยืนชูมือเด่นเป็นสง่าท่ามกลางแสดล้อมของมวลหมู่ดอกไม้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเมืองดาลัด
รูปเคารพประธานาธิบดีโฮจิมินห์ บริเวณโถงทางเข้าด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ แลมดอง
ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงแบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ห้องประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ เครื่องปั้นดินเผา ข้าวของเครื่องใช้โบราณ อาวุธ เครื่องมือจับสัตว์ ฆ้องโบราณที่ขุดพบในหลายยุคสมัย เครื่องมือล่าสัตว์ แบบจำลองหมู่บ้านดั้งเดิม การแต่งกายแบบดั้งเดิม เทศกาลและงานประเพณี ห้องแสดงการสู้รบในยุคสงครามเวียดนาม ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว สัตว์ประจำถิ่นสตัฟ เป็นต้น
การจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์แลม ดอง
นอกจากห้องจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์แล้ว ที่ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ยังเป็นสวนหย่อมอันร่มรื่น มีน้ำตกจำลอง ป่าสนร่มครึ้ม มีทางเดินชมสวน ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว มีการสร้างรูปปั้นสัตว์ไว้ในป่าสน และทำมุมเก๋ๆไว้ให้ถ่ายรูปกันหลายจุดด้วยกัน
สวนหย่อมใต้ป่าสนที่พิพิธภัณฑ์ แลมกอง
อีกทั้งยังมีส่วนทำกิจกรรมกับการละเล่นดั้งเดิมตามภูมิปัญญาพื้นบ้านเวียดนาม ที่เด็กๆ ชื่นชอบกันเป็นพิเศษ

นับว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ (ที่อาจจะเป็นของแสลงสำหรับนักท่องเที่ยวหลายๆ คนแล้ว) ที่นี่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันน่าเพลิดเพลินของชาวดาลัดอีกด้วย

ตะวันตก
ที่ดาลัดสามารถพบเห็นงานสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปได้ทั่วไป
“ตะวันตกในตะวันออก”

คือเสน่ห์อันโดดเด่นของเมืองดาลัดที่แตกต่างออกไปจากเมืองอื่นๆของประเทศเวียดนาม ซึ่งสามารถสร้างความเพลินตาเพลินใจให้กับผู้มาเยือนเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสิ่งปลูกสร้างงานสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่พักอาศัย ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่พัก โรงแรม สถานที่ราชการ สถานีรถไฟ และโบสถ์คริสต์ที่นำโดย “โบสถ์ดาลัด” อันทรงเสน่ห์
โบสถ์ไก่หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าโบสถ์กุ๊กไก่
โบสถ์ดาลัด (Cock Church or Evangelical Church) หรือโบสถ์ไก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 1940 เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโปแตสแตนท์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา มีหอคอยสูงเด่นมองเห็นเป็นแลนด์มาร์กแต่ไกล บนยอดหอคอยมีไก่ประดับอยู่ จึงถูกเรียกขานกันอีกชื่อหนึ่งว่า “โบสถ์ไก่” หรือที่คนไทยนิยมเรียกขานกันอย่างน่ารักว่า“โบสถ์กุ๊กไก่
ทางเดินอันร่มรื่นสู่พระตำหนักหลักใน King Palace
นอกจากนี้ดาลัดยังมีวิลล่าเก่าแก่สไตล์ยุโรปและฝรั่งเศสอันสวยงามคลาสสิกอยู่มากกว่า 2 พันหลัง ขณะที่อีกหนึ่งสิ่งที่แสดงถึงงานสถาปัตยกรรมในสไตล์ยุโรปอันโดดเด่นและเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมในอันดับต้นๆของดาลัดก็คือ “พระราชวัง 1” (Palace 1) หรือ “King Palace

King Palace ตั้งอยู่บนเนินเขาที่แวดล้อมไปด้วยป่าสนอันร่มรื่นเขียวครึ้ม พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) เดิมเป็นวิลล่าของเศรษฐีชาวฝรั่งเศส
ส่วนอาคารตำหนักรองของ King Palace
ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 “พระเจ้าบ่าว ดั๋ย”(Bao Dai) จักรพรรดิ (กษัตริย์) องค์ที่ 13 ของราชวงศ์เหงียน ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนามก่อนเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ได้ซื้อวิลล่าแห่งนี้และปรับเปลี่ยนเป็นพระราชวัง เพื่อใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาขององค์จักรพรรดิ และใช้เป็นที่แปรพระราชฐานในช่วงฤดูร้อน
พระตำหนักหลัก ไฮไลท์ของ King Palace
ก่อนที่ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประธานาธิบดี “โง ดินห์ เดียม”ได้ยึดครองสถานที่แห่งนี้แล้วจัดตั้งเป็นพระราชวังส่วนตัวของประธานาธิบดี นั่นจึงทำให้ที่นี่มีการขุดอุโมงค์เพื่อเป็นทางออกฉุกเฉิน เนื่องจากภายหลังประธานาธิบดีโง ดินห์ เดียม ที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมเผด็จการของเวียดนามได้ถูกรัฐประหารยึดอำนาจอีกต่อหนึ่ง

มาวันนี้ King Palace ได้รับการปรับปรุงพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เมื่อตีตั๋วเดินเข้ามาข้างใน จะพบกับทางเดินที่มีต้นไม้สูงปกคลุมร่มรื่น นำสายตามุ่งตรงเข้าตัวตัวพระตำหนักหลัก ขณะที่ด้านข้างจะเป็นทางเดินแยกไปยังพระตำหนักรองต่างๆ
ด้านหน้า พระตำหนักหลัก
สำหรับพระตำหนักหลักถือเป็นไฮไลท์ของ King Palace เป็นอาคาร 2 ชั้น งานสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสอันสวยงามคลาสสิก ด้านหน้าประดับสวนดอกไม้หลากสีสัน ซึ่งถือเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก
ห้องนั่งเล่น
เมื่อเดินเข้าไปภายในพระตำหนัก (ต้องสวมถุงผ้าใส่รองเท้าที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ก่อน) จะแบ่งเป็นห้องต่างๆ อาทิ ห้องผังประวัติของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหงียนทั้ง 13 พระองค์ ห้องนอนจักรพรรดิ ห้องนอนมเหสี ร้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องประชุม ซึ่งล้วนตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามในสไตล์ตะวันตก
นักท่องเที่ยวสวมชุดเวียดนามโบราณถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ขณะที่ในห้องสุดท้ายก่อนถึงทางออก จะเป็นห้องที่มีการจัดชุดจักรพรรดิ ฮองเฮา และชุดในราชสำนักของเวียดนามโบราณ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเช่า ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน ที่ก็ต้องถือว่าเป็นกิจกรรมที่ได้รับผลตอบรับดีทีเดียว มีคนมารอเช่าชุดถ่ายรูปกันไม่น้อย ทั้งชาวเวียดนาม ต่างชาติ รวมถึงชาวไทยเรา
บรรยากาศชวนนั่งใน King Palace
เมื่อเดินออกจากพระตำหนักหลัก ที่ด้านขวาจะเป็นดงสนร่มรื่น ส่วนที่ด้านหลังจะเป็นสวนน้ำพุที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

เรียกได้ว่าเมื่อเดินเข้ามาใน King Palace บรรยากาศในนี้จะอวลไปด้วยกลิ่นอายของฝรั่งเศสและความเป็นยุโรปอยู่ไม่น้อยเลย

ตะวันออก
ภายในบ้านประวัติศาสตร์ XQ
ใช่ว่าจะมีแต่สถาปัตยกรรมฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมยุโรปเท่านั้น แต่ที่ดาลัดยังมีวานสถาปัตยกรรมตะวันออกที่โดดเด่นน่าสนใจ อย่างเช่น วัดลัมทรีนี (Lam Ty Ni Pagoda), เจดีย์มังกร (Linh Phuoc Pagoda), เจดีย์ลินห์ ซอน (Linh Son Pagoda) และวัดตั๊กลัม (Truc Lam Pagoda วัดพุทธนิกายเซนอันมีชื่อเสียงของเมืองดาลัด

นอกจากนี้ก็ยังมี “บ้านประวัติศาสตร์ XQ”(XQ Da Lat Historical House) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและมนต์ขลังแห่งงานศิลปะตะวันออก
การจัดแสดงงานฝีมือผ้าปักแบบเวียดนาม
บ้านประวัติศาสตร์ XQ จัดแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ด้วยงานศิลปกรรมแบบเวียดนาม ผสมจีน ญี่ปุ่น เซน พร้อมทั้งใส่ความร่วมสมัยเข้าไปให้ดูมีสีสันน่าตื่นตาตื่นใจ

เมื่อเดินเข้าไปภายในบ้านประวัติศาสตร์ จะได้พบกับของสิ่งน่าสนใจหลากหลาย โดยเฉพาะงานฝีมือการปักผ้าสไตล์เวียดนาม ที่ช่างและศิลปินปักผ้าได้อย่างสุดยอด ประณีต ละเอียดลออ มองไกลๆนึกว่าภาพวาด แต่เมื่อไปดูใกล้ๆผมถึงกับทึ่งในความสามารถของผู้ปักที่ค่อยๆบรรจงเรียงร้อยด้านแต่ละเส้นปักลงไปบนผืนผ้า สร้างสรรค์ออกมาเป็นงานศิลปะอันสวยงามและมีชีวิตกระไรปานนั้น
ช่างกำลังปักผ้าตามแบบที่จัดไว้ให้
งานผ้าปักของที่นี่ มีทั้งที่ช่างฝีมือปักผ้าให้ชมกันสดๆจากลูกค้าที่สั่งเข้ามา และผลงานที่สร้างสรรค์ที่ทำสำเร็จแล้ว หลายๆผืนเขาจัดแสดงโชว์เฉยๆ แต่อีกหลายๆผืนก็ขาย ซึ่งแน่นอนว่าราคาย่อมสูงตามผลงานการสร้างสรรค์(หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท) เพราะกว่าช่างจะปักออกมาเป็นผ้าแต่ละผืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้ทั้งความสามารถที่ฝึกฝนและใช้เวลาปักผ้าแต่ละผืนกันนานทีเดียว

นอกจากงานศิลปะการปักผ้าแล้วที่นี่ก็ยังมี งานศิลปะจากผืนผ้า เส้นด้าย เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชาวเวียดนาม ภาพวาด งานประติมากรรม งานไม้ งานไม้ไผ่ งานศิลปะหัตกรรมพื้นบ้าน(+ประยุกต์) งานศิลปะการจัดวาง งานคอนเซ็ปต์ และงานศิลปะที่แสดงออกถึงสัจจะแห่งธรรมชาติ เป็นต้น
ส่วนงานคอนเซ็ปต์
บ้านประวัติศาสตร์ XQ จัดสร้างได้อย่างร่มรื่น ท่ามกลางธรรมชาติของแมกไม้ ดอกไม้ กล้วยไม้ สายน้ำ เสียงดนตรี และวัสดุจากธรรมชาติอีกหลากหลาย ทำให้เมื่อเดินเข้ามาดูเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง

อย่างไรก็ดีด้ายความที่ทางเดินเที่ยวชมตามส่วนต่างๆของหมู่บ้านแห่งนี้ค่อนข้างวกวนสลับซับซ้อน ทำให้เราต้องคอยเดินตามเกาะไกด์ผู้นำชมแบบไม่ให้หลุดขบวน มิฉะนั้นหากเลี้ยวผิดอาจจะเดินชมได้ไม่ทั่วถึง

และนี่ก็เป็นเสน่ห์สีสันบนความเป็นตะวันตกในตะวันออกของเมืองดาลัด

เมืองงามที่น่ารัก น่าพัก และน่าเที่ยวไม่น้อยเลย
บรรยากาศร่มรื่นในบ้านประวัติศาสตร์ XQ
*****************************************
ดาลัด เป็นเมืองเอกของจังหวัดแลมดอง ประเทศเวียดนาม ดาลัดเป็นเมืองท่องเที่ยวในอันดับต้นๆ ของเวียดนาม ซึ่งนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในบทความแล้ว เมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีก อย่างเช่น หุบเขาแห่งรัก สวนดอกไม้เมืองหนาว ตลาดกลางคืน น้ำตกฟงกัว น้ำตกดาตันลา Crazy House เป็นต้น

ล่าสุดสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท” ได้เปิดเส้นทางบินตรง “กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) - ดาลัด” ให้บริการเที่ยวบินไป-กลับ จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีต่อเที่ยวบิน โดยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เวลา 10.30 น. ถึงดาลัดเวลา 12.15 น. และออกจากดาลัด เวลา 12.55 น. จะกลับถึงกรุงเทพฯ เวลา 14.40 น.

ผู้สนใจสามารถจองตั๋วโดยสารผ่านช่องทางการจำหน่ายตั๋วโดยสารทั้งหมดของสายการบินเวียตเจ็ทได้ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วง “ได้เวลาเวียตเจ็ท” เวลา 12.00-14.00 น. ท่านจะได้พบกับโปรโมชันตั๋วโดยสารราคาพิเศษ เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ www.vietjetair.com และนอกจากนั้นสามารถจองทางสมาร์ทโฟนที่ https://m.vietjetair.com หรือจองผ่านทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/vietjetthailand (โดยคลิกที่แถบ “จองเลย”)
******************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น