โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน

ปารีสตะวันออก, ปารีสเอเชีย, ลิตเติ้ลปารีส, ปารีสแห่งอินโดจีน, สวิตเซอร์แลนด์เวียดนาม ฯลฯ
ชื่อต่างๆ เหล่านี้คือฉายาบางส่วนของเมือง “ดาลัด” ซึ่งสะท้อนถึงมนต์เสน่ห์ตัวตนบนความเป็นดาลัดออกมาอย่างชัดเจน
รู้จักดาลัด
ดาลัด (Dalat) เป็นเมืองเอกของจังหวัดแลมดอง (ลัม ด่อง, เลิมดง : Lam Dong) ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (อยู่เหนือโฮจิมินห์ขึ้นมาประมาณ 300 กม.)

ดาลัดตั้งอยู่บนที่ราบสูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีอากาศดีเย็นสบายตลอดทั้งปี มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะป่าสนที่ขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วไป
เสน่ห์ของเมืองดาลัดถูกค้นพบในยุคอาณานิคมที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนาม โดย “อาเลกซ็องดร์ แยร์แซ็ง” นักวิทยาแบคทีเรียชาวฝรั่งเศส ได้เดินทางเข้ามาสำรวจพื้นที่ในดาลัด และรัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้ลงมือสร้างเมืองเล็กๆ ในหุบเขาให้เจริญเติบโตขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 เพื่อให้เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส อีกทั้งยังตั้งเป้าหวังให้ดาลัดเป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐอินโดจีน (แต่ไม่สำเร็จ)

จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งสภาพพื้นที่ความเป็นเมืองแห่งขุนเขา มีวิวทิวทัศน์สวยงาม อากาศดี เย็นสบาย ธรรมชาติป่าไม้อุดมสมบูรณ์ และความโดดเด่นของบ้านเรือนในสไตล์ตะวันตก โดยเฉพาะวิลล่าสไตล์ฝรั่งเศสที่มีอยู่ทั่วไป ทำให้วันนี้ดาลัดเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวพักผ่อนในอันดับต้นๆของเวียดนาม ซึ่งได้รับการเรียกขานด้วยฉายาอันหลากหลายตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
ดาลัดวันนี้มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายทั้ง แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด มีโรงแรม 3-5 ดาว สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานบันเทิงยามราตรี ผับบาร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย ที่มุ่งตอบโจทย์ด้านการท่องเที่ยวที่กำลังโตวันโตคืน

ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองดาลัด นอกจากนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามเองแล้วก็ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยที่นิยมเดินทางมาเยือนเมืองงามแห่งนี้กันไม่น้อย ซึ่งล่าสุดทางสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท” ได้เปิดเส้นทางบินตรง “กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) - ดาลัด” จำนวน 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์และอาทิตย์ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที จากเมืองไทยก็เหินฟ้ามาถึงยังสนามบิน “เลียน เคือง” ของเมืองดาลัด ที่ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเดินทางสู่ดาลัดที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

สำหรับผู้มาเยือนดาลัด หากอยากรู้เรื่องเมืองดาลัดและจังหวัดแลมดองในแบบฉบับย่อรวบรัด ที่ “พิพิธภัณฑ์ แลมดอง”(Lam Dong Museum) สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
พิพิธภัณฑ์แลมดอง เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม เมื่อเดินเข้ามาภายในโถงพิพิธภัณฑ์ จะได้พบกับรูปเคารพของประธานาธิบดี “โฮจิมินห์” วีรบุรุษของชาวเวียดนาม ยืนชูมือเด่นเป็นสง่าท่ามกลางแสดล้อมของมวลหมู่ดอกไม้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเมืองดาลัด

ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงแบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ห้องประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ เครื่องปั้นดินเผา ข้าวของเครื่องใช้โบราณ อาวุธ เครื่องมือจับสัตว์ ฆ้องโบราณที่ขุดพบในหลายยุคสมัย เครื่องมือล่าสัตว์ แบบจำลองหมู่บ้านดั้งเดิม การแต่งกายแบบดั้งเดิม เทศกาลและงานประเพณี ห้องแสดงการสู้รบในยุคสงครามเวียดนาม ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว สัตว์ประจำถิ่นสตัฟ เป็นต้น

นอกจากห้องจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์แล้ว ที่ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ยังเป็นสวนหย่อมอันร่มรื่น มีน้ำตกจำลอง ป่าสนร่มครึ้ม มีทางเดินชมสวน ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว มีการสร้างรูปปั้นสัตว์ไว้ในป่าสน และทำมุมเก๋ๆไว้ให้ถ่ายรูปกันหลายจุดด้วยกัน

อีกทั้งยังมีส่วนทำกิจกรรมกับการละเล่นดั้งเดิมตามภูมิปัญญาพื้นบ้านเวียดนาม ที่เด็กๆ ชื่นชอบกันเป็นพิเศษ
นับว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ (ที่อาจจะเป็นของแสลงสำหรับนักท่องเที่ยวหลายๆ คนแล้ว) ที่นี่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันน่าเพลิดเพลินของชาวดาลัดอีกด้วย
ตะวันตก

“ตะวันตกในตะวันออก”
คือเสน่ห์อันโดดเด่นของเมืองดาลัดที่แตกต่างออกไปจากเมืองอื่นๆของประเทศเวียดนาม ซึ่งสามารถสร้างความเพลินตาเพลินใจให้กับผู้มาเยือนเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสิ่งปลูกสร้างงานสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่พักอาศัย ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่พัก โรงแรม สถานที่ราชการ สถานีรถไฟ และโบสถ์คริสต์ที่นำโดย “โบสถ์ดาลัด” อันทรงเสน่ห์

โบสถ์ดาลัด (Cock Church or Evangelical Church) หรือโบสถ์ไก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 1940 เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโปแตสแตนท์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา มีหอคอยสูงเด่นมองเห็นเป็นแลนด์มาร์กแต่ไกล บนยอดหอคอยมีไก่ประดับอยู่ จึงถูกเรียกขานกันอีกชื่อหนึ่งว่า “โบสถ์ไก่” หรือที่คนไทยนิยมเรียกขานกันอย่างน่ารักว่า“โบสถ์กุ๊กไก่”

นอกจากนี้ดาลัดยังมีวิลล่าเก่าแก่สไตล์ยุโรปและฝรั่งเศสอันสวยงามคลาสสิกอยู่มากกว่า 2 พันหลัง ขณะที่อีกหนึ่งสิ่งที่แสดงถึงงานสถาปัตยกรรมในสไตล์ยุโรปอันโดดเด่นและเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมในอันดับต้นๆของดาลัดก็คือ “พระราชวัง 1” (Palace 1) หรือ “King Palace”
King Palace ตั้งอยู่บนเนินเขาที่แวดล้อมไปด้วยป่าสนอันร่มรื่นเขียวครึ้ม พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) เดิมเป็นวิลล่าของเศรษฐีชาวฝรั่งเศส

ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 “พระเจ้าบ่าว ดั๋ย”(Bao Dai) จักรพรรดิ (กษัตริย์) องค์ที่ 13 ของราชวงศ์เหงียน ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนามก่อนเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ได้ซื้อวิลล่าแห่งนี้และปรับเปลี่ยนเป็นพระราชวัง เพื่อใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาขององค์จักรพรรดิ และใช้เป็นที่แปรพระราชฐานในช่วงฤดูร้อน

ก่อนที่ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประธานาธิบดี “โง ดินห์ เดียม”ได้ยึดครองสถานที่แห่งนี้แล้วจัดตั้งเป็นพระราชวังส่วนตัวของประธานาธิบดี นั่นจึงทำให้ที่นี่มีการขุดอุโมงค์เพื่อเป็นทางออกฉุกเฉิน เนื่องจากภายหลังประธานาธิบดีโง ดินห์ เดียม ที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมเผด็จการของเวียดนามได้ถูกรัฐประหารยึดอำนาจอีกต่อหนึ่ง
มาวันนี้ King Palace ได้รับการปรับปรุงพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เมื่อตีตั๋วเดินเข้ามาข้างใน จะพบกับทางเดินที่มีต้นไม้สูงปกคลุมร่มรื่น นำสายตามุ่งตรงเข้าตัวตัวพระตำหนักหลัก ขณะที่ด้านข้างจะเป็นทางเดินแยกไปยังพระตำหนักรองต่างๆ

สำหรับพระตำหนักหลักถือเป็นไฮไลท์ของ King Palace เป็นอาคาร 2 ชั้น งานสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสอันสวยงามคลาสสิก ด้านหน้าประดับสวนดอกไม้หลากสีสัน ซึ่งถือเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก

เมื่อเดินเข้าไปภายในพระตำหนัก (ต้องสวมถุงผ้าใส่รองเท้าที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ก่อน) จะแบ่งเป็นห้องต่างๆ อาทิ ห้องผังประวัติของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหงียนทั้ง 13 พระองค์ ห้องนอนจักรพรรดิ ห้องนอนมเหสี ร้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องประชุม ซึ่งล้วนตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามในสไตล์ตะวันตก

ขณะที่ในห้องสุดท้ายก่อนถึงทางออก จะเป็นห้องที่มีการจัดชุดจักรพรรดิ ฮองเฮา และชุดในราชสำนักของเวียดนามโบราณ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเช่า ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน ที่ก็ต้องถือว่าเป็นกิจกรรมที่ได้รับผลตอบรับดีทีเดียว มีคนมารอเช่าชุดถ่ายรูปกันไม่น้อย ทั้งชาวเวียดนาม ต่างชาติ รวมถึงชาวไทยเรา

เมื่อเดินออกจากพระตำหนักหลัก ที่ด้านขวาจะเป็นดงสนร่มรื่น ส่วนที่ด้านหลังจะเป็นสวนน้ำพุที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม
เรียกได้ว่าเมื่อเดินเข้ามาใน King Palace บรรยากาศในนี้จะอวลไปด้วยกลิ่นอายของฝรั่งเศสและความเป็นยุโรปอยู่ไม่น้อยเลย
ตะวันออก

ใช่ว่าจะมีแต่สถาปัตยกรรมฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมยุโรปเท่านั้น แต่ที่ดาลัดยังมีวานสถาปัตยกรรมตะวันออกที่โดดเด่นน่าสนใจ อย่างเช่น วัดลัมทรีนี (Lam Ty Ni Pagoda), เจดีย์มังกร (Linh Phuoc Pagoda), เจดีย์ลินห์ ซอน (Linh Son Pagoda) และวัดตั๊กลัม (Truc Lam Pagoda วัดพุทธนิกายเซนอันมีชื่อเสียงของเมืองดาลัด
นอกจากนี้ก็ยังมี “บ้านประวัติศาสตร์ XQ”(XQ Da Lat Historical House) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและมนต์ขลังแห่งงานศิลปะตะวันออก

บ้านประวัติศาสตร์ XQ จัดแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ด้วยงานศิลปกรรมแบบเวียดนาม ผสมจีน ญี่ปุ่น เซน พร้อมทั้งใส่ความร่วมสมัยเข้าไปให้ดูมีสีสันน่าตื่นตาตื่นใจ
เมื่อเดินเข้าไปภายในบ้านประวัติศาสตร์ จะได้พบกับของสิ่งน่าสนใจหลากหลาย โดยเฉพาะงานฝีมือการปักผ้าสไตล์เวียดนาม ที่ช่างและศิลปินปักผ้าได้อย่างสุดยอด ประณีต ละเอียดลออ มองไกลๆนึกว่าภาพวาด แต่เมื่อไปดูใกล้ๆผมถึงกับทึ่งในความสามารถของผู้ปักที่ค่อยๆบรรจงเรียงร้อยด้านแต่ละเส้นปักลงไปบนผืนผ้า สร้างสรรค์ออกมาเป็นงานศิลปะอันสวยงามและมีชีวิตกระไรปานนั้น

งานผ้าปักของที่นี่ มีทั้งที่ช่างฝีมือปักผ้าให้ชมกันสดๆจากลูกค้าที่สั่งเข้ามา และผลงานที่สร้างสรรค์ที่ทำสำเร็จแล้ว หลายๆผืนเขาจัดแสดงโชว์เฉยๆ แต่อีกหลายๆผืนก็ขาย ซึ่งแน่นอนว่าราคาย่อมสูงตามผลงานการสร้างสรรค์(หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท) เพราะกว่าช่างจะปักออกมาเป็นผ้าแต่ละผืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้ทั้งความสามารถที่ฝึกฝนและใช้เวลาปักผ้าแต่ละผืนกันนานทีเดียว
นอกจากงานศิลปะการปักผ้าแล้วที่นี่ก็ยังมี งานศิลปะจากผืนผ้า เส้นด้าย เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชาวเวียดนาม ภาพวาด งานประติมากรรม งานไม้ งานไม้ไผ่ งานศิลปะหัตกรรมพื้นบ้าน(+ประยุกต์) งานศิลปะการจัดวาง งานคอนเซ็ปต์ และงานศิลปะที่แสดงออกถึงสัจจะแห่งธรรมชาติ เป็นต้น

บ้านประวัติศาสตร์ XQ จัดสร้างได้อย่างร่มรื่น ท่ามกลางธรรมชาติของแมกไม้ ดอกไม้ กล้วยไม้ สายน้ำ เสียงดนตรี และวัสดุจากธรรมชาติอีกหลากหลาย ทำให้เมื่อเดินเข้ามาดูเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
อย่างไรก็ดีด้ายความที่ทางเดินเที่ยวชมตามส่วนต่างๆของหมู่บ้านแห่งนี้ค่อนข้างวกวนสลับซับซ้อน ทำให้เราต้องคอยเดินตามเกาะไกด์ผู้นำชมแบบไม่ให้หลุดขบวน มิฉะนั้นหากเลี้ยวผิดอาจจะเดินชมได้ไม่ทั่วถึง
และนี่ก็เป็นเสน่ห์สีสันบนความเป็นตะวันตกในตะวันออกของเมืองดาลัด
เมืองงามที่น่ารัก น่าพัก และน่าเที่ยวไม่น้อยเลย

*****************************************
ดาลัด เป็นเมืองเอกของจังหวัดแลมดอง ประเทศเวียดนาม ดาลัดเป็นเมืองท่องเที่ยวในอันดับต้นๆ ของเวียดนาม ซึ่งนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในบทความแล้ว เมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีก อย่างเช่น หุบเขาแห่งรัก สวนดอกไม้เมืองหนาว ตลาดกลางคืน น้ำตกฟงกัว น้ำตกดาตันลา Crazy House เป็นต้น
ล่าสุดสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท” ได้เปิดเส้นทางบินตรง “กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) - ดาลัด” ให้บริการเที่ยวบินไป-กลับ จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีต่อเที่ยวบิน โดยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เวลา 10.30 น. ถึงดาลัดเวลา 12.15 น. และออกจากดาลัด เวลา 12.55 น. จะกลับถึงกรุงเทพฯ เวลา 14.40 น.
ผู้สนใจสามารถจองตั๋วโดยสารผ่านช่องทางการจำหน่ายตั๋วโดยสารทั้งหมดของสายการบินเวียตเจ็ทได้ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วง “ได้เวลาเวียตเจ็ท” เวลา 12.00-14.00 น. ท่านจะได้พบกับโปรโมชันตั๋วโดยสารราคาพิเศษ เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ www.vietjetair.com และนอกจากนั้นสามารถจองทางสมาร์ทโฟนที่ https://m.vietjetair.com หรือจองผ่านทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/vietjetthailand (โดยคลิกที่แถบ “จองเลย”)
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
ปารีสตะวันออก, ปารีสเอเชีย, ลิตเติ้ลปารีส, ปารีสแห่งอินโดจีน, สวิตเซอร์แลนด์เวียดนาม ฯลฯ
ชื่อต่างๆ เหล่านี้คือฉายาบางส่วนของเมือง “ดาลัด” ซึ่งสะท้อนถึงมนต์เสน่ห์ตัวตนบนความเป็นดาลัดออกมาอย่างชัดเจน
รู้จักดาลัด
ดาลัด (Dalat) เป็นเมืองเอกของจังหวัดแลมดอง (ลัม ด่อง, เลิมดง : Lam Dong) ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (อยู่เหนือโฮจิมินห์ขึ้นมาประมาณ 300 กม.)
ดาลัดตั้งอยู่บนที่ราบสูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีอากาศดีเย็นสบายตลอดทั้งปี มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะป่าสนที่ขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วไป
เสน่ห์ของเมืองดาลัดถูกค้นพบในยุคอาณานิคมที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนาม โดย “อาเลกซ็องดร์ แยร์แซ็ง” นักวิทยาแบคทีเรียชาวฝรั่งเศส ได้เดินทางเข้ามาสำรวจพื้นที่ในดาลัด และรัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้ลงมือสร้างเมืองเล็กๆ ในหุบเขาให้เจริญเติบโตขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 เพื่อให้เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส อีกทั้งยังตั้งเป้าหวังให้ดาลัดเป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐอินโดจีน (แต่ไม่สำเร็จ)
จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งสภาพพื้นที่ความเป็นเมืองแห่งขุนเขา มีวิวทิวทัศน์สวยงาม อากาศดี เย็นสบาย ธรรมชาติป่าไม้อุดมสมบูรณ์ และความโดดเด่นของบ้านเรือนในสไตล์ตะวันตก โดยเฉพาะวิลล่าสไตล์ฝรั่งเศสที่มีอยู่ทั่วไป ทำให้วันนี้ดาลัดเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวพักผ่อนในอันดับต้นๆของเวียดนาม ซึ่งได้รับการเรียกขานด้วยฉายาอันหลากหลายตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
ดาลัดวันนี้มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายทั้ง แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด มีโรงแรม 3-5 ดาว สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานบันเทิงยามราตรี ผับบาร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย ที่มุ่งตอบโจทย์ด้านการท่องเที่ยวที่กำลังโตวันโตคืน
ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองดาลัด นอกจากนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามเองแล้วก็ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยที่นิยมเดินทางมาเยือนเมืองงามแห่งนี้กันไม่น้อย ซึ่งล่าสุดทางสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท” ได้เปิดเส้นทางบินตรง “กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) - ดาลัด” จำนวน 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์และอาทิตย์ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที จากเมืองไทยก็เหินฟ้ามาถึงยังสนามบิน “เลียน เคือง” ของเมืองดาลัด ที่ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเดินทางสู่ดาลัดที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
สำหรับผู้มาเยือนดาลัด หากอยากรู้เรื่องเมืองดาลัดและจังหวัดแลมดองในแบบฉบับย่อรวบรัด ที่ “พิพิธภัณฑ์ แลมดอง”(Lam Dong Museum) สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
พิพิธภัณฑ์แลมดอง เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม เมื่อเดินเข้ามาภายในโถงพิพิธภัณฑ์ จะได้พบกับรูปเคารพของประธานาธิบดี “โฮจิมินห์” วีรบุรุษของชาวเวียดนาม ยืนชูมือเด่นเป็นสง่าท่ามกลางแสดล้อมของมวลหมู่ดอกไม้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเมืองดาลัด
ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงแบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ห้องประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ เครื่องปั้นดินเผา ข้าวของเครื่องใช้โบราณ อาวุธ เครื่องมือจับสัตว์ ฆ้องโบราณที่ขุดพบในหลายยุคสมัย เครื่องมือล่าสัตว์ แบบจำลองหมู่บ้านดั้งเดิม การแต่งกายแบบดั้งเดิม เทศกาลและงานประเพณี ห้องแสดงการสู้รบในยุคสงครามเวียดนาม ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว สัตว์ประจำถิ่นสตัฟ เป็นต้น
นอกจากห้องจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์แล้ว ที่ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ยังเป็นสวนหย่อมอันร่มรื่น มีน้ำตกจำลอง ป่าสนร่มครึ้ม มีทางเดินชมสวน ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว มีการสร้างรูปปั้นสัตว์ไว้ในป่าสน และทำมุมเก๋ๆไว้ให้ถ่ายรูปกันหลายจุดด้วยกัน
อีกทั้งยังมีส่วนทำกิจกรรมกับการละเล่นดั้งเดิมตามภูมิปัญญาพื้นบ้านเวียดนาม ที่เด็กๆ ชื่นชอบกันเป็นพิเศษ
นับว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ (ที่อาจจะเป็นของแสลงสำหรับนักท่องเที่ยวหลายๆ คนแล้ว) ที่นี่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันน่าเพลิดเพลินของชาวดาลัดอีกด้วย
ตะวันตก
“ตะวันตกในตะวันออก”
คือเสน่ห์อันโดดเด่นของเมืองดาลัดที่แตกต่างออกไปจากเมืองอื่นๆของประเทศเวียดนาม ซึ่งสามารถสร้างความเพลินตาเพลินใจให้กับผู้มาเยือนเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสิ่งปลูกสร้างงานสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่พักอาศัย ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่พัก โรงแรม สถานที่ราชการ สถานีรถไฟ และโบสถ์คริสต์ที่นำโดย “โบสถ์ดาลัด” อันทรงเสน่ห์
โบสถ์ดาลัด (Cock Church or Evangelical Church) หรือโบสถ์ไก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 1940 เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโปแตสแตนท์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา มีหอคอยสูงเด่นมองเห็นเป็นแลนด์มาร์กแต่ไกล บนยอดหอคอยมีไก่ประดับอยู่ จึงถูกเรียกขานกันอีกชื่อหนึ่งว่า “โบสถ์ไก่” หรือที่คนไทยนิยมเรียกขานกันอย่างน่ารักว่า“โบสถ์กุ๊กไก่”
นอกจากนี้ดาลัดยังมีวิลล่าเก่าแก่สไตล์ยุโรปและฝรั่งเศสอันสวยงามคลาสสิกอยู่มากกว่า 2 พันหลัง ขณะที่อีกหนึ่งสิ่งที่แสดงถึงงานสถาปัตยกรรมในสไตล์ยุโรปอันโดดเด่นและเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมในอันดับต้นๆของดาลัดก็คือ “พระราชวัง 1” (Palace 1) หรือ “King Palace”
King Palace ตั้งอยู่บนเนินเขาที่แวดล้อมไปด้วยป่าสนอันร่มรื่นเขียวครึ้ม พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) เดิมเป็นวิลล่าของเศรษฐีชาวฝรั่งเศส
ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 “พระเจ้าบ่าว ดั๋ย”(Bao Dai) จักรพรรดิ (กษัตริย์) องค์ที่ 13 ของราชวงศ์เหงียน ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนามก่อนเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ได้ซื้อวิลล่าแห่งนี้และปรับเปลี่ยนเป็นพระราชวัง เพื่อใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาขององค์จักรพรรดิ และใช้เป็นที่แปรพระราชฐานในช่วงฤดูร้อน
ก่อนที่ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประธานาธิบดี “โง ดินห์ เดียม”ได้ยึดครองสถานที่แห่งนี้แล้วจัดตั้งเป็นพระราชวังส่วนตัวของประธานาธิบดี นั่นจึงทำให้ที่นี่มีการขุดอุโมงค์เพื่อเป็นทางออกฉุกเฉิน เนื่องจากภายหลังประธานาธิบดีโง ดินห์ เดียม ที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมเผด็จการของเวียดนามได้ถูกรัฐประหารยึดอำนาจอีกต่อหนึ่ง
มาวันนี้ King Palace ได้รับการปรับปรุงพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เมื่อตีตั๋วเดินเข้ามาข้างใน จะพบกับทางเดินที่มีต้นไม้สูงปกคลุมร่มรื่น นำสายตามุ่งตรงเข้าตัวตัวพระตำหนักหลัก ขณะที่ด้านข้างจะเป็นทางเดินแยกไปยังพระตำหนักรองต่างๆ
สำหรับพระตำหนักหลักถือเป็นไฮไลท์ของ King Palace เป็นอาคาร 2 ชั้น งานสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสอันสวยงามคลาสสิก ด้านหน้าประดับสวนดอกไม้หลากสีสัน ซึ่งถือเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก
เมื่อเดินเข้าไปภายในพระตำหนัก (ต้องสวมถุงผ้าใส่รองเท้าที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ก่อน) จะแบ่งเป็นห้องต่างๆ อาทิ ห้องผังประวัติของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหงียนทั้ง 13 พระองค์ ห้องนอนจักรพรรดิ ห้องนอนมเหสี ร้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องประชุม ซึ่งล้วนตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามในสไตล์ตะวันตก
ขณะที่ในห้องสุดท้ายก่อนถึงทางออก จะเป็นห้องที่มีการจัดชุดจักรพรรดิ ฮองเฮา และชุดในราชสำนักของเวียดนามโบราณ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเช่า ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน ที่ก็ต้องถือว่าเป็นกิจกรรมที่ได้รับผลตอบรับดีทีเดียว มีคนมารอเช่าชุดถ่ายรูปกันไม่น้อย ทั้งชาวเวียดนาม ต่างชาติ รวมถึงชาวไทยเรา
เมื่อเดินออกจากพระตำหนักหลัก ที่ด้านขวาจะเป็นดงสนร่มรื่น ส่วนที่ด้านหลังจะเป็นสวนน้ำพุที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม
เรียกได้ว่าเมื่อเดินเข้ามาใน King Palace บรรยากาศในนี้จะอวลไปด้วยกลิ่นอายของฝรั่งเศสและความเป็นยุโรปอยู่ไม่น้อยเลย
ตะวันออก
ใช่ว่าจะมีแต่สถาปัตยกรรมฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมยุโรปเท่านั้น แต่ที่ดาลัดยังมีวานสถาปัตยกรรมตะวันออกที่โดดเด่นน่าสนใจ อย่างเช่น วัดลัมทรีนี (Lam Ty Ni Pagoda), เจดีย์มังกร (Linh Phuoc Pagoda), เจดีย์ลินห์ ซอน (Linh Son Pagoda) และวัดตั๊กลัม (Truc Lam Pagoda วัดพุทธนิกายเซนอันมีชื่อเสียงของเมืองดาลัด
นอกจากนี้ก็ยังมี “บ้านประวัติศาสตร์ XQ”(XQ Da Lat Historical House) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและมนต์ขลังแห่งงานศิลปะตะวันออก
บ้านประวัติศาสตร์ XQ จัดแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ด้วยงานศิลปกรรมแบบเวียดนาม ผสมจีน ญี่ปุ่น เซน พร้อมทั้งใส่ความร่วมสมัยเข้าไปให้ดูมีสีสันน่าตื่นตาตื่นใจ
เมื่อเดินเข้าไปภายในบ้านประวัติศาสตร์ จะได้พบกับของสิ่งน่าสนใจหลากหลาย โดยเฉพาะงานฝีมือการปักผ้าสไตล์เวียดนาม ที่ช่างและศิลปินปักผ้าได้อย่างสุดยอด ประณีต ละเอียดลออ มองไกลๆนึกว่าภาพวาด แต่เมื่อไปดูใกล้ๆผมถึงกับทึ่งในความสามารถของผู้ปักที่ค่อยๆบรรจงเรียงร้อยด้านแต่ละเส้นปักลงไปบนผืนผ้า สร้างสรรค์ออกมาเป็นงานศิลปะอันสวยงามและมีชีวิตกระไรปานนั้น
งานผ้าปักของที่นี่ มีทั้งที่ช่างฝีมือปักผ้าให้ชมกันสดๆจากลูกค้าที่สั่งเข้ามา และผลงานที่สร้างสรรค์ที่ทำสำเร็จแล้ว หลายๆผืนเขาจัดแสดงโชว์เฉยๆ แต่อีกหลายๆผืนก็ขาย ซึ่งแน่นอนว่าราคาย่อมสูงตามผลงานการสร้างสรรค์(หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท) เพราะกว่าช่างจะปักออกมาเป็นผ้าแต่ละผืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้ทั้งความสามารถที่ฝึกฝนและใช้เวลาปักผ้าแต่ละผืนกันนานทีเดียว
นอกจากงานศิลปะการปักผ้าแล้วที่นี่ก็ยังมี งานศิลปะจากผืนผ้า เส้นด้าย เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชาวเวียดนาม ภาพวาด งานประติมากรรม งานไม้ งานไม้ไผ่ งานศิลปะหัตกรรมพื้นบ้าน(+ประยุกต์) งานศิลปะการจัดวาง งานคอนเซ็ปต์ และงานศิลปะที่แสดงออกถึงสัจจะแห่งธรรมชาติ เป็นต้น
บ้านประวัติศาสตร์ XQ จัดสร้างได้อย่างร่มรื่น ท่ามกลางธรรมชาติของแมกไม้ ดอกไม้ กล้วยไม้ สายน้ำ เสียงดนตรี และวัสดุจากธรรมชาติอีกหลากหลาย ทำให้เมื่อเดินเข้ามาดูเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
อย่างไรก็ดีด้ายความที่ทางเดินเที่ยวชมตามส่วนต่างๆของหมู่บ้านแห่งนี้ค่อนข้างวกวนสลับซับซ้อน ทำให้เราต้องคอยเดินตามเกาะไกด์ผู้นำชมแบบไม่ให้หลุดขบวน มิฉะนั้นหากเลี้ยวผิดอาจจะเดินชมได้ไม่ทั่วถึง
และนี่ก็เป็นเสน่ห์สีสันบนความเป็นตะวันตกในตะวันออกของเมืองดาลัด
เมืองงามที่น่ารัก น่าพัก และน่าเที่ยวไม่น้อยเลย
*****************************************
ดาลัด เป็นเมืองเอกของจังหวัดแลมดอง ประเทศเวียดนาม ดาลัดเป็นเมืองท่องเที่ยวในอันดับต้นๆ ของเวียดนาม ซึ่งนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในบทความแล้ว เมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีก อย่างเช่น หุบเขาแห่งรัก สวนดอกไม้เมืองหนาว ตลาดกลางคืน น้ำตกฟงกัว น้ำตกดาตันลา Crazy House เป็นต้น
ล่าสุดสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท” ได้เปิดเส้นทางบินตรง “กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) - ดาลัด” ให้บริการเที่ยวบินไป-กลับ จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีต่อเที่ยวบิน โดยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เวลา 10.30 น. ถึงดาลัดเวลา 12.15 น. และออกจากดาลัด เวลา 12.55 น. จะกลับถึงกรุงเทพฯ เวลา 14.40 น.
ผู้สนใจสามารถจองตั๋วโดยสารผ่านช่องทางการจำหน่ายตั๋วโดยสารทั้งหมดของสายการบินเวียตเจ็ทได้ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วง “ได้เวลาเวียตเจ็ท” เวลา 12.00-14.00 น. ท่านจะได้พบกับโปรโมชันตั๋วโดยสารราคาพิเศษ เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ www.vietjetair.com และนอกจากนั้นสามารถจองทางสมาร์ทโฟนที่ https://m.vietjetair.com หรือจองผ่านทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/vietjetthailand (โดยคลิกที่แถบ “จองเลย”)
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager