xs
xsm
sm
md
lg

“10 โบสถ์คริสต์” งามจับจิต ศรัทธาจับใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Facebook : Travel @ Manager
อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี
"ศาสนาคริสต์" ถือเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก และวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีถือเป็น "วันคริสต์มาส" ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญของคริสตศาสนิกชน เป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองเพื่อเป็นการระลึกถึงการประสูติของพระเยซูเจ้า ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยในเมืองไทยบ้านเราก็มีกลุ่มผู้นับถือศาสนาคริสต์กันเป็นจำนวนไม่น้อย ดังจะเห็นได้ว่ามีโบสถ์คริสต์ที่สวยงามตั้งอยู่ในเมืองไทยในหลากหลายพื้นที่ ซึ่งสามารถไปเที่ยวชมได้ เพราะโบสถ์แต่ละที่นั้นล้วนมีความงดงามที่น่าชมแตกต่างกันไป
องค์พระแม่ประดับพลอยกว่า 200,000 เม็ด
1. อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จังหวัดจันทบุรี

“อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” ตั้งอยู่ใน อ.เมืองจันทบุรี เป็นโบสถ์คริสต์ที่ถูกยกให้เป็นอันซีนไทยแลนด์เนื่องจากมีความเก่าแก่และงดงามอย่างยิ่ง โบสถ์แห่งแรกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2253 เมื่อชาวคาทอลิกที่ลี้ภัยมาจากเวียดนามได้มาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองจันท์และได้ร่วมกับทัพพระเจ้าตากสินในการกู้ชาติเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่สอง ต่อมาชาวญวนที่นับถือศาสนาคริสต์ได้สร้างชุมชนของตนขึ้นและได้สร้างอาสนวิหารหลังแรกขึ้นเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา เดิมเรียกว่า "วัดน้อย" ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี

ต่อมาอาสนวิหารมีการเปลี่ยนแปลง ซ่อมแซมและสร้างใหม่ขึ้นอีกหลายครั้ง รวมทั้งได้ย้ายมาอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรี โดยโบสถ์หลังปัจจุบันสร้างเมื่อ พ.ศ.2452 ตัวโบสถ์ภายนอกประดับลวดลายฉลุรอบตัวโบสถ์ มีหน้าต่างโค้งแหลม ด้านหน้าโบสถ์มีหอคอยสูงตั้งตระหง่านกระหนาบตัวอาคารทั้ง 2 ข้าง ส่วนภายในประดับด้วยกระจกสีเป็นรูปภาพนักบุญต่างๆ อีกทั้งมีไฮไลท์อยู่ที่องค์พระแม่ซึ่งประดับพลอยกว่า 200,000 เม็ด องค์พระแม่ยืนเหยียบอยู่บนตัวงูอันเป็นตัวแทนของซาตานและความชั่วร้าย ส่วนดวงตาของงูนั้นก็แดงก่ำด้วยเม็ดทับทิมที่ประดับไว้ดูโดดเด่นและงดงาม
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager

โบสถ์บางนกแขวก สมุทรสงคราม
2. อาสนวิหารแม่พระบังเกิด จ.สมุทรสงคราม

“อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” หรือ “โบสถ์บางนกแขวก” ตั้งอยู่ใน อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เป็นอีกหนึ่งโบสถ์คริสต์งดงามในไทยที่สร้างขึ้นในสมัย ร.5 โดยบาทหลวงเปาโลซัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมภายนอกงดงามด้วยศิลปะกอธิค มียอดแหลมพุ่งเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในประดับด้วยภาพเขียนบนกระจกสีจากฝรั่งเศส วาดเป็นเรื่องราวของพระเยซูและประวัติพระแม่มารีอา งดงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง
ภายในโบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้
3. วัดอัครเทวดามิคาแอล จังหวัดยโสธร

“วัดอัครเทวดามิคาแอล” หรือ “โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้” ตั้งอยู่ที่ อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2452 แต่เดิมวัดซ่งแย้เป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ ฝาขัดแตะ และต่อมาได้พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ โดยโบสถ์คริสต์รุ่นปัจจุบันเป็นโบสถ์หลังที่ 3 สร้างขึ้นใน พ.ศ.2490 ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านที่ร่วมกันสร้างขึ้น ตัวโบสถ์กว้าง 16 เมตร ยาว 57 เมตร เรียกได้ว่าเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้แผ่นไม้เป็นแป้นมุงหลังคา 80,000 แผ่น ใช้เสาขนาดต่างๆ กันถึง 360 ต้นส่วนใหญ่เป็นเสาไม้เต็ง เสาในแถวกลางมีขนาดใหญ่ยาวที่สุดมี 260 ต้น สูงจากพื้นดินกว่า 10 เมตร พื้นแผ่นกระดานเป็นไม้แดงและไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ม้านั่งไม้จุคนได้กว่าพันคน ระฆังโบสถ์มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 ฟุต อยู่บนหอระฆังสูงที่สร้างแบบหอระฆังตามวัดไทยทั่วไป
ด้านหน้าวัดนักบุญอันนา นครพนม
4. วัดนักบุญอันนา จ.นครพนม

"วัดนักบุญอันนา” (หนองแสง) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองนครพนม สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. 2469 โดยคุณพ่อเอทัวร์ นำลาภ อดีตอธิการโบสถ์ ลักษณะอาคารมีหอคอยคู่ยอดแหลม โดยโบสถ์หลังนี้เป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชนท้องถิ่น ในช่วงสงครามเวียดนามโบสถ์นักบุญอันนาได้รับความเสียหายจากระเบิด และได้รับการบูรณะซ่อมแซมในภายหลัง โดยในช่วงวันคริสต์มาส ชาวคริสต์แต่ละชุมชนจะประดิษฐ์ดาวขนาดใหญ่รูปแบบต่างๆ แล้วแห่มารวมกันไว้ที่นี่
โบสถ์คริสต์บ้านท่าแร่ สถาปัตยกรรมรูปเรือ
5. โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล จ.สกลนคร

“โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล” ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าแร่ อ.เมืองสกลนคร โดยบ้านท่าแร่ถือว่าเป็นชุมชนคาทอลิคเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีและถือว่าเป็นชุมชนชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตัวโบสถ์มีขนาดใหญ่สีขาวรูปทรงคล้ายเรือมีสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมเวียดนามอายุร่วม 100 ปี สร้างไว้เพื่อระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านท่าแร่ และในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของทุกปีจะมีการจัด “แห่ดาวเทศกาลคริสต์มาส” โดยเกือบทั้งพื้นที่ของชุมชนจะเต็มไปด้วยดาวประดิษฐ์รูปแบบต่าง ๆ ฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่บ้านท่าแร่ที่จะนำไม้ไผ่มาเหลา ก่อนจะผูกมัดทับไขว้กันเป็นโครงไม้รูปดาวแล้วติดกระดาษแก้วหลากสีนำมาประดับวัด บ้านเรือน รวมไปถึงขบวนรถแห่ดาวเพื่อสืบสานความเชื่อความศรัทธาอย่างมีสีสันตามแบบวิถีชุมชนชาวอีสาน ซึ่งการแห่ดาวจะมาสิ้นสุดลงที่โบสถ์แห่งนี้
ภายในโบสถ์วัดสองคอน
6. วัดสองคอน จ.มุกดาหาร

"วัดสองคอน" หรือชื่อเต็มว่า "สักการะสถานแห่งมรณะสักขี วัดสองคอน" หรือในชื่อเดิมว่า “วัดพระแม่ไถ่ทาส” ตั้งอยู่ที่บ้านสองคอน ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่คริสตชน 7 คน ที่พลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2532 พระสันตปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้ประกาศให้ทั้งเจ็ดคนเป็น "บุญราศีมรณสักขี" ที่หมายถึงคริสตชนผู้ประกอบกรรมดีและพลีชีพเพื่อประกาศยืนยันความเชื่อในพระเจ้าไม่ยอมละทิ้งศาสนา

วัดสองคอนมีชื่อเสียงมากในเรื่องความงดงามแปลกตาของตัวอาคาร ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีความสวยงาม และใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539 ออกแบบโดย ดร. อัชชพล ดุสิตนานนท์ ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ เป็นงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในอุษาคเนย์
โบสถ์กาลหว่าร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
7.โบสถ์กาลหว่าร์ กรุงเทพมหานคร

"โบสถ์กาลหว่าร์" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธ์วงศ์ กทม. เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีแล้ว พระองค์ได้พระราชทานที่ดินบริเวณนั้นให้กลุ่มชาวโปรตุเกสที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเพื่อสร้างวัดขึ้นใน พ.ศ.2330 และเนื่องจากมีกางเขนตั้งอยู่ที่สุสานบริเวณด้านหลังของวัด จึงเรียกกันตามชื่อของภูเขาที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนว่า "กาลวารีโอ" ซึ่งภายหลังขนานนามวัดนี้ว่า "วัดกาลหว่าร์" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดแม่พระลูกประคำ" โดยโบสถ์หลังปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบนีโอโกธิคที่สวยงาม โดยผนังเป็นการก่ออิฐถือปูนแบบโบราณ ไม่ใช้เหล็กและเสาเข็ม ที่เพดาน มีดาวประดับเป็นลักษณะท้องฟ้า และภายในตกแต่งกระจกสีเป็นเรื่องราวในคัมภีร์ทั้งพระธรรมใหม่และพระธรรมเก่าที่สวยงาม
โบสถ์คอนเซ็ปชัญ เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพ
8. โบสถ์คอนเซ็ปชัญ กรุงเทพมหานคร

"วัดคอนเซ็ปชัญ" ตั้งอยู่ในซอยมิตตคาม ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต เป็นชุมชนชาวคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยหลังจากที่พระสังฆราชหลุยส์ ลาโน ได้รับการอภิเษกที่กรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ.2217 แล้ว ท่านก็ได้เดินทางมาอยู่ที่เมืองบางกอก และได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพื่อขอพระราชทานที่ดินสำหรับสร้างวัดและโรงพยาบาล สมเด็จพระนารายณ์ได้พระราชทานที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือวัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และได้สร้างวัดในศาสนาคริสต์ขึ้นด้วยอิฐลาดปูน โดยตั้งชื่อว่า Immaculee Conception ซึ่งหมายถึง "แม่พระปฏิสนธินิรมล" วัดนี้จึงถูกเรียกว่า "วัดคอนเซ็ปชัญ"
โบสถ์ซางตาครูส
9. โบสถ์ซางตาครูส กรุงเทพมหานคร

วัดซางตาครูส ตั้งอยู่ที่ถนนเทศบาลสาย 1 แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชและสถาปนากรุงธนบุรีแล้วก็ได้ทรงรวบรวมไพร่พลทั้งชาวไทย จีน โปรตุเกส และพระราชทานที่ดินเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัย และก็ได้สร้างโบสถ์ขึ้นในปี พ.ศ.2312 และให้ชื่อว่า "โบสถ์ซางตารูส" หมายความว่า กางเขนศักดิ์สิทธิ์ โบสถ์ซางตาครูสหลังปัจจุบันมีสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนสมัยเรเนสซองส์ หรือที่เรียกว่านีโอคลาสสิค ตั้งตระหง่านหันหน้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ตัวอาคารก่ออิฐฉาบปูนตกแต่งด้วยปูนปั้นเป็นลวดลายใบไม้สวยงาม ส่วนภายในโบสถ์เป็นเหมือนห้องโถงใหญ่เพดานสูง มีแท่นสำหรับให้บาทหลวงยืนเทศน์ ด้านหลังมีรูปปั้นพระเยซูถูกตรึงกางเขน
คริสตจักรไคร้สตเชิชกรุงเทพ
10. คริสตจักรไคร้สตเชิชกรุงเทพ กรุงเทพมหานคร

"โบสถ์ไคร้สตเชิช" หรือ "คริสตจักรไคร้สตเชิชกรุงเทพ" ตั้งอยู่บนถนนคอนแวนต์ สีลม โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ในนิกายแองกลิกันที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยใน พ.ศ.2407 โบสถ์หลังเก่าตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นที่ดินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แต่อีก 40 ปีต่อมาสถานที่นมัสการเริ่มไม่เพียงพอ รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานที่ดินอีกผืนหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบันเพื่อสร้างเป็นโบสถ์คริสตจักรไคร้สตเชิชอย่างที่เห็นอย่างทุกวันนี้

ภายนอกโบสถ์ให้ความรู้สึกเหมือนปราสาทของฝรั่ง ด้านหน้าเป็นหอคอยสูงเชื่อมกับตัวโบสถ์ ส่วนภายในนั้นก็งดงามด้วยภาพกระจกสีเก่าแก่เป็นรูปพระเยซูและนักบุญต่างๆ สวยงามมาก และมีออร์แกนเก่าแก่ที่ยังคงใช้การได้ดี และที่พิเศษก็คือพัดลมเพดานซึ่งเป็นของเก่าแก่ที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 ตัวใบพัดเป็นไม้สัก และดุมพัดลมนั้นมีตรา จปร.ประทับไว้ด้วย

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager

กำลังโหลดความคิดเห็น