Facebook : Travel @ Manager
หลายคนที่ชอบกิน “กาแฟ” จะรู้ว่ากาแฟที่ปลูกจากแต่ละที่ แต่ละพันธุ์จะมีทั้งรสชาติ กลิ่น สีที่แตกต่างกันออกไป อย่าง “กาแฟขี้ชะมด” จากที่ “ไร่กาแฟขี้ชะมด” จ.นครพนม ยิ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร
“ไร่กาแฟขี้ชะมด” ตั้งอยู่ที่บ้านต้าย ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ซึ่งภายในไร่นั้นจะแบ่งออกเป็นหลายโซน โดยหลักๆ จะมีโซนร้านกาแฟ โซนไร่กาแฟ และโซนสวนสัตว์ เรียกว่าเป็น “ไร่กาแฟที่เป็นมากกว่าไร่กาแฟ” เพราะว่าที่นี่ทุกคนในครอบครัวจะสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้
สำหรับพ่อแม่นั้นจะได้เพลิดเพลินดื่มด่ำกับ “กาแฟขี้ชะมด” ที่ชงสดใหม่กันแบบแก้วต่อแก้วจากร้านกาแฟของไร่ ที่มีการตกแต่งตัวร้านสวยงาม มีที่นั่งทั้งในห้องแอร์เย็นๆ และรับลมสบายๆ ด้านนอก ด้านข้างของตัวร้านจะมีบ่อน้ำที่เด็กๆ สามารถลงไปถถีบเรือเป็ดได้ด้วย
ส่วนรสชาติของตัวกาแฟขี้ชะมดนั้น จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ แทบจะไม่มีรสขมเหมือนกาแฟทั่วไป และเมื่อกลืนลงคอไปแล้ว จะทิ้งรสหวานอยู่ในลำคอ แถมมีกลิ่นหอมชวนกินถูกใจคอกาแฟแน่นอน
โดย “กาแฟขี้ชะมดสด” จะอยู่ที่แก้วละ 500 บาท หรือใครไม่มีเวลาก็มีแบบสำเร็จรูปขวดละ 50 บาทให้ได้ชิมกัน และยังมีสบู่กาแฟจำหน่ายอีกด้วย แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบกินกาแฟขี้ชะมดหรือไม่กินกาแฟเลย ก็สามารถสั่งเมนูอื่นๆ ได้
และระหว่างที่พ่อแม่กำลังดื่มด่ำกับรสกาแฟอยู่นั้น เด็กๆ จะได้ไปชม "สวนสัตว์” ที่มีทั้งสิงโตขาว อัลปาก้า แพรี่ด็อก หรือจะไปนั่งรถม้าชมบรรยากาศรอบๆ ไร่กาแฟเพลินๆ ก็ได้
แต่ไฮไลท์ของที่นี่จะอยู่ที่ “ไร่กาแฟขี้ชะมด” ซึ่งการจากน้ำพักน้ำแรงของนายเกียรติศักดิ์ คำวงศา หรือ “เฟลม” วัย 24 ปี นักศึกษาจากคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ (BUSEM) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ได้ใช้วิชาความรู้ที่ได้ศึกษามาพัฒนาต่อยอดไร่กาแฟขี้ชะมด จนกลายเป็นธุรกิจในนามผลิตภัณฑ์ “BlueGold Coffee” ที่ส่งจำหน่ายไกลถึงต่างประเทศ
เฟลมได้เล่าถึงความเป็นมาของไร่กาแฟขี้ชะมดให้ฟังว่า “ก่อนหน้าที่จะมาทำไร่กาแฟขี้ชะมดนี้ ผมต้องเสียคุณพ่อและมีภาระหนี้สินกว่า 50 ล้านบาท ผมจึงเลือกเรียนต่อทางสายอาชีพโดยเลือกเรียนก่อสร้าง เพราะแม่รับราชการเป็นวิศวกร จึงเรียนสายนี้เพื่อมาช่วยแม่คุมคนงาน อ่านแบบ ยื่นซองประมูลแทนแม่ ช่วง 3 ปีที่เรียนสายนี้ ผมช่วยแม่ปลดหนี้ได้ทั้งหมด และฟื้นฐานะให้แม่ได้”
“จากนั้นจึงเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัยในคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (School of Entrepreneurship and Management : BUSEM) เพราะที่นี่ เขาสอนให้เป็นเจ้าของกิจการ พวกเราได้ลงมือทำจริงๆ ในช่วงที่เรียนปี 2-3 จึงหันกลับมามองสิ่งที่มีอยู่คือ ไร่กาแฟ จึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง ได้ทั้งอาจารย์และแม่ช่วยกันคิดจนสุดท้ายสรุปที่กาแฟขี้ชะมด”
“ที่เลือกแบบนี้เพราะว่าตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูงในการรับซื้อเมล็ดกาแฟ ที่ขายปลีกกิโลกรัมละ 5 หมื่นบาท ขายส่ง 2-3 หมื่นบาท และในประเทศไทยก็ยังไม่ค่อยมีกาแฟขี้ชะมดให้กินมากนัก”
“เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงได้ลงมือเองทุกอย่างตั้งแต่การเลี้ยงชะมด เก็บขี้ชะมดมาล้างทำความสะอาดเพื่อสต็อกเมล็ดเอาไว้ ควบคุมคนงาน และค่อยๆ ปรับไร่กาแฟให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ใช่แค่ไร่กาแฟอย่างเดียว"
เฟลมบอกถึงเคล็ดลับว่า “สิ่งที่ทำให้กาแฟขี้ชะมดของที่ไร่แตกต่างจากที่อื่นก็คือ เราจะเลี้ยงชะมดด้วยระบบเปิด คือไม่ได้กักให้ชะมดอยู่ในกรงแคบๆ แล้วส่งเมล็ดกาแฟให้เขากิน แต่ะจะปล่อยชะมดไว้ในไร่กาแฟ ให้พวกเขาได้เลือกกินเมล็ดกาแฟจากต้นสดๆ เลย แล้วพอเขาถ่ายออกมาแล้วค่อยเข้าไปเก็บขี้ชะมดหรือกากกาแฟ มาตากแดดเพื่อผ่านกรรมวิธีต่อไป”
“สำหรับกาแฟที่ไร่จะใช้พันธุ์โรบัสต้า เนื่องจากปลูกอยู่ที่จังหวัดนครพนม ที่มีอากาศแห้ง ไม่มีความชิ้น จึงทำให้ได้รสกาแฟที่ไม่เปรี้ยว และจะต้องใช้ไม่ใช่สารเคมีในการปลูก แต่จะใช้ปุ๋ยคอกแทน เพราะไม่อย่างนั้นชะมดที่กินเมล็ดกาแฟเข้าไปจะป่วยได้ และกาแฟจะสุกแค่ช่วงเดือนพฤศิกายน-ธันวาคม จึงทำให้ราคากาแฟชนิดนี้สูงกว่าแบบอื่นเพราะมีกรรมวิธีการผลิตที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน”
หากใครสนใจมาชิมกาแฟขี้ชะมดสดๆ และเที่ยวที่ไร่กาแฟขี้ชะมด “BlueGold Coffee“ สามารถมาได้ที่ บ้านต้าย ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม หรือโทร. 09-5938-0950
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
หลายคนที่ชอบกิน “กาแฟ” จะรู้ว่ากาแฟที่ปลูกจากแต่ละที่ แต่ละพันธุ์จะมีทั้งรสชาติ กลิ่น สีที่แตกต่างกันออกไป อย่าง “กาแฟขี้ชะมด” จากที่ “ไร่กาแฟขี้ชะมด” จ.นครพนม ยิ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร
“ไร่กาแฟขี้ชะมด” ตั้งอยู่ที่บ้านต้าย ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ซึ่งภายในไร่นั้นจะแบ่งออกเป็นหลายโซน โดยหลักๆ จะมีโซนร้านกาแฟ โซนไร่กาแฟ และโซนสวนสัตว์ เรียกว่าเป็น “ไร่กาแฟที่เป็นมากกว่าไร่กาแฟ” เพราะว่าที่นี่ทุกคนในครอบครัวจะสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้
สำหรับพ่อแม่นั้นจะได้เพลิดเพลินดื่มด่ำกับ “กาแฟขี้ชะมด” ที่ชงสดใหม่กันแบบแก้วต่อแก้วจากร้านกาแฟของไร่ ที่มีการตกแต่งตัวร้านสวยงาม มีที่นั่งทั้งในห้องแอร์เย็นๆ และรับลมสบายๆ ด้านนอก ด้านข้างของตัวร้านจะมีบ่อน้ำที่เด็กๆ สามารถลงไปถถีบเรือเป็ดได้ด้วย
ส่วนรสชาติของตัวกาแฟขี้ชะมดนั้น จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ แทบจะไม่มีรสขมเหมือนกาแฟทั่วไป และเมื่อกลืนลงคอไปแล้ว จะทิ้งรสหวานอยู่ในลำคอ แถมมีกลิ่นหอมชวนกินถูกใจคอกาแฟแน่นอน
โดย “กาแฟขี้ชะมดสด” จะอยู่ที่แก้วละ 500 บาท หรือใครไม่มีเวลาก็มีแบบสำเร็จรูปขวดละ 50 บาทให้ได้ชิมกัน และยังมีสบู่กาแฟจำหน่ายอีกด้วย แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบกินกาแฟขี้ชะมดหรือไม่กินกาแฟเลย ก็สามารถสั่งเมนูอื่นๆ ได้
และระหว่างที่พ่อแม่กำลังดื่มด่ำกับรสกาแฟอยู่นั้น เด็กๆ จะได้ไปชม "สวนสัตว์” ที่มีทั้งสิงโตขาว อัลปาก้า แพรี่ด็อก หรือจะไปนั่งรถม้าชมบรรยากาศรอบๆ ไร่กาแฟเพลินๆ ก็ได้
แต่ไฮไลท์ของที่นี่จะอยู่ที่ “ไร่กาแฟขี้ชะมด” ซึ่งการจากน้ำพักน้ำแรงของนายเกียรติศักดิ์ คำวงศา หรือ “เฟลม” วัย 24 ปี นักศึกษาจากคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ (BUSEM) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ได้ใช้วิชาความรู้ที่ได้ศึกษามาพัฒนาต่อยอดไร่กาแฟขี้ชะมด จนกลายเป็นธุรกิจในนามผลิตภัณฑ์ “BlueGold Coffee” ที่ส่งจำหน่ายไกลถึงต่างประเทศ
เฟลมได้เล่าถึงความเป็นมาของไร่กาแฟขี้ชะมดให้ฟังว่า “ก่อนหน้าที่จะมาทำไร่กาแฟขี้ชะมดนี้ ผมต้องเสียคุณพ่อและมีภาระหนี้สินกว่า 50 ล้านบาท ผมจึงเลือกเรียนต่อทางสายอาชีพโดยเลือกเรียนก่อสร้าง เพราะแม่รับราชการเป็นวิศวกร จึงเรียนสายนี้เพื่อมาช่วยแม่คุมคนงาน อ่านแบบ ยื่นซองประมูลแทนแม่ ช่วง 3 ปีที่เรียนสายนี้ ผมช่วยแม่ปลดหนี้ได้ทั้งหมด และฟื้นฐานะให้แม่ได้”
“จากนั้นจึงเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัยในคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (School of Entrepreneurship and Management : BUSEM) เพราะที่นี่ เขาสอนให้เป็นเจ้าของกิจการ พวกเราได้ลงมือทำจริงๆ ในช่วงที่เรียนปี 2-3 จึงหันกลับมามองสิ่งที่มีอยู่คือ ไร่กาแฟ จึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง ได้ทั้งอาจารย์และแม่ช่วยกันคิดจนสุดท้ายสรุปที่กาแฟขี้ชะมด”
“ที่เลือกแบบนี้เพราะว่าตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูงในการรับซื้อเมล็ดกาแฟ ที่ขายปลีกกิโลกรัมละ 5 หมื่นบาท ขายส่ง 2-3 หมื่นบาท และในประเทศไทยก็ยังไม่ค่อยมีกาแฟขี้ชะมดให้กินมากนัก”
“เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงได้ลงมือเองทุกอย่างตั้งแต่การเลี้ยงชะมด เก็บขี้ชะมดมาล้างทำความสะอาดเพื่อสต็อกเมล็ดเอาไว้ ควบคุมคนงาน และค่อยๆ ปรับไร่กาแฟให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ใช่แค่ไร่กาแฟอย่างเดียว"
เฟลมบอกถึงเคล็ดลับว่า “สิ่งที่ทำให้กาแฟขี้ชะมดของที่ไร่แตกต่างจากที่อื่นก็คือ เราจะเลี้ยงชะมดด้วยระบบเปิด คือไม่ได้กักให้ชะมดอยู่ในกรงแคบๆ แล้วส่งเมล็ดกาแฟให้เขากิน แต่ะจะปล่อยชะมดไว้ในไร่กาแฟ ให้พวกเขาได้เลือกกินเมล็ดกาแฟจากต้นสดๆ เลย แล้วพอเขาถ่ายออกมาแล้วค่อยเข้าไปเก็บขี้ชะมดหรือกากกาแฟ มาตากแดดเพื่อผ่านกรรมวิธีต่อไป”
“สำหรับกาแฟที่ไร่จะใช้พันธุ์โรบัสต้า เนื่องจากปลูกอยู่ที่จังหวัดนครพนม ที่มีอากาศแห้ง ไม่มีความชิ้น จึงทำให้ได้รสกาแฟที่ไม่เปรี้ยว และจะต้องใช้ไม่ใช่สารเคมีในการปลูก แต่จะใช้ปุ๋ยคอกแทน เพราะไม่อย่างนั้นชะมดที่กินเมล็ดกาแฟเข้าไปจะป่วยได้ และกาแฟจะสุกแค่ช่วงเดือนพฤศิกายน-ธันวาคม จึงทำให้ราคากาแฟชนิดนี้สูงกว่าแบบอื่นเพราะมีกรรมวิธีการผลิตที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน”
หากใครสนใจมาชิมกาแฟขี้ชะมดสดๆ และเที่ยวที่ไร่กาแฟขี้ชะมด “BlueGold Coffee“ สามารถมาได้ที่ บ้านต้าย ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม หรือโทร. 09-5938-0950
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager