xs
xsm
sm
md
lg

“นรา-คาเมรอน-ปีนัง-เบตง” ยังคงโอเค...บนเสน่ห์ทริป 2 แผ่นดิน“ไทย-มาเลเซีย”/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)

Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
คาเมรอน ไฮแลนด์ ดินแดนแห่งภูเขาสูงที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการปลูกชา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถิติการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน สถานการณ์การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียนั้นมีมูลค่าเป็นอันดับหนึ่ง และมาเลเซียยังเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศไทย(ที่มา : กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์)

สำหรับในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างที่มีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา และนราธิวาส นอกจาก 2 ด่านชายแดนใหญ่ คือ ด่านสะเดา และ ด่านปาดังเบซาร์ ใน อ.สะเดา จ.สงขลา ที่เป็นประตูสำคัญสู่มาเลเซียซึ่งมีความคึกคักเป็นอย่างยิ่งแล้ว “ด่านสุไหง-โกลก” อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ ด่าน“เบตง” อ.เบตง จ.ยะลา ก็ถือเป็นอีก 2 ด่านในระดับน้องๆรองจากด่านใหญ่ ที่วันนี้ยังคงมีความเคลื่อนไหวคึกคักทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
เบตง เมืองในหมอก
และด้วยความมีศักยภาพสูงของด่านทั้งสอง ทาง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ภูมิภาค ภาคใต้ จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (Road Show)ในเส้นทาง “สุไหง-โกลก : คาเมรอน ไฮแลนด์ : ปีนัง : เบตง”ขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยว AEC ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านคือ“มาเลเซีย”

โครงการนี้ เป็นความต่อเนื่องมาจากการการที่ ในปีนี้(2560) ททท.มีนโยบายในเรื่องของการท่องเที่ยวเชื่อมโยง โดยใช้ประเทศไทยเป็นฮับ เป็นศูนย์กลางดึงดูดนักท่องเที่ยวรอบๆบ้านเราให้เข้ามาเที่ยวในเมืองไทย และสามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงต่อไปยังกลุ่มประเทศต่างๆใน “เออีซี”(AEC) หรือที่เรียก“เออีซี คอนเน็คทิวิตี้” (AEC Connectivity)
เมืองเก่าจอร์จทาวน์ ปีนัง ดินแดนมรดกโลก
ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดตามชายแดนที่มีศักยภาพซึ่งมีด่านต่างๆเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ มาเลเซีย เมียนมา ลาว เมียนมา และกัมพูชา ททท.ได้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวให้เป็นเส้นทางวงรอบ ให้ออก(ไป)ทางจังหวัดหนึ่ง แล้วเข้า(กลับ)ทางจังหวัดหนึ่ง เพื่อเพิ่มโอกาสการท่องเที่ยวและเพิ่มวันพักค้างของนักท่องเที่ยวไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดน

นราธิวาส

สำหรับโครงการท่องเที่ยวเชื่อมโยงไทย-มาเลเซีย เริ่มตั้งต้นกันที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งในตัวเมืองนราฯ มีสิ่งน่าสนใจชวนให้เที่ยวชม อาทิ ชายหาดนราทัศน์ อ่าวมะนาว มัสยิดกลาง พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล และ “องค์พระศรีคเณศ พระพิฆเนศ ณ นราธิวาส” ที่วันนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของจังหวัดนราธิวาส
องค์พระศรีคเณศ พระพิฆเนศ ณ นราธิวาส
องค์พระศรีคเณศ พระพิฆเนศ ณ นราธิวาส” เป็นพระพิฆเนศองค์โต ขนาดหน้าตักกว้าง 7 เมตร สูง 16 เมตร มีรูปร่างลักษณะอ่อนช้อยสวยงาม และการประดับตกแต่งอย่างงดงามประณีต วิจิตร ตระการตา จนได้ชื่อว่าเป็น “พระพิฆเนศกลางแจ้งองค์ใหญ่ที่งดงามที่สุดในเมืองไทย”

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองแล้ว จังหวัดนราธิวาสยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ในอำเภออื่นๆอีก อาทิ

-“อำเภอสุคิริน” ดินแดนแห่งขุนเขาป่าไม้อันเขียวขจี อากาศดี มีธรรมชาติสวยงาม มีสิ่งน่าสนใจให้เที่ยวชม อาทิ พระตำหนักสุคิริน ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ ทะเลหมอกสุคิริน กิจกรรมล่องแก่ง ร่อนทอง งานประเพณีบุญบั้งไฟหนึ่งเดียวในภาคใต้ และผืนป่าฮาลา-บาลา(เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา)อันอุดมสมบูรณ์ แหล่งนกเงือกสำคัญของเมืองไทย
คัมภีร์อัลกุรอานเก่าแก่สมบัติชาติล้ำค่าที่ พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม
-“อำเภอยี่งอ” ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมสำคัญ คือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นขุนละหาร และ “พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม”(ศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน) ที่ตั้งอยู่ใน“โรงเรียนสมานมิตรวิทยา”(ปอเนาะศาลาลูกไก่) ต.ละหาร ที่เป็นแหล่งเก็บรวบรวม “คัมภีร์อัลกุรอานและเอกสารโบราณ” ที่เป็นสมบัติของแผ่นดินอันทรงคุณค่าซึ่งมีความสำคัญในระดับโลกเลยทีเดียว

--“อำเภอตากใบ” หนึ่งในอำเภอชายแดนที่มีด่านตากใบเป็นอีกหนึ่งประตู่สู่มาเลเซีย อำเภอนี้มีสิ่งน่าสนใจ อาทิ สะพานคอยร้อยปีและเกาะยาว ที่ตั้งอยู่เคียงคู่กัน วัดชลธาราสิงเหหรือวัดพิทักษ์แผ่นดินไทย วัดเก่าแก่ริมแม่น้ำตากใบที่มีส่งก่อสร้างทางพุทธศาสนาในศิลปะแบบภาคใต้อันโดดเด่นงดงามหลายสิ่ง โดยเฉพาะภาพจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรงดงามในพระอุโบสถ นอกจากนี้อำเภอตากใบยังมี"ปลากุเลาตากใบ" ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความอร่อย จนได้รับฉายาว่าเป็น “ราชาแห่งปลาเค็ม
ด่านสุไหง-โกลก
-“อำเภอสุไหง-โกลก” ที่มีสิ่งน่าสนใจอย่าง ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ และ “ป่าพรุโต๊ะแดง” หรือ “ป่าพรุสิรินธร” ป่าพรุที่มีความอุดมสมบูรณ์และระบบนิเวศอันหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย นอกจากนี้ อ.สุไหง-โกลก ยังมีด่านพรมแดนสุไหง-โกลก เป็นอีกหนึ่งประตู่สำคัญสู่ประเทศมาเลเซีย และเป็นเส้นทางขาออกจากเมืองไทยในโครงการท่องเที่ยว AEC ไทย-มาเลเซีย ในทริปนี้

คาเมรอน ไฮแลนด์
สีสันแปลงดอกไม้งาม ที่ สวนลาเวนเดอร์ ในคาเมรอน ไฮแลนด์
ด่านสุไหง-โกลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นเขตติดต่อกับด่านรังตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดินทางข้ามเขตจากไทยมาสู่มาเลเซียแล้ว คณะออกเดินทางเรามุ่งหน้าสู่ “คาเมรอน ไฮแลนด์” หรือที่ “ราบสูงคาเมรอน” ซึ่งในเส้นทางมีถนนหนทางที่ดี รถใหญ่ รถบัส รถโค้ช สามารถวิ่งขึ้นเขาบนคาเมรอน ไฮแลนด์ได้อย่างสะดวกสบาย

คาเมรอน ไฮแลนด์ ตั้งอยู่ในรัฐปาหัง เป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศขึ้นชื่อของมาเลเซีย มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง มีความสูงเฉลี่ย 1,524 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นดินแดนที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
เมืองทานา ราตา
คาเมรอน ไฮแลนด์ ปัจจุบันมีเมืองหลักๆอยู่ 3 เมือง(อำเภอ) ซึ่งไล่ไปตามระดับความสูง ได้แก่

-เมือง “ริงเลท”(Ringlet) ที่ตั้งอยู่ช่วงล่างสุด เป็นเมืองแรกที่สร้างขึ้นในคาเมรอนฯ ถือเป็นพื้นที่หลักในการทำสวนผลไม้ สวนผัก

-เมือง “ทานา ราตา”(Tanah Rata) ที่ตั้งอยู่ในช่วงกลาง ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองและเมืองราชการในอดีต ปัจจุบันถือเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวหลักของคาเมรอนฯ ในทานา ราตา มีบ้านพัก บังกะโล ตลาด ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มตึกเก่าและกลุ่มอาคารกลางเมืองที่สร้างอย่างสวยงามชวนให้เดินเที่ยวชม
ยามเช้าที่เมืองบรินชาง
-เมือง“บรินชาง”(Brinchang) เมืองที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดบนหุบเขา มี “ยอดเขาบรินชาง” เป็นจุดสูงสุดของคาเมรอน ไฮแลนด์ ในระดับความสูง ราว 2,000 เมตร(1,999.80 เมตร) หรือถ้าคิดเป็นฟุตก็จะได้ความสูงที่เป็นตัวเลขแสนสวยคือ 6,666 ฟุต

สำหรับผู้มาเยือนคาเมรอน ไฮแลนด์ นอกจากจะได้มาสัมผัสกับบรรยากาศวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติขุนเขาอันงดงามแล้ว คาเมรอน ไฮแลนด์ ยังโดดเด่นไปด้วย สถานที่ท่องเที่ยวประเภท “แมนเมด”(Man Made)อันหลากหลาย นำโดยไร่ชาชื่อดัง 2 แห่ง ซึ่งเจ้าของไร่ชาทั้งสองได้เดินทางเข้ามาปลูกชาในยุคบุกเบิกเมื่อแรกสร้างคาเมรอน ไฮแลนด์
ไร่ชา คาเมรอน วัลเล่ย์
แห่งแรกคือที่“คาเมรอน วัลเล่ย์” ซึ่งเป็นจุดแวะพักระหว่างทาง ที่นี่เราจะได้เห็นหุบเขาไร่ชาอันอลังการกว้างไกล พร้อมมีเส้นทางให้นักท่องเที่ยวลงไปเดินเที่ยวในไร่ชา ไปถ่ายรูปเล่น หรือไปเซลฟี่ ขณะที่ด้านบนนั้นก็เป็นร้านขายชา กาแฟ สินคาที่ระลึก และอีกหนึ่งมุมชมวิวทิวทัศน์ไร่ชาอันสวยงาม ที่มีคนแวะเวียนไปชมวิวไร่ชาและนั่งดื่มชา กาแฟ พร้อมของกินแกล้มกันไม่ได้ขาด
ไร่ชาโบห์
ส่วนแห่งที่สองคือ “ไร่ชาโบห์”(BOH)(หรือไร่ชาสุไหง ปาลัส-Sungei Palas) ชาแบรนด์ดังของมาเลเซีย ไร่ชาโบห์เป็นไร่ชาขนาดใหญ่ที่สูงที่สุดในคาเมรอน ไฮแลนด์(ตั้งอยู่ในเมืองบรินชาง)ภายในไร่มีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม มีร้านอาหารเครื่องดื่มวิวทิวทัศน์สวยงาม ให้นั่งละเลียดบรรยากาศ ชมวิวทิวทัศน์ เซลฟี่ถ่ายรูปคู่กับไร่ชาในหุบเขาอันสวยงามกว้างไกล
แปลงดอกไม้งามในสวนลาเวนเดอร์ ที่คาเมรอน ไฮแลนด์
นอกจากนี้ในคาเมรอน ไฮแลนด์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆให้ไปสัมผัสกันอีกไม่ว่าจะเป็น “สวนกุหลาบ”(เมืองทริงแคป), “สวนผีเสื้อ”(เมืองบรินชาง), “สวนลาเวนเดอร์”(ย่านคีฟาร์ม) และ “ตลาดคีฟาร์ม” แหล่งขายสินค้าอันหลากหลาย ทั้ง พืชผักผลไม้สดๆ อาหารกิน ดอกไม้สด แคคตัส สินค้าที่ระลึกต่างๆอันหลากหลาย ชารสต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ก็คือสตรอว์เบอร์รี่สีแดงสดใส ที่มีทั้งลูกเล็ก ลูกใหญ่ วางขายให้เลือกซื้อกันทั่วไป

ปีนัง

จากคาเมรอน ไฮแลนด์ จุดหมายต่อไปของการเดินทางคือ“เมืองปีนัง” รัฐปีนัง หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของมาเลเซีย
ประติมากรรมผลหมาก สัญลักษณ์ของเมืองปีนัง
ปีนัง เป็นหนึ่งในสิบสามรัฐของมาเลเซีย ในภาษามาเลย์จะเรียกว่า “ปูเลาปีนัง” (Pulau Penang) คำว่า “ปีนัง” แปลว่า “ต้นหมาก” ซึ่งในสมัยก่อนบนเกาะปีนังจะพบต้นหมากขึ้นอยู่ทั่วไป วันนี้จึงมีการสร้างประติมากรรม “ผลหมาก”ผ่าครึ่งไว้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปีนัง

ปีนังเป็นเมืองที่มีความกลมกลืนกันของผู้คนที่แม้จะต่างเชื้อชาติศาสนา แต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยมีทั้งชาวจีน (เป็นประชากรส่วนใหญ่บนเกาะปีนัง) ชาวมลายู และชาวอินเดีย ในเมืองนี้เราจึงได้เห็นศาสนสถานของคนแต่ละเชื้อชาติทั้งศาลเจ้า มัสยิด และวัดแขก กระจายตัวกันอยู่ในเมืองและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสวยงามเท่าเทียมกัน
เมืองเก่าจอร์จทาวน์ มรดกโลกมีชีวิต
ปีนัง มีเมือง“จอร์จทาวน์” เป็นเมืองหลวง(อำเภอเมือง) ซึ่งได้รับยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกคู่กันกับเมืองมะละกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เนื่องด้วยเป็นเมืองที่มีศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและทรงคุณค่า

ภายในเมืองจอร์จทาวน์มีการอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนโดยเฉพาะอาคารสไตล์ชิโน-โปรตุกีส อันเก่าแก่เอาไว้ได้เป็นอย่างดี
เมืองเก่าจอร์จทาวน์ มรดกโลกมีชีวิต
สำหรับมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่าจอร์จทาวน์(ถนนคนเดิน)ที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมากก็คือ ความเป็นเมืองเก่ามีชีวิตอันโดดเด่นของวัฒนธรรมจีน-มาเลย์ มีสินค้าข้าวของขายหลากหลาย โดยเฉพาะๆของกินอร่อยๆชวนลิ้มลอง

ขณะที่ตัวอาคารบ้านเรือนที่ส่วนใหญ่เป็นอาคารสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ในยุคบุกเบิกรุ่นแรกๆ(ก่อนที่จะขยายอิทธิพลไปยังสิงคโปร์ และจังหวัดทางตอนใต้ของบ้านเรา) ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีนั้นต่างก็น่าเที่ยวชม น่าเซลฟี่ ถ่ายรูปบันทึกไว้ในความทรงจำ
สตรีทอาร์ต หนึ่งในไฮไลท์ของเมืองเก่าจอร์จทาวน์
ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ใหม่ในเมืองเก่าจอร์จทาวน์ก็คือ สตรีทอาร์ทที่วาดไว้ตามกำแพง ตามมุมต่างๆของเมือง ซึ่งมีทั้งงานภาพวาดและงานเหล็กดัดอันทรงเสน่ห์

นอกจากเมืองเก่าจอร์จทาวน์แล้ว ในปีนังยังมีสิ่งน่าสนใจชวนเที่ยวชมอีกหลากหลาย อาทิ “หมู่บ้านชาวประมง” (Chew Jetty) (สามารถเดินไปจากเมืองเก่าจอร์จทาวน์ได้) หมู่บ้านชาวประมงที่ทำการอนุรักษ์ไว้ในบรรยากาศดั้งเดิม, “หาดบาตู เฟอร์ริงกี้”(Batu Feringgi) แนวชายหาดยาวสวยงามที่มีการบริหารจัดการคล้ายหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ในบ้านเรา, “ปีนังฮิลล์” กับจุดชมวิวที่สูงที่สุดบนเกาะปีนัง
หาดบาตู เฟอร์ริงกี้
อีกทั้งยังมีบรรยากาศของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ต่างๆอันสวยงาม อาหารการกินอร่อยๆ ศาสนสถาน อย่าง วัดเค็กลกซี วัดเจ้าแม่กวนอิม มัสยิดกาปิตัน เคลิง หรือจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่นำโดย “พิพิธภัณฑ์ปีนังเพอรานากัน” ที่ภายในมีการจัดแสดงเรื่องราวต่างๆของชาวเพอรานากัน(บ้าบ๋า ย่าหยา)ได้อย่างสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิต วัฒนธรรม อาหารการกิน การแต่งกาย ศิลปวัตถุต่างๆ ฯลฯ ที่เมื่อเข้าไปในนี้จะเหมือนเดินเข้ามาอยู่ในอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว
พิพิธภัณฑ์ปีนังเพอรานากัน
สำหรับปีนัง หลังจอร์จทาวน์ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก พร้อมทั้งมีการพัฒนาศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการสร้าง“สตรีทอาร์ต”(Street Art)ขึ้นในย่านเมืองเก่าจอร์จทาวน์มาตั้งแต่ปี 2555 หลังจากนั้นปีนังก็ปังเว่อร์ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวมาเลเซีย ชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวที่ปีนังกันเป็นจำนวนมาก
ปีนังเป็นเมืองที่มีการอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ไว้เป็นอย่างดี
นั่นรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วย ซึ่งจากบ้านเราสามารถไปเยือนปีนังได้ในหลากหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น นั่งเครื่องบินไปลง นั่งรถไฟเข้าทางด่านปาดังเบซาร์ หรือนั่งรถไปซึ่ง โดยหลักๆแล้วจะนิยมไปทางด่านชายแดนสะเดา หรือใช้เส้นทางท่องเที่ยวเป็นวงรอบ “หาดใหญ่(สะเดา)-ปีนัง-เบตง” หรือบางคนนั่งเครื่องไปลงปีนัง เที่ยวปีนัง แล้วนั่งรถขึ้นมาเที่ยวต่อที่เบตง ก่อนจะไปขึ้นเครื่องกลับที่หาดใหญ่ หรือใช้เส้นทางท่องเที่ยวทางเลือก “สุไหง-โกลก : คาเมรอน ไฮแลนด์ : ปีนัง : เบตง” อย่างในทริปนี้

เบตง

เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอำเภอเบตง จ.ยะลา ของบ้านเรา เส้นทางระหว่างปีนังสู่เบตงหรือเบตงสู่ปีนัง มีสภาพถนนหนทางที่ดี รถใหญ่วิ่งได้สะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ไปมาหากันประมาณ 2 ชั่วโมง
บรรยากาศเมืองเบตงช่วงโพล้เพล้
เบตง เป็นอำเภอใต้สุดของประเทศไทย มีด่านเบตงเป็นอีกหนึ่งประตูสู่มาเลเซีย เบตง มีคำขวัญประจำอำเภอว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” มีด่านเบตง
เป็นเขตติดต่อกับด่านบูกิตบือราปิด รัฐเคดาห์ ของมาเลเซีย

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในอำเภอเบตงนั้นก็ทั้งในเขตตัวอำเภอเบตง และที่นอกเมืองเบตง
หอนาฬิกาเบตง
โดยจุดท่องเที่ยวอันโดดเด่นในตัวเมืองนั้นสามารถเดินทอดน่อง ท่องเมืองเบตงได้อย่างไม่ยากเย็น เริ่มจาก หอนาฬิกาเบตง ที่ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองเบตง ในยามเย็นไปจนถึงหัวค่ำจะมีนกนางแอ่นจำนวนมากบินมาเกาะสายไฟบริเวณหอนาฬิกา ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์เคียงคู่เมืองเบตง

ขณะที่อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเมืองเบตงที่ตั้งอยู่ใกล้ๆหอนาฬิกาก็คือ “ตู้ไปรษณีย์สูง-ใหญ่”(ที่เคยใหญ่ที่สุดในประเทศไทย)ที่สามารถใช้บริการส่งจดหมาย โปสการ์ดได้จริง
อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์
เลยจากหอนาฬิกาไปตามทางเดินบนเนินเขาจะเป็น “อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์” อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย เหนืออุโมงค์ขึ้นไปจะเป็น “พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง” จัดแสดงเรื่องราวต่างๆของอำเภอเบตง บนชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์เป็นจุดชมวิวชั้นดีที่เมื่อขึ้นไปชั้นบนสุดมองลงมาจะเห็นตัวเมืองเบตงได้อย่างชัดเจน
พระมหาธาตุเจดีย์ พระพุทธธรรมประกาศ วัดพุทธาธิวาส
นอกจากนี้ในตัวเมืองเบตงยังมี วัดพุทธาธิวาส หรือ “วัดเบตง” ที่มี“พระมหาธาตุเจดีย์ พระพุทธธรรมประกาศ”เป็นไฮไลท์สำคัญ

จากตัวเมือง หากออกนอกเมืองเบตงไปก็จะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
-“จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” ที่ตั้งอยู่บนยอด“เขากุนุงซิลิปัต”หรือ“เขาไมโครเวฟ” บนความสูง 2,038 ฟุต จากระดับน้ำทะเล บนนี้ในเช้าวันปกติมีโอกาสสูงถึง 70-80 % ที่จะเห็นทะเลหมอกอัยเยอร์เวงลอยฟูฟ่องหนาแน่นดูสวยงามน่าประทับใจ
บ่อน้ำพุร้อนเบตง
-“บ่อน้ำพุร้อนเบตง” แหล่งน้ำร้อนตามธรรมชาติขนาดใหญ่ ปัจจุบันได้รับการพัฒนาสร้างเป็นสระน้ำ(ร้อน)สาธารณะขนาดใหญ่ มีอุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียส สามารถลวกไข่ให้สุกได้ใน 7 นาที พร้อมทั้งมีการสร้างสระย่อยที่ลดทอนความร้อนของน้ำลงมา สำหรับแช่เท้าหรือลงอาบน้ำ และมีบ่อเล็กๆให้ลวกไข่ ซึ่งสามารถซื้อไข่ไก่ ไข่นกกระทา จากร้านค้าแถวนั้นมาลวกกินได้
สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง หรือ สวนหมื่นบุปผา
-“สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง” หรือ “สวนหมื่นบุปผา” สวนดอกไม้งามที่มีการจัดสวนตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ก้อนหิน สระน้ำ และองค์ประกอบอื่นๆอย่างสวยงาม ภายในสวนหมื่นบุปผามีหลากหลายมุมให้เดินชื่นชมในความงาม รวมไปถึงถ่ายรูป เซลฟี่ วีฟี่ กันอย่างเพลิดเพลิน
อุโมงค์ปิยะมิตร
-“อุโมงค์ปิยะมิตร” รอยอดีตแห่งการสู้รบของคอมมิวนิสต์มลายา ตั้งอยู่บนเนินเขาบริเวณตะเข็บชายแดนไทย-มาเลเซีย สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการ เป็นที่หลบภัยทางอากาศ และที่สะสมเสบียงอาหาร

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้ว เบตงยังโดดเด่นในเรื่องของอาหารการกิน มีของกินท้องถิ่นรสชาติอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองเบตงอยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เคาหยก ปลาจีน ทุเรียน ส้มเบตง กบภูเขา หมี่เบตง เฉาก๊วยเบตง ผักน้ำ และ ไก่เบตง กับเมนู “ไก่สับเบตง” ที่เป็นไก่เบตงต้มราดซีอิ๊วเบตง ซึ่งหากว่าใครไปเยือนเบตงแล้ว ไม่ได้ลิ้มลองไก่เบตง ก็เหมือนกับว่ายังไปไม่ถึงเบตงโดยสมบูรณ์
ไก่สับเบตง
และนั่นก็เป็นมนต์เสน่ห์ของเส้นทาง “สุไหง-โกลก : คาเมรอน ไฮต์แลนด์ : ปีนัง : เบตง” ทริปท่องเที่ยว AEC เชื่อม 2 แผ่นดิน ไทย-มาเลเซีย ที่มากไปด้วยสิ่งน่าสนใจอันหลากหลาย เป็นแง่งามที่แตกต่างไปจากเรื่องราวเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่บ้างครั้งก็ถูกโหมประโคมจนเกินจริงไป

อย่างไรก็ดีผมก็ได้แต่หวังว่า...เหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้จะยุติโดยเร็ววัน
ด่านเบตง ใต้สุดแห่งสยาม
******************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น