โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“มหานทีสี่พันดอน” หรือ “สี่พันดอน”
เป็นช่วงที่แม่น้ำโขงมีความกว้างมากๆ(บางข้อมูลว่าเป็นช่วงที่กว้างที่สุดของแม่น้ำโขง) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแขวงจำปาสัก สปป.ลาว
แม่น้ำโขงช่วงนี้เต็มไปด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่มากมาย จนคนลาวยกให้เป็นดินแดน “สี่พันดอน” หรือ ดินแดนแห่ง “มหานทีสี่พันดอน”
มหานทีสี่พันดอนมีไฮไลท์สำคัญคือ “น้ำตกคอนพะเพ็ง” หรือ “คอนพะเพ็ง” มหัศจรรย์แห่งสายน้ำอันยิ่งใหญ่อลังการจนได้รับการเรียกขานให้เป็น “ไนแองการ่าแห่งเอเชีย” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของสปป.ลาว
นอกจากน้ำตกคอนพะเพ็งแล้ว ในดินแดนแม่น้ำโขงบริเวณมหานทีสี่พันดอน เหนือคอนพะเพ็งขึ้นไปในเขต “เมืองโขง” ยังเป็นที่ตั้งของ“ดอน”หรือ“เกาะ”ขนาดใหญ่อยู่หลากหลายเกาะ
บนดอนหรือเกาะใหญ่เหล่านั้น นอกจากจะมีผู้คนอยู่อาศัยประกอบอาชีพทำมาหากินแล้ว บางดอนยังเป็นเกาะท่องเที่ยวขึ้นชื่อกลางลำน้ำโขง ซึ่งทางบริษัท“Octo Cycling” ได้จัดกิจกรรมนำนักปั่นจักรยานจากเมืองไทยมาปั่นพิชิต 4 ดอนปิดท้ายทริปตะลุยลาวใต้กันที่นี่
หลี่ผี
วันนี้(วันที่ 4 )เป็นวันปั่นจักรยานวันสุดท้ายของทริปกับโปรแกรมปั่นพิชิต 4 ดอน คือ ดอนคอน ดอนเดด ดอนโสม และดอนโขง กับการปั่นแบบจัดเต็มตลอดทั้งวัน ในระยะทางประมาณ 50 กม.
แม้เมื่อคืน(วันที่ 3) ที่“ดอนคอน”จะมีฝนตกหนัก แต่ในเช้าวันนี้ ท้องฟ้ากลับเปิด แจ่มใส เหมือนดังฝนตกล้างท้องฟ้าให้กับเรา
อย่างไรก็ดีฟ้าหลังฝนแม้สดใส แต่ฟ้าหลังฝนตกหนักบนถนนที่เป็นดิน เป็นลูกรัง ในเส้นทางปั่นจักรยานของวันนี้ คงมีหลายช่วงที่เลอะเทอะ เฉอะแฉะ ติดหล่มติดโคลนกันบ้าง แต่นั่นก็ถือเป็นความท้าทายที่ทำให้การปั่นจักรยานในทริปนี้มีสีสัน มีอรรถรส และอรรถเลอะ มากยิ่งขึ้น
จากที่พัก พวกเราปั่นกันแบบสบายๆออกจากที่พักบนดอนคอนไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงยังจุดแวะแรกคือ “หัวรถจักรโบราณ”ตั้งแต่สมัยยุค(ล่าอาณานิคม)ที่ฝรั่งเศส(ใช้อำนาจ)เข้ามาปกครองสปป.ลาว(และกัมพูชา เวียดนาม)
หัวรถจักรคันนี้มีความเกี่ยวโยงกับน้ำตกคอนพะเพ็งที่ผมเพิ่งไปสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการมาก่อนหน้านั้น เนื่องจากในยุคอาณานิคมฝรั่งเศสไม่ได้มองเห็นถึง ความงดงาม ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่น้ำตกคอนพะเพ็ง หากแต่มองแก่งคอนพะเพ็งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการคมนาคมทางน้ำเพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินเรือขนถ่ายทรัพยากรจากลาวออกสู่ทะเลแล้วส่งต่อไปยังฝรั่งเศสอีกที(อันเป็นหนึ่งในวิธีดูดทรัพยากรของชาติตะวันตกในยุคนั้น)
ด้วยเหตุนี้ฝรั่งเศสจึงมีความพยายามที่จะระเบิดแก่งคอนพะเพ็งทิ้งหลายครั้งหลายหน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่ง ณ วันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า เพราะอะไร??? อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีสมัยนั้นสู่ปัจจุบันไม่ได้ หรือบ้างก็ว่าเพราะระเบิดไม่ทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งในเรื่องนี้ทางผู้เฒ่าผู้แก่ชาวลาว เคยเล่าให้ผมฟังว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น้ำตกคอนพะเพ็ง ได้ปกป้องแก่งยักษ์แห่งนี้ไว้ไม่ให้ถูกทำลาย
ทำให้วันนี้จึงยังคงมีน้ำตกคอนพะเพ็งให้ได้ชื่นชมในความงดงามยิ่งใหญ่อลังการกัน
แม้จะล้มเหลวต่อการระเบิดแก่งคอนพะเพ็ง แต่ความโลภของชาตินักล่าอาณานิคมยังคงอยู่ ฝรั่งเศสจึงเลือกจุดยุทธศาสตร์รองที่ดีที่สุด คือ“ดอนคอน” และ“ดอนเดด” สองเกาะที่อยู่ใกล้ๆกัน จากนั้นจึงลงมือสร้างทางรถไฟ สร้างสะพานเชื่อม และสร้างท่าเรือ ไว้สำหรับขนถ่ายทรัพยากร รวมถึงการสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆขึ้นบนเกาะใหญ่ๆแห่งมหานทีสี่พันดอน
มาวันนี้รอยอดีตที่ฝรั่งเศสทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน หัวรถจักร ซากสะพาน ได้กลายมาเป็นจุดท่องเที่ยวน่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมกัน ดังเช่น ซากหัวรถจักรโบราณ จุดแวะเที่ยวจุดแรกของเส้นทางปั่นจักรยานในวันนี้
จากหัวรถจักรโบราณ เราปั่นกันต่อไปอีกประมาณ 1 กม.กว่าๆ สู่จุดไฮไลท์ของวันนี้คือ “น้ำตกหลี่ผี” หรือ “โสมพะมิด” น้ำตกที่เกิดจากแก่งธรรมชาติในลำน้ำโขง ซึ่งสายน้ำได้ไหลบ่ารุนแรงเชี่ยวกรากถาโถมฝ่าแก่งน้อย-ใหญ่จำนวนมากในบริเวณนั้นลงมา เกิดเป็นน้ำตกลักษณะพิเศษอันสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว(เหมือนน้ำตกคอนพะเพ็ง แต่มีขนาดเล็กกว่า)
หลี่ผี ชื่อนี้มีที่มาจากคำว่า“หลี่” ที่หมายถึงอุปกรณ์จับปลาพื้นบ้านของคนลาวทำด้วยไม้ไผ่คล้ายลอบที่มาวางดักปลาในบริเวณนี้ กับคำว่า “ผี” ที่หมายถึงศพ หรือ คนตาย ซึ่งในสมัยสงครามอินโดจีนมีศพจำนวนมาก โดยเฉพาะศพทหารลาว ลอยไหลตามสายน้ำมาติดแก่ง ติดหลี่ดักปลาของชาวบ้าน ที่นี่จึงได้รับการเรียกขานว่า “หลี่ผี”
ปัจจุบันน้ำตกหลี่ผี ได้รับการพัฒนารับปี“ส่งเสริมการท่องเที่ยวลาว 2018” มีการจัดระเบียบพื้นที่อย่างร่มรื่น มีร้านอาหาร มีกังหัน มีระเบียงวงกลมชมวิว และมีเส้นทางเดินชมวิวเลาะเลียบสายน้ำโขง สู่จุดพักร้านกาแฟ ที่มีหาดทรายแห่งสายน้ำโขงให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน และลงเล่นน้ำกัน
หลี่ผี ถือเป็นจุดท่องเที่ยวไฮไลท์แห่งดอนคอน ซึ่งใครที่มาเที่ยวบนเกาะแห่งนี้ หากไม่มาชมหลี่ผีก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงดอนคอนโดยสมบูรณ์
ดอนคอน-ดอนเดด
หลังใช้เวลาพักผ่อน ชมความยิ่งใหญ่ของสายน้ำที่หลี่ผีอยู่พักใหญ่ เป้าหมายต่อไปของเราคือการปั่นจักรยานข้ามเกาะ จากดอนคอนสู่“ดอนเดด” โดยคณะเราไม่พลาดการไปแวะถ่ายรูปบน“สะพานฝรั่งเศส” ที่เป็นหนึ่งในจุดไฮไลท์ของดอนคอนและดอนเดด ซึ่งฝรั่งเศสได้มาสร้างสะพานแห่งนี้เชื่อมระหว่างเกาะทั้งสอง เพื่อใช้ลำเลียงทรัพยากรตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
เมื่อข้ามสะพานฝรั่งเศสจากดอนคอนสู่เกาะดอนเดด พวกเราปั่นจักรยานไปบนถนนดินเล็กๆแคบๆ วิ่งได้เฉพาะรถจักรยานยนต์ และจักรยาน ซึ่งระหว่างทางมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาปั่นจักรยานเที่ยวบนเส้นทางสายนี้อยู่หลายกลุ่มด้วยกัน
เส้นทางปั่นสายนี้ ช่วงแรกเป็นถนนเลาะเลียบริมฝั่งโขงที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม มองเห็นเกาะดอนคอนอยู่ฝั่งตรงข้าม ต่อจากนั้นก็เป็นเส้นทางผ่านหมู่บ้าน ผ่านชุมชน ซึ่งระหว่างทางที่ปั่นผ่านชุมชนก็จะมีคนลาวมากล่าวคำ“สะบายดี”(สวัสดี) ทักทายอยู่เป็นระยะไปตลอดเส้นทาง
นับเป็นเส้นทางที่อวลไปด้วยภาพวิถีชีวิตชนบทย้อนของยุคเมืองไทยที่เรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์ไม่น้อยเลย
ดอนเดด-ดอนโสม
ดอนเดด เป็นดอนที่ 2 ที่คณะเราปั่นมาพิชิต จากดอนคอนพวกเราปั่นกินลมชมวิวผ่านบนเกาะดอนเดดประมาณ 5-6 กม. ก็มาถึงยังอีกฟากของเกาะ ซึ่งคนลาวเรียกกันว่า “หัวเดด” ที่นี่เราแวะไปเที่ยวชมซากสะพานลำเลียงสินค้าสมัยฝรั่งเศสที่“บ้านดอนเดด” ที่ถือเป็นดังเอกลักษณ์ของเกาะแห่งนี้ ก่อนจะแวะกินข้าวเที่ยงที่ร้านริมโขง ในบรรยากาศสุดชิลล์
หลังอิ่มหนำจากมื้อเที่ยง พวกเราปั่นต่อไปอีกนิดก็มาถึงยังท่าเรือดอนเดด เพื่อลงแพข้ามฟากจากดอนเดดสู่“ดอนโสม” ดอนที่ 3 ของการปั่นพิชิต 4 ดอนในวันนี้
สำหรับแพข้ามฟากของที่นี่ เป็นแพขนาดเล็กสร้างจากภูมิปัญญาพื้นบ้านลาว โดยนำเรือ 2 ลำมาวางเป็นฐานและคานรับน้ำหนักไปในตัว ต่อจากนั้นจึงปูพื้นไม้ให้เป็นแพบนลำเรือ และติดเครื่องเรือหางยาวเข้าไป เท่านี้แพก็วิ่งฉลุย สามารถบรรทุกได้ทั้งคน ข้าวของ จักรยาน และรถมอเตอร์ไซค์ แต่ย้ำว่าต้องบรรทุกในน้ำหนักที่จำกัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ลงข้ามแพเอง
เมื่อนำจักรยานลงแพข้ามฟากจากดอนเดดมาถึงยังดอนโสม ต่อจากนี้ไปก็เป็นเส้นทางปั่นช่วงบ่ายในดอนโสมกับระยะทางประมาณ 12 กม. กับเส้นทางปั่นที่เต็มไปด้วยอรรถรสและสีสันอันน่าประทับใจ
เส้นทางปั่นบนดอนโสมมีทั้ง เส้นทางปั่นเลาะริมโขง เส้นทางปั่นผ่านทุ่งนาที่เราได้เห็นถึงวิถีการทำนาแบบดั้งเดิม พึ่งพาธรรมชาติ ชาวนาผูกพันกับควายอย่างแนบแน่น ต่างช่วยกันทำมาหากิน ชวนให้อดนึกถึงภาพวิถีชาวนาในชนบทของไทยเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่ได้
ส่วนในเส้นทางปั่นบนดอนคอนบางช่วงที่เราปั่นผ่านวัด ก็ถือโอกาสเข้าไปแวะพักผ่อน ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำห้องท่า ขณะที่อีกหลายๆช่วงที่ปั่นผ่านชุมชนนั้น เราได้สัมผัสถึงบรรยากาศและภาพวิถีชีวิตชนบทย้อนยุคของเมืองไทย ชาวบ้านดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย ทำประมง ทำการเกษตร ทำนาปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ผู้คนอยู่กับอย่างมีความผูกพันทั้งครอบครัว ชุมชน ซึ่งภาพบรรยากาศแบบนี้ปัจจุบันมีเหลือน้อยเต็มทีในบ้านเรา
ขณะที่อีกหนึ่งของความประทับใจที่ผมจดจำได้ดีก็คือ ยามเมื่อพวกเราปั่นผ่านชุมชน ก็จะได้พบกับรอยยิ้มของชาวบ้าน โดยเฉพาะรอยยิ้มอันน่ารักของเด็กๆ และคำกล่าว“สะบายดี”(สวัสดี) ทักทายอยู่เป็นระยะๆไปตลอดเส้นทาง
แถมบางช่วงเด็กๆยังมีการมายืนจับกลุ่มหรือตั้งแถว รอทักทาย “สะบายดี” พร้อมรอสัมผัสมืออย่างกับพวกเราเป็นคนดัง ชวนให้อดนึกถึงการวิ่งของ“พี่ตูน บอดี้สแลม”ไม่ได้ เพียงแต่ว่าคนที่นี่เขามีรอยยิ้ม คำทักทายสะบายดี และคำอวยพร ไม่ได้นิยมการเซลฟี่(กับพี่ตูน)เหมือนในบ้านเรา
นับเป็นคำทักทาย “สะบายดี” ที่ฟังดูแล้วช่างมีเสน่ห์กระไรปานนั้น
นับเป็นคำทักทาย “สะบายดี” ที่น่าจดจำกระไรปานนั้น
และนับเป็นคำทักทาย “สะบายดี” ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากการเที่ยวลาวในคราวที่ผ่านๆมาไม่น้อยเลย
ดอนโสม-ดอนโขง
แล้วการปั่นจักรยานลุยลาวใต้ก็เดินทางมาถึงช่วงท้ายของทริป เมื่อพวกเราค่อยๆปั่นผ่านเส้นทางอันหลากหลาย มากสีสัน เปี่ยมอรรถรส ซึ่งในหลายช่วงเป็นเส้นทางวิบากเนื่องจากเมื่อคืนฝนตกหนัก สภาพถนนดิน ถนนลูกรัง จึงเลอะเละ เป็นอ่างน้ำ เป็นหล่ม เป็นบ่อโคลน(เล็กๆ) ทำให้ระหว่างทางเราต้องเดินเข็นจักรยานผ่าน เส้นทางอุปสรรคเหล่านั้นบนเกาะดอนโสมอยู่หลายช่วง ก่อนจะตะลุยฝ่ามาจนถึงจุดส่งท้าย จากดอนโสมสู่“ดอนโขง” ซึ่งเราต้องลงแพข้ามฟากไปอีกครั้ง
ที่ท่าเรือดอนโขง “คอนสะหวัน ผิวอ่อน” หรือ “โทนี่ หลุยส์” ไกด์ลาวอารมณ์ดีที่วันนี้แยกจากคณะเราแต่เช้า ด้วยต้องทำหน้าที่ไปจัดการเรื่องห้องพักและนำสัมภาระจากดอนคอนมาส่งยังที่พักในดอนโขง ได้มารอรับคณะเรา พร้อมนำน้ำท่าผ้าเย็นมาบริการให้กับคณะหลังจากที่ปั่นจักรยานเหนื่อยกันมาทั้งวัน
ต่อจากนั้นก็เป็นการปั่นปิดทริปกับระยะทางในช่วงสุดท้ายจากท่าเรือสู่ “โรงแรมปอนอารีน่า”ที่พักในค่ำคืนสุดท้ายของทริป ด้วยระยะทางประมาณ 7-8 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางปั่นสบายๆไปบนถนนลาดยาง แต่ก็มีบางช่วงที่ทางการลาวกำลังปรับปรุงถนนทำให้เราต้องปั่นด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
สำหรับดอนโขง เป็นเกาะ(น้ำจืด)ที่ใหญ่ที่สุดของสปป.ลาว และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดแห่งมหานทีสี่พันดอน มีขนาดเป็นดังอำเภอย่อยๆ มีสภาพความเป็นเมืองใหญ่ต่างไปจาก ดอนคอน คอนเดด และดอนโสมที่เราปั่นผ่านมา
บนดอนโขงมีถนนใหญ่ มีรถยนต์วิ่งไป-มา สภาพถนนเป็นถนนลาดยางเป็นหลัก ขณะที่การเดินทางสู่ดอนโขงด้วยเส้นทางปกติทางรถยนต์นั้นก็ไม่ลำบากยากเย็น(ไม่ได้นั่งแพข้ามฟากมาในเส้นทางพิเศษอย่างคณะเรา) เพราะมีสะพานรถยนต์สร้างข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่ในเมืองโขง กับเกาะดอนโขง ซึ่งจากอุบลฯบ้านเราเมื่อผ่านช่องเม็กเข้าสู่เขตแดนลาว ก็สามารถนั่งรถผ่านจากปากเซลงใต้สู่ดอนโขงได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
นั่นจึงทำให้ดอนโขงวันนี้เป็นเกาะท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต มีการสร้างที่พักใหม่ๆเพิ่มขึ้นบริเวณริมฝั่งโขง ซึ่งหลังจากได้มานอนพักค้างที่นี่ในค่ำคืนส่งท้ายของทริป ได้สัมผัสกับบรรยากาศของที่นี่มันทำให้ผมอดนึกถึงเมืองเชียงคานในสมัยก่อนที่ยังไม่บูมเรื่องการท่องเที่ยวไม่ได้
ลาก่อนลาวใต้
เช้าวันใหม่(วันที่ 5 )
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริป ที่กิจกรรมการปั่นจักรยานนั้นจบลงไปตั้งแต่เมื่อเย็นวาน หลังจากที่เราข้ามแม่น้ำโขงจากดอนโสมสู่ดอนโขง มาปั่นพิชิตดอนที่ 4 ปิดท้าย ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นการนั่งรถตู้จากดอนโขง ผ่านปากเซ กลับสู่เมืองไทยที่ด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี ปิดทริปปั่นจักรยานตะลุยลาวใต้ในบรรยากาศที่แตกต่าง
นับเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่าง น่าประทับใจ
และน่าจดจำอีกครั้งหนึ่งในชีวิต
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“มหานทีสี่พันดอน” หรือ “สี่พันดอน”
เป็นช่วงที่แม่น้ำโขงมีความกว้างมากๆ(บางข้อมูลว่าเป็นช่วงที่กว้างที่สุดของแม่น้ำโขง) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแขวงจำปาสัก สปป.ลาว
แม่น้ำโขงช่วงนี้เต็มไปด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่มากมาย จนคนลาวยกให้เป็นดินแดน “สี่พันดอน” หรือ ดินแดนแห่ง “มหานทีสี่พันดอน”
มหานทีสี่พันดอนมีไฮไลท์สำคัญคือ “น้ำตกคอนพะเพ็ง” หรือ “คอนพะเพ็ง” มหัศจรรย์แห่งสายน้ำอันยิ่งใหญ่อลังการจนได้รับการเรียกขานให้เป็น “ไนแองการ่าแห่งเอเชีย” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของสปป.ลาว
นอกจากน้ำตกคอนพะเพ็งแล้ว ในดินแดนแม่น้ำโขงบริเวณมหานทีสี่พันดอน เหนือคอนพะเพ็งขึ้นไปในเขต “เมืองโขง” ยังเป็นที่ตั้งของ“ดอน”หรือ“เกาะ”ขนาดใหญ่อยู่หลากหลายเกาะ
บนดอนหรือเกาะใหญ่เหล่านั้น นอกจากจะมีผู้คนอยู่อาศัยประกอบอาชีพทำมาหากินแล้ว บางดอนยังเป็นเกาะท่องเที่ยวขึ้นชื่อกลางลำน้ำโขง ซึ่งทางบริษัท“Octo Cycling” ได้จัดกิจกรรมนำนักปั่นจักรยานจากเมืองไทยมาปั่นพิชิต 4 ดอนปิดท้ายทริปตะลุยลาวใต้กันที่นี่
หลี่ผี
วันนี้(วันที่ 4 )เป็นวันปั่นจักรยานวันสุดท้ายของทริปกับโปรแกรมปั่นพิชิต 4 ดอน คือ ดอนคอน ดอนเดด ดอนโสม และดอนโขง กับการปั่นแบบจัดเต็มตลอดทั้งวัน ในระยะทางประมาณ 50 กม.
แม้เมื่อคืน(วันที่ 3) ที่“ดอนคอน”จะมีฝนตกหนัก แต่ในเช้าวันนี้ ท้องฟ้ากลับเปิด แจ่มใส เหมือนดังฝนตกล้างท้องฟ้าให้กับเรา
อย่างไรก็ดีฟ้าหลังฝนแม้สดใส แต่ฟ้าหลังฝนตกหนักบนถนนที่เป็นดิน เป็นลูกรัง ในเส้นทางปั่นจักรยานของวันนี้ คงมีหลายช่วงที่เลอะเทอะ เฉอะแฉะ ติดหล่มติดโคลนกันบ้าง แต่นั่นก็ถือเป็นความท้าทายที่ทำให้การปั่นจักรยานในทริปนี้มีสีสัน มีอรรถรส และอรรถเลอะ มากยิ่งขึ้น
จากที่พัก พวกเราปั่นกันแบบสบายๆออกจากที่พักบนดอนคอนไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงยังจุดแวะแรกคือ “หัวรถจักรโบราณ”ตั้งแต่สมัยยุค(ล่าอาณานิคม)ที่ฝรั่งเศส(ใช้อำนาจ)เข้ามาปกครองสปป.ลาว(และกัมพูชา เวียดนาม)
หัวรถจักรคันนี้มีความเกี่ยวโยงกับน้ำตกคอนพะเพ็งที่ผมเพิ่งไปสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการมาก่อนหน้านั้น เนื่องจากในยุคอาณานิคมฝรั่งเศสไม่ได้มองเห็นถึง ความงดงาม ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่น้ำตกคอนพะเพ็ง หากแต่มองแก่งคอนพะเพ็งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการคมนาคมทางน้ำเพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินเรือขนถ่ายทรัพยากรจากลาวออกสู่ทะเลแล้วส่งต่อไปยังฝรั่งเศสอีกที(อันเป็นหนึ่งในวิธีดูดทรัพยากรของชาติตะวันตกในยุคนั้น)
ด้วยเหตุนี้ฝรั่งเศสจึงมีความพยายามที่จะระเบิดแก่งคอนพะเพ็งทิ้งหลายครั้งหลายหน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่ง ณ วันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า เพราะอะไร??? อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีสมัยนั้นสู่ปัจจุบันไม่ได้ หรือบ้างก็ว่าเพราะระเบิดไม่ทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งในเรื่องนี้ทางผู้เฒ่าผู้แก่ชาวลาว เคยเล่าให้ผมฟังว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น้ำตกคอนพะเพ็ง ได้ปกป้องแก่งยักษ์แห่งนี้ไว้ไม่ให้ถูกทำลาย
ทำให้วันนี้จึงยังคงมีน้ำตกคอนพะเพ็งให้ได้ชื่นชมในความงดงามยิ่งใหญ่อลังการกัน
แม้จะล้มเหลวต่อการระเบิดแก่งคอนพะเพ็ง แต่ความโลภของชาตินักล่าอาณานิคมยังคงอยู่ ฝรั่งเศสจึงเลือกจุดยุทธศาสตร์รองที่ดีที่สุด คือ“ดอนคอน” และ“ดอนเดด” สองเกาะที่อยู่ใกล้ๆกัน จากนั้นจึงลงมือสร้างทางรถไฟ สร้างสะพานเชื่อม และสร้างท่าเรือ ไว้สำหรับขนถ่ายทรัพยากร รวมถึงการสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆขึ้นบนเกาะใหญ่ๆแห่งมหานทีสี่พันดอน
มาวันนี้รอยอดีตที่ฝรั่งเศสทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน หัวรถจักร ซากสะพาน ได้กลายมาเป็นจุดท่องเที่ยวน่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมกัน ดังเช่น ซากหัวรถจักรโบราณ จุดแวะเที่ยวจุดแรกของเส้นทางปั่นจักรยานในวันนี้
จากหัวรถจักรโบราณ เราปั่นกันต่อไปอีกประมาณ 1 กม.กว่าๆ สู่จุดไฮไลท์ของวันนี้คือ “น้ำตกหลี่ผี” หรือ “โสมพะมิด” น้ำตกที่เกิดจากแก่งธรรมชาติในลำน้ำโขง ซึ่งสายน้ำได้ไหลบ่ารุนแรงเชี่ยวกรากถาโถมฝ่าแก่งน้อย-ใหญ่จำนวนมากในบริเวณนั้นลงมา เกิดเป็นน้ำตกลักษณะพิเศษอันสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว(เหมือนน้ำตกคอนพะเพ็ง แต่มีขนาดเล็กกว่า)
หลี่ผี ชื่อนี้มีที่มาจากคำว่า“หลี่” ที่หมายถึงอุปกรณ์จับปลาพื้นบ้านของคนลาวทำด้วยไม้ไผ่คล้ายลอบที่มาวางดักปลาในบริเวณนี้ กับคำว่า “ผี” ที่หมายถึงศพ หรือ คนตาย ซึ่งในสมัยสงครามอินโดจีนมีศพจำนวนมาก โดยเฉพาะศพทหารลาว ลอยไหลตามสายน้ำมาติดแก่ง ติดหลี่ดักปลาของชาวบ้าน ที่นี่จึงได้รับการเรียกขานว่า “หลี่ผี”
ปัจจุบันน้ำตกหลี่ผี ได้รับการพัฒนารับปี“ส่งเสริมการท่องเที่ยวลาว 2018” มีการจัดระเบียบพื้นที่อย่างร่มรื่น มีร้านอาหาร มีกังหัน มีระเบียงวงกลมชมวิว และมีเส้นทางเดินชมวิวเลาะเลียบสายน้ำโขง สู่จุดพักร้านกาแฟ ที่มีหาดทรายแห่งสายน้ำโขงให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน และลงเล่นน้ำกัน
หลี่ผี ถือเป็นจุดท่องเที่ยวไฮไลท์แห่งดอนคอน ซึ่งใครที่มาเที่ยวบนเกาะแห่งนี้ หากไม่มาชมหลี่ผีก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงดอนคอนโดยสมบูรณ์
ดอนคอน-ดอนเดด
หลังใช้เวลาพักผ่อน ชมความยิ่งใหญ่ของสายน้ำที่หลี่ผีอยู่พักใหญ่ เป้าหมายต่อไปของเราคือการปั่นจักรยานข้ามเกาะ จากดอนคอนสู่“ดอนเดด” โดยคณะเราไม่พลาดการไปแวะถ่ายรูปบน“สะพานฝรั่งเศส” ที่เป็นหนึ่งในจุดไฮไลท์ของดอนคอนและดอนเดด ซึ่งฝรั่งเศสได้มาสร้างสะพานแห่งนี้เชื่อมระหว่างเกาะทั้งสอง เพื่อใช้ลำเลียงทรัพยากรตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
เมื่อข้ามสะพานฝรั่งเศสจากดอนคอนสู่เกาะดอนเดด พวกเราปั่นจักรยานไปบนถนนดินเล็กๆแคบๆ วิ่งได้เฉพาะรถจักรยานยนต์ และจักรยาน ซึ่งระหว่างทางมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาปั่นจักรยานเที่ยวบนเส้นทางสายนี้อยู่หลายกลุ่มด้วยกัน
เส้นทางปั่นสายนี้ ช่วงแรกเป็นถนนเลาะเลียบริมฝั่งโขงที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม มองเห็นเกาะดอนคอนอยู่ฝั่งตรงข้าม ต่อจากนั้นก็เป็นเส้นทางผ่านหมู่บ้าน ผ่านชุมชน ซึ่งระหว่างทางที่ปั่นผ่านชุมชนก็จะมีคนลาวมากล่าวคำ“สะบายดี”(สวัสดี) ทักทายอยู่เป็นระยะไปตลอดเส้นทาง
นับเป็นเส้นทางที่อวลไปด้วยภาพวิถีชีวิตชนบทย้อนของยุคเมืองไทยที่เรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์ไม่น้อยเลย
ดอนเดด-ดอนโสม
ดอนเดด เป็นดอนที่ 2 ที่คณะเราปั่นมาพิชิต จากดอนคอนพวกเราปั่นกินลมชมวิวผ่านบนเกาะดอนเดดประมาณ 5-6 กม. ก็มาถึงยังอีกฟากของเกาะ ซึ่งคนลาวเรียกกันว่า “หัวเดด” ที่นี่เราแวะไปเที่ยวชมซากสะพานลำเลียงสินค้าสมัยฝรั่งเศสที่“บ้านดอนเดด” ที่ถือเป็นดังเอกลักษณ์ของเกาะแห่งนี้ ก่อนจะแวะกินข้าวเที่ยงที่ร้านริมโขง ในบรรยากาศสุดชิลล์
หลังอิ่มหนำจากมื้อเที่ยง พวกเราปั่นต่อไปอีกนิดก็มาถึงยังท่าเรือดอนเดด เพื่อลงแพข้ามฟากจากดอนเดดสู่“ดอนโสม” ดอนที่ 3 ของการปั่นพิชิต 4 ดอนในวันนี้
สำหรับแพข้ามฟากของที่นี่ เป็นแพขนาดเล็กสร้างจากภูมิปัญญาพื้นบ้านลาว โดยนำเรือ 2 ลำมาวางเป็นฐานและคานรับน้ำหนักไปในตัว ต่อจากนั้นจึงปูพื้นไม้ให้เป็นแพบนลำเรือ และติดเครื่องเรือหางยาวเข้าไป เท่านี้แพก็วิ่งฉลุย สามารถบรรทุกได้ทั้งคน ข้าวของ จักรยาน และรถมอเตอร์ไซค์ แต่ย้ำว่าต้องบรรทุกในน้ำหนักที่จำกัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ลงข้ามแพเอง
เมื่อนำจักรยานลงแพข้ามฟากจากดอนเดดมาถึงยังดอนโสม ต่อจากนี้ไปก็เป็นเส้นทางปั่นช่วงบ่ายในดอนโสมกับระยะทางประมาณ 12 กม. กับเส้นทางปั่นที่เต็มไปด้วยอรรถรสและสีสันอันน่าประทับใจ
เส้นทางปั่นบนดอนโสมมีทั้ง เส้นทางปั่นเลาะริมโขง เส้นทางปั่นผ่านทุ่งนาที่เราได้เห็นถึงวิถีการทำนาแบบดั้งเดิม พึ่งพาธรรมชาติ ชาวนาผูกพันกับควายอย่างแนบแน่น ต่างช่วยกันทำมาหากิน ชวนให้อดนึกถึงภาพวิถีชาวนาในชนบทของไทยเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่ได้
ส่วนในเส้นทางปั่นบนดอนคอนบางช่วงที่เราปั่นผ่านวัด ก็ถือโอกาสเข้าไปแวะพักผ่อน ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำห้องท่า ขณะที่อีกหลายๆช่วงที่ปั่นผ่านชุมชนนั้น เราได้สัมผัสถึงบรรยากาศและภาพวิถีชีวิตชนบทย้อนยุคของเมืองไทย ชาวบ้านดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย ทำประมง ทำการเกษตร ทำนาปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ผู้คนอยู่กับอย่างมีความผูกพันทั้งครอบครัว ชุมชน ซึ่งภาพบรรยากาศแบบนี้ปัจจุบันมีเหลือน้อยเต็มทีในบ้านเรา
ขณะที่อีกหนึ่งของความประทับใจที่ผมจดจำได้ดีก็คือ ยามเมื่อพวกเราปั่นผ่านชุมชน ก็จะได้พบกับรอยยิ้มของชาวบ้าน โดยเฉพาะรอยยิ้มอันน่ารักของเด็กๆ และคำกล่าว“สะบายดี”(สวัสดี) ทักทายอยู่เป็นระยะๆไปตลอดเส้นทาง
แถมบางช่วงเด็กๆยังมีการมายืนจับกลุ่มหรือตั้งแถว รอทักทาย “สะบายดี” พร้อมรอสัมผัสมืออย่างกับพวกเราเป็นคนดัง ชวนให้อดนึกถึงการวิ่งของ“พี่ตูน บอดี้สแลม”ไม่ได้ เพียงแต่ว่าคนที่นี่เขามีรอยยิ้ม คำทักทายสะบายดี และคำอวยพร ไม่ได้นิยมการเซลฟี่(กับพี่ตูน)เหมือนในบ้านเรา
นับเป็นคำทักทาย “สะบายดี” ที่ฟังดูแล้วช่างมีเสน่ห์กระไรปานนั้น
นับเป็นคำทักทาย “สะบายดี” ที่น่าจดจำกระไรปานนั้น
และนับเป็นคำทักทาย “สะบายดี” ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากการเที่ยวลาวในคราวที่ผ่านๆมาไม่น้อยเลย
ดอนโสม-ดอนโขง
แล้วการปั่นจักรยานลุยลาวใต้ก็เดินทางมาถึงช่วงท้ายของทริป เมื่อพวกเราค่อยๆปั่นผ่านเส้นทางอันหลากหลาย มากสีสัน เปี่ยมอรรถรส ซึ่งในหลายช่วงเป็นเส้นทางวิบากเนื่องจากเมื่อคืนฝนตกหนัก สภาพถนนดิน ถนนลูกรัง จึงเลอะเละ เป็นอ่างน้ำ เป็นหล่ม เป็นบ่อโคลน(เล็กๆ) ทำให้ระหว่างทางเราต้องเดินเข็นจักรยานผ่าน เส้นทางอุปสรรคเหล่านั้นบนเกาะดอนโสมอยู่หลายช่วง ก่อนจะตะลุยฝ่ามาจนถึงจุดส่งท้าย จากดอนโสมสู่“ดอนโขง” ซึ่งเราต้องลงแพข้ามฟากไปอีกครั้ง
ที่ท่าเรือดอนโขง “คอนสะหวัน ผิวอ่อน” หรือ “โทนี่ หลุยส์” ไกด์ลาวอารมณ์ดีที่วันนี้แยกจากคณะเราแต่เช้า ด้วยต้องทำหน้าที่ไปจัดการเรื่องห้องพักและนำสัมภาระจากดอนคอนมาส่งยังที่พักในดอนโขง ได้มารอรับคณะเรา พร้อมนำน้ำท่าผ้าเย็นมาบริการให้กับคณะหลังจากที่ปั่นจักรยานเหนื่อยกันมาทั้งวัน
ต่อจากนั้นก็เป็นการปั่นปิดทริปกับระยะทางในช่วงสุดท้ายจากท่าเรือสู่ “โรงแรมปอนอารีน่า”ที่พักในค่ำคืนสุดท้ายของทริป ด้วยระยะทางประมาณ 7-8 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางปั่นสบายๆไปบนถนนลาดยาง แต่ก็มีบางช่วงที่ทางการลาวกำลังปรับปรุงถนนทำให้เราต้องปั่นด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
สำหรับดอนโขง เป็นเกาะ(น้ำจืด)ที่ใหญ่ที่สุดของสปป.ลาว และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดแห่งมหานทีสี่พันดอน มีขนาดเป็นดังอำเภอย่อยๆ มีสภาพความเป็นเมืองใหญ่ต่างไปจาก ดอนคอน คอนเดด และดอนโสมที่เราปั่นผ่านมา
บนดอนโขงมีถนนใหญ่ มีรถยนต์วิ่งไป-มา สภาพถนนเป็นถนนลาดยางเป็นหลัก ขณะที่การเดินทางสู่ดอนโขงด้วยเส้นทางปกติทางรถยนต์นั้นก็ไม่ลำบากยากเย็น(ไม่ได้นั่งแพข้ามฟากมาในเส้นทางพิเศษอย่างคณะเรา) เพราะมีสะพานรถยนต์สร้างข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่ในเมืองโขง กับเกาะดอนโขง ซึ่งจากอุบลฯบ้านเราเมื่อผ่านช่องเม็กเข้าสู่เขตแดนลาว ก็สามารถนั่งรถผ่านจากปากเซลงใต้สู่ดอนโขงได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
นั่นจึงทำให้ดอนโขงวันนี้เป็นเกาะท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต มีการสร้างที่พักใหม่ๆเพิ่มขึ้นบริเวณริมฝั่งโขง ซึ่งหลังจากได้มานอนพักค้างที่นี่ในค่ำคืนส่งท้ายของทริป ได้สัมผัสกับบรรยากาศของที่นี่มันทำให้ผมอดนึกถึงเมืองเชียงคานในสมัยก่อนที่ยังไม่บูมเรื่องการท่องเที่ยวไม่ได้
ลาก่อนลาวใต้
เช้าวันใหม่(วันที่ 5 )
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริป ที่กิจกรรมการปั่นจักรยานนั้นจบลงไปตั้งแต่เมื่อเย็นวาน หลังจากที่เราข้ามแม่น้ำโขงจากดอนโสมสู่ดอนโขง มาปั่นพิชิตดอนที่ 4 ปิดท้าย ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นการนั่งรถตู้จากดอนโขง ผ่านปากเซ กลับสู่เมืองไทยที่ด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี ปิดทริปปั่นจักรยานตะลุยลาวใต้ในบรรยากาศที่แตกต่าง
นับเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่าง น่าประทับใจ
และน่าจดจำอีกครั้งหนึ่งในชีวิต
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager