xs
xsm
sm
md
lg

ถอดรหัส “ท่าเตียน” ผ่านอดีตสู่ปัจจุบัน ยลเสน่ห์ริมเจ้าพระยา วัดอรุณ - วัดโพธิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Facebook :Travel @ Manager
ความงดงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ ฝั่งตรงข้ามท่าเตียน
หากย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน “ท่าเตียน” ถือเป็นย่านที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เพราะที่แห่งนี้เป็นหัวใจสำคัญในการติดต่อค้าขายกับหลากหลายประเทศ ขนส่งสินค้าบรรทุกใส่มาในเรือสำเภา โดยอาศัยแม่น้ำเป็นเส้นทางการเดินเรือตั้งแต่ช่วงรัตนโกสินทร์ จนได้รับขนานนามจากชาวต่างชาติว่าเป็น “เวนิสตะวันออก” ให้กับบางกอกในยุคสมัยนั้น

ในบริเวณพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ เป็นจุดที่อบอวลไปด้วยเรื่องราวการผสมผสานด้านวัฒนธรรม ที่มีเสน่ห์ ทรงคุณค่าและเอกลักษณ์ โดยเฉพาะ “ท่าเตียน” เพราะที่นี่เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีความคึกคักในการค้าขายตั้งแต่เช้าจนดึก ตั้งอยู่ตรงข้ามกับป้อมวิไชยประสิทธิ์ ฝั่งธนบุรี

แม้พื้นที่ได้มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเพียงใด ก็ยังคงกลิ่นอายความเป็นย่านวัฒนธรรมไว้อย่างลงตัว “ท่าเตียน” จึงเปรียบเสมือนใจกลางชุมชม และศูนย์รวมวัฒนธรรม
ป้อมวิไชยประสิทธิ์
หากใครได้ไปสัมผัสกับท่าเตียนแล้ว จะมองเห็นที่มาของเรื่องราวตัวตนคนไทยตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน และสามารถถอดวิวัฒนาการ ความเป็นไทย ในด้านต่างๆ ผ่านแลนด์มาร์กริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีความเป็นมาของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของย่านท่าเตียนได้เป็นอย่างดี

เมื่อมองวิวริมน้ำเจ้าพระยาจากฝั่งท่าเตียน ฉันมองเห็น “ป้อมวิไชยประสิทธิ์” หรือ “ป้อมบางกอก” ป้อมนี้จะทำหน้าที่เสมือนหน้าด่านตรวจสินค้า และเก็บภาษีสำเภา ในอดีตจะมีโซ่กั้น 2 ฝั่งแม่น้ำ เมื่อเรือชำระค่าภาษีแล้ว โซ่ดังกล่าวจะหย่อนจมลงในน้ำ เพื่อให้เรือสามารถแล่นผ่านเข้ามาในประเทศได้ จนเกิดการค้าขายตั้งแต่นั้นมา

ถัดจาก “ป้อมวิไชยประสิทธิ์” จะมองเห็นพระปรางค์วัดอรุณอันงดงาม การออกแบบของพระปรางค์นี้ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย แต่เนื่องด้วยชาวไทยเดิม มีพื้นฐานเป็นคนละเอียดลออ และมีสุนทรียะ ได้ทำการลดทอนสัดส่วน ปรับเปลี่ยน รูปแบบโครงสร้าง และผสมผสานความเชื่อของชาวไทยเรื่องเขาพระสุเมรุ ซึ่งนับว่าเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมไทย ที่นักท่องเที่ยวต่างแห่แหนมาชมความสวยงามกันอย่างไม่ขาดสาย
โฮสเทล “Inn a Day” ที่พักสุดฮิป
จากย่านการค้าเก่าสู่แลนด์มาร์กการท่องเที่ยวกลางกรุง ถ้าใครได้ไปเดินท่องเที่ยวย่านนั้น จะพบกับอดีตร้าน “จินเชียงเส็ง” ซึ่งเคยเป็นร้านค้าขายน้ำตาลปี๊บ สินค้าหลักขึ้นชื่อของร้านท่าเตียน แต่ด้วยยุคสมัยที่การค้าทางเรือซบเซาลง ทำให้ร้านค้าแห่งนี้ต้องเปลี่ยนรูปแบบกิจการ โดยผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตก ปรับเปลี่ยนจากร้านค้ากลายเป็นโฮสเทลที่มีชื่อว่า “Inn a Day” ที่พักสุดฮิป ที่ได้ปรับเปลี่ยนจากร้านค้าในอาคารหลังเก่า ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋คงสไตล์ร้านค้าน้ำตาลปี๊บเอาไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาสัมผัสกับวิถีชุมชนในอดีต
ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋คงสไตล์ร้านค้าน้ำตาลปี๊บ
รวบรวมตำรายาและการแพทย์แผนโบราณ
และอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของ “ท่าเตียน” ที่ฉันจะพูดถึงนั่นก็คือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดโพธิ์” ถือเป็นจุดกำเนิดมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ แหล่งรวมศาสตร์การแพทย์สาธารณะ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ เริ่มตั้งแต่ต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในวัดมีการรวบรวมตำรายาและการแพทย์แผนโบราณ แผนภาพการนวด และรูปปั้นฤๅษีดัดตนที่แสดงท่านวดแผนไทยโบราณ เผยแพร่ความรู้แก่บุคคลทั่วไป

ภายในวัดโพธิ์บริเวณศาลาจารึกตำรานวดแผนโบราณ ใกล้กับเจดีย์ 4 รัชกาล ในศาลาหลังนี้มีศิลาจารึกเกี่ยวกับการรักษาโรค มีภาพจิตรกรรมลายเส้นบอกตำแหน่งต่างๆของอวัยวะในร่างกาย และจุดต่างๆ สำหรับการนวด นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้ามาชมกันได้
แผนภาพการนวด
นอกจากวัดโพธิ์ที่เป็นแหล่งรวบรวมศาสตร์การแพทย์แล้ว บริเวณ “ท่าเตียน” ยังมีโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ ที่ได้ถอดศาสตร์แพทย์แผนโบราณจากวัดโพธิ์ มาสอนสืบทอดความรู้ให้แก่ประชาชนที่ต้องการเรียนรู้ แรกเริ่มสอนเพียงเรื่องเภสัชกรรม และการผดุงครรภ์ ภายหลังรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินมาวัดโพธิ์ ทรงมีพระราชปรารภว่า วัดพระเชตุพนฯ เป็นแหล่งรวบรวมตำราแพทย์แผนไทยอยู่แล้ว ทำไมไม่จัดให้มีการสอนการนวดแผนไทย ทำให้ภายหลังจึงมีการบรรจุศาสตร์การนวดแผนไทย และนับว่าเป็นโรงเรียนนวดแห่งแรกของประเทศขึ้นมา
มิวเซียมสยาม
เสน่ห์ของ “ท่าเตียน” ที่เป็นทั้งท่าเรือขนส่งสินค้า ตลาดแห่งใหญ่ที่สุดในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ และเต็มไปด้วยการผสมผสานด้านวัฒนธรรม จึงได้รวบรวมบอกเล่าเรื่องราวผ่านนิทรรศการถาวรชุดใหม่ ที่มิวเซียมสยามจัดขึ้นในชื่อ “ถอดรหัสไทย” เป็นนิทรรศการสร้างสรรค์ที่จะพาทุกคนไปถอดองค์ความรู้ความเป็นไทย ที่มากกว่าการถอดความเป็นไทยย่านท่าเตียน
นิทรรศการถาวรชุดใหม่
ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นไทย
และรวบรวมทุกมิติของความเป็นไทยทั้งประเทศ ถ่ายทอดผ่านเรื่องราว วัตถุจัดแสดง และรูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่ ตอบรับกับพฤติกรรมการบริโภคสื่อของคนยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ให้ผู้ชมสามารถเชื่อมโยงกับเรื่องราวในอดีตได้
ตู้ลิ้นชักหลายชั้นที่นำเสนอเรื่องราวอดีตถึงปัจจุบัน
รูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่
นิทรรศการถาวรชุดใหม่ที่ “มิวเซียมสยาม” แบ่งออกทั้งหมดเป็น 14 ห้อง มีการเสนอผ่านรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละห้องที่นำเสนอ เช่น ห้องไทยแปลไทย จะเป็นตู้ลิ้นชักหลายชั้นที่นำเสนอสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์หลักฐานตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน
ส่งเสริมการเรียนรู้
ห้องครัวมีชีวิตผ่านเทคโนโลยีคิวอาร์สแกน
โดยมีไฮไลท์ตัวอย่างห้องนิทรรศการ อาทิ ห้องครัวมีชีวิตผ่านเทคโนโลยีคิวอาร์สแกน พร้อมโมชันกราฟิก สื่อพิพิธภัณฑ์เลเซอร์คัทสามมิติ ที่จะทำให้เข้าใจวิวัฒนาการเรื่องราวต่างๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และซูเปอร์ไฮไลท์เทคโนโลยีโมดูลไฮดรอลิกที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกของประเทศ เป็นต้น เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นไทยผ่านประวัติศาสตร์สังคม ภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรม และส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับประชาชนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชน
วิวัฒนาการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ
ผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการถาวรชุด ""ถอดรหัสไทย"" ได้ที่พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ มิวเซียมสยาม ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทร. 02-225-2777 หรือ www.facebook.com/museumsiamfan
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น