xs
xsm
sm
md
lg

ครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิตยอดเขารูปหัวใจ “ภูกระดึง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Facebook :Travel @ Manager
ยามเช้าที่ผานกแอ่น
“ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง”
 
เป็นป้ายที่ตั้งอยู่บนยอดภูกระดึง จ.เลย และถือเป็นไฮไลต์ที่เหล่าผู้พิชิตจะต้องมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยขึ้นมาถึงบนนี้

“ภูกระดึง” ถือว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าอันดับต้นๆ ที่หลายๆ คนเลือกจะไปเยือน บางคนก็ลองมาสักครั้งในชีวิต จะได้สัมผัสบรรยากาศอย่างที่เขาว่ากัน แต่บางคนกลับติดใจในเสน่ห์ของภูกระดึงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนต้องกลับมาเยือนอีกหลายๆ ครั้ง
“ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง”
ภูกระดึงเป็นภูเขาหินทรายยอดตัดรูปหัวใจ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองถัดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ถูกตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 คำว่า "ภูกระดึง" มาจากคำว่า “ภู” แปลว่า “ภูเขา” และ “กระดึง” แปลว่า “กระดิ่ง” เป็นภาษาพื้นเมืองของจังหวัดเลย ด้วยเหตุนี้ ภูกระดึง จึงอาจแปลได้ว่า ระฆังใหญ่ ชื่อนี้มาจากเรื่องเล่าที่ว่าในวันพระชาวบ้านมักได้ยินเสียงกระดิ่งหรือระฆังจากภูเขาลูกนี้เสมอ เล่ากันว่าเป็นระฆังของพระอินทร์ ส่วนอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งคือในบริเวณบางส่วนของยอดเขาหากเดินหนักๆ หรือใช้ไม้กระทุ้งก็จะมีเสียงก้องคล้ายระฆังซึ่งเกิดจากโพรงข้างใต้ จึงได้รับการตั้งชื่อว่า "ภูกระดึง"
ออกสตาร์ทที่จุดลงทะเบียน
ใครที่จะเดินทางขึ้นสู่ยอดถูกระดึง ก็ต้องมาเริ่มต้นที่ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึง” อันเป็นจุดจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ จุดจองเต็นท์ ติดต่อห้องพัก และให้ข้อมูลความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภูกระดึง

หลังจากจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาติดต่อเรื่องสัมภาระที่จะนำขึ้นไปบนภูกระดึง หากใครที่ต้องการจ้างลูกหาบให้หาบสัมภาระขึ้นไปด้านบน ก็ติดต่อได้ที่จุดบริการสัมภาระ ติดต่อซื้อบัตรสัมภาระ ชั่งน้ำหนักของ แล้วก็ส่งมอบให้ลูกหาบ แต่ถ้าใครมีแรงแบกสัมภาระขึ้นเขาเองได้ ก็ผ่านจุดนี้ไปได้เลย

เตรียมตัวเตรียมใจขึ้นยอดภูกระดึงกันพร้อมแล้ว ก็ต้องมาลงลงทะเบียนขึ้นเขาตรงจุดสตาร์ท (เริ่มเดินขึ้นเขาได้ตั้งแต่ 07.00 น.) เสร็จแล้วอย่าลืมแวะหาตัวช่วยผู้พิชิตอย่างไม้เท้าที่ทำจากท่อนไม้ไผ่ ไว้ใช้ช่วยค้ำยันเวลาเดินขึ้นลงเขา หรือจะเดินตัวเปล่าก็ตามแต่สะดวก
ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดภูกระดึง
เหนื่อยนักก็แวะพักที่ซำ
สำหรับการเดินขึ้นสู่ยอดภูกระดึง ระยะทาง 5,430 เมตร จะผ่าน “ซำ” (หมายถึง พื้นที่ที่มีน้ำซับหรือน้ำใต้ดินผุดขึ้นสู่ผิวดิน) หรือจุดที่พักต่างๆ คือ ปางกกค่า ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก ซำกอซาง พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน และซำแคร่ ก่อนจะถึงบริเวณยอดภูที่เรียกว่าหลังแป และจากหลังแป จะต้องเดินต่อบนพื้นที่ราบไปอีกประมาณ 3,600 เมตร จึงจะมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง อันเป็นที่พัก จุดกางเต็นท์ และร้านอาหาร

ตลอดเส้นทางเดินขึ้นเขานั้น จะมีจุดพักต่างๆ ให้เรานั่งพักเอาแรง บางจุดก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร ให้บริการทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึกจากภูกระดึง ใครเดินมาเหนื่อยๆ แวะนั่งพักกินน้ำกินขนม แล้วค่อนออกเดินทางกันต่อ บางซำนั้นนอกจากจะเป็นจุดแวะพักแล้วก็ยังมีเป็นจุดชมวิวสวยๆ อีกด้วย
ลูกหาบ ผู้ช่วยคนสำคัญที่ช่วยแบ่งเบาสัมภาระ
ระหว่างทางเดินขึ้นก็จะเจอะเจอทั้งนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินขึ้นและลงจากเขา ลูกหาบ แม่ค้าพ่อค้า บางคนก็แวะพูดคุยทักทายกันทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ส่วนใหญ่ก็จะช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกันเพื่อขึ้นไปพิชิตยอดเขาให้ได้
เส้นทางจากหลังแปไปวังกวาง
ขึ้นมาถึงบริเวณ “หลังแป” ก็แวะนั่งพัก แวะถ่ายรูปกับป้าย “ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง” กันตามธรรมเนียม ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังศูนย์ฯ วังกวาง เพื่อติดต่อเรื่องบ้านพัก และสถานที่กางเต็นท์ โดยบริเวณหลังศูนย์บริการจะเป็นจุดรับกระเป๋าจากลูกหาบ คิดค่าบริการสัมภาระกันเรียบร้อยแล้วก็ไปพักผ่อนกันได้ตามอัธยาศัย

การขึ้นมาบนยอดภูกระดึง ส่วนใหญ่จะพักอยู่ด้านบนประมาณ 2-3 คืน เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ และเดินไปชมตามจุดต่างๆ ให้ครบ แต่บางคนอาจจะเลือกมาพักเพียง 1 คืน หรือรีบเดินขึ้นมาตอนเช้า พอตกบ่ายก็กลับลงไปด้านล่าง (ไม่อนุญาตให้เดินลงจากเขาหลังเวลา 14.00 น.)
เต็นท์ที่พักบริเวณยอดภูกระดึง
บริเวณบ้านพักแบบเป็นหลัง
“ผานกแอ่น” จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งเดียวบนยอดภูกระดึง
วันแรกที่มาถึง หากใครยังไม่เหนื่อยเกินไป ช่วงเย็นแนะนำให้ไปชมพระอาทิตย์ตกที่ “ผาหมากดูก” ที่อยู่ห่างจากบริเวณที่พักประมาณ 2,000 เมตร ส่วนในยามเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ “ผานกแอ่น” ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งเดียวบนยอดภูกระดึง โดยทุกๆ เช้า เวลาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่จะนัดรวมตัวนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ให้มารวมตัวกันบริเวณหน้าศูนย์บริการ แล้วจึงออกเดินทางไปยังผานกแอ่นพร้อมๆ กัน
ลานพระแก้ว
ชื่นชมบรรยากาศยามเช้าที่พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า ส่องแสงอบอุ่นในยามเช้า ขับไล่ความหนาวเย็นของอากาศไปได้เล็กน้อย ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วก็เดินทางกลับสู่ที่พัก ผ่านบริเวณ“ลานพระแก้ว” ลานหินกว้างแวดล้อมด้วยทิวสน ประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ ยังมีกระดิ่ง สิ่งของที่นักท่องเที่ยวนำมาแก้บนผูกไว้ที่บริเวณกิ่งไม้ใกล้ๆ กับองค์พระ
ดอกกระดุมเงิน ระหว่างทาง
ครั้นเมื่อเดินกลับมายังวังกวาง สองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ อย่างเช่น ดอกกระดุมเงิน (มณีเทวา) ดอกหยาดน้ำค้าง ใบเฟิร์น ดอกหญ้า เป็นต้น และหากสังเกตดีๆ ก็จะเห็นใยแมงมุมที่มีหยดน้ำค้างเกาะพราว สะท้อนกับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า
องค์พระพุทธเมตตา
ส่วนเส้นทางการท่องเที่ยวบนภูกระดึงนั้นมีให้เลือก 2 เส้นทาง คือ เส้นทางหน้าผา และเส้นทางน้ำตก โดย “เส้นทางหน้าผา” เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็หลับมาอาบน้ำอาบท่า เตรียมน้ำเตรียมขนมให้พร้อม สะพายกล้องคู่ใจ แล้วออกเริ่มต้นเดินจากวังกวางไปสู่ “องค์พระพุทธเมตตา” ที่ประดิษฐานอยู่บนลานหิน ว่ากันว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธบนภูกระดึง ต่อมา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะบริเวณโดยรอบ พร้อมทั้งพระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า “พระพุทธเมตตา”
สระอโนดาต
ระหว่างทางเดินเส้นทางหน้าผา
เดินทางต่อไปยัง “สระอโนดาต” แหล่งน้ำธรรมชาติที่มีลำธารไหลผ่านตลอดทั้งปี น้ำใสๆ ที่ไหลผ่านส่องสะท้อนท้องฟ้าสีคราม เราก็นั่งพักผ่อนให้ลมเย็นๆ พัดผ่าน ก่อนจะเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนถึงน้ำตกสอเหนือ และน้ำตกสอใต้ เดินไปเรื่อยๆ จนถึงผาหล่มสัก อันเป็นจุดมุ่งหมายสุดท้าย ใครที่จะอยู่รอชมพระอาทิตย์ตก ก็สามารถนั่งเล่นนอนเล่นอยู่บริเวณลานกว้างแถวๆ นั้น หรือหากจะเดินกลับเลยก็ได้ ซึ่งเส้นทางเดินกลับสู่วังกวาง จากผาหล่มสัก ผ่านผาแดง ผาเหยียบเมฆ ผานาน้อย ผาจำศีล และผาหมากดูก กลับสู่วังกวาง สิริรวมระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร (นอกจากนี้ เส้นทางจากวังกวางมายังผาหล่มสัก ยังมีบางจุดที่เดินตัดมาออกตามหน้าผาต่างๆ ได้ด้วย)
ผาเหยียบเมฆ
รอชมพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหล่มสัก
ส่วน “เส้นทางน้ำตก” อาจจะใช้เวลาน้อยกว่าเส้นทางหน้าผา เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก เราออกเดินทางเริ่มต้นจากน้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำใหญ่ และน้ำตกธารสวรรค์ ตามลำดับ ถ้าหากมาช่วงปลายฝนต้นหนาว น้ำตกแต่ละแห่งอาจจะมีน้ำไหลลงมามากหน่อย แต่ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวเลย แม้จะมีน้ำไหลผ่านน้อยกว่า แต่ความงดงามกลับมาอยู่ที่ใบเมเปิ้ลสีแดง ที่ตกลงมาลอยละล่องอยู่ในธารน้ำ สีแดงสดของเมเปิ้ลตัดกับสีเขียวขจีของต้นไม้อื่นๆ เป็นภาพที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมความงามของธรรมชาติแห่งนี้
น้ำตกโผนพบ
นอกจากกิจกรรมการเดินไปชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ บนภูกระดึง ก็ยังมีอีกกิจกรรมให้เลือกคือ การปั่นจักรยาน โดยบนยอดภูกระดึงจะมีจักรยานให้เช่าเพื่อปั่นไปตามเส้นทางหน้าผา หรือใครที่เหนื่อยแล้ว และอยากพักผ่อนอยู่บริเวณที่พัก ก็มานั่งพักรับลมเย็นๆ ที่มีตลอดทั้งวันได้

เรื่องอาหารการกินบนภูกระดึงนั้นก็ไม่น้อยหน้าที่ไหน มีของอร่อยให้เลือกกินมากมาย ทั้งแบบอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก ข้าวต้น ปาท่องโก๋ มันปิ้ง กล้วยปิ้ง แตงโม ไอศกรีม หวานเย็น ฯลฯ ซึ่งก็มีร้านค้าแบบนี้อยู่ทั้งที่บริเวณศูนย์ฯ วังกวาง ตามซำต่างๆ ระหว่างทางเดินขึ้นลงเขา และบริเวณผาต่างๆ ราคาอาหารและเครื่องดื่มอาจจะแตกต่างกันไปตามระยะทางที่ห่างจากด้านล่าง หลายๆ คนอาจจะบอกว่าราคาอาหารและเครื่องดื่มบนภูกระดึงมีราคาสูง แต่นั่นก็เพราะต้องอาศัยแรงของลูกหาบที่จะหาบข้าวของต่างๆ มาเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวนั่นเอง
เลือกปั่นจักรยานชมวิว
นอกจากจะมาท่องเที่ยว พักผ่อน ชมธรรมชาติสวยๆ บนภูกระดึง หรือบางคนอาจจะมาเพื่อความท้าทายที่จะได้พิชิตยอดภูกระดึง แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดบนภูกระดึงก็คือ การเปิดใจรับเพื่อนใหม่ พูดคุยทักทาย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้พิชิตยอดภูกระดึงด้วยกัน เป็นมิตรภาพและประสบการณ์ดีๆ ที่จะได้กลับไปไม่น้อยเลย
ร้านอาหารบริเวณวังกวาง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ภูกระดึง” ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูกระดึง บ้านศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย โทร. 0-4281-0833 จองบ้านพัก โทร. 0-4281-0834
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น