xs
xsm
sm
md
lg

3 เชฟร่วมรังสรรค์เมนูอาหารเพื่อความยั่งยืน จัดดินเนอร์มื้อพิเศษ “Sustainable Chef Table”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Facebook :Travel @ Manager
แกงคั่วสับปะรดไข่แมงดา
ร่วมมาเป็นส่วนหนึ่งในการนิยามคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับโลกและชีวิตของเราทุกคนไปด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “Redefining the Good Life” (รีดีไฟนิ่ง เดอะ กู๊ด ไลฟ์) ซึ่งเป็นธีมหลักในการประชุมระดับนานาชาติ Sustainable Brands 2017 Bangkok (ซัสเทนเนเบิล แบรนด์ 2017 แบงค็อก) หรือ SB’17 Bangkok (เอสบี ’17 แบงค็อก) ครั้งที่ 3 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 -30 พฤศจิกายนนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
มัสมั่นไก่
ทั้งนี้ก่อนที่งานสัมมนาเรื่องความยั่งยืนของโลกธุรกิจระดับสากลครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ คณะผู้จัดงานประชุม SB’17 Bangkok จะจัดดินเนอร์มื้อพิเศษ “Sustainable Chef Table” (ซัสเทนเนเบิลเชฟ เทเบิ้ล) นำทีมเชฟโดย พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ร่วมกับ “เซฟแม็ค” อนุชา พัฒนาศิริรักษ์ หัวหน้าเชฟจากร้านอาหารดอยคำ และ “เชฟแบลค” ภาณุภน บุลสุวรรณ เจ้าของร้าน Blackitch Artisan Kitchen จ.เชียงใหม่ ในวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ณ ร้าน SNP Headquarter (เอส เอ็น พี เฮดควอเตอร์) ตึกอิตัลไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด (ซ้าย)  และ เซฟแม็ค อนุชา พัฒนาศิริรักษ์ หัวหน้าเชฟจากร้านอาหารดอยคำ (ขวา)
ธีมงานประชุม ซัสเทนเนเบิล แบรนด์ ในปี 2017 นำเสนอแนวคิด เรื่อง “Redefining the Good Life” หรือการนิยามคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่ง Good Food เป็นหนึ่งใน 8 หัวข้อหลักที่จะมีการพูดถึงในการสัมมนาครั้งนี้ จึงเป็นที่มาของ “Sustainable Chef Table” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ตรงของคำว่า Good Food ที่ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่อาหารรสชาติดีที่ทำให้เราอิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังมีอาหารสมองที่เชฟทั้ง 3 คน จะมาชวนคิด ชวนคุย ว่าผู้บริโภคจะร่วมสร้างความยั่งยืนทางด้านอาหาร เพื่อให้ลูกหลานของเราในอนาคตมีอาหารบริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร
เชฟแบลค ภาณุภน บุลสุวรรณ เจ้าของร้าน Blackitch Artisan Kitchen จ.เชียงใหม่
จากแนวคิดเรื่องการสร้างความยั่งยืนทางด้านอาหาร เชฟทั้ง 3 คน จึงให้ความสนใจในเรื่องของการเลือกสรรวัตถุดิบตามฤดูกาล (Seasonal Food) ซึ่งแสดงถึงการเคารพธรรมชาติ ไม่บังคับธรรมชาติด้วยการใช้สารเคมีเพื่อให้เกิดผลผลิตนอกฤดู การศึกษาถึงแหล่งที่มาของอาหารทำให้เราเห็นคุณค่าของอาหารอย่างแท้จริง หรือที่เรียกว่า food appreciation ในระดับที่ลึกซึ้งกว่าแค่คุณค่าด้านความอร่อย ตลอดจนการพยายามใช้วัตถุดิบทุกส่วนให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเพื่อให้มีส่วนที่เหลือทิ้งน้อยที่สุด ซึ่งเชฟทั้ง 3 คนจะบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ ในระหว่างการปรุงอาหารแต่ละเมนู พร้อมๆกับที่แขกทุกท่านจะได้ลิ้มรสอาหารมื้อพิเศษนี้ด้วย
แกงใบชะครามใส่เนื้อปู
พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา ซึ่งในวันนั้นจะถอดหมวกซีอีโอของดอยคำ เพื่อมาปรุงอาหารไทยแท้ดั้งเดิม ในแบบสำรับไทยของราชสกุลอิศรเสนาร่วมด้วย “เซฟแม็ค” อนุชา พัฒนาศิริรักษ์ โดยจะมีอาหารจานหลักทั้งหมด 3 เมนู คือ แกงใบชะครามใส่เนื้อปู, มัสมั่นไก่ และ แกงคั่วสัปปะรดไข่แมงดา

“ความพิเศษของอาหารไทย 3 เมนูที่นำมาปรุงให้ได้ลิ้มลองในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นสูตรดั้งเดิม ที่สืบทอดกันมาในราชสกุลอิศรเสนาแล้ว วัตถุดิบต่าง ๆ ที่นำมาปรุงนั้นยังเป็นพืชผัก ผลไม้ และผลิตผล ต่าง ๆ ที่ปลูกโดยเกษตรกรชาวเขาจากโครงการหลวง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวง เมื่อ พ.ศ.2512 โดยมีพระราชประสงค์เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขา ลดการปลูกฝิ่น และฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร กระทั่งปัจจุบันพืชผักและผลไม้เขตหนาวของเกษตรกรชาวเขาในพื้นที่โครงการหลวงได้สร้างรายได้ให้ชาวเขา ชนเผ่าต่าง ๆ และเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคทั่วไปอย่างกว้างขวาง รวมทั้งได้รับมาตรฐานอาหารปลอดภัย ทั้งมาตรฐานของประเทศไทย และมาตรฐานสากล ซึ่งสด สะอาด และปลอดภัยต่อผู้บริโภคอีกด้วย”
ออเดิร์ฟ 4 ภาค
ส่วน “เชฟแบลค” ภาณุภน บุลสุวรรณ เจ้าของร้าน Blackitch Artisan Kitchen ที่เชียงใหม่ ให้นิยามร้านตัวเองเป็นซัสเทนเนเบิล เชฟ (Sustainable Chef) ซึ่งเกิดจากการทำอาหารแต่ละจานเป็น Zero Waste เป็นการให้เกียรติวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งต้องไม่มีการทิ้งให้เสียของ จึงใช้ความคิดสร้างสรรค์แปรสภาพวัตถุดิบเพื่อนำมาใช้ประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นร้านนี้นอกจากจะมีอาหารอร่อยที่ใช้วัตถุดิบออร์แกนิคสด ๆ จากธรรมชาติแล้ว ยังมีซอสทำเอง เช่น กะปิ ปลาร้า เต้าหู้ยี้ แน่นอนว่าซอสเหล่านี้เป็นผลพลอยได้จากวัตถุดิบที่เหลือจากการปรุงอาหารแล้วนั่นเอง

สำหรับเมนูที่จะเสิร์ฟในมื้อ Sustainable Chef Table นั้นปรุงจากวัตถุดิบที่ได้ในวันนั้น ซึ่งส่วนมากเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาล โดยเชฟแบลค ได้เล่าถึงการเตรียมตัวนำเสนอเมนู 3 คอร์สแรกซึ่งเป็นเมนูที่เชฟแบลครังสรรค์ขึ้นมาสำหรับมื้อพิเศษนี้โดยเฉพาะ
ซุปข้าวเกรียบปากหม้อซาวน้ำ
“เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยด้วย “ออเดิร์ฟ 4 ภาค” ที่เป็นของทานเล่นจาก 4 ภาคของไทยในรูปแบบของตัวเองที่ได้เดินทางไปศึกษาวัตถุดิบท้องถิ่นทั่วประเทศมาแล้ว เช่น แคปหมูน้ำพริกเห็ด, ไก่กอแระ, ไส้กรอกปลาส้มข้าวหมก และ เมี่ยงกลีบบัวหลวง ต่อมาเป็นเมนู ยำฝรั่งปลาฟู โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน “ฝรั่ง” เป็นผลไม้สดที่ออกผลในช่วงนั้น ทำให้มีรสชาติอร่อย สด และมากด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อนำมาทำยำแล้วจะให้ความสดชื่น และเมนูสุดท้ายคือ “ซุปเย็น” เป็นซุปข้าวเกรียบปากหม้อซาวน้ำ” เชฟแบลคยกตัวอย่างเมนูที่แขกผู้มีเกียรติทุกคนจะได้รับประทานในวันงาน
ยำฝรั่งปลาฟู
ดินเนอร์มื้อนี้นอกจากจะได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อย ประสบการณ์แปลกใหม่แล้ว เบื้องหลังความอร่อยคือ ความอยู่รอดอย่างยั่งยืนของเหล่าผู้ผลิตวัตถุดิบเหล่านั้นเพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัว สำหรับSustainable Chef Table มื้อพิเศษนี้ จะจัดขึ้นในคืนวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายนศกนี้ ณ SNP Headquarter, (เอส เอ็น พี เฮดควอเตอร์) ตึกอิตัลไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ รับ 60 ที่นั่งเท่านั้น ราคา 4,000 บาทต่อคน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนิยามคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับโลกและชีวิตของเราทุกคน ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ Sustainable Brands Bangkok
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น