xs
xsm
sm
md
lg

หนาวนี้ห้ามพลาด ‘10 จุดชมทะเลหมอก’ งดงามประทับใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook : Travel @ Manager

ทะเลหมอกที่ภูลังกา พะเยา
อากาศหนาวมาเยือน หลายคนเริ่มวางแผนออกเดินทางท่องเที่ยว การไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสัมผัสอากาศหนาวๆ และชมทะเลหมอกสวยๆ ก็เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมไม่น้อย วันนี้เราจึงนำเอา 10 ทะเลหมอกน่ายลในหลายๆ พื้นที่ของประเทศไทยมาฝากกัน

ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย
ภูชี้ฟ้า เชียงราย

"เชียงราย" เป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคเหนือที่ทุกๆ ฤดูหนาว จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเดินทางไปเยี่ยมเยือนเพื่อชมความงามของภู-ดอยต่างๆ และ “ภูชี้ฟ้า” ก็คือสถานที่ชมทะเลหมอกอันดับ 1 ของเชียงราย

“ภูชี้ฟ้า” ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานภูชี้ฟ้า บ้านร่มฟ้าไทย อ.เทิง จ.เชียงราย บนรอยต่อของเส้นแบ่งพรมแดนไทย-ลาว เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยผาหม่นที่เป็นดังหลังคาเชียงราย มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,628 เมตร มีรูปพรรณสัณฐานอันโดดเด่นด้วยลักษณะเป็นหน้าผาตัด ยอดภูเป็นเหลี่ยมแหลมทิ่มแทงฟ้า

นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมทิวทัศน์และทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้ากันตั้งแต่เช้ามืดท่ามกลางอากาศหนาวเย็นและลมพัดแรง โดยจากบริเวณจุดจอดรถจะต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 700 เมตรก็จะถึงยอดภูชี้ฟ้า แต่ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวมักแวะรอชมพระอาทิตย์ขึ้นระหว่างทาง เพื่อให้เห็นจุดชมวิวมุมยอดนิยมที่ปรากฏเป็นภาพสัญลักษณ์ของภูชี้ฟ้า นั่นคือจุดที่สามารถมองเห็นยอดแหลมของภูที่ชี้พุ่งไปสู่ท้องฟ้า ท่ามกลางทะเลหมอกหนาเป็นปุย พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และแนวยอดภูเบื้องล่างได้อย่างลงตัวงดงาม

จุดชมวิว “หยุนไหล” อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
จุดชมวิว “หยุนไหล” อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

อำเภอเล็กๆ อย่าง "ปาย" ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอันดับต้นๆ ของภาคเหนือ เพราะธรรมชาติอันงดงามของขุนเขาสลับซับซ้อนและผืนนาเขียวขจี ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน ที่อำเภอปายมีจุดชมวิวทะเลหมอกสวยๆ อยู่ที่ จุดชมวิว“ทะเลหมอกหยุนไหล” ที่อยู่ไม่ห่างจากตัวอำเภอปายมากนัก

ในยามเช้าตรู่จะมีนักท่องเที่ยวมากมายที่ขึ้นไปยังบนจุดชมวิวที่ "ม่อนหยุนไหล" โดยในช่วงฤดูหนาวจะมีคิวรถที่ชุมชนจัดบริการวิ่งรับ-ส่งจากจุดชมวิว เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนแล้วมองออกไปจะเห็นทะเลหมอกรวมตัวกันหนาแน่น และค่อยลอยตัวเคลื่อนไหลเอื่อยๆ ดั่งสายน้ำ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่กำลังโผล่ขึ้นมาแย้มแสงแรกให้ได้ชม ดูสวยงามประหนึ่งภาพในจินตนาการ

นอกจากทะเลหมอกและวิวทิวทัศน์อันสวยงาม บริเวณจุดชมทะเลหมอกม่อนหยุนไหล ยังมีม้านั่งจิบชาชมวิวริมเขา ระเบียงถ่ายรูป และการตกแต่งบริเวณที่เน้นในเรื่องธีมของความรัก ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้แห่งความรัก ที่มีคนนิยมหัวใจดวงน้อยไปแขวนไว้ที่ต้นไม้(ต้นสน) หรือมุมถ่ายรูปที่ตกแต่งด้วยรูปหัวใจ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปยืนถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก

ทิวทัศน์ทะเลหมอกเมื่อมองจากจุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ
เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

แน่นอนว่าพูดถึงทะเลหมอกก็จะต้องนึกถึง “เขาค้อ” เพราะที่นี่เป็นดินแดนแห่งเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนของเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขต อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และเนื่องจากเขาค้อมีลักษณะของพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ มีอ่างเก็บน้ำรัตนัยเป็นแหล่งกำเนิดความชื้น จึงมีโอกาสที่จะได้ชมทะเลหมอกค่อนข้างมาก

จุดชมทะเลหมอกที่เขาค้อนั้นมีหลายแห่งทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น “จุดชมวิวเขาค้อ” ซึ่งอยู่ริมถนนสาย 2196 ซึ่งเป็นจุดชมวิวหลักของเขาค้อ รวมถึงบริเวณใกล้กับที่ว่าการอำเภอเขาค้อ ไปรษณีย์เขาค้อ และที่พักรีสอร์ทต่างๆ ในบริเวณนี้ที่ตั้งอยู่เหนืออ่างเก็บน้ำรัตนัย

นอกจากนั้นยังมี “จุดชมวิววัดกองเนียม” ตั้งอยู่ริมถนนสาย 2196 ใกล้กับหอสมุดนานาชาติเขาค้อ “จุดชมวิวบริเวณร้านกาแฟ Pino Latte” จุดนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วได้อย่างสวยงามมาก “จุดชมวิวเขาตะเคียนโงะ” เนินเขาขนาดย่อมบนถนนสาย 2258 ชมวิวได้แบบ 360 องศา

ภูลังกา อ.ปง จ.พะเยา
ภูลังกา อ.ปง จ.พะเยา

แม้จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ที่อำเภอปงนี้มีจุดชมทะเลหมอกที่สวยสุดใจอยู่แห่งหนึ่ง นั่นก็คือที่ “ภูลังการีสอร์ท” หนึ่งในที่พักวิวเทพที่ตั้งอยู่บนภูเขาริมผา มองลงไปเบื้องล่างเป็นที่ราบทุ่งนากว้างใหญ่ มีภูเขาหินขนาดย่อมขึ้นเป็นพระเอกอยู่ตรงกลาง

ทะเลหมอกที่นี่ขึ้นชื่อว่าสวยงามดุจภาพวาด ในยามเช้าของวันที่อากาศเป็นใจ เมื่อมองลงไปยังหุบเขาแอ่งกระทะจะเห็นทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งอย่างสวยงามท่ามกลางองค์ประกอบของต้นไม้ ภูเขาน้อยใหญ่ นั่นจึงทำให้มุมมองวิวทะเลหมอกแห่งนี้กลายเป็นดังตัวแทนแห่งภูลังกา และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งพะเยาที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก

ยอดเขาโมโกจู จ.กำแพงเพชร
ยอดเขาโมโกจู จ.กำแพงเพชร

“ยอดเขาโมโกจู” ยอดเขาที่สูงที่สุดของผืนป่าตะวันตก และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ฝั่งจังหวัดกำแพงเพชร (พื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัดคือนครสวรรค์และกำแพงเพชร) การเดินป่าเพื่อพิชิตยอดเขาแห่งนี้เป็นการเดินป่าระยะไกล ด้วยระยะทางรวมไปกลับกว่า 62 กิโลเมตร ทำให้ต้องแบ่งการเดินทางออกเป็น 5 วัน 4 คืน และต้องตั้งแคมป์นอนกลางป่า แต่ทะเลหมอกบนยอดโมโกจูนั้นก็สวยสุดๆ ด้วยเช่นกัน

“โมโกจู” ซึ่งเป็นภาษากะเหรี่ยงแปลว่า “คล้ายว่าฝนจะตก” คนตั้งชื่อคงได้เห็นบรรยากาศบริเวณยอดเขาที่มีไอหมอกปกคลุมครึ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนว่าฝนจะตกนั่นเอง แม้เส้นทางค่อนข้างโหดหิน แต่ในวันที่อากาศเป็นใจ ทิวทัศน์ทะเลหมอกบนยอดโมโกจูก็สวยงามยิ่งนัก เบื้องล่างใต้เท้าของเราถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนาเป็นปุย มองเห็นทะเลหมอกสีขาวสุดลูกหูลูกตาไปจนจรดขอบฟ้ากว้างไกล ส่วนเบื้องบนดวงอาทิตย์ยังคงสาดแสงส่องผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเป็นภาพประทับใจยิ่งนัก

ดอยเสมอดาว จ.น่าน
ดอยเสมอดาว อ.นาน้อย จ.น่าน

“ดอยเสมอดาว” เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.นาน้อย จ.น่าน เป็นจุดกางเต็นท์ชมธรรมชาติและชมทะเลหมอกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง มีผาหัวสิงห์เป็นดังสัญลักษณ์ของดอยเสมอดาว มีลักษณะเป็นผาหินปูนที่มีรูปร่างเหมือนสิงโตนอนหมอบชูคอหันไปทางทิศตะวันออก บนดอยเสมอดาวสามารถชมทิวทัศน์ได้ 360 องศา
ในยามเช้าบนยอดดอยเสมอดาวในวันที่สภาพอากาศเหมาะสม จะมีหมอกหนาปกคลุมเป็นปุยดูนุ่มนวลชวนแหวกว่ายอยู่ในซอกหลืบของหุบเขาเป็นแนวยาว ยิ่งยามที่แสงตะวันสาดส่องโผล่ลอดทะเลแนวม่านเมฆเป็นเส้นลำ ยิ่งทำให้ทะเลหมอกแห่งนี้ดูงดงามราวภาพฝัน

ภูทอก เชียงคาน
ภูทอก อ.เชียงคาน จ.เลย

มาดูทะเลหมอกในภาคอีสานกันบ้าง ที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เป็นที่ตั้งของ “ภูทอก” ซึ่งเป็นภาษาอีสานที่หมายถึง "ภูเขาที่โดดเดี่ยว" ที่นี่เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองเชียงคานโดย

บนยอดภูจะสามารถมองเห็นทิวทิวทัศน์ของเมืองเชียงคานและลำน้ำโขงที่ไหลผ่านแนบชิดเมืองเชียงคานแห่งนี้ แต่ในวันที่อากาศเป็นใจในยามเช้าจะเห็นหมอกหนาเป็นปุยปกคลุมพื้นดินเบื้องล่าง พร้อมด้วยพระอาทิตย์ขึ้นอย่างงดงาม

ในช่วงฤดูท่องเที่ยวนั้นนักท่องเที่ยวไม่สามารถนำรถขึ้นไปบนยอดภูได้เอง แต่จะมีรถบริการรับส่งคอยรับส่งสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งขาไปและกลับขึ้นสู่บนยอดภู

จุดชมวิวบริเวณ ก.ม.36 แก่งกระจาน
แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ในภาคกลางก็มีทะเลหมอกให้เราได้ชมแบบใกล้กรุง ที่ “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีพื้นที่ 1.8 ล้านไร่ ครอบคลุมถึง 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาซับซ้อนอยู่ในเทือกเขาตะนาวศรี

บนเขาพะเนินทุ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ที่ช่วยสร้างความชื้นจนเกิดเป็นสายหมอกให้เราได้ชมกัน โดยเขาพะเนินทุ่งจะมีจุดชมทะเลหมอกบริเวณ 2 จุดด้วยกันคือ “จุดชมวิวพะเนินทุ่ง” หรือ “จุดชมวิวบริเวณ ก.ม.30” ซึ่งเป็นจุดชมวิวใกล้กับบริเวณที่กางเต็นท์ ซึ่งสามารถเดินไปชมได้ ในยามเช้าที่นี่จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกสีขาวปกคลุมทั่วทั้งหุบเขา และเมื่อทะเลหมอกสลายตัวไป จะเห็นผืนป่าสลับซับซ้อนอยู่เบื้องล่าง สูดอากาศบริสุทธ์ได้อย่างสดชื่น

และจุดที่สองนั่นคือ "จุดชมวิวบริเวณ ก.ม. 36" ที่นี่แค่ยืนดูก็สามารถสัมผัสได้ถึงทะเลหมอกที่ลอยมาปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำได้อย่างใกล้ชิด จากนั้นยังมีเส้นทางเดินเท้าลงไปสู่ “น้ำตกทอทิพย์” ที่มีระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ป็นน้ำตกที่ขนาดใหญ่ความสูงประมาณ 9 ชั้น

เขาไข่นุ้ย จ.พังงา
เขาไข่นุ้ย จ.พังงา

มาดูทะเลหมอกของภาคใต้กันบ้างที่ “เขาไข่นุ้ย” ตั้งอยู่ที่บ้านฝายท่า ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เพิ่งเปิดตัวให้เที่ยวได้ประมาณ 4-5 ปีมานี้ เขาไข่นุ้ยเดิมเป็นพื้นที่ทำสวนยางของชาวบ้าน พวกเขาเห็นทะเลหมอกกันจนชินตา แต่ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ จนเมื่อทางอบต.ไปพบและทำการประชาสัมพันธ์ออกไปก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยเขาไข่นุ้ยมีจุดเด่นอยู่ที่ 5 มหัศจรรย์ คือ 1.พระอาทิตย์ขึ้น 2.พระอาทิตย์ตก 3.ทะเลหมอก 4.ทะเลอันดามัน และ 5.ทิวเขา

บนยอดเขาไข่นุ้ยมีจุดชมวิวทะเลหมอกอยู่ 2 จุดด้วยกัน โดยบริเวณที่เห็นทะเลหมอกในเบื้องหน้านั้นเป็นช่องเขาขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยภูเขาลูกใหญ่หลายลูก จึงถือเป็นจุดรวมของหมอกชั้นดี โดยทะเลหมอกบนเขาไข่นุ้ยจะเปลี่ยนรูปทรงอยู่เรื่อยๆ ไปตามกระแสลม ส่วนโอกาสในการพบทะเลหมอกในทุกๆเช้านั้นมีมากถึง 80% และสามารถชมทะเลหมอกได้ทุกฤดูอีกด้วย

อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา
อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา

จุดชมทะเลอีกหนึ่งแห่งในภาคใต้คือที่ “จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” ที่ตั้งอยู่บนยอดเขากุนุงซิลิปัต หรือเขาไมโครเวฟ บริเวณ กม.32 (ถนนยะลา-เบตง) ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ห่างจาก อบต.อัยเยอร์เวง ประมาณ 7-8 กม. มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต

ปัจจุบันบริเวณจุดชมวิวแห่งนี้มีการสร้างเป็นอาคารชมวิวให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์บนนั้นได้อย่างสวยงามกว้างไกล ส่วนเหตุที่เขาลูกนี้ได้ชื่อว่าเขาไมโครเวฟก็เพราะเป็นที่ตั้งของเสาส่งคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ ชาวบ้านจึงตั้งฉายาให้เป็น “เขาไมโครเวฟ” และเรียกชื่อนี้กันมาจนติดปาก ก่อนที่ภายหลังจะเปลี่ยนมาเรียกว่าจุดชม “ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” ซึ่งที่นี่มีโอกาสที่จะได้เห็นทะเลหมอกลอยสวยงามแน่นหนาทึบสูงถึง 70-80%

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น