Facebook :Travel @ Manager
การท่องเที่ยวมาเลเซีย นำเสนอข้อมูล ตามรอยเสด็จฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จากหาดใหญ่สู่มาเลเซีย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ได้ทรงเชื่อมสัมพันธไมตรีของทั้งสองประเทศไว้อย่างแน่นแฟ้น
ตลอดเกือบหนึ่งปีเต็มหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ปวงชนชาวไทยทั้งผองยังไม่คลายจากความโศกเศร้าต่อการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้
การท่องเที่ยวมาเลเซียประจำประเทศไทย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ จึงขอนำเสนอการเดินทางตามรอยเสด็จฯ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศมาเลเซีย หนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่พระองค์เสด็จเยือน และสร้างคุณูปการอเนกอนันต์แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อให้ชาวไทยได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งมิได้เป็นเพียงพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นนักการทูตที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย
โดยการเดินทางตามรอยเสด็จฯ นี้เป็นการเดินทางด้วยรถไฟจากจุดเริ่มต้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเดินทางต่อไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ในประเทศมาเลเซีย ที่พระองค์เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือน และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำที่ประชาชนทั้งสองประเทศไม่อาจลืมเลือน
สถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง
จากสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่มุ่งหน้าตรงไปสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ จากนั้นต่อขบวนรถไฟฟ้าด่วน ETS ที่สถานีปาดังเบซาร์เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง ที่ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยทรงแวะพักเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อ้างอิงจากพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงพระนิพนธ์ถึงการเดินทางไปประทับต่างแดนในระยะยาวของราชสกุล “มหิดล” ว่า
“น้องชายคนโตไม่แข็งแรง แม่เลยคิดว่าควรไปอยู่ต่างประเทศที่มีอากาศสบายๆ เสด็จลุงทรงแนะให้ไปสวิตเซอร์แลนด์ ...ต้นเดือนเมษายน 2476 แม่กับลูกสามคน พร้อมแหนนและบุญเรือน ก็ออกเดินทางด้วยรถไฟไปปีนัง แล้วลงเรืออเมริกันเพรสซิเดนต์เพียร์ซ ไปขึ้นที่เจนัว และต่อรถไฟไปโลซานน์ ...” ปีนังจึงนับเป็นสถานที่แห่งแรกในมาเลเซียที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเคยเสด็จพระราชดำเนินเยือน
วัดไชยมังคลาราม รัฐปีนัง
จากสถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธ นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะปีนัง เพื่อชมเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม และจุดหมายปลายทางสำคัญที่จะพลาดไม่ได้คือ วัดไชยมังคลาราม ซึ่งเป็นวัดไทยที่เก่าแก่ที่สุดในปีนัง สร้างราวปีพุทธศักราช 2388 และมีพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวที่สุดในมาเลเซีย เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2505
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยือนวัดอันเป็นสายใยเชื่อมโยงไทย-มาเลเซียแห่งนี้ ทรงประกอบพิธีเปิด (ไหมคลุม) ดวงเนตรพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และพระราชทานนามพระพุทธรูปองค์นั้นว่า “พุทธชัยมงคล” และพระราชทานย่ามแก่พระภิกษุ 20 รูป พร้อมทั้งทรงบริจาคเงินบำรุงพระอาราม ซึ่งการเสด็จฯ เยือนครั้งนี้ยังคงถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของประชาชนในปีนังเรื่อยมาตราบจนถึงปัจจุบัน
วัดพระเชตวัน รัฐสลังงอร์
จากปีนังเดินทางต่อมายังรัฐสลังงอร์ด้วยรถไฟ เพื่อเยี่ยมชมวัดพระเชตวัน วัดที่รัฐบาลไทยร่วมกับรัฐบาลมาเลเซียสร้างขึ้น ในปี 2493 ด้วยเงินบริจาคที่มาจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเสด็จฯ มาทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าของวัดแห่งนี้ด้วยพระองค์เอง เมื่อปี 2505 ยังความซาบซึ้งและปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้ให้แก่ทั้งรัฐบาลมาเลเซียและพสกนิกรชาวไทยซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ อีกทั้งพระองค์มีรับสั่งให้วัดเชตวันเป็นวัดไทยแห่งเดียวในมาเลเซีย ที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ซึ่งเป็นพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ไว้ที่บนช่อฟ้าด้วย
มหาวิทยาลัยมาลายา กัวลาลัมเปอร์
จากรัฐสลังงอร์นั่งรถไฟต่อไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยือนเป็นครั้งแรกในปี 2505 ทรงได้รับการต้อนรับจากพระราชาธิบดีอย่างสมพระเกียรติ พร้อมทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดแด่ในหลวงของเราด้วย ในการเสด็จฯ เยือนสหพันธรัฐมาลายาหรือมาเลเซียในปัจจุบัน พระองค์ทรงเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งมหาวิทยาลัยมาลายา มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากยุคอาณานิคม ที่ประเทศอังกฤษเข้ามามีส่วนร่วมในการวางรากฐานทางการศึกษา ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมาลายาติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของอาเซียน และยังขึ้นชื่อในเรื่องการเป็นศูนย์เรียนรู้และวิจัยด้านเอเชียแปซิฟิกของภูมิภาคอีกด้วย
คาเมรอน ไฮแลนด์ รัฐปาหัง
เดินทางต่อจากกรุงกัวลาลัมเปอร์อีกเพียง 200 กิโลเมตรก็จะถึงรัฐปาหัง อีกรัฐแห่งความทรงจำที่ชาวไทยไม่ควรลืม เพราะตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ของการเสด็จฯ เยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2505 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงที่ราบสูงคาเมรอน ที่ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงเลือกประทับ ณ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งนี้
ที่ราบสูงคาเมรอน หรือ Cameron Highlands เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังของประเทศมาเลเซีย อยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 1,524 เมตร มีทัศนียภาพที่งดงามจากหุบเขาที่เรียงตัวสลับซับซ้อน และหมู่บ้านที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก ด้วยสภาพภูมิอากาศและดินที่ดี คาเมรอน ไฮแลนด์ จึงเป็นแหล่งปลูกพืชผักเมืองหนาวชั้นนำของมาเลเซีย ที่นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาหาความรู้ในเชิงเกษตร และยังผ่อนคลายไปกับ ไร่ชา ไร่สตรอว์เบอร์รี่ หมู่บ้านสไตล์อังกฤษ และสวนดอกไม้นานาพันธุ์อีกด้วย
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
การท่องเที่ยวมาเลเซีย นำเสนอข้อมูล ตามรอยเสด็จฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จากหาดใหญ่สู่มาเลเซีย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ได้ทรงเชื่อมสัมพันธไมตรีของทั้งสองประเทศไว้อย่างแน่นแฟ้น
ตลอดเกือบหนึ่งปีเต็มหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ปวงชนชาวไทยทั้งผองยังไม่คลายจากความโศกเศร้าต่อการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้
การท่องเที่ยวมาเลเซียประจำประเทศไทย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ จึงขอนำเสนอการเดินทางตามรอยเสด็จฯ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศมาเลเซีย หนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่พระองค์เสด็จเยือน และสร้างคุณูปการอเนกอนันต์แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อให้ชาวไทยได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งมิได้เป็นเพียงพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นนักการทูตที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย
โดยการเดินทางตามรอยเสด็จฯ นี้เป็นการเดินทางด้วยรถไฟจากจุดเริ่มต้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเดินทางต่อไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ในประเทศมาเลเซีย ที่พระองค์เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือน และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำที่ประชาชนทั้งสองประเทศไม่อาจลืมเลือน
สถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง
จากสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่มุ่งหน้าตรงไปสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ จากนั้นต่อขบวนรถไฟฟ้าด่วน ETS ที่สถานีปาดังเบซาร์เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง ที่ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยทรงแวะพักเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อ้างอิงจากพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงพระนิพนธ์ถึงการเดินทางไปประทับต่างแดนในระยะยาวของราชสกุล “มหิดล” ว่า
“น้องชายคนโตไม่แข็งแรง แม่เลยคิดว่าควรไปอยู่ต่างประเทศที่มีอากาศสบายๆ เสด็จลุงทรงแนะให้ไปสวิตเซอร์แลนด์ ...ต้นเดือนเมษายน 2476 แม่กับลูกสามคน พร้อมแหนนและบุญเรือน ก็ออกเดินทางด้วยรถไฟไปปีนัง แล้วลงเรืออเมริกันเพรสซิเดนต์เพียร์ซ ไปขึ้นที่เจนัว และต่อรถไฟไปโลซานน์ ...” ปีนังจึงนับเป็นสถานที่แห่งแรกในมาเลเซียที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเคยเสด็จพระราชดำเนินเยือน
วัดไชยมังคลาราม รัฐปีนัง
จากสถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธ นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะปีนัง เพื่อชมเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม และจุดหมายปลายทางสำคัญที่จะพลาดไม่ได้คือ วัดไชยมังคลาราม ซึ่งเป็นวัดไทยที่เก่าแก่ที่สุดในปีนัง สร้างราวปีพุทธศักราช 2388 และมีพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวที่สุดในมาเลเซีย เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2505
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยือนวัดอันเป็นสายใยเชื่อมโยงไทย-มาเลเซียแห่งนี้ ทรงประกอบพิธีเปิด (ไหมคลุม) ดวงเนตรพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และพระราชทานนามพระพุทธรูปองค์นั้นว่า “พุทธชัยมงคล” และพระราชทานย่ามแก่พระภิกษุ 20 รูป พร้อมทั้งทรงบริจาคเงินบำรุงพระอาราม ซึ่งการเสด็จฯ เยือนครั้งนี้ยังคงถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของประชาชนในปีนังเรื่อยมาตราบจนถึงปัจจุบัน
วัดพระเชตวัน รัฐสลังงอร์
จากปีนังเดินทางต่อมายังรัฐสลังงอร์ด้วยรถไฟ เพื่อเยี่ยมชมวัดพระเชตวัน วัดที่รัฐบาลไทยร่วมกับรัฐบาลมาเลเซียสร้างขึ้น ในปี 2493 ด้วยเงินบริจาคที่มาจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเสด็จฯ มาทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าของวัดแห่งนี้ด้วยพระองค์เอง เมื่อปี 2505 ยังความซาบซึ้งและปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้ให้แก่ทั้งรัฐบาลมาเลเซียและพสกนิกรชาวไทยซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ อีกทั้งพระองค์มีรับสั่งให้วัดเชตวันเป็นวัดไทยแห่งเดียวในมาเลเซีย ที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ซึ่งเป็นพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ไว้ที่บนช่อฟ้าด้วย
มหาวิทยาลัยมาลายา กัวลาลัมเปอร์
จากรัฐสลังงอร์นั่งรถไฟต่อไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยือนเป็นครั้งแรกในปี 2505 ทรงได้รับการต้อนรับจากพระราชาธิบดีอย่างสมพระเกียรติ พร้อมทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดแด่ในหลวงของเราด้วย ในการเสด็จฯ เยือนสหพันธรัฐมาลายาหรือมาเลเซียในปัจจุบัน พระองค์ทรงเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งมหาวิทยาลัยมาลายา มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากยุคอาณานิคม ที่ประเทศอังกฤษเข้ามามีส่วนร่วมในการวางรากฐานทางการศึกษา ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมาลายาติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของอาเซียน และยังขึ้นชื่อในเรื่องการเป็นศูนย์เรียนรู้และวิจัยด้านเอเชียแปซิฟิกของภูมิภาคอีกด้วย
คาเมรอน ไฮแลนด์ รัฐปาหัง
เดินทางต่อจากกรุงกัวลาลัมเปอร์อีกเพียง 200 กิโลเมตรก็จะถึงรัฐปาหัง อีกรัฐแห่งความทรงจำที่ชาวไทยไม่ควรลืม เพราะตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ของการเสด็จฯ เยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2505 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงที่ราบสูงคาเมรอน ที่ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงเลือกประทับ ณ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งนี้
ที่ราบสูงคาเมรอน หรือ Cameron Highlands เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังของประเทศมาเลเซีย อยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 1,524 เมตร มีทัศนียภาพที่งดงามจากหุบเขาที่เรียงตัวสลับซับซ้อน และหมู่บ้านที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก ด้วยสภาพภูมิอากาศและดินที่ดี คาเมรอน ไฮแลนด์ จึงเป็นแหล่งปลูกพืชผักเมืองหนาวชั้นนำของมาเลเซีย ที่นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาหาความรู้ในเชิงเกษตร และยังผ่อนคลายไปกับ ไร่ชา ไร่สตรอว์เบอร์รี่ หมู่บ้านสไตล์อังกฤษ และสวนดอกไม้นานาพันธุ์อีกด้วย
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager