xs
xsm
sm
md
lg

“หูฉลามกิมไป่” และ “ผัดธัญพืช 5 ฤดู” 2 เมนูเจฝีมือ "เชฟป้อม กระทะเหล็ก" แรงบันดาลใจจากในหลวง ร.๙

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

Facebook :Travel @ Manager
เมนู “หูฉลามกิมไป่”
ในเทศกาลกินเจที่ใกล้จะถึงนี้ ทาง “เครือเฮอริเทจ” ได้จัดกิจกรรม "เครือเฮอริเทจ ร่วมสืบสานพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 สร้างสรรค์เมนูเจเพื่อสุขภาพ โดย เชฟป้อม กระทะเหล็ก" ณ ภัตตาคารอาหารจีนเชฟป้อม โดยนำเสนอ 2 เมนูเจเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย
วัตถุดิบที่ใช้ในเมนู “หูฉลามกิมไป่”
เมนูแรกคือ เมนู “หูฉลามกิมไป่” คำว่า “กิมไป่” ในที่นี้นั้น หมายถึง “ป้ายทองคำ” ซึ่งเป็นคำมงคลให้เหมาะกับเป็นเมนูเจนั่นเอง โดยเมนูนี้จะใช้ “วุ้นเส้น” แทนหูฉลาม ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ ที่ใช้จะมีฟองเต้าหู้แผ่นกลม ฟองเต้าหู้แบบหนาหั่นเป็นเส้น ดอกไม้จีน เห็ดถังเช่า เห็ดหอม และเห็ดหูหนูดำหั่นแบบเส้น
 

ขั้นตอนการทำจะเริ่มจากนำฟองเต้าหู้แผ่นกลมมาแช่น้ำแล้วนำไปทอดในน้ำมันแล้วพักไว้ก่อน จากนั้นนำวัตถุดิบทั้งหมดที่เหลืออยู่มาใส่รวมกันในภาชนะสำหรับคลุก แล้วจึงเติมน้ำมันหอยเจลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วใส่น้ำมันงาเพื่อเพิ่มความหอม และแป้งมันเพื่อช่วยให้ส่วนผสมจับตัว แล้วจึงนำส่วนผสมที่คลุกเคล้าจนเข้ากันแล้ว มาวางบนฟองเต้าหู้แผ่นกลมที่ทอดพักไว้ตอนแรก แล้วห่อแต่ละมุมเข้าด้วยกัน ก่อนมัดปากด้วยดอกไม้จีน
ดอกไม้จีน
ขั้นตอนต่อไปจึงเริ่มทำน้ำซุปหูฉลาม โดยหัวน้ำซุปจะใช้ผักที่ให้รสหวานอย่างเช่น หัวไชเท้า ผักกาดขาว เผือก มาต้มจนได้น้ำซุปรสหวาน เติมความกลมกล่อมด้วยน้ำมันหอยเจ และเพิ่มสีสันด้วยซีอิ๊วดำเล็กน้อย จากนั้นผสมแป้งมันในน้ำเปล่าเล็กน้อยคนให้แป้งละลาย แล้วจึงเติมลงในน้ำซุปที่ปรุงรสไว้แล้ว (ใครไม่ชอบกินน้ำข้น ก็สามารถดัดแปลงไม่เติมแป้งมันได้)
 

ขั้นตอนสุดท้ายให้ตักน้ำซุปใส่ภาชนะพร้อมนึ่ง แล้ววางตัวฟองเต้าหู้ที่ได้ห่อเครื่องไว้เรียบร้อยแล้วลงไป โรยหน้าด้วยเก๋ากี้ (โกจิเบอร์รี่) ไว้ด้านบน แล้วนำไปนึ่งในซึ้งนึ่งประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะได้เมนูหูฉลามกิมไป่พร้อมเสิร์ฟ
เมนู “ผัดธัญพืช 5 ฤดู”
ส่วนเมนูที่สองคือ เมนู “ผัดธัญพืช 5 ฤดู” ซึ่งเมนูนี้เรียกว่าได้สารอาหารครบถ้วนทุกหมู่ แถมยังแคลอรี่ต่ำ โปรตีนและวิตามินสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะ เป็นเมนูเจเพื่อสุขภาพที่เชฟป้อม กระทะเหล็ก ตั้งใจถ่ายทอดออกมา
เซียงจา (แผ่นกลมสีแดง) และใบมะกรูดซอย
ซึ่งเมนูนี้มีความพิเศษอยู่ที่ “น้ำซอสผัด” ที่ทำจาก “เซียงจา” (บางคนเรียก ซานจา หรือ ซัวจา) หลายคนอาจคุ้นเคยเพราะก็คือขนมเซียงจาจากเมืองจีนที่สมัยเด็กๆ ชอบกินกันนั่นเอง โดยนำเซียงจามาละลายในน้ำเปล่า ใส่ซอสบ๊วยเพิ่มรสเปรี้ยว ซอสบาร์บีคิว (ที่ทำจากผลไม้) จะได้น้ำซอสที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน หอมมีเอกลักษณ์
เมล็ดทานตะวัน
ส่วนวัตถุดิบที่เป็นพระเอกของจานนี้ได้แก่ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดอัลมอนด์ ถั่วพิสตาชีโอ แมคคาเดเมีย และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ นอกจากนั้นยังมีวัตถุดิบอื่นๆ ที่มาช่วยเติมรสชาติและสีสันได้แก่ หมูแดงเจที่ทำจากกลูเตนของแป้งหมี่ เห็ดหอมหั่นเต๋า เก๋ากี้ พุทราจีน และพริกหยวกยักษ์สีเขียว เหลือง แดง หั่นเป็นเต๋าเช่นกัน
เมล็ดอัลมอนด์
ถั่วพิสตาชีโอ
แมคคาเดเมีย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์
สีสันสวยงามและมีประโยชน์
มาถึงขั้นตอนการผัดจะเริ่มจากการตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยแล้วรอให้ร้อน จากนั้นใส่พริกหยวกทั้ง 3 สีลงไป ตามด้วยเห็ดหอม แล้วจึงใส่ธัญพืชทั้ง 5 ชนิดลงไป สุดท้ายจึงใส่หมูแดงเจและพุทราจีน
 

ขั้นตอนต่อมาจึงใส่น้ำซอสผัดที่ได้ปรุงไว้ตอนแรก แล้วจึงผัดให้เข้ากัน และใส่ใบมะกรูดซอยลงไปเพิ่มกลิ่นหอมเล็กน้อย สุดท้ายจึงเพิ่มความน่ากินด้วยการจัดเสิร์ฟในกระทงที่ทำจากแป้งปอเปี๊ยะทอดกรอบและหมี่ขาวกรอบ เป็นอันเสร็จพร้อมกิน
กระทงแป้งปอเปี๊ยะกรอบ
ถ้าอยากไปลองชิมสูตรต้นตำรับจากฝีมือเชฟกระทะเหล็ก สามารถไปที่ภัตตาคารอาหารจีนเชฟป้อม ถนนพระราม 3 แต่ทั้งสองเมนูนี้สามารถทำเองได้ง่าย แถมส่วนผสมยังหาซื้อได้ง่ายตามแหล่งขายวัตถุดิบอาหารจีน หรือจากร้านค้าในเครือเฮอริเทจอีกด้วย ซึ่งเป็นเมนูเจเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์เยอะ สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ชีวิตพอเพียงตามแบบในหลวง ร,๙ อย่างแท้จริง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น