โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน

“รัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร” (Light of the Kingdom)
...วันพุธที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2530
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเปิดเขื่อนเชี่ยวหลาน และได้พระราชนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” ซึ่งมีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
รู้จักเขื่อนรัชชประภา

“เขื่อนรัชชประภา” หรือชื่อเดิมคือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2525 แล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. 2530
เมื่อสร้างแล้วเสร็จ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชทานนาม ให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” (เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2530)
เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความสูง 94 ม. มีความยาวสันเขื่อน 761 ม. และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตร.กม. สร้างขึ้นเพื่อนปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก

กว่า 30 ปีที่ผ่านมา เขื่อนรัชชประภาได้ยืนหยัดทำหน้าที่เป็นเขื่อนสารพัดประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า เป็นแหล่งกักเก็บน้ำในฤดูฝนเพื่อการเพาะปลูก ช่วยบรรเทาอุทกภัย ลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่าง และช่วยแก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม อีกทั้งอ่างเก็บน้ำของเขื่อนฯ ก็ยังเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งตัวเขื่อนอยู่ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
นอกจากนี้ด้วยสภาพพื้นที่ วิวทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบ ภูเขาหินปูน และผืนป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ ผนวกกับองค์ประกอบความงามอื่นๆจากธรรมชาติ ส่งผลให้เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมืองไทย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวรุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศความงามอยู่ไม่ได้ขาด

ทะเลสาบเชี่ยวหลาน
สำหรับจุดเด่นที่ถือเป็นมนต์เสน่ห์สำคัญของเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานก็คือ ภาพบรรยากาศอันงดงามของทะเลสาบกว้างใหญ่ น้ำใส เขาสวย รุ่มรวยทะเลหมอก จนหลายๆคนให้ฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” เพราะมีหลายๆมุมที่มีบรรยากาศวิวทิวทัศน์คล้าย “เมืองกุ้ยหลิน” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองจีน

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวเขื่อนหลานได้รณรงค์ให้เรียกชื่อสถานที่แห่งนี้ตามชื่อของพื้นที่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” หรือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ “ทะเลสาบเชี่ยวหลาน” เพราะที่นี่มีความสวยงามจากธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง ซึ่งในช่วง 4-5 ปีหลังมานี่เขื่อนรัชชประภา ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของบ้านเรา โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ภาพสวยๆงามๆของวิวทิวทัศน์ทะเลสาบเชี่ยวหลานกันเป็นจำนวนมาก

นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา สามารถเลือกเที่ยวได้แบบวันเดย์ทริป ไปเช้า-เย็นกลับ เพื่อล่องเรือชมความงาม หรือมาปักหลักพักค้าง 1 คืน 2 คืน หรือมากกว่านั้น ในที่พักเรือนแพแห่งทะเลสาบเชี่ยวหลาน ซึ่งมีทั้งที่พักของทางอุทยานแห่งชาติเขาสกและที่พักของเอกชน
โดยที่พักน่าสนใจของทางอุทยานฯนั้นก็นำโดย “แพนางไพร” แพเก่าแก่คลาสสิกราคาย่อมเยา และ “แพคลองคะ” ที่ปัจจุบันมีการปรับปรุงอย่างดี เทียบเท่าได้กับแพเอกชน(หรือดีกว่าแพเอกชนบางเจ้าด้วยซ้ำ) ที่สำคัญคือแพคลองคะ มีบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก แค่โผล่หน้ามาจากที่พักก็เห็นวิวอันสุดแจ่ม เป็นมนต์สะกดตรึงให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนประทับใจ(ในวิวทิวทัศน์)ไปตามๆกัน

ขณะที่ในส่วนของแพเอกชนนั้น ก็นำโดย “แพ 500 ไร่” แพระดับไฮเอนด์ ที่แม้จะมีราคาสูงกว่าหลายๆแพ แต่ความที่ตั้งอยู่ในบรรยากาศที่สงบเป็นส่วนตัว ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติ และมีบริการที่ดี (แถมมีสระว่ายน้ำให้บริการอีกต่างหาก) ทำให้แพ 500 ไร่ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ชนิดมีคนจองกันเต็มยาวเหยียดแบบข้ามปีเลยทีเดียว
ล่องเรือเที่ยวเขื่อน

สำหรับผู้ที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน นั้นก็มีกิจกรรมอันหลากหลายชวนให้เพลิดเพลิน นำโดยการล่องเรือชมความงามของวิวทิวทัศน์ น้ำใส เขาสวย ซึ่งสามารถเที่ยวได้ทั้งผู้ที่มาเที่ยวแบบวันเดย์ทริป หรือผู้ที่มาพักค้างในทะเลสาบเชี่ยวหลาน
กิจกรรมล่องเรือเที่ยวทะเลสาบเชี่ยวหลาน มีไฮไลท์อยู่ในช่วงบริเวณที่เรียกว่า“กุ้ยหลินเมืองไทย” ซึ่งมากไปด้วยยอดเขาหินปูนใหญ่-น้อย ในรูปทรงต่างๆอันหลากหลาย ตั้งโดดเด่นอยู่เหนือผืนน้ำให้เรายลโฉมกัน

บริเวณนี้มีภูเขาหินปูนที่เป็นดาวเด่นสำคัญของเขื่อนนั่นก็คือ “เขาสามเกลอ” ยอดเขาเล็กๆ 3 ยอดที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอวดโฉมในความแปลกตา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเขื่อนรัชชประภาแห่งนี้ ซึ่งว่ากันว่า ใครที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา ถ้าไม่ได้มาชมเขาสามเกลอ ก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงโดยสมบูรณ์
ขณะที่ใกล้ๆกับเขาสามเกลอนั้นเป็นที่ตั้งของ “เขาอินเดียนแดง” ที่ตั้งชื่อตามลักษณะรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายอินเดียนแดงเพียงแต่ต้องใส่จินตนาการเข้าไปด้วย ส่วนอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ “หน้าผาหญิงสาว” กับหน้าผาใหญ่ที่มีร่องรอยตามธรรมชาติปรากฏเป็นรูปคล้ายหญิงสาว 2 คนบนหน้าผา ซึ่งก็ต้องใช้จินตนาการในการชมเช่นกัน

นอกจากการล่องเรือชมกุ้ยหลินเมืองไทยแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์สำหรับผู้ที่มาพักค้างในเขื่อนรัชชประภา(เป็นบริการเสริมฟรี ของบรรดาที่พักต่างๆ)นั่นก็คือ การล่องเรือชมทัศนียภาพของทะเลสาบเชี่ยวหลานยามเช้า ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์อันโดดเด่นของที่นี่
ในยามเช้าตรู่ ประมาณ 7 โมงเช้า เมื่อเรือล่องออกจากแพที่พัก เรามีโอกาสสูงที่จะได้สัมผัสกับภาพความงามของสายหมอกม่านหมอกอันสวยงาม ที่ค่อยๆลอยอ้อยอิ่งอวดโฉมไต่ไล่เลี่ยคลอเคลียไปกับภูเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านเงื้อม
นับเป็นภาพแห่งความประทับใจอันยากจะลืมเลือน

ส่วนวันไหนถ้าใครโชคดี(มีโอกาสสูงถึงกว่า 70%) ก็จะได้พบกับ“นกเงือก”(นกแก๊ก) บินมาปรากฏอวดโฉม ที่มีทั้งบินเดี่ยว บินคู่ หรือบินมาเป็นฝูง ซึ่งผมเคยโชคดีพบเจอนกเงือกบินมากินลูกใหม่ที่กำลังออกผลสุกจำนวนหลายสิบตัว ชนิดที่เราพากันลอยเรือดูอยู่ห่างๆอย่างเพลิดเพลิน
เรียกว่านกเงือกฝูงใหญ่นี้ได้ขโมยซีนของวิวสายหมอกยามเช้า ขึ้นนำกลายเป็นพระเอกของเช้าวันนั้นไปเลยทีเดียว
กิจกรรมอื่นๆ

นอกจากการล่องเรือชมทัศนียภาพของเขื่อนรัชชประภาแล้ว สำหรับผู้มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภาก็ยังมีกิจกรรมเด่นๆ อื่นให้ทำอีก ได้แก่
-ชมวิวสันเขื่อน ที่จะมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของแนวถนนสันเขื่อน ท้องทะเลสาบ จุดถ่ายรูปป้ายเขื่อน และนิทรรศการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เสด็จทรงเปิดเขื่อนรัชชประภา เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2530

-เที่ยวน้ำตกแปดเซียน เป็นน้ำตกหินปูนในพื้นที่ทะเลสาบ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผืนป่าอันร่มรื่นเขียวครึ้ม ช่วงที่มีสายน้ำเหมาะสม(ในราวเดือน ก.ย.-ต.ค.) น้ำตกแปดเซียนน่าเล่นมาก เพราะเดินปีนป่ายไม่ยาก และมีหลายมุมสวยๆให้ถ่ายรูป และแอ่งให้แช่น้ำในอารมณ์สปาธรรมฃาติอยู่ 3-4 จุด ด้วยกัน

-เที่ยวถ้ำ ในทะเลสาบเชี่ยวหลานมีถ้ำน่าสนใจ ได้แก่ “ถ้ำน้ำทะลุ” ที่ต้องลุยน้ำไป ภายในสวยงามมาก(แต่ต้องเข้าในฤดูน้ำลด) “ถ้ำประกายเพชร”และ“ถ้ำปะการัง”ที่งดงามไปด้วยหินงอกหินย้อย โดยเฉพาะถ้ำปะการังนั้น ถือเป็นถ้ำยอดนิยมที่ภายในมีหินงอกหินย้อนลักษณะคล้ายปะการังในทะเลให้ชมกันหลายจุดด้วยกัน
-ล่องเรือเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ซึ่งเป็นต้นน้ำของเขื่อนรัชชประภา เพื่อไปชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก อาทิ กระทิง ช้าง หมูป่า ค่างแว่นถิ่นใต้ ทำให้เห็นว่าผืนป่าแห่งนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี

-ชมวิวที่จุดชมวิวไกรสร เป็นเส้นทางเดินป่าขึ้นเขาประมาณเกือบ 2 กม. ซึ่งเดินลำบากเอาเรื่องโดยเฉพาะช่วงที่ต้องปีนหินปูนก้อนแหลมๆ แต่เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวก็ถือว่าคุ้มค่าหายเหนื่อย เพราะจะได้เห็นวิวมุมสูง มุมกว้างของธรรมชาติผืนป่า ขุนเขา และสายน้ำในทะเลสาบเชี่ยวหลาน อันน่าเพลิดเพลินเจริญใจ

-พายเรือคายัก เล่นน้ำ และดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสวยงามของทะเลสาบเชี่ยวหลานที่แพที่พักของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณเน็ต ถือเป็นการตัดขาดจากสังคมก้มหน้าชั่วคราว ให้เราได้มาพักผ่อน เพลิดเพลิน และมีสมาธิอยู่กับตัวของตัวเอง จนกว่าจะเดินทางกลับไป

และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของ “เขื่อนรัชชประภา” ที่หมายถึง “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร” ซึ่งวันนี้เขื่อนรัชชประภาได้ยืนหยัดทำหน้าที่เขื่อนอเนกประสงค์ อยู่คู่กับเมืองไทยมาครบ 30 ปี แล้ว
นับเป็นเขื่อนนามพระราชทานที่งดงามตราตึงใจ อันเป็นอังแดนสวรรค์ที่ใฝ่ฝันถวิลหาของนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่มิเสื่อมคลาย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร การเดินทางในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เชื่อมโยงกับเขื่อนรัชชประภา ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร. 0-7728-8817-9
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“รัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร” (Light of the Kingdom)
...วันพุธที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2530
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเปิดเขื่อนเชี่ยวหลาน และได้พระราชนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” ซึ่งมีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
รู้จักเขื่อนรัชชประภา
“เขื่อนรัชชประภา” หรือชื่อเดิมคือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2525 แล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. 2530
เมื่อสร้างแล้วเสร็จ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชทานนาม ให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” (เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2530)
เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความสูง 94 ม. มีความยาวสันเขื่อน 761 ม. และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตร.กม. สร้างขึ้นเพื่อนปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก
กว่า 30 ปีที่ผ่านมา เขื่อนรัชชประภาได้ยืนหยัดทำหน้าที่เป็นเขื่อนสารพัดประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า เป็นแหล่งกักเก็บน้ำในฤดูฝนเพื่อการเพาะปลูก ช่วยบรรเทาอุทกภัย ลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่าง และช่วยแก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม อีกทั้งอ่างเก็บน้ำของเขื่อนฯ ก็ยังเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งตัวเขื่อนอยู่ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
นอกจากนี้ด้วยสภาพพื้นที่ วิวทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบ ภูเขาหินปูน และผืนป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ ผนวกกับองค์ประกอบความงามอื่นๆจากธรรมชาติ ส่งผลให้เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมืองไทย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวรุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศความงามอยู่ไม่ได้ขาด
ทะเลสาบเชี่ยวหลาน
สำหรับจุดเด่นที่ถือเป็นมนต์เสน่ห์สำคัญของเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานก็คือ ภาพบรรยากาศอันงดงามของทะเลสาบกว้างใหญ่ น้ำใส เขาสวย รุ่มรวยทะเลหมอก จนหลายๆคนให้ฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” เพราะมีหลายๆมุมที่มีบรรยากาศวิวทิวทัศน์คล้าย “เมืองกุ้ยหลิน” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองจีน
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวเขื่อนหลานได้รณรงค์ให้เรียกชื่อสถานที่แห่งนี้ตามชื่อของพื้นที่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” หรือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ “ทะเลสาบเชี่ยวหลาน” เพราะที่นี่มีความสวยงามจากธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง ซึ่งในช่วง 4-5 ปีหลังมานี่เขื่อนรัชชประภา ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของบ้านเรา โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ภาพสวยๆงามๆของวิวทิวทัศน์ทะเลสาบเชี่ยวหลานกันเป็นจำนวนมาก
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา สามารถเลือกเที่ยวได้แบบวันเดย์ทริป ไปเช้า-เย็นกลับ เพื่อล่องเรือชมความงาม หรือมาปักหลักพักค้าง 1 คืน 2 คืน หรือมากกว่านั้น ในที่พักเรือนแพแห่งทะเลสาบเชี่ยวหลาน ซึ่งมีทั้งที่พักของทางอุทยานแห่งชาติเขาสกและที่พักของเอกชน
โดยที่พักน่าสนใจของทางอุทยานฯนั้นก็นำโดย “แพนางไพร” แพเก่าแก่คลาสสิกราคาย่อมเยา และ “แพคลองคะ” ที่ปัจจุบันมีการปรับปรุงอย่างดี เทียบเท่าได้กับแพเอกชน(หรือดีกว่าแพเอกชนบางเจ้าด้วยซ้ำ) ที่สำคัญคือแพคลองคะ มีบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก แค่โผล่หน้ามาจากที่พักก็เห็นวิวอันสุดแจ่ม เป็นมนต์สะกดตรึงให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนประทับใจ(ในวิวทิวทัศน์)ไปตามๆกัน
ขณะที่ในส่วนของแพเอกชนนั้น ก็นำโดย “แพ 500 ไร่” แพระดับไฮเอนด์ ที่แม้จะมีราคาสูงกว่าหลายๆแพ แต่ความที่ตั้งอยู่ในบรรยากาศที่สงบเป็นส่วนตัว ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติ และมีบริการที่ดี (แถมมีสระว่ายน้ำให้บริการอีกต่างหาก) ทำให้แพ 500 ไร่ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ชนิดมีคนจองกันเต็มยาวเหยียดแบบข้ามปีเลยทีเดียว
ล่องเรือเที่ยวเขื่อน
สำหรับผู้ที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน นั้นก็มีกิจกรรมอันหลากหลายชวนให้เพลิดเพลิน นำโดยการล่องเรือชมความงามของวิวทิวทัศน์ น้ำใส เขาสวย ซึ่งสามารถเที่ยวได้ทั้งผู้ที่มาเที่ยวแบบวันเดย์ทริป หรือผู้ที่มาพักค้างในทะเลสาบเชี่ยวหลาน
กิจกรรมล่องเรือเที่ยวทะเลสาบเชี่ยวหลาน มีไฮไลท์อยู่ในช่วงบริเวณที่เรียกว่า“กุ้ยหลินเมืองไทย” ซึ่งมากไปด้วยยอดเขาหินปูนใหญ่-น้อย ในรูปทรงต่างๆอันหลากหลาย ตั้งโดดเด่นอยู่เหนือผืนน้ำให้เรายลโฉมกัน
บริเวณนี้มีภูเขาหินปูนที่เป็นดาวเด่นสำคัญของเขื่อนนั่นก็คือ “เขาสามเกลอ” ยอดเขาเล็กๆ 3 ยอดที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอวดโฉมในความแปลกตา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเขื่อนรัชชประภาแห่งนี้ ซึ่งว่ากันว่า ใครที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา ถ้าไม่ได้มาชมเขาสามเกลอ ก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงโดยสมบูรณ์
ขณะที่ใกล้ๆกับเขาสามเกลอนั้นเป็นที่ตั้งของ “เขาอินเดียนแดง” ที่ตั้งชื่อตามลักษณะรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายอินเดียนแดงเพียงแต่ต้องใส่จินตนาการเข้าไปด้วย ส่วนอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ “หน้าผาหญิงสาว” กับหน้าผาใหญ่ที่มีร่องรอยตามธรรมชาติปรากฏเป็นรูปคล้ายหญิงสาว 2 คนบนหน้าผา ซึ่งก็ต้องใช้จินตนาการในการชมเช่นกัน
นอกจากการล่องเรือชมกุ้ยหลินเมืองไทยแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์สำหรับผู้ที่มาพักค้างในเขื่อนรัชชประภา(เป็นบริการเสริมฟรี ของบรรดาที่พักต่างๆ)นั่นก็คือ การล่องเรือชมทัศนียภาพของทะเลสาบเชี่ยวหลานยามเช้า ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์อันโดดเด่นของที่นี่
ในยามเช้าตรู่ ประมาณ 7 โมงเช้า เมื่อเรือล่องออกจากแพที่พัก เรามีโอกาสสูงที่จะได้สัมผัสกับภาพความงามของสายหมอกม่านหมอกอันสวยงาม ที่ค่อยๆลอยอ้อยอิ่งอวดโฉมไต่ไล่เลี่ยคลอเคลียไปกับภูเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านเงื้อม
นับเป็นภาพแห่งความประทับใจอันยากจะลืมเลือน
ส่วนวันไหนถ้าใครโชคดี(มีโอกาสสูงถึงกว่า 70%) ก็จะได้พบกับ“นกเงือก”(นกแก๊ก) บินมาปรากฏอวดโฉม ที่มีทั้งบินเดี่ยว บินคู่ หรือบินมาเป็นฝูง ซึ่งผมเคยโชคดีพบเจอนกเงือกบินมากินลูกใหม่ที่กำลังออกผลสุกจำนวนหลายสิบตัว ชนิดที่เราพากันลอยเรือดูอยู่ห่างๆอย่างเพลิดเพลิน
เรียกว่านกเงือกฝูงใหญ่นี้ได้ขโมยซีนของวิวสายหมอกยามเช้า ขึ้นนำกลายเป็นพระเอกของเช้าวันนั้นไปเลยทีเดียว
กิจกรรมอื่นๆ
นอกจากการล่องเรือชมทัศนียภาพของเขื่อนรัชชประภาแล้ว สำหรับผู้มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภาก็ยังมีกิจกรรมเด่นๆ อื่นให้ทำอีก ได้แก่
-ชมวิวสันเขื่อน ที่จะมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของแนวถนนสันเขื่อน ท้องทะเลสาบ จุดถ่ายรูปป้ายเขื่อน และนิทรรศการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เสด็จทรงเปิดเขื่อนรัชชประภา เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2530
-เที่ยวน้ำตกแปดเซียน เป็นน้ำตกหินปูนในพื้นที่ทะเลสาบ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผืนป่าอันร่มรื่นเขียวครึ้ม ช่วงที่มีสายน้ำเหมาะสม(ในราวเดือน ก.ย.-ต.ค.) น้ำตกแปดเซียนน่าเล่นมาก เพราะเดินปีนป่ายไม่ยาก และมีหลายมุมสวยๆให้ถ่ายรูป และแอ่งให้แช่น้ำในอารมณ์สปาธรรมฃาติอยู่ 3-4 จุด ด้วยกัน
-เที่ยวถ้ำ ในทะเลสาบเชี่ยวหลานมีถ้ำน่าสนใจ ได้แก่ “ถ้ำน้ำทะลุ” ที่ต้องลุยน้ำไป ภายในสวยงามมาก(แต่ต้องเข้าในฤดูน้ำลด) “ถ้ำประกายเพชร”และ“ถ้ำปะการัง”ที่งดงามไปด้วยหินงอกหินย้อย โดยเฉพาะถ้ำปะการังนั้น ถือเป็นถ้ำยอดนิยมที่ภายในมีหินงอกหินย้อนลักษณะคล้ายปะการังในทะเลให้ชมกันหลายจุดด้วยกัน
-ล่องเรือเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ซึ่งเป็นต้นน้ำของเขื่อนรัชชประภา เพื่อไปชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก อาทิ กระทิง ช้าง หมูป่า ค่างแว่นถิ่นใต้ ทำให้เห็นว่าผืนป่าแห่งนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี
-ชมวิวที่จุดชมวิวไกรสร เป็นเส้นทางเดินป่าขึ้นเขาประมาณเกือบ 2 กม. ซึ่งเดินลำบากเอาเรื่องโดยเฉพาะช่วงที่ต้องปีนหินปูนก้อนแหลมๆ แต่เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวก็ถือว่าคุ้มค่าหายเหนื่อย เพราะจะได้เห็นวิวมุมสูง มุมกว้างของธรรมชาติผืนป่า ขุนเขา และสายน้ำในทะเลสาบเชี่ยวหลาน อันน่าเพลิดเพลินเจริญใจ
-พายเรือคายัก เล่นน้ำ และดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสวยงามของทะเลสาบเชี่ยวหลานที่แพที่พักของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณเน็ต ถือเป็นการตัดขาดจากสังคมก้มหน้าชั่วคราว ให้เราได้มาพักผ่อน เพลิดเพลิน และมีสมาธิอยู่กับตัวของตัวเอง จนกว่าจะเดินทางกลับไป
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของ “เขื่อนรัชชประภา” ที่หมายถึง “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร” ซึ่งวันนี้เขื่อนรัชชประภาได้ยืนหยัดทำหน้าที่เขื่อนอเนกประสงค์ อยู่คู่กับเมืองไทยมาครบ 30 ปี แล้ว
นับเป็นเขื่อนนามพระราชทานที่งดงามตราตึงใจ อันเป็นอังแดนสวรรค์ที่ใฝ่ฝันถวิลหาของนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่มิเสื่อมคลาย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร การเดินทางในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เชื่อมโยงกับเขื่อนรัชชประภา ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร. 0-7728-8817-9
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com