Facebook :Travel @ Manager

ภาคเหนือมีความเชื่อในเรื่องการไหว้พระธาตุประจำปีเกิด ส่วนภาคอีสานก็มีความเชื่อในเรื่องการไหว้พระธาตุประจำวันเกิด
ภาคใต้เองแม้ไม่มีความเชื่อทำนองนี้ แต่ที่นี่นับเป็นดินแดนที่รุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ที่เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวปักษ์ใต้ อาทิ พระธาตุในกลุ่ม 4 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ “พระธาตุสวี” จ.ชุมพร “พระธาตุไชยา” จ.สุราษฎร์ธานี “พระธาตุเมืองนคร” จ.นครศรีธรรมราช และ “พระธาตุบางแก้ว” จ.พัทลุง
พระธาตุเจดีย์ทั้ง 4 องค์เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์สำคัญในภาคใต้ อีกทั้งยังเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของ 4 จังหวัดดังกล่าว ทางสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดในกลุ่ม 4 จังหวัดดังกล่าวจึงจัดแคมเปญ “จตุธรรมธาตุ -ท่องเที่ยวธรรมะ กราบ 4 พระธาตุแดนใต้ กุศลยิ่งใหญ่ในชีวิต” เพื่อชักชวนให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน 4 จังหวัดนี้ได้ทั้งเที่ยวและกราบพระธาตุเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ยิ่งมากราบให้ครบ 4 พระธาตุในครั้งเดียวได้ก็ยิ่งดี

เหมือนในวันนี้ที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้มากราบ 1 ใน 4 ของ “จตุรธรรมธาตุแดนใต้” นั่นก็คือ “พระบรมธาตุเมืองนคร” หรือพระมหาธาตุเมืองนคร ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่ใครมาเยือนเมืองคอนก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องมากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง รวมถึงมาเยี่ยมชมสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ภายในวัด
พระบรมธาตุเมืองนครถูกเรียกขานว่าเป็น “พระธาตุทองคำ” เนื่องจากปลียอดหุ้มด้วยทองคำเหลืองอร่าม ขณะที่ยามแสงแดดตกต้ององค์พระธาตุ เหลื่อมเงากลับทาบทอดไม่ถึงพื้น จนดูเหมือนพระธาตุไม่มีเงา จึงทำให้ได้รับการเรียกขานว่าเป็น “พระธาตุไร้เงา” อีกฉายาหนึ่ง
นอกจากองค์พระบรมธาตุเมืองนครแล้ว ภายในวัดพระมหาธาตุฯ ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “พระวิหารหลวง” ที่ภายในประดิษฐานพระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช “วิหารเกษตร” ที่เรียงรายไปด้วยองค์พระพุทธรูปหลายอิริยาบถ “วิหารม้า” ที่โดดเด่นไปด้วยภาพพระม้าขนาดใหญ่ รวมถึงมีท้าวขัตตุคาม-รามเทพ ที่เชื่อว่าคือท้าวจตุคามรามเทพอันลือลั่น รวมถึง “วิหารพระแอด” หรือ “พระกัจจายนะ” ที่เชื่อกันว่าผู้ที่มากราบไหว้ขอพรท่าน ผู้หญิงที่อยากมีลูกจะได้ลูกสมหวัง อีกทั้งพระแอดยังช่วยในเรื่องสุขภาพ ช่วยให้หายจากความเจ็บไข้ได้ป่วยได้อีกด้วย
และหากใครมาเยือนวัดพระธาตุในช่วงวันเสาร์ตอนเย็นๆ ก็อย่าลืมแวะเยี่ยมชม “หลาดหน้าธาตุ” หรือตลาดหน้าพระธาตุ ที่พ่อค้าแม่ค้าจะนำสินค้าต่างๆ มาวางขายกันบริเวณถนนหน้าวัดพระมหาธาตุฯ ในรูปแบบของถนนคนเดิน

แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ได้มากราบพระธาตุเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ใน จ.นครศรีธรรมราชอีกหลายๆ แห่งด้วย โดยเราได้ไปช้อปชิมและชมของดีเมืองนครกันแบบครบถ้วนที่ “หมู่บ้านภูมิปัญญา” ที่ตั้งอยู่ใน ต.ท่าเรือ ที่นี่มีทั้งการสาธิตภูมิปัญญาเด่นด้านหัตถกรรมของเมืองคอนฯ ทั้งเครื่องถม งานสานย่านลิเภา สานกระจูด การทอผ้า ย้อมผ้า เพนท์ผ้า เป็นต้น และสำหรับคนชอบชิม ที่นี่มีการสาธิตภูมิปัญญาเด่นด้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการสาธิตการทำขนมงานเดือนสิบ สาธิตการทำน้ำส้มจาก สาธิตการเหยียบขนมจีน ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็สามารถขอลองชิมได้

นอกจากนั้นในตลาดยังมีเวทีการแสดง ที่ให้คณะและเยาวชนได้มาแสดงการละเล่นพื้นถิ่นอย่างหนังตะลุง โนราห์ ฯลฯ และที่สำคัญ อาหารการกินที่นี่มีเพียบ โดยแบ่งเป็น “หลา” หรือซุ้มหรือศาลาขายอาหารชนิดต่างๆ ไว้โดยรอบบึงน้ำ เลือกชิมกันไม่ถูกเลยทีเดียว ตลาดแห่งนี้จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ ขอบอกว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เมื่อได้มาเยือนเมืองคอน ก็ขอแนะนำให้ไปเที่ยวในอำเภอใกล้เคียงอย่าง “ปากพนัง” เพราะนอกจากระยะทางจะไม่ไกลเดินทางไปใช้เวลาไม่นานแล้ว ปากพนังยังมีอะไรให้เที่ยวอีกเพียบ ไปรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 กันที่ “โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” อันเป็นหนึ่งโครงการในพระราชดำริที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพในด้านการจัดการน้ำ ซึ่งมี “ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เขื่อนปากพนัง” เป็นส่วนสำคัญของโครงการ ที่ช่วยป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มไม่ให้เข้าไปทำลายพื้นที่เกษตร อีกทั้งยังมีแหล่งเก็บกักน้ำจืดไว้เพื่อการอุปโภคบริโภคและการเพาะปลูก ทั้งยังช่วยบรรเทาเรื่องน้ำท่วมได้อีกด้วย

หากอยากทราบเรื่องราวของเขื่อนปากพนังอย่างละเอียด สามารถเข้าไปชมได้ที่ “พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ” ที่อยู่ในสถานที่ดำเนินโครงการพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง โดยมีนิทรรศการจัดไว้ให้ชมอย่างน่าสนใจ

“ตลาด 100 ปี เมืองปากพนัง” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่แนะนำว่าไม่ควรพลาด ที่นี่เป็นตลาดเล็กๆ แต่น่ารัก ตัวตลาดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปากพนังทางทิศตะวันออก ทางเข้าตลาดจะอยู่บริเวณถนนชายน้ำ บริเวณตรอกทางเข้าก็มีตั้งแต่ร้านขายของชำ ร้านขายยา ร้านขายสินค้าของฝาก ส่วนบริเวณริมแม่น้ำจะเป็นตลาดสดมีของขายเรียงราย ทั้งกุ้งหอยปูปลานานาชนิดราคามิตรภาพ ผักสดผลไม้พื้นบ้านก็มีเยอะ ของแห้งแบบที่ซื้อไปเป็นของฝากได้ก็มีมาก รวมทั้งยังมี “ขนมลา” ของฝากน่าซื้อของเมืองปากพนังวางขายอยู่เพียบบบ

ไม่ไกลจากตลาดร้อยปี เป็นที่ตั้งของ “วัดนันทาราม” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อผุด” พระคู่เมืองปากพนัง หลวงพ่อผุดเป็นพระพุทธรูปหินทรายแดง ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยา เหตุที่ได้ชื่อว่าหลวงพ่อผุดเนื่องจากเมื่อปี 2404 ได้มีฟ้าผ่าลงที่ต้นทองหลางภายในวัด ทำให้ได้พบพระพุทธรูปองค์นี้ผุดขึ้นจากดินบริเวณใต้ต้นทองหลางนั้น จึงเรียกว่าพระผุดต่อมานับปัจจุบัน

และมากราบ “พ่อท่านเจิม” เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งปากพนังผู้ล่วงลับที่ “วัดหอยราก” หรือ “วัดศรีสมบูรณ์” ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปากพนัง พ่อท่านเจิม อชิโต เป็นพระเกจิที่มีความเชี่ยวชาญในสรรพเวทวิทยาคม เมื่อยังมีชีวิตท่านได้สร้าง “พระผงพรายสมุทรอชิโต” อันเป็นของขลังที่เซียนพระต่างเชื่อในความขลัง และเป็นของสะสมของผู้นิยมพระเครื่องไม่น้อย

มาปิดท้ายกันที่แหล่งท่องเที่ยวชิลๆ ท่ามกลางธรรมชาติอย่างการ “ล่องแพบ้านวังหอน” ที่บ้านวังหอน อำเภอชะอวด เป็นการล่องแพไม้ไผ่ไปตามคลองวังหอน ซึ่งเป็นคลองเล็กๆ มีน้ำสีเขียวใสที่เกิดมาจากป่าต้นน้ำของเทือกเขาบรรทัดและจะไหลลงสู่แม่น้ำปากพนัง
ชาวบ้านวังหอนได้ร่วมกันต่อแพไม้ไผ่สำหรับนักท่องเที่ยวได้มาล่องแพชมธรรมชาติสองข้างทางอันร่มรื่น ซึ่งระยะทางของการล่องแพนั้นก็ไม่ไกลมาก (ไม่เกิน 1 ก.ม.) แต่ระหว่างทางเราสามารถกระโดดน้ำเล่นหรือเอาขาแช่น้ำได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งคนถ่อแพจะพาเราไปจอดพักเพื่อใช้เวลาเล่นน้ำให้สนุกกันได้เต็มที่ แต่ทั้งนี้นักท่องเที่ยวทุกคนก็ต้องใส่ชูชีพไว้เพื่อความปลอดภัย เพราะบางช่วงน้ำก็ลึกมาก แต่บริเวณที่จอดแพให้เล่นน้ำนั้นไม่ลึกนัก สามารถเล่นได้อย่างสบายใจ


และไม่ไกลจากบริเวณจุดล่องแพบ้านวังหอน ก็เป็นที่ตั้งของ “วัดวังหอนวิปัสสนา” จึงอยากชวนให้มาสักการะหลวงพ่อแสง ธมมสโร พระเกจิชื่อดังผู้ล่วงลับ ท่านเป็นพระเถระที่มีผู้นับถือเป็นจำนวนมาก เมื่อท่านมรณภาพไปสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อยและได้แห้งแข็งจนคล้ายหิน ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างโลงแก้วเพื่อบรรจุสรีระของท่านไว้ให้ชาวบ้านที่เคารพนับถือได้มากราบสักการะกันจนทุกวันนี้
ผู้ที่สนใจรายละเอียดของโครงการ “จตุธรรมธาตุ -ท่องเที่ยวธรรมะ กราบ 4 พระธาตุแดนใต้ กุศลยิ่งใหญ่ในชีวิต” สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.จตุธรรมธาตุ.com หรือที่ facebook : จตุธรรมธาตุ 4 พระธาตุแดนใต้
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ภาคเหนือมีความเชื่อในเรื่องการไหว้พระธาตุประจำปีเกิด ส่วนภาคอีสานก็มีความเชื่อในเรื่องการไหว้พระธาตุประจำวันเกิด
ภาคใต้เองแม้ไม่มีความเชื่อทำนองนี้ แต่ที่นี่นับเป็นดินแดนที่รุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ที่เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวปักษ์ใต้ อาทิ พระธาตุในกลุ่ม 4 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ “พระธาตุสวี” จ.ชุมพร “พระธาตุไชยา” จ.สุราษฎร์ธานี “พระธาตุเมืองนคร” จ.นครศรีธรรมราช และ “พระธาตุบางแก้ว” จ.พัทลุง
พระธาตุเจดีย์ทั้ง 4 องค์เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์สำคัญในภาคใต้ อีกทั้งยังเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของ 4 จังหวัดดังกล่าว ทางสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดในกลุ่ม 4 จังหวัดดังกล่าวจึงจัดแคมเปญ “จตุธรรมธาตุ -ท่องเที่ยวธรรมะ กราบ 4 พระธาตุแดนใต้ กุศลยิ่งใหญ่ในชีวิต” เพื่อชักชวนให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน 4 จังหวัดนี้ได้ทั้งเที่ยวและกราบพระธาตุเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ยิ่งมากราบให้ครบ 4 พระธาตุในครั้งเดียวได้ก็ยิ่งดี
เหมือนในวันนี้ที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้มากราบ 1 ใน 4 ของ “จตุรธรรมธาตุแดนใต้” นั่นก็คือ “พระบรมธาตุเมืองนคร” หรือพระมหาธาตุเมืองนคร ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่ใครมาเยือนเมืองคอนก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องมากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง รวมถึงมาเยี่ยมชมสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ภายในวัด
พระบรมธาตุเมืองนครถูกเรียกขานว่าเป็น “พระธาตุทองคำ” เนื่องจากปลียอดหุ้มด้วยทองคำเหลืองอร่าม ขณะที่ยามแสงแดดตกต้ององค์พระธาตุ เหลื่อมเงากลับทาบทอดไม่ถึงพื้น จนดูเหมือนพระธาตุไม่มีเงา จึงทำให้ได้รับการเรียกขานว่าเป็น “พระธาตุไร้เงา” อีกฉายาหนึ่ง
นอกจากองค์พระบรมธาตุเมืองนครแล้ว ภายในวัดพระมหาธาตุฯ ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “พระวิหารหลวง” ที่ภายในประดิษฐานพระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช “วิหารเกษตร” ที่เรียงรายไปด้วยองค์พระพุทธรูปหลายอิริยาบถ “วิหารม้า” ที่โดดเด่นไปด้วยภาพพระม้าขนาดใหญ่ รวมถึงมีท้าวขัตตุคาม-รามเทพ ที่เชื่อว่าคือท้าวจตุคามรามเทพอันลือลั่น รวมถึง “วิหารพระแอด” หรือ “พระกัจจายนะ” ที่เชื่อกันว่าผู้ที่มากราบไหว้ขอพรท่าน ผู้หญิงที่อยากมีลูกจะได้ลูกสมหวัง อีกทั้งพระแอดยังช่วยในเรื่องสุขภาพ ช่วยให้หายจากความเจ็บไข้ได้ป่วยได้อีกด้วย
และหากใครมาเยือนวัดพระธาตุในช่วงวันเสาร์ตอนเย็นๆ ก็อย่าลืมแวะเยี่ยมชม “หลาดหน้าธาตุ” หรือตลาดหน้าพระธาตุ ที่พ่อค้าแม่ค้าจะนำสินค้าต่างๆ มาวางขายกันบริเวณถนนหน้าวัดพระมหาธาตุฯ ในรูปแบบของถนนคนเดิน
แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ได้มากราบพระธาตุเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ใน จ.นครศรีธรรมราชอีกหลายๆ แห่งด้วย โดยเราได้ไปช้อปชิมและชมของดีเมืองนครกันแบบครบถ้วนที่ “หมู่บ้านภูมิปัญญา” ที่ตั้งอยู่ใน ต.ท่าเรือ ที่นี่มีทั้งการสาธิตภูมิปัญญาเด่นด้านหัตถกรรมของเมืองคอนฯ ทั้งเครื่องถม งานสานย่านลิเภา สานกระจูด การทอผ้า ย้อมผ้า เพนท์ผ้า เป็นต้น และสำหรับคนชอบชิม ที่นี่มีการสาธิตภูมิปัญญาเด่นด้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการสาธิตการทำขนมงานเดือนสิบ สาธิตการทำน้ำส้มจาก สาธิตการเหยียบขนมจีน ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็สามารถขอลองชิมได้
นอกจากนั้นในตลาดยังมีเวทีการแสดง ที่ให้คณะและเยาวชนได้มาแสดงการละเล่นพื้นถิ่นอย่างหนังตะลุง โนราห์ ฯลฯ และที่สำคัญ อาหารการกินที่นี่มีเพียบ โดยแบ่งเป็น “หลา” หรือซุ้มหรือศาลาขายอาหารชนิดต่างๆ ไว้โดยรอบบึงน้ำ เลือกชิมกันไม่ถูกเลยทีเดียว ตลาดแห่งนี้จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ ขอบอกว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
เมื่อได้มาเยือนเมืองคอน ก็ขอแนะนำให้ไปเที่ยวในอำเภอใกล้เคียงอย่าง “ปากพนัง” เพราะนอกจากระยะทางจะไม่ไกลเดินทางไปใช้เวลาไม่นานแล้ว ปากพนังยังมีอะไรให้เที่ยวอีกเพียบ ไปรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 กันที่ “โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” อันเป็นหนึ่งโครงการในพระราชดำริที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพในด้านการจัดการน้ำ ซึ่งมี “ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เขื่อนปากพนัง” เป็นส่วนสำคัญของโครงการ ที่ช่วยป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มไม่ให้เข้าไปทำลายพื้นที่เกษตร อีกทั้งยังมีแหล่งเก็บกักน้ำจืดไว้เพื่อการอุปโภคบริโภคและการเพาะปลูก ทั้งยังช่วยบรรเทาเรื่องน้ำท่วมได้อีกด้วย
หากอยากทราบเรื่องราวของเขื่อนปากพนังอย่างละเอียด สามารถเข้าไปชมได้ที่ “พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ” ที่อยู่ในสถานที่ดำเนินโครงการพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง โดยมีนิทรรศการจัดไว้ให้ชมอย่างน่าสนใจ
“ตลาด 100 ปี เมืองปากพนัง” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่แนะนำว่าไม่ควรพลาด ที่นี่เป็นตลาดเล็กๆ แต่น่ารัก ตัวตลาดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปากพนังทางทิศตะวันออก ทางเข้าตลาดจะอยู่บริเวณถนนชายน้ำ บริเวณตรอกทางเข้าก็มีตั้งแต่ร้านขายของชำ ร้านขายยา ร้านขายสินค้าของฝาก ส่วนบริเวณริมแม่น้ำจะเป็นตลาดสดมีของขายเรียงราย ทั้งกุ้งหอยปูปลานานาชนิดราคามิตรภาพ ผักสดผลไม้พื้นบ้านก็มีเยอะ ของแห้งแบบที่ซื้อไปเป็นของฝากได้ก็มีมาก รวมทั้งยังมี “ขนมลา” ของฝากน่าซื้อของเมืองปากพนังวางขายอยู่เพียบบบ
ไม่ไกลจากตลาดร้อยปี เป็นที่ตั้งของ “วัดนันทาราม” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อผุด” พระคู่เมืองปากพนัง หลวงพ่อผุดเป็นพระพุทธรูปหินทรายแดง ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยา เหตุที่ได้ชื่อว่าหลวงพ่อผุดเนื่องจากเมื่อปี 2404 ได้มีฟ้าผ่าลงที่ต้นทองหลางภายในวัด ทำให้ได้พบพระพุทธรูปองค์นี้ผุดขึ้นจากดินบริเวณใต้ต้นทองหลางนั้น จึงเรียกว่าพระผุดต่อมานับปัจจุบัน
และมากราบ “พ่อท่านเจิม” เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งปากพนังผู้ล่วงลับที่ “วัดหอยราก” หรือ “วัดศรีสมบูรณ์” ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปากพนัง พ่อท่านเจิม อชิโต เป็นพระเกจิที่มีความเชี่ยวชาญในสรรพเวทวิทยาคม เมื่อยังมีชีวิตท่านได้สร้าง “พระผงพรายสมุทรอชิโต” อันเป็นของขลังที่เซียนพระต่างเชื่อในความขลัง และเป็นของสะสมของผู้นิยมพระเครื่องไม่น้อย
มาปิดท้ายกันที่แหล่งท่องเที่ยวชิลๆ ท่ามกลางธรรมชาติอย่างการ “ล่องแพบ้านวังหอน” ที่บ้านวังหอน อำเภอชะอวด เป็นการล่องแพไม้ไผ่ไปตามคลองวังหอน ซึ่งเป็นคลองเล็กๆ มีน้ำสีเขียวใสที่เกิดมาจากป่าต้นน้ำของเทือกเขาบรรทัดและจะไหลลงสู่แม่น้ำปากพนัง
ชาวบ้านวังหอนได้ร่วมกันต่อแพไม้ไผ่สำหรับนักท่องเที่ยวได้มาล่องแพชมธรรมชาติสองข้างทางอันร่มรื่น ซึ่งระยะทางของการล่องแพนั้นก็ไม่ไกลมาก (ไม่เกิน 1 ก.ม.) แต่ระหว่างทางเราสามารถกระโดดน้ำเล่นหรือเอาขาแช่น้ำได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งคนถ่อแพจะพาเราไปจอดพักเพื่อใช้เวลาเล่นน้ำให้สนุกกันได้เต็มที่ แต่ทั้งนี้นักท่องเที่ยวทุกคนก็ต้องใส่ชูชีพไว้เพื่อความปลอดภัย เพราะบางช่วงน้ำก็ลึกมาก แต่บริเวณที่จอดแพให้เล่นน้ำนั้นไม่ลึกนัก สามารถเล่นได้อย่างสบายใจ
และไม่ไกลจากบริเวณจุดล่องแพบ้านวังหอน ก็เป็นที่ตั้งของ “วัดวังหอนวิปัสสนา” จึงอยากชวนให้มาสักการะหลวงพ่อแสง ธมมสโร พระเกจิชื่อดังผู้ล่วงลับ ท่านเป็นพระเถระที่มีผู้นับถือเป็นจำนวนมาก เมื่อท่านมรณภาพไปสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อยและได้แห้งแข็งจนคล้ายหิน ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างโลงแก้วเพื่อบรรจุสรีระของท่านไว้ให้ชาวบ้านที่เคารพนับถือได้มากราบสักการะกันจนทุกวันนี้
ผู้ที่สนใจรายละเอียดของโครงการ “จตุธรรมธาตุ -ท่องเที่ยวธรรมะ กราบ 4 พระธาตุแดนใต้ กุศลยิ่งใหญ่ในชีวิต” สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.จตุธรรมธาตุ.com หรือที่ facebook : จตุธรรมธาตุ 4 พระธาตุแดนใต้
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager