xs
xsm
sm
md
lg

“เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955” เจ้าแรกในเมืองไทย ลือชื่อโอชารส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อิ่มกับสุกี้และอาหารหลากหลายที่ร้าน “เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955”
“สุกี้ยากี้” หรือที่เรียกสั้นๆว่า “สุกี้” เป็นอาหารที่มีน้ำซุป ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ แล้วก็ใส่ผัก หรือเครื่องเคราต่างๆ เป็นอาหารร้อนๆ ที่กินแล้วอิ่มอุ่นท้องดีจริง มื้อนี้ “ตระเวนกิน” เลยอยากจะชวนมิตรรักนักกินทั้งหลายที่ชื่นชอบกินสุกี้ มาอิ่มอร่อยกับสุกี้สไตล์จีนไหหลำ กันที่ร้านสุกี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุกี้เจ้าแรกในเมืองไทย
โต๊ะนั่งชั้นบนชวนนั่งสบายๆ
ร้านที่ว่านี้คือ “เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955” เปิดขายสุกี้มานานตั้งแต่ปีพ.ศ. 2498 ขายมาตั้งแต่รุ่นอากง จนตกทอดมาถึงรุ่นหลาน ก็ยังคงสืบทอดสุกี้สไตล์จีนไหหลำไว้ได้เป็นอย่างดี ร้านนี้เรียกได้ว่าปรุงอาหารแบบสไตล์ “โฮมมี่ไชนีสสุกี้” นำเสนอสุกี้ไหหลำที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่เน้นเครื่องการหมักเนื้อ โดยทางร้านพิถีพิถันเรื่องการเลือกเฟ้นเนื้อสัตว์ที่ดี มีคุณภาพ เน้นความสดใหม่เป็นหัวใจสำคัญ คัดเลือกเนื้อสัตว์ส่วนที่มีความนุ่มเหมาะแก่การนำมาต้ม เลาะเอามันออกเหลือแต่เนื้อล้วนๆ แล้วหมักกับเครื่องสูตรเด็ดเฉพาะ ที่มีส่วนผสมของเต้าเจี้ยว น้ำมันงา และไข่ ซึ่งที่นี่เลือกใช้ไข่ซีลีเนียม เป็นไข่ไก่สดที่ได้รับการเสริมแร่ธาตุซีลีเนียมที่มีคุณค่าสำคัญต่อสุขภาพ กินแล้วดีต่อร่างกาย
บรรยากาศโต๊ะนั่งชั้นล่าง
อีกหนึ่งจุดเด่นของสุกี้ไหหลำก็อยู่ที่น้ำจิ้ม ซึ่งน้ำจิ้มสุกี้ของที่นี่มีให้เลือก 3 แบบ คือ มีน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ เป็นน้ำจิ้มเผ็ดสูตรดั้งเดิม รสชาติออกเผ็ดเค็ม มีกลิ่นหอมของเต้าหู้ยี้อ่อนๆ แบบที่ 2 เป็นน้ำจิ้มหวานสูตรโบราณ รสชาติออกหวานเปรี้ยว และแบบที่ 3 เป็นน้ำจิ้มไม่เผ็ดสูตรเต้าหู้ยี้ เหมาะกับเด็กหรือคนที่ไม่กินเผ็ด ซึ่งน้ำจิ้มทั้ง 3 แบบนี้ สามารถนำมาผสมกันเองได้ตามชอบใจ จะได้น้ำจิ้มรสชาติใหม่ที่กลมกล่อมถูกลิ้น

การมากินสุกี้ที่ร้านนี้ ก็เหมือนกับเวลาไปกินสุกี้ทั่วไป คือมีโต๊ะนั่งพร้อมกับมีเตาและหม้อสุกี้ให้ ซึ่งที่นี่จะมีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายแบบ ถ้ามากินคนเดียวก็มีโต๊ะนั่งแบบที่มีหม้อสุกี้เล็กๆ ให้ได้นั่งกินคนเดียวแบบเป็นส่วนตัว หรือแบบโต๊ะใหญ่แต่ก็มีหม้อแบบส่วนตัวแยกให้แต่ละคน หรือถ้ามากินกันหลายคนก็มีโต๊ะนั่งแบบมีหม้อใหญ่พร้อมติดตั้งเครื่องดูดควันให้ได้นั่งกินร่วมกัน และยังมีห้องส่วนตัวให้บริการด้วย
เนื้อหมูล้วนหมักพิเศษ
สำหรับเมนูสุกี้ของที่นี่มีหลากหลายรายการให้เลือกสั่ง สามารถเลือกเนื้อสัตว์ต่างๆ ผักต่างๆ ลูกชิ้นต่างๆ และเครื่องอื่นๆ มากมาย ที่มีอยู่ในเมนู ซึ่งทางร้านเลือกสรรมาอย่างดีให้ได้ลิ้มลอง โดยมีเมนูเด่นๆ ที่แนะนำว่าควรสั่งมาลองลิ้มกันให้ได้ก็มี เนื้อหมูล้วนหมักพิเศษ (จานเล็ก 140 บาท จานกลาง 200 บาท จานใหญ่ 240 บาท) เป็นเนื้อหมูส่วนสันนอกหมักกับเครื่องสูตรพิเศษ และตอกไข่ซีลีเนียมใส่มาด้วย เวลากินก็คลุกเคล้าเนื้อหมูให้เข้ากับไข่ แล้วเททั้งหมดลงในหม้อน้ำซุปกระดูกไก่ เลือกสั่งผักมาใส่ได้ตามความต้องการ ต้มจนสุกจะได้ลิ้มรสสุกี้ที่ความเข้มข้นด้วยเนื้อไข่ที่ลอยอยู่ในน้ำซุป ได้กลิ่นหอมๆ จากเครื่องหมัก กินเนื้อหมูเคี้ยวนุ่มนิ่มละมุนปากมาก ได้รสชาติเครื่องหมักกลมกล่อมลิ้น ซดน้ำซุปร้อนๆ หอมหวานคล่องคอดีจริง กินกับน้ำจิ้มสุกี้ ยิ่งเพิ่มรสชาติความอร่อย
เนื้อวัวล้วนหมักพิเศษกับหมึกกรอบ
ส่วนถ้าใครชอบกินเนื้อวัว แนะนำจานนี้ เนื้อวัวล้วนหมักพิเศษกับหมึกกรอบ (จานกลาง 225 บาท จานใหญ่ 265 บาท) ในจานนี้มีทั้งเนื้อวัวส่วนลุกมะพร้าว เป็นเนื้อล้วนๆ หมักกับเครื่องหมักสูตรเด็ด และมีหมึกกรอบที่มาแบบชิ้นใหญ่ๆ มีไข่ซีลีเนียม ใส่เครื่องทุกอย่างที่คลุกเคล้าจนเข้ากันลงไปต้มในน้ำซุป พอเนื้อสุกได้ที่ คีบเข้าปาก สัมผัสได้ถึงเนื้อที่นุ่มมากเคี้ยวหนึบหนับปากดีจริง ส่วนหมึกกรอบเคี้ยวเด้งกรึบโดนใจ
ลูกชิ้นกุ้ง, เต้าหู้หน้ากุ้ง, สาหร่ายยัดไส้
แล้วยังมีพวกลูกชิ้นต่างๆ ที่ชวนให้สั่งมากินแบบอร่อยปาก ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นกุ้ง (60 บาท) ที่ทำจากเนื้อกุ้งบดล้วนๆ เต้าหู้หน้ากุ้ง (60 บาท) เป็นเต้าหู้พาสเจอร์ไรซ์ใส่เนื้อกุ้งบดโปะหน้าหั่นเป็นชิ้นทาด้วยไข่ขาว สาหร่ายยัดไส้ (60 บาท) ข้างในเป็นไส้กุ้งห่อด้วยสาหร่าย
เปาะเปี๊ยะสวรรค์
นอกจากสุกี้ที่มีเครื่องเคราต่างๆ ให้เลือกสั่งหลายหลากรายการแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารจานเดียวเป็นเมนูพิเศษที่ทางร้านคิดขึ้นมาให้ได้สั่งมากินกัน ที่ชวนชิมก็มี เปาะเปี๊ยะสวรรค์ (จานเล็ก 120 บาท จานใหญ่ 195 บาท) แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะห่อด้วยไส้กุ้งทอดกรอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ พร้อมน้ำจิ้มบ๊วย กินเปาะเปี๊ยะกรอบนอกนุ่มใน ได้รสชาติกุ้งแน่นๆ
เกี๊ยวกุ้งทอด
ของทอดอีกอย่างที่น่ากินคือ เกี๊ยวกุ้งทอด (185 บาท) แผ่นแป้งเกี๊ยวห่อด้วยไส้กุ้งบดเอาแต่เนื้อล้วนๆ ทอดมาแบบเหลืองกรอบ กินตอนร้อนๆ กรอบกรุบเคี้ยวมันปากได้รสชาติกุ้งเต็มปากเต็มคำ จิ้มน้ำจิ้มบ๊วยเพิ่มรสชาติถูกปากยิ่งขึ้น
หมูผัดน้ำมันหอย
หมูผัดน้ำมันหอย (150 บาท) เมนูนี้ก็ชวนกินไม่น้อย เป็นเนื้อหมูส่วนสันนอกหมักกับเครื่องหมักสูตรพิเศษนานเป็นวัน นำมาผัดกับน้ำมันหอย ใส่พริกชี้ฟ้าแดง ต้นหอม และขึ้นฉ่าย ลิ้มรสเนื้อหมูเคี้ยวนุ่มปากได้รสชาติเข้มข้นเครื่องหมักถูกปากโดนใจ
ข้าวผัดปูกุ้ง
ถ้าใครชอบกินข้าวผัด แนะนำ ข้าวผัดปูกุ้ง (จานเล็ก 120 บาท จานกลาง 170 บาท จานใหญ่ 240 บาท) ทางร้านนำข้าวหอมมะลิผสมผัดใส่ไข่ซีลีเนียม ใส่ต้นหอม เนื้อปูล้วนๆ และกุ้ง ผัดมาแบบแห้งๆ สไตล์ข้าวผัดจีน กินข้าวผัดหอมๆ ข้าวเป็นเม็ดไม่แฉะเคี้ยวนุ่มปากรสชาติกลมกล่อม มีกุ้งและเนื้อปูให้กินแบบเต็มปากเต็มคำ
บรรยากาศห้องนั่งส่วนตัว
นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนให้สั่งมากินแบบอิ่มท้องอีกมากมาย อาทิ หมูทอดกระเทียม (150 บาท) ยำเนื้อ (จานกลาง 170 บาท จานใหญ่ 240 บาท) เนื้อนุ่มหมัก Black Label (440 บาท) เนื้อนุ่มหมัก Hennessy (595 บาท)  ฯลฯ หากว่าใครชื่นชอบกินสุกี้ ขอแนะนำว่าร้าน “เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955” แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งร้านสุกี้ที่น่าสนใจ ชวนให้มากินแบบอิ่มอุ่นท้อง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955” ตั้งอยู่ที่โครงการสวนหลวงสแควร์ ซอยจุฬา 12 ถนนพระรามสี่ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ การเดินทางจากสี่แยกเจริญผล วิ่งมาซอยจุฬา 12 เลี้ยวซ้ายเข้าซอย แล้วจะเห็นโครงการสวนหลวงสแควร์อยู่ทางขวามือ ร้านเอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955 ตั้งอยู่ในโครงการฯ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน จอดรถได้ที่โครงการสวนหลวงสแควร์ เปิดทุกวัน เวลา 11 .00 - 22.00 น. โทร. 0-2214-4558, 08-0619-1955, 08-6814-1188 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/EauHuaSukiBoran1955
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น