“ฮ่องกง” (Hongkong) เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวต่างประเทศที่นักเที่ยวชาวไทยพิสมัยไปเที่ยวกัน ซึ่งนักเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่มักจะไปเที่ยวฮ่อกงกงก็เพื่อไปไหว้เจ้า ชอปปิ้ง และเอร็ดอร่อยกับอาหารการกิน แต่ “ตะลอนเที่ยว” อยากจะบอกว่าอ่องกงไม่ได้มีดีแค่ที่เที่ยวอย่างวัดวาอาราม ศาลเจ้าชื่อดัง หรือแหล่งชอปปิ้งให้ได้ละลายทรัพย์กันเท่านั้น
ในทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” จะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเกาะฮ่องกงให้มากขึ้น จะได้รู้ว่าที่นี่ยังมีที่เที่ยวดีๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งเราได้มีโอกาสมาร่วมทริป “Hong Kong Best Experiences with KTC & Hong Kong Tourism Board” ที่ทางเคทีซีและการท่องเที่ยวฮ่องกงจัดขึ้น โดยพาเราเหินฟ้าจากเมืองไทยไปสัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวฮ่องกงในมุมมองที่แตกต่าง ที่ใครหลายๆ คนมาฮ่องกงแล้วอาจจะไม่เคยไปสัมผัสกัน
ทันทีที่เท้าแตะถึงแผ่นดินฮ่องกง เราก็ออกตะลุยทัวร์เกาะฮ่องกงกันเลย โดยเราไปทำความรู้จักกับฮ่องกงที่แรกกันที่นี่ “The Peak” (เดอะพีค) ที่อยู่ด้านบนของยอดเขาวิคตอเรีย พีค (Victoria Peak) เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในฝั่งของเกาะฮ่องกง มาเที่ยวที่นี่จะได้เห็นทัศนียภาพของเมืองฮ่องกงจากมุมสูงแบบพาโนรามาอันงดงามตระการตา
การขึ้นไปเดอะพีคนั้นสามารถไปได้หลายทางไม่ว่าจะเป็นทางรถ ทางเท้าสำหรับคนที่ร่างกายฟิตจริงๆ แต่ถ้าใครอยากจะสัมผัสเดอะพีคในบรรยากาศแบบชิลๆ ขอแนะนำให้นั่งรถรางกัน ซึ่งรถรางที่ใช้ขึ้นเดอะพีคนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานถึง 120 ปีแล้ว รถรางมีการพัฒนามาตามกาลเวลา
โดยรถรางปัจจุบันมีความทันสมัยและมีความปลอดภัย ภายในรถรางมีที่นั่งสบายๆ ให้ได้เลือกนั่ง ซึ่งรถรางจะค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามรางไต่ระดับความสูงขึ้นบนภูเขาไปเรื่อยๆ ตลอดสองข้างทางที่นั่งรถรางขึ้นไปจะได้เห็นวิวฮ่องกงที่สวยงาม และเมื่อไปถึงยังจุดที่รถรางสิ้นสุดลง เราก็เดินเข้าไปยังตัวอาคารของเดอะพีค ซึ่งภายในอาคารมีร้านค้า ร้านอาหาร ให้ได้เลือกเข้าไปบริการมากมาย
แต่ไฮไลท์ของการขึ้นมาเดอะพีค ที่ดึงดูดใจให้ต้องมาให้ได้ก็คือ การได้ขึ้นไปยังจุดชมวิวที่เรียกว่า Sky Terrace 428 เหตุที่ชื่อนี้ก็เพราะว่าเป็นจุดชมวิวที่มีความสูงถึง 428 เมตรจากระดับน้ำทะเล เมื่อขึ้นมายืนยังจุดชมวิวนี้ที่เป็นลานโล่งกว้าง ทำให้สามารถมองเห็นวิวเกาะฮ่องกงได้แบบสุดลุกหูลูกตา และมองได้รอบทิศทั้ง 360 องศา วิวที่มองเห็นจะเป็นวิวมุมสูง มองเห็นตึกสวยๆ และอาคารสูงระฟ้าอันตระการตาของฮ่องกง ซึ่งไม่ว่าขึ้นมาชมวิวบนนี้ในช่วงเวลาไหนก็จะได้เห็นวิวสวยๆ ของเกาะฮ่องกงที่แตกต่างกันออกไป
พอได้ชมวิวฮ่องกงในมุมสูงจนอิ่มใจแล้ว เราก็ลงมาเที่ยวยัง “Madame Tussauds” เป็นพิพะภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่ชวนเที่ยว ซึ่งตั้งอยู่ภายในเดอะพีคทาวเวอร์แห่งนี้ มาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซฮ่องกง ก็เหมือนได้มาพบปะและกระทบไหล่คนดังจากทั่วโลก รวมถึงเหล่าตัวการ์ตูนชื่อดัง เพราะภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไว้มากมายมากกว่า100 ตัว อาทิ เฉินหลง บาลัคโอบามา เทย์เลย์ สวิฟต์ ไอซ์สไตน์ ซีวอน นิชคุณ ยาโยอิ คุซามะ คิตตี้ สไปเดอร์แมน มาให้เราได้เข้าไปจับมือ ควงแขน โอบกอด เข้าไปซบไหล่ถ่ายรูปกันได้อย่างใกล้ชิด ดูแล้วราวกับว่าเราได้เจอเหล่าคนดังนั้นแบบตัวเป็นๆ เพราะว่าหุ่นขี้ผึ้งปั้นได้เหมือนมากๆ และมีการจัดแสดงแสงสี ไว้ได้อย่างน่าสนใจ เรียกว่าเดินถ่ายรูปกับเหล่าคนดังที่เรารู้จักและชื่นชอบกันแบบสนุกสนานเพลิดเพลินกันไปเลย
ครั้นได้ชมวิวฮ่องกงสวยๆ และสนุกกับการชมหุ่นขี้ผึ้งแล้ว ก็ได้เวลาที่จะได้ออกกำลังกายขาด้วยการไปเดินเที่ยวย่าน “Old Town Central” (โอลด์ทาวน์เซ็นทรัล) ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าของฮ่องกงที่มีประวัติศาสตร์และมีความร่วมสมัยอยู่อย่างผสมผสานกลมกลืนกันแบบลงตัว มีความน่าสนใจให้เหล่านักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกัน
โดยเราได้มาสัมผัสกับความเก่าแก่ของประวัติศาสตร์กันที่ “Man Mo Temple” (วัดหมั่นโหม่) เป็นวัดเล็กๆ ที่อยู่คู่กับย่านโอลด์ทาวน์มาช้านาน เป็น 1 ใน 24 วัดดังอันเก่าแก่ของฮ่องกง วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่เทพบู๊กับบุ๋น คือ เทพวรรณกรรม (หมั่น-บุ๋น) และเทพแห่งสงคราม (โหม่-บู๊)
เมื่อเข้ามาภายในวัดสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความศรัทธราที่คนฮ่องกงมีต่อองค์เทพเจ้า จะเห็นขดธูปขนาดใหญ่และโคมไฟถูกแขวนเรียงรายอยู่ และด้านในมีองค์เทพประธานรูปปั้นของเทพหมั่น-โหม่ตั้งอยู่เคียงคู่กัน พร้อมกับสัญลักษณ์รูปหล่อทองเหลืองมือจับพู่กันของเทพวรรณกรรมในฝ่ายบุ๋น และง้าวทองเหลืองของเทพสงครามในฝ่ายบู๊ คนฮ่องกงนิยมมาไหว้ที่นี่เพื่อขอพรในเรื่องการเรียนให้เรียนเก่งๆขอให้สอบติด เรื่องการทำงานขอให้ได้เข้าทำงานยังที่ที่ต้องการ เรื่องการค้าขอให้ร่ำรวยเจริญรุ่งเรืองสมปรารถนา และก็ยังมีองค์เจ้าแม่กวนอิมศักดิ์สิทธิ์ให้สักการบูชา และองค์เทพเปากุงให้ได้กราบไหว้ขอพรเป็นมงคลแก่ชีวิต
อิ่มใจกับการไหว้เจ้าแล้ว เราออกเดินเท้าต่อไปเรื่อยๆ ชมวิถีชีวิตของผู้คนและชมตึกรามบ้านช่องที่อยู่คู่กับย่านโอลด์ทาวน์มาอย่างยาวนาน ซึ่งทุกวันนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนอาคารเก่าแก่ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อย่างเช่นที่เราเดินมาชมอาคาร "PMQ" ที่เดิมทีเป็นตึกที่อยู่อาศัยของตำรวจที่แต่งงานแล้ว แต่ปัจจุบัน PMQ ถูกปรับเปลี่ยนให้มาเป็นสถานที่จัดเก็บงานของศิลปิน และเป็นที่ให้ดีไซเนอร์หนุ่มสาวรุ่นใหม่และนักออกแบบในฮ่องกง ได้มาออกร้านจัดแสดงงานศิลปะเก๋ๆ มีการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะอยู่ตลอด ซึ่งถ้าใครชื่นชอบงานศิลปะมาที่นี่ต้องโดนใจกันแน่
จากนั้นเราเดินเที่ยวกันต่อไปเรื่อยๆ ไปตามถนนฮอลลีวู้ดก็ได้พบกับงานศิลปะสวยๆ แนวสตรีทอาร์ตเก๋ไก๋ โดยตามตรอกซอกซอยต่างๆ ที่ได้เดินเที่ยวนั้น จะมีผลงานสตรีทอาร์ตสุดเจ๋งหลากหลายภาพ เป็นผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียง มาวาดภาพศิลปะที่มีสไตล์แอบซ่อนกายอยู่ตามกำแพงของตัวตึก และอาคารต่างๆ ให้ได้เดินถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน
เดินเที่ยวไปสักพักก็เกิดเหนื่อยเมื่อยขึ้นมา เราเลยขอหยุดแวะพักเติมพลังกันก่อน ซึ่งในย่านโอลด์ทาวน์แห่งนี้มีอาหารการกินให้ได้เข้าไปลอมชิมกันมากมายหลายร้าน อย่างร้านเด่นๆ ที่เชื้อเชิญให้เข้าไปลิ้มลองก็มี ร้าน ขายน้ำอ้อยเก่าแก่ ชื่อ “Kung Lee” ที่เปิดขายมานานกว่า 70 ปีแล้ว ที่ร้านนี้ขายพวกน้ำขม น้ำสมุนไพร แต่โด่งดังเรื่องน้ำอ้อยที่ชวนดื่ม ทางร้านนำอ้อยสดๆ จากเมืองจีน นำมาคั้นทั้งเปลือกด้วยเครื่องปั่นแบบโบราณที่ใช้มาอย่างยาวนาน น้ำอ้อยของที่นี่ดื่มได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น ดื่มน้ำอ้อยหอมหวานแบบธรรมชาติ เพราะทางร้านคั้นสดๆ และไม่ใส่น้ำตาลหรือน้ำเชื่อมเลย ดื่มแล้วสดชื่นใจดีจริง
อีกหนึ่งของกินที่ถ้ามาฮ่องกงแล้วไม่ควรพลาดคือ ทาร์ตไข่ จากร้าน “Tai Cheong Bakery” เป็นร้านเบเกอรี่เจ้าดัง เปิดมาตั้งแต่ ปี 1954 โด่งดังเรื่องทาร์ตไข่สุดอร่อย ขนาดผู้ว่าราชการคนสุดท้ายของฮ่องกง นาย Chris Patten ยังยกย่องให้ “ทาร์ตไข่ร้านนี้อร่อยที่สุดในโลก” ทาร์ตไข่ของร้านนี้ถูกปากโดนใจ ตรงที่ฐานของทาร์ตเป็นคุกกี้กินแล้วไม่เลี่ยน เข้ากับเนื้อทาร์ตไข่สีเหลืองหอมหวานเนียนนุ่มละมุนลิ้น
เรียกว่ามาเดินเที่ยวที่ย่านโอลด์ทาวน์กันเพลินๆ ได้ทั้งชม ชิม และแชะภาพสวยๆ จนหนำใจกัน แต่แล้วท้องก็เกิดร้องหิวโหยหาอาหารขึ้นมาอย่างจริงจังเสียได้ ซึ่งเรารู้มาว่าตอนนี้เทรนด์ร้านอาหารแบบ "Food Truck" กำลังเป็นที่นิยมในฮ่องกง เราเลยเลือกที่จะขอไปลองลิ้มรสกับเมนูสตรีทฟู้ดง่ายๆ ที่คุ้นเคยกัน และกินได้แบบสะดวกรวดเร็ว แล้วก็มีเมนูอาหารให้เลือกกินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารอเมริกัน และอาหารนานาชาติ ที่จะปรุงขึ้นสด ๆ จากเหล่าเชฟมืออาชีพ ที่สร้างสรรค์อาหารรสเลิศจากภายในรถบรรทุก ที่ทำการดัดแปลงให้กลายเป็นรถอาหารเคลื่อนที่ ที่ตกแต่งอย่างมีสีสันดึงดูดใจให้เข้าไปใช้บริการ
โดยฟู้ดทรัคที่ฮ่องกงจะมีตั้งบริการอยู่ 8 แห่ง คือมีที่หว่องไท่ซิน สแควร์, จิมซาจุ่ย อาร์ต สแควร์, เอเนอร์ไจซิง เกาลูน อีสท์ เวนิว 1, โอเชียนปาร์ค ฮ่องกง, ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์, ซาลิสบิวรี การ์เด้น, โกลเด้น โบฮิเนีย สแควร์ และที่ลานกิจกรรมเซ็นทรัล ฮาร์เบอร์ฟร้อนท์ ที่เราได้เดินทางมาลิ้มลองกัน
เมื่อมาถึงเราก็ได้พบกับฟู้ดทรัคที่ตั้งให้บริการอยู่ โดยปกติแต่ละแห่งจะมีร้านมาตั้งอยู่ 2 ร้าน จากการสอบถามกับทางร้านบอกว่า แต่ละร้านจะหมุนเวียนเปลี่ยนที่ตั้งกันไปยังจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้ แล้วแต่ละจุดก็จะมีร้านมาตั้งขาย 2 ร้าน วันที่เราไปตรงจุดนั้นเผอิญมีมาแค่ร้านเดียว คือร้าน “Beef & Liberty” เป็นร้านที่ขายอาหารประเภทแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งมีเบอร์เกอร์รสดีหลากหลายรสชาติให้ได้เลือกลองลิ้ม โดยรวมแล้วอาหารของร้านนี้มีความสด สะอาด รสชาติถูกปากดีทำเอาอิ่มท้องกันไปเลย หากใครสนใจว่า Food Truck ที่ฮ่องกงมีพิกัดที่ไหนบ้าง ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “HK Food Truck” นี้กันได้ฟรี ซึ่งแอปพลิเคชันนี้จะแสดงตำแหน่งที่ตั้งของแต่ละร้าน พร้อมรายละเอียดการเดินทางและข้อมูลของร้านให้ได้ตามไปชิมกัน
อิ่มแน่นท้องกับอาหารกันแล้ว ก็มีแรงเที่ยวกันต่อ คราวนี้เราขอเลือกเที่ยวแบบสบายๆ ด้วยการไปนั่งรถราง “Tram Oramic Tour” เป็นรถรางสำหรับพานักท่องเที่ยวชมเมืองฮ่องกง เป็นรถรางแต่งสไตล์โบราณเก๋ๆ ในรถมีที่ให้เลือก 2 ชั้น ชั้นบนเป็นแบบเปิดโล่งให้ได้นั่งรับลมชมวิวเมืองฮ่องกงแบบเพลินๆ และมีหูฟังแจกให้นักท่องเที่ยว เพื่อนำไปเสียบกับเครื่องบันทึกเสียงตามเก้าอี้แต่ละตัว โดยจะมีการบรรยายให้เราได้ฟังข้อมูลของสถานที่ต่างๆ ที่รถรางได้วิ่งไป
รถรางวิ่งไปตามรางพาเราชมเมืองฮ่องกง ผ่านสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นย่านไทม์สแควร์อันคึกคัก สนามม้า สุสานฝังศพฝรั่ง สถานที่ที่เคยเป็นรัฐสภาเก่าที่มีความสวยงาม เห็นตึกระฟ้าที่เป็นสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ มากมาย เรียกว่าตลอดทางที่รถรางวิ่งพาทัวร์ ทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนฮ่องกงได้เป็นอย่างดี
แต่ถ้าใครมาเที่ยวแล้วไม่อยากจะนั่งรถรางที่เป็นทัวร์เช่นนี้ จะนั่งรถรางปกติที่คนฮ่องกงก็ยังคงมีการใช้ระบบขนส่งแบบรถรางนี้กันอยู่ก็ได้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการชมเมืองฮ่องกงแบบเข้าถึงวิถีชีวิตของคนฮ่องกงอย่างแท้จริง รถรางของฮ่องกง หรือ Ding Ding มีวิ่งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 นับอายุก็ร่วม 113 ปีแล้ว การที่ฮ่องกงยังมีรถรางอยู่เพราะถือว่าเป็นการอนุรักษ์การเดินทางด้วยรถราง ซึ่งเป็นยานพาหนะที่สะดวกสบาย รถไม่ติด รถรางของที่นี่จะวิ่งไปบนรางที่อยู่ตรงกลางถนน ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน และมีป้ายจอดรถรางโดยเฉพาะ โดยรถรางนี้จะวิ่งเฉพาะรอบเกาะฮ่องกง วิ่งจากฝั่งตะวันตกไปฝั่งตะวันออกในเกาะฮ่องกงอย่างเดียว ปัจจุบันมีให้บริการอยู่ 6 สาย เรียกว่าการนั่งรถรางชมเมืองฮ่องกงเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวน่าชวนตื่นตาตื่นใจพร้อมกับได้ความเพลิดเพลินไปในตัว
หลังจากได้นั่งรถรางชมเมืองฮ่องกงกันแล้ว เราขอปิดทริปด้วยการไปสัมผัสกับฮ่องกงในอีกแง่มุมหนึ่ง ที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยเห็นว่าฮ่องกงยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจด้วย สถานที่แห่งนี้คือ “High Island Reservoir East Dam” ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีวิทยาโลก เป็นจุดที่เหมาะแก่การมาเดินชมธรรมชาติที่ง่ายที่สุดในการรับชมความงดงามของมรดกโลกทางธรรมชาติที่ซ่อนกายอยู่ในเกาะฮ่องกง
เมื่อมาถึงยังที่หมายก็ทำให้เราได้รู้ว่าฮ่องกงนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพยากรทางธรรมชาติอยู่ไม่น้อย โดยจุดที่เรามากันเป็นส่วนหนึ่งของเขื่อนที่สร้างไว้ในช่วงปี 1970 เราได้เดินไปบนสันเขื่อนอันกว้างใหญ่ ได้เห็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ดูยิ่งใหญ่ตระการ และมีทัศนียภาพอันบริสุทธิ์ ด้านหนึ่งมองเห็นผืนทะเลอันเวิ้งว้าง อีกฝั่งเห็นสายน้ำของอ่างเก็บน้ำที่แผ่กว้างแบบสุดลูกหูลูกตา
แล้วไฮไลท์ของที่นี่ก็รอให้เราไปชมอยู่เบื้องหน้า นั่นคือการได้เดินชมหินภูเขาไฟรูปหกเหลี่ยมที่ธรรมชาติได้สรรสร้างไว้ให้ได้ชมอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นมานานเป็นล้านปี ทำให้ภูเขาของที่นี่มีความพิเศษตรงที่จะเห็นหินเป็นรูปหกเหลี่ยมที่สวยงามตระการตา บางจุดก็ได้เห็นหินหกเหลี่ยมที่บิดโค้งดูแปลกตาเป็นยิ่งนัก คนฮ่องกงและนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่นี่ ก็เพื่อมาเดินเขา เพราะมีจุดให้ได้เดินเขากันได้ และก็มาชมความมหัศจรรย์ของหินหกเหลี่ยมที่ชวนตื่นตาตื่นใจ พร้อมกับได้สัมผัสกับทัศนียภาพทางธรรมชาติอันงดงามที่หาชมได้อย่างยิ่งในเกาะฮ่องกง
“ตะลอนเที่ยว” ต้องขอยอมรับเลยว่าการมาเยือนฮ่องกงในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งทริปที่แสนประทับใจ ที่ได้มาเปิดประสบการณ์เที่ยวฮ่องกงในมุมมองใหม่ ทำให้รู้ว่าเกาะฮ่องกงเล็กๆ แห่งนี้นั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ชวนเที่ยวอีกมากมาย ก็อยากจะขอชวนให้นักท่องเที่ยวชาวไทยทั้งหลายลองมาเที่ยวตามรอยเรากันดู จะได้มาชม มาชิม มาแชะภาพสวยๆ ของฮ่องกงเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีตลอดไป
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เคทีซี ร่วมกับการท่องเที่ยวฮ่องกง จัดแคมเปญ “ฮ่องกง เบสท์ เอ็กซ์พีเรียนช์เซส กับบัตรเครดิตเคทีซี” ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีเส้นทางฮ่องกงที่ KTC World Travel Service ที่บริษัทท่องเที่ยวเวิลด์ เอ็กซ์พลอเรอร์ หรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่ฮ่องกงทุกๆ 5,000 บาท รับ 1 สิทธิ์ ในการลุ้นรับแพกเกจท่องเที่ยวฮ่องกงกับ 3 ทริป 3 สไตล์ ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธ.ค. นี้ โทร. 0-2123-5050 หรือ www.ktcworld.co.th และดูข้อมูลท่องเที่ยวฮ่องกงเพิ่มเติมได้ที่ www.DiscoverHongkong.com
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com