xs
xsm
sm
md
lg

“ปาย”หน้าฝน บนความเขียว เที่ยวสบาย ใน“ปายที่เป็นปาย”/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
เมืองปายหน้าฝนบนความเขียวขจี มีสายหมอกลอยไต่ระเรี่ย(มองจากจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล)
“ฤดูฝน” เดิมถือเป็นโลว์ซีซั่นทางการท่องเที่ยวของเมืองไทย แต่มาวันนี้มีการเรียกขานใหม่เป็น“กรีนซีซั่น”(Green Season) เนื่องเพราะหลายๆพื้นที่ในบ้านเรา ต่างอุดมไปด้วยความเขียวขจีของท้องทุ่ง ป่าไพร ที่ดูแล้วช่างเขียวสบายตาและชุ่มชื่นหัวใจกระไรปานนั้น

เฉกเช่นกับ “อ.ปาย” จ.แม่ฮ่องสอน หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองไทย
ปายยุคนี้มีเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมาก(สถานที่จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล)
ปายวันนี้ แม้จะกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว (เนื่องจากเกิดกระแสการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Lost in Thailand(ลอสต์ อิน ไทยแลนด์) ที่มีการนำเสนอสอดแทรกความสวยงามแหล่งท่องเที่ยวในปายไว้ จนนักท่องเที่ยวจีนต่างต้องการเดินทางมาสัมผัสความงดงามของปายกันเป็นจำนวนมาก)

แต่เมืองปายในช่วงหน้าฝนนั้นถือเป็นกรีนซีซั่น เป็น“ปายสีเขียว”ที่โดดเด่นสวยงามไปด้วยความสดชื่นเขียวขจีของป่าเขาท้องไร่ท้องนาดูสบายตา
ท้องทุ่งนาเมืองปายยามหน้าฝน ในวันที่มีสายหมอกลอยปกคลุมยอดเขา
เมื่อออกนอกเมืองปายออกไปก็จะได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ที่ชุ่มฉ่ำเย็นสบาย บางวันหลังสายฝนโปรยสายจะเห็นสายรุ้งทาบทอทอดตัวโค้งยาวเหนือฟากฟ้า บางวันมีสายหมอกลอยอ้อยอิ่งไต่ระเรี่ยไปตามม่านขุนเขา

ขณะที่บรรยากาศของการท่องเที่ยวนั้น เมืองปายยามหน้าฝนจะดูโล่ง เดินเที่ยวสบาย คนไม่พลุกพล่าน ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว แถมที่พักส่วนใหญ่ยังลดราคาลงมาถูกแบบครึ่งต่อครึ่ง
ถนนคนเดินปายในช่วงฤดูฝนคนไม่พลุกพล่านเหมือนช่วงหน้าหนาว
โดยหนึ่งในดัชนีชี้วัดจำนวนนักท่องเที่ยวชั้นดีของเมืองปายก็คือ“ถนนคนเดิน”ยามราตรี ที่ในช่วงหน้าหนาว ผู้คนแออัดพลุกพล่าน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมีคนมาเดินกันเพียบ(เป็นคนไทยมากกว่าต่างชาติ) บางช่วงบางจุดคนเยอะถึงขนาดต้องค่อยๆเขยิบไหลไปเลยทีเดียว

เรียกว่าปายหน้าฝนบนความเขียวขจีนั้น มีบรรยากาศที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากปายในช่วงหน้าหนาวที่ถือเป็นไฮซีซั่นซึ่งมีคนมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ท้องทุ่งนาเมืองปายยามหน้าฝน
นอกจากจะเป็นปายสีเขียวแล้ว ปายช่วงหน้าฝนยังได้เผยให้เห็นสิ่งที่ปายเป็นและตัวตนบนความเป็นปายออกมามากทีเดียว เพราะปายช่วงนี้ดูสงบงาม อากาศดี มีการปลูกข้าวปลูกพืชผัก ทำไร่ทำนา เราจึงได้เห็นภาพวิถีชีวิตของคนเมืองปายที่อยู่นอกเมืองได้อย่างเด่นชัด

และแน่นอนว่าภาพความสวยงามของท้องไร่ท้องนาในช่วงหน้าฝนนี่ มันดูทรงเสน่ห์ไม่น้อย
ฝนโปรยสายชโลมปายในหน้าฝน
ทุ่งนาที่ปายในบางช่วง ปลูกอยู่ในพื้นราบท่ามกลางหุบเขารายล้อมเมื่อมองลงไปจากมุมสูงดูประหนึ่งพรมสีเขียวผืนใหญ่พาดวางลงไปแอ่งกลางหุบเขา ยามสายลมพัดพลิ้วต้นข้าวสีเขียวที่ชูช่อรอวันแตกรวงจะโยกไหวตามแรงลม ดูสบายตา สบายใจ หรือในยามที่ฝนตกก็จะเห็นเป็นม่านฝนโปรยสายปกคลุมไปทั่ว

ขณะที่ทุ่งนาบางช่วงก็จะเป็นการปลูกแบบนาขั้นบันไดน้อยๆ คือปลูกไปพื้นที่ความชันไม่มาก แต่ก็สามารถมองเห็นเป็นระดับมีจังหวะจะโคนสวยงามไปอีกแบบ
มุมมองเมืองปายในฤดูฝนบนจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล
ด้านใครที่อยากชมบรรยากาศตัวปายสีเขียวในมุมกว้าง ผมขอแนะนำให้ขึ้นที่สูงไปตามจุดชมวิวต่างๆ อย่างเช่น จุดชมวิว“ทะเลหมอกหยุนไหล” ซึ่งหากเป็นวันหยุดของหน้าหนาว ในช่วงเช้ามืดจะมีคนรอขึ้นรถ(กระบะ)คิวที่ชุมชนจัดบริการวิ่งรับ-ส่ง ขึ้น-ลง เขากันเป็นจำนวนมาก แต่ถ้ามาในช่วงหน้าฝน ช่วงที่ผมไปมีคนไม่มาก สามารถขับรถขึ้นไปจอดบนลานจอดรถข้างๆจุดชมวิวได้เลย
นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินบนจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล
ส่วนเรื่องของวิวทะเลหมอกนั้น แน่นอนว่าในช่วงหน้าหนาว ทะเลหมอกหยุนไหล(ในวันที่ฟ้าเป็นใจ)เขาสวยจริงๆ แต่ก็จะมีคนมาชมกันเยอะมากๆด้วย ส่วนในช่วงหน้าฝนแม้จะสวยนอยกว่า(หน้าหนาว) แต่ว่าดูโล่งสบายตาและก็มีวิวเมืองปายเขียวๆสวยๆที่มีสายหมอกลอยปกคลุมด้านบนให้ชมกันอย่างสบายตา
วัดพระธาตุแม่เย็น
สำหรับอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองปายชั้นดีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงก็คือที่ “วัดพระธาตุแม่เย็น”(ต.แม่ฮี้) ที่ตั้งอยู่บนภูเขาทางด้านทิศตะวันออกของเมืองปาย

วัดพระธาตุแม่เย็น เป็นที่ประดิษฐาน “พระเจ้าทองทิพย์” พระพุทธรูปสมัยเชียงแสนรุ่นที่ 3 อายุกว่า 100 ปีที่มีพุทธลักษณะงดงามเป็นทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์มีพระพักตร์เป็นเนื้อทองสุกเปล่งปลั่ง
บริเวณจุดชมวิววัดพระธาตุแม่เย็น
ขณะที่ภายในบริเวณวัดยังมีองค์พระธาตุแม่เย็นสีเหลืองทองตั้งเด่น ด้านหนึ่งของวัดมีระเบียงชมวิวที่สามารถมองลงไปเห็นจุดชมวิวตัวเมืองปายได้อย่างสวยงาม ซึ่งเดิมนั้นที่นี่คือจุดชมวิวยอดฮิตของพระธาตุแม่เย็น แต่มาวันนี้วัดพระธาตุแม่เย็นมีจุดชมวิวแห่งใหม่บริเวณลานองค์ “พระพุทธโลกุตระมหามุนี” ที่กำลังมาแรงและอยู่สูงกว่าจุดชมวิวเก่าข้างวัดพระธาตุแม่เย็น
พระพุทธโลกุตระมหามุนี วัดพระธาตุแม่เย็น
พระพุทธโลกุตระมหามุนี เป็นพระพุทธรูปองค์โตสีขาวตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนเนินเขา บนนั้นนอกจากจะสามารถไหว้องค์พระใหญ่ได้อย่างใกล้ชิดแล้ว ยังสามารถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามกว้างไกลได้อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองปาย ที่แม้จะต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดไปเกือบ 300 ขั้น แต่ว่าวิวทิวทัศน์บนนี้เมื่อมองลงมาก็สวยงามคุ้มค่ายิ่งนัก
มุมมองเมืองปายบนบันไดเดินขึ้นสู่องค์พระพุทธโลกุตระมหามุนี วัดพระธาตุแม่เย็น
พูดถึงวัดแล้ว ในเมืองปายมีวัดเด่นๆน่าสนใจชวนให้เที่ยวชมกันหลากหลายด้วยกัน โดยนอกจากวัดพระธาตุแม่เย็นแล้วก็ยังมี “วัดตาลเจ็ดต้น” ที่โดดเด่นไปด้วยศิลปกรรมแบบไทยใหญ่, “วัดกลาง” วัดเก่าแก่ที่อยู่ใกล้ท่ารถปาย ภายในงดงามด้วยเจดีย์สีทอง ศิลปะแบบไทยใหญ่, “วัดหลวง” ภายในประดิษฐานหลวงพ่อเพชร ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนปาย
วัดน้ำฮู
และ “วัดน้ำฮู”(ต.เวียงใต้)วัดเก่าแก่คู่เมืองปาย ที่ภายในวัดประดิษฐาน “พระพุทธรูปอุ่นเมือง” อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะพิเศษคือ พระเศียรส่วนบนกลวง ยอดพระโมฬีสามารถเปิดออกได้เหมือนผอบ ภายในมีน้ำซึมขังอยู่ตลอด ทุกๆเช้าทางวัดจะนำน้ำในยอดพระโมฬีออกมาทำน้ำมนต์ประพรมแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยียนวัด
พระบรมราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระเอกาทศรถ และสมเด็จพระสุพรรณกัลยา
ขณะที่บริเวณศาลกลางน้ำหน้าวัดน้ำฮูยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” “พระเอกาทศรถ” และ “สมเด็จพระสุพรรณกัลยา”ให้กราบสักการะกันอีกด้วย

นอกจากนี้ปายยังมี “วัดศรีดอนชัย” เป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญที่หากใครมาเที่ยวเมืองปาย ไม่ควรพลาดการไปเที่ยวที่วัดแห่งนี้ด้วยประการทั้งปวง
วัดศรีดอนชัย
วัดศรีดอนชัย (ต.เวียงเหนือ) เป็นวัดแห่งแรกในเมืองปาย สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 1855 บริเวณประตูทางเข้ามีประติมากรรมสิงห์คู่ขนาดใหญ่

ภายในวิหารลายคำประดิษฐาน “พระพุทธสิหิงค์” หรือ “พระสิงห์ปาย” พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองปาย ศิลปะเชียงแสนสิงห์ 1 อันงดงาม ประทับอยู่ในบุษบกหน้าพระประธานองค์ใหญ่

ในวิหารลายคำยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่วาดอยากประณีตสวยงาม บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองปาย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งของดีของวัดแห่งนี้
พระสิงห์ปาย
ในเมืองปายยังมีอีกไฮไลท์สำคัญที่เที่ยวได้สวยตลอดทั้งปีทุกฤดูกาลนั่นก็คือ “สะพานประวัติศาสตร์ปาย” หรือ “สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย” ที่เป็นการนำสะพานนวรัฐเดิมของจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว มาสร้างเป็นสะพานโครงสร้างเหล็กแทนสะพานไม้ข้ามแม่น้ำปายเดิมที่ถูกกระแสน้ำป่าพัดทำลายไปในปี พ.ศ. 2516
สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย
ปัจจุบันสะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย นอกจากจะเป็นดังประตูรับ-ส่ง ของเมืองปายแล้ว ด้วยลักษณะของสะพานที่มีความสวยงามคลาสสิกดูโดดเด่น สะพานแห่งนี้จึงถือเป็นหนึ่งไฮไลต์ในเมืองปาย ที่ไม่เคยร้างลานักท่องเที่ยว
สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย
และนี่ก็คือเสน่ห์มนต์เมืองปายในช่วงหน้าฝน ที่น่ายลไปด้วยบรรยากาศแห่งความเขียวขจีของ “ปายสีเขียว” ซึ่งนักเดินทางสายโรแมนติกหลายคน มักจะบอกว่า“เวลาเดินช้า”เมื่อมาเมืองปาย

แต่สำหรับการได้มาแอ่วปายในช่วงหน้าฝน มันทำให้ผมรู้สึกว่า

นาฬิกาผมตาย!?!
ปายหน้าฝน บนตัวตนแห่งความเป็นปาย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com




กำลังโหลดความคิดเห็น