"เมืองเชียงใหม่" ใครๆ ก็เคยไปเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการมาเดินเล่นย่านฮิปๆ แถวถนนนิมมานฯ มาจิบกาแฟที่ร้านเก๋ มาเที่ยววัดหลากหลาย หรือมาเดินช้อปปิ้งบนถนนคนเดิน
แต่มีอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ในเชียงใหม่ที่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เคยรู้และยังไม่เคยลอง นั่นก็คือการนั่งรถ “เขียวชมเมือง” หรือการนั่งรถรางเที่ยวชมย่านเมืองเก่าในเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดชิลที่จัดทำโดยกลุ่ม “เขียวสวยหอม” กลุ่มคนทำงานด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดูแลพื้นที่สีเขียวในเมืองเชียงใหม่ ร่วมกับเครือข่ายการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ในเมืองเชียงใหม่ ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนต่างๆ เปิดบริการมาเกือบครบ 1 ปี แล้ว
ใครอยากลองนั่งรถรางเขียวชมเมืองต้องมาที่จุดขึ้นรถบริเวณหน้าวัดพระสิงห์ รถรางจะรอให้บริการทุกวัน วันละ 4 รอบ คือ 09.30, 11.00, 13.30 และ 18.00 น. โดยมีค่าบริการเพียงคนละ 50 บาทเท่านั้น (นร. นศ. 30 บาท) และค่าบริการนี้จะนำไปช่วยดูแลต้นไม้และพื้นที่สีเขียวในเมืองเชียงใหม่ให้เขียวสวยไปนานๆ
รถรางจะมีให้เลือกแบบปกติและรอบพิเศษ รอบปกติราคา 50 บาทอย่างที่กล่าวไปแล้ว โดยจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการเที่ยวชม และจะแวะสถานที่สำคัญหนึ่งแห่ง (แวะที่ใดที่หนึ่งคือวัดเชียงมั่น วัดโลกโมฬี หรือคุ้มเจ้าบุรีรัตน์ ให้เวลา 15 นาที) ส่วนรอบพิเศษราคาคนละ 200 บาทใช้เวลา 2 ชั่วโมง เส้นทางที่รถรางพาวิ่งก็จะเหมือนๆ กัน แต่มีสิ่งพิเศษขึ้นมาคือจะได้แวะสถานที่สำคัญ 2 แห่ง ได้ร่วมกิจกรรมเวิร์คช้อป 1 กิจกรรม พร้อมทั้งมีของว่างเป็นขนมและน้ำดื่มให้ด้วย โดยรอบพิเศษนั้นจะต้องจองมาล่วงหน้าเป็นหมู่คณะ และจะเดินทางเวลา 09.30-11.30 น.
มาครั้งนี้จึงขอเที่ยวแบบพิเศษๆ กับรอบพิเศษกันสักหน่อย ขอทั้งเที่ยวและทำกิจกรรมไปด้วย สำหรับเส้นทางที่รถรางจะพาเราชมนั้นก็จะอยู่รอบๆ เขตเมืองเก่าทั้งในและนอกกำแพงเมือง ผ่านทั้ง 4 แจ่ง และ 5 ประตูของเมืองเชียงใหม่ บนรถมีผู้บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่และนิเวศวิทยาผ่านการชี้ชวนให้ชมต้นไม้สำคัญๆ ต่างๆ ระหว่างทางอย่างเพลิดเพลิน
รถรางเริ่มต้นเส้นทางจากวัดพระสิงห์ วิ่งไปตามถนนอินทวโรรสออกไปสู่นอกกำแพงเมืองทาง “ประตูสวนดอก” ประตูทางฝั่งตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ ที่ได้ชื่อสวนดอกเพราะสมัยพระยากือนา บริเวณนี้จนถึงวัดสวนดอกเคยเป็นอุทยานหลวงมาก่อนนั่นเอง
จากนั้นรถวิ่งต่อมายัง “แจ่งหัวลิน” โดย “แจ่ง” หมายถึงมุม หรือมุมเมือง ส่วน “หัวลิน” หมายถึงรางลินรับน้ำจากดอยสุเทพเข้ามายังเมือง ที่แจ่งนี้จะมองเห็นต้นลานสูงใหญ่กำลังออกดอกสวย แต่น่าเสียดายว่ามันกำลังจะตาย เพราะต้นลานจะใช้เวลา 50-60 ปีออกดอกครั้งเดียวในชีวิต
จากนั้นจึงมาถึงจุดหมายแรกของเราที่ “วัดโลกโมฬี” วัดเก่าแก่ของเมืองเชียงใหม่ อายุ 650 ปีที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ที่นี่เป็นวัดที่มีผังแบบล้านนาแท้ๆ คือมีซุ้มประตูโขง วิหารหลวง และเจดีย์ตั้งเรียงกันเป็นเส้นตรง ล้อมรอบด้วยพื้นทราย ภายในวิหารหลวงประดิษฐานพรพุทธสันติจิรบรมมหาโลกนาถ เพดานและเสาแกะสลักเป็นลวดลายอันงดงามยิ่งนัก
ออกจากวัดโลกโมฬีมาแล้วรถรางยังคงวิ่งเลาะกำแพงเมือง ผ่าน “ประตูช้างเผือก” ประตูทางทิศเหนือของเมือง และผ่าน “แจ่งศรีภูมิ” แจ่งที่ได้ชื่อว่าร่มรื่นสวยงามที่สุด แจ่งนี้ถูกสร้างเป็นแจ่งแรกในเมืองเชียงใหม่ มีต้นไม้เก่าแก่นานาชนิด ทั้งต้นสัก ต้นศรีมหาโพธิ์ ต้นไทรนิโครธ เป็นต้น สำหรับต้นไทรนิโครธถือเป็นต้นไม้เสื้อเมือง คือปกปักรักษาเมือง เพราะสมัยสงครามข้าศึกเคยยิงปืนใหญ่มาแล้วมาติดต้นไม้ต้นนี้
รถวิ่งเข้ามาในกำแพงเมืองอีกครั้ง มุ่งหน้ามายัง “วัดเชียงมั่น” วัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเชียงใหม่ สร้างขึ้นพร้อมๆ กับการสร้างเมือง แต่เดิมบริเวณนี้เป็นหอนอนของพญามังราย หลังจากสร้างเมืองเสร็จท่านเสด็จย้ายไปประทับในพระราชวัง และได้โปรดให้สร้างเจดีย์ช้างล้อมขึ้นบริเวณที่เป็นหอนอนเดิมของพระองค์ไว้
รถจอดให้เราชมที่นี่ 15 นาที เมื่อมาที่วัดเชียงมั่นแล้วต้องไม่พลาดชมจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารใหญ่บอกเล่าเรื่องราวการสร้างเมืองเชียงใหม่ ส่วนในวิหารเล็กเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญคือ “พระเสตังคมณี” หรือพระแก้วขาว พระคู่บุญของพญามังราย
ได้แวะวัดสองแห่งแล้ว จากนั้นจะเป็นการนั่งรถชมบรรยากาศอย่างเดียว รถรางผ่าน “อนุสาวรีย์สามกษัตริย์” อันได้แก่พญามังราย พ่อขุนรามคำแหง และพญางำเมือง ผู้ทรงเป็นพระสหายและได้ร่วมกันสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น จากนั้นยังผ่านวัดพันเตาที่มีวิหารไม้สักทั้งหลัง ผ่านวัดเจดีย์หลวงที่มีต้นยางนาสูง 40 เมตร อายุร่วม 200 ปี โดดเด่นเป็นไม้หมายเมือง
รถวิ่งผ่านประตูท่าแพ ประตูเศรษฐกิจอันคึกคักตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน และในวันอาทิตย์ยังมีถนนคนเดินท่าแพอันเลื่องชื่อ ก่อนจะผ่าน "แจ่งกะต๊ำ” กะต๊ำคือเครื่องมือจับปลาของชาวบ้าน เพราะที่นี่เมื่อก่อนเป็นบริเวณน้ำลึกมีปลามาก ชาวเมืองก็จะมาจับปลาที่นี่ ก่อนจะวิ่งผ่าน “ประตูเชียงใหม่” แล้วเข้าสู่ถนนวัวลาย ถนนคนเดินวันเสาร์มายัง “วัดศรีสุพรรณ” วัดที่โดดเด่นด้วยอุโบสถเงินงดงาม และเป็นสถานที่ที่รถรางพาเรามาหยุดพักทำกิจกรรมกัน
กิจกรรมในวันนี้คือการทำ “สวยดอก” หรือกรวยดอกไม้ที่คนล้านนาจะทำเพื่อถวายพระ บูชาพระพุทธรูปหรือพระธาตุ สวยหรือกรวยทำมาจากใบตองม้วนให้เป็นกรวยสามเหลี่ยม แล้วพับใบตองเป็นลวดลายสามเหลี่ยมกลัดติดกับสวย จากนั้นเลือกดอกไม้ต่างๆ มาใส่ตกแต่งพร้อมด้วยธูปเทียนและข้าวตอก ตรงนี้จะมีคนสอนทุกขั้นตอน เมื่อทำแต่ละคนทำเสร็จก็พร้อมนำไปกราบพระกันอย่างชื่นมื่น อีกทั้งยังได้ชมอุโบสถเงินที่สวยงามของวัดศรีสุพรรณอีกด้วย
ออกจากวัดศรีสุพรรณมาแล้ว ก่อนที่รถรางจะวนกลับมาที่จุดจอด เราได้ผ่าน “ประตูแสนปุง” หรือ “สวนปรุง” อันเปรียบเหมือนประตูผีของเชียงใหม่ เมื่อมีคนตายในเมืองจะต้องเอาศพออกนอกกำแพงเมืองทางประตูนี้เพื่อไปเผาที่สุสานหายยาหรือที่อื่นๆ ก่อนจะผ่าน “แจ่งกู่เฮือง” เป็นแห่งสุดท้าย และกลับมาจุดจอดเดิมที่หน้าวัดพระสิงห์ เป็นอันจบเส้นทางรถรางแสนน่ารักที่นั่งได้ชิลๆ เพลินๆ แถมได้รู้จักเมืองเชียงใหม่มากขึ้นอีกต่างหาก ใครยังไม่เคยลองขอบอกว่าห้ามพลาดเลยจ้า
* * * * * * * * * * * * * *
นอกจากการทำกิจกรรมสวยดอกที่วัดศรีสุพรรณแล้วก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อาทิ ทำดอกไม้ไหวที่วัดพวกแต้ม สามารถสอบถามรายละเอียดหรือจองรถรางรอบพิเศษได้ที่โทร. 09 5129 8448 หรือเฟซบุค : เขียวชมเมือง by เขียวสวยหอม และสนใจสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเชียงใหม่ โทรสอบถามได้เลยที่ ททท.สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 0 5324 8604-5
* * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com