ด้วยชีวิตการทำงานของคนกรุงเทพฯ ผู้คนจึงใช้เวลาอยู่นอกบ้านกันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นคนกรุงมักจะนิยมมาหาอาหารอร่อยๆ กินให้อิ่มท้องแบบสะดวกสบายกันตามศูนย์การค้า ที่ซึ่งมีร้านอาหารมากมาย และมีอาหารหลายหลากให้ได้เลือกกินตามใจปาก
อย่างถ้าหากใครได้มีโอกาสมาที่ศูนย์การค้า The EmQuartier ก็จะเห็นได้ว่าที่นี่มีร้านอาหารหลายสัญชาติให้ได้เลือกไปฝากท้องอิ่มอยู่หลายร้าน ซึ่งถ้าใครชื่นชอบกินอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่นรสชาติดี “ตระเวนกิน” มีร้านอาหารที่น่าสนใจมาแนะนำให้ได้ลองตามไปชิมกันดู
ร้านที่ว่านี้มีชื่อว่า “Sava Dining” เป็นร้านอาหารของคุณหมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์ชื่อดัง โดยร้านนี้เกิดมาจากความเชื่อของคุณหมูที่ว่า ชีวิตที่มีความสุขส่วนหนึ่งมาจากมื้ออาหาร จึงทำให้เกิดร้านแห่งนี้ขึ้นมา และเลือกที่จะนำเสนออาหารไทยสไตล์ฟิวชั่น ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
โดยทางร้านได้ผสมผสานเอาความเรียบง่ายของอาหารไทยมาผสมผสานกับอาหารตะวันตก ซึ่งทางร้านเน้นใช้วัตถุดิบของไทยที่มาจากต้นกำเนิด คัดสรรแต่วัตถุดิบพรีเมียม และมีวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นพิเศษด้วย นำมารังสรรค์เป็นเมนูใหม่ที่คิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะ ปรุงแบบโฮมเมด เกิดเป็นอาหารจานเด็ดที่มีความลงตัว และมีหน้าตาอาหารที่ล้วนแล้วแต่ชวนชิมมากมาย ทั้งเมนูคาว หวาน และเครื่องดื่มหลากหลาย
อย่างเมนูจานเด่นที่ชวนสั่งมาลองลิ้มก็มีหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น หอยแมลงภู่เปลือกดำอบซอสไวน์ขาว (390 บาท++) ใครชอบกินหอยแนะนำว่าไม่ควรพลาด เพราะจะได้ลิ้มรสความหวานสดของหอยแมลงภู่จาก South Australia ที่มีเนื้อเหนียวนุ่มสดได้ใจ ได้รสชาติไวน์ขาวที่ซึมถึงเนื้อหอย หอมกลิ่นใบโหระพากับใบไทม์อ่อนๆ แถมมีน้ำจิ้มซีฟู้ดมาให้จิ้มเพิ่มความแซ่บ กินเคียงกับมันฝรั่งทอดแบบมีเปลือกติดมาด้วยกรอบนอกนุ่มในกินเพลินปากดี
จานต่อมา ยำดอกขจรพริกสด (240 บาท++) เป็นยำแบบไทยๆ ทางร้านนำดอกขจรสดมาลวกแล้วยำตามสูตรเด็ดเฉพาะ ยำคล้ายๆ กับยำถั่วพู ใส่กุ้งตัวโต เสิร์ฟพร้อมกับไข่เป็ดยางมะตูม ชิมยำดอกขจรเคี้ยวมันปากไม่เหม็นเขียว ได้รสชาติน้ำยำรสเข้มข้นโดนใจ กินเคียงกับไข่ต้มยางมะตูมเข้ากันดีจริงๆ
แล้วก็ต้องไม่พลาดเมนูซิกเนเจอร์จานนี้ ข้าวหน้ากากหมูคุโรบูตะ (299 บาท++) เป็นกากหมูคุโรบูตะที่เจียวจนแห้งสนิท แล้วผัดกับพริกยักษ์ 3 สี ผัดคั่วปรุงรสเข้ากันแบบแห้งๆ กินกับข้าวหอมมะลิร้อนๆ เม็ดนุ่มละมุนลิ้น เคี้ยวกากหมูหอมๆ กรอบนอกนุ่มใน ได้รสชาติกลมกล่อมปาก สำหรับคนชอบพริกน้ำปลา ที่นี่มีพริกน้ำปลาปรุงรสอย่างดีมาให้ใส่กินเพิ่มรสชาติ และก็ยังมีไข่เป็ดต้มยางมะตูมใส่มาให้กินเคียงกันแบบอิ่มท้องกันไป
ถ้าใครชอบกินเมนูเส้นๆ แนะนำ สปาเก็ตตี้ผัดกะปิหมูฮ้อง (320 บาท++) เส้นสปาเก็ตตี้ผัดกับซอสกะปิ ซึ่งทางร้านเลือกใช้กะปิอย่างดีจากแม่กลองมาทำเป็นซอสกะปิสูตรพิเศษ โรยด้วยกุ้งแห้งป่นไซส์ใหญ่จากแม่กลอง ส่วนหมูฮ้องเป็นหมูสามชั้นมันน้อยแต่เนื้อเยอะ ที่เคี่ยวกับเครื่องพะโล้นานกว่า 8 ชม. ได้หมูฮ้องสูตรเด็ด เนื้อนุ่มรสเข้มข้นกินเข้ากันดีกับเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่ม แถมยังมีพริกซอย หอมซอย และนะนาว มาเป็นเครื่องเคียงเพิ่มรสชาติตามชอบใจ
อีกหนึ่งจานเส้นที่ชวนกินคือ ผัดหมี่กระเฉดน่องเป็ดกรอบ (320 บาท++) หน้าตาน่ากินมาก เส้นหมี่ขาวลวกผัดกับผักกระเฉดส่วนยอดอ่อนๆ ใส่พริก ใส่ซอสตามสูตรเฉพาะ โดดเด่นด้วยน่องเป็ดกรอบที่ทำแบบดั๊กกงฟีสไตล์ฝรั่งเศส ลิ้มรสผัดหมี่เส้นนุ่มรสชาติดี ผักกระเฉดอ่อนเคี้ยวกรอบ กินเข้าคู่กับเป็ดรสเยี่ยมหนังกรอบเนื้อนุ่ม และมีเชอร์รี่แยมจากฝรั่งเศสใส่มาให้กินเคียงกัน
ส่วนของหวานที่ชวนสั่งคือ พุดดิ้งมะตูมอุ่น (220 บาท++) ทางร้านเลือกนำมะตูมเชื่อมจากชุมชนตรอกมะตูมมาทำเป็นพุดดิ้งสูตรพิเศษของทางร้าน ราดด้วยซอสมะตูมกลิ่นคาราเมล ท็อปด้วยวิปครีม กินพุดดิ้งมะตูมอุ่นๆ หอมกรุ่นกลิ่นมะตูมอ่อนๆ เนื้อพุดดิ้งเนุ่มละมุนปาก ฉ่ำซอสมะตูมคาราเมลที่หอมหวาน กินกับไอศกรีมวานิลลาหอมหวานเย็นชื่นใจ เป็นของหวานที่ดีต่อใจมากๆ
หากอยากสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ แนะนำ Plum Sky (110 บาท++) เป็นน้ำบ๊วยที่มีส่วนผสมรวมกันของเนื้อบ๊วยบดหยาบ บ๊วยไซรัป มะนาว เกลือ โซดา ใส่น้ำแข็งดื่มเย็นๆ หอมกลิ่นบ๊วยออกรสเค็มๆ ซาบซ่าชุ่มคอ และอีกแก้วที่ชวนดื่ม คือ Strawberry Black Tea (110 บาท++) เป็นสตรอเบอร์รี่สดปั่นละเอียดกรองเอาแต่เนื้อกับน้ำ มาผสมกับชาดำที่หอมกลิ่นผลไม้ ใส่สตรอเบอร์รี่สดกับใบมินต์ และใส่น้ำแข็งเสิร์ฟมาเย็นๆ ดื่มแล้วหอมหวานสตรอเบอร์รี่สดชื่นใจดี
สำหรับอาหารจานเด็ดที่ชวนกินยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนลองลิ้มอีกมากมาย อาทิ ยำเส้นปลาแห้ง (220 บาท++) ยำเย็นตาโฟจัดเต็ม (320 บาท++) ซุปผักรวม (180 บาท++) ซุปครีมกุ้งไวน์ขาว (240 บาท++) ข้าวผัดปลาสลิดพริกสดและโหระพา (240 บาท++) ฯลฯ อีกทั้งยังมีเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนมาอยู่เสมอ ให้เหล่านักกินได้อิ่มท้องกับอาหารรสดี ท่ามกลางบรรยากาศร้านสวยๆ ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างเก๋ไก๋มีสไตล์ ชวนให้มานั่งกินข้าวในบรรยากาศสบายๆ มีโต๊ะนั่งหลากหลายโซนให้เลือกนั่งตามชอบใจ เรียกว่ามาที่ร้าน “Sava Dining” แห่งนี้ แล้วจะได้รับความอิ่มเอมกลับบ้านไปอย่างแน่นอน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“Sava Dining” ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 โซน Helix ศูนย์การค้า The EmQuartier ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. การดินทางนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีพร้อมพงษ์ แล้วเดินมาที่ศูนย์การค้า The EmQuartier มาที่โซน Helix ชั้น 6 จะเห็นร้าน Sava Dining ตั้งอยู่ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.00 -22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 11.00 - 23.00 น. โทร. 0-2003-6208 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.savadining.com หรือ www.facebook.com/savadining IG : Savadining
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
