โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)

“พบพระ”
เป็นชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวัดตาก
ชื่ออำเภอพบพระ ไม่ได้มีที่มาจากการพบเจอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หากแต่มาจากคำว่า “ขี้เปรอะเพอะพะ” ที่หมายถึงขี้โคลนเปรอะเลอะเทอะ
สมัยก่อนเส้นทางคมนาคมที่อำเภอพบพระยังเป็นถนนดินลูกรัง พอถึงช่วงหน้าฝนมีฝนตกชุก ถ้าหากใครผ่านไปแถวนั้น แข้งขาจะมีแต่ขี้โคลนเปรอะเลอะเทอะ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า“ขี้เปรอะเพอะพะ” ทำให้พื้นที่ในอำเภอแห่งนี้ได้ชื่อว่า “บ้านเพอะพะ”
ต่อมาทางการเห็นว่าชื่อฟังไม่เหมาะสม จึงเปลี่ยนเป็นชื่อ“เพอะพะ” เป็น “พบพระ” ที่ฟังแล้วดูเป็นสิริมงคลดี

ปัจจุบันอำเภอพบพระถือเป็นหนึ่งในพื้นที่การเกษตรชั้นดีของเมืองไทย เนื่องจากมีอากาศดี ดินดี มีฝนตกชุก(จากลมมรสุมทะเลอันดามันฝั่งพม่า) ทำให้สามารถปลูกพืชผักผลไม้และดอกไม้ต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ “กุหลาบ” ซึ่งปัจจุบันอำเภอพบพระเป็นแหล่งผลิตดอกกุหลาบส่งขายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
กุหลาบพบพระมีส่งขายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะกุหลาบที่ปากคลองตลาด ส่วนใหญ่จะมาจากอำเภอพบพระแทบทั้งนั้น
กุหลาบมหัศจรรย์

สำหรับหนึ่งแหล่งผลิตกุหลาบชื่อดังของอำเภอพบพระก็คือ “ไร่ปฐมเพชร” หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในนาม “ไร่กุหลาบปฐมเพชร” ที่ตั้งอยู่ที่ ม.6 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
คุณ“ภราดร กานดา” เจ้าของไร่กุหลาบปฐมเพชร และรองประธานหอการค้าจังหวัดตาก เล่าให้ผมฟังว่า ชื่อไร่ปฐมเพชร มาจากชื่อของคุณภราดรที่เป็นคนนครปฐม และชื่อของภรรยา(คุณทุเรียน กานดา)ที่เป็นคนเพชรบุรี จึงรวมกันเป็น “ไร่ปฐมเพชร”

คุณภราดร เดิมปลูกกุหลาบอยู่ที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว พอย้ายมาอยู่ที่ อำเภอพบพระ ในปี พ.ศ. 2538 จึงเริ่มต้นด้วยการทำไร่กุหลาบ จากนั้นก็มีการพัฒนาไร่เรื่อยมา จนกลายเป็นหนึ่งในไร่ดังที่มีชื่อเสียงรู้จักกันอย่างกว้างขวาง
ไร่ปฐมเพชร เป็นผู้บุกเบิกในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบุกเบิกกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นยุคแรกๆใน จ.ตาก ด้วยการเปิดไร่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม พร้อมพาเที่ยวชมไร่ และให้ความรู้ต่างๆทางด้านการเกษตร โดยเฉพาะกุหลาบ

นอกจากนี้ไร่ปฐมเพชรยังเป็นผู้บุกเบิกการแปรรูปกุหลาบด้วยนวัตกรรมการทำ “ดอกกุหลาบอบแห้ง” ที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย ด้วยการนำดอกกุหลาบสีสันสวยงามต่างๆไปอบไล่ความชื้นออก โดยไม่ทำให้ดอกกุหลาบแห้งเหี่ยว
จากนั้นจึงนำดอกกุหลาบที่ผ่านการไล่ความชื้นไปบรรจุไว้ในภาชนะสุญญากาศ เช่น ขวดโหล ถ้วยแก้ว เพื่อให้กลายเป็นกุหลาบอมตะ ที่คงรูปทรงความสวยงาม ไม่เหี่ยวไม่แห้ง และสามารถเก็บรักษาได้ยาวนานนับสิบปี กลายเป็นสินค้ายอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักซื้อกลับไปเป็นที่ระลึก จนได้ชื่อว่าเป็น“กุหลาบมหัศจรรย์”

ทุเรียนพบพระ
ปัญหาเรื้อรังอย่างหนึ่งของเกษตรกรไทยก็คือในเรื่องของราคาผลผลิตตกต่ำ และการกดราคาของพ่อค้าคนกลาง นั่นจึงทำให้ในช่วงราวปี 2545 คุณภราดรได้เดินตามรอยพ่อหลวง ด้วยการนำทฤษฎีเกษตรผสมผสานของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ที่ไร่ปฐมเพชร โดยได้ทดลองนำผลไม้ต่างๆมาปลูกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กล้วยหอม กล้วยเล็บมือนาง มะม่วง ชมพู่ ทับทิม ละมุด กาแฟ ปาล์มน้ำมัน รวมไปถึง “ทุเรียนพบพระ” ที่วันนี้ถือเป็นของดีสิ่งใหม่ในจังหวัดตาก

ทุเรียนในอำเภอพบพระ ปัจจุบันมีเกษตรกรปลูกกันประมาณ 2 พันกว่าไร่ หนึ่งในนั้นก็คือทุเรียนไร่ปฐมเพชร ที่เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการปลูกทุเรียนรุ่นแรกๆของอำเภอพบพระ ซึ่งหลังจากคุณภราดรนำทุเรียนมาทดลองปลูกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทุเรียนไร่ปฐมเพชรได้เริ่มออกผลผลิตให้เก็บเกี่ยวส่งขายได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปีที่แล้ว(2559)

มาในปีนี้ทุเรียนไร่ปฐมเพชรยังคงออกผลผลิตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากที่เริ่มเป็นที่รู้จักในปีที่แล้ว ปีนี้ทุเรียนพบพระเริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น มีคนเข้ามาสั่งจองที่ไร่ปฐมเพชรกันไม่น้อย
สำหรับทุเรียนไร่ปฐมเพชรที่นำมาปลูกและขายคือ พันธุ์“หมอนทอง”จากชุมพร ซึ่งคุณภราดรบอกว่า เนื่องจากมีสภาพอากาศใกล้เคียงกัน คือพบพระตั้งอยู่พื้นที่สูง อยู่ใกล้ทะเลอันดามันของพม่า และมีฝนตกชุก จึงได้ในเรื่องของน้ำ เรื่องของอากาศ
ทุเรียนไร่ปฐมเพชร เป็นการปลูกแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี จึงมีผิวไม่สวย แต่นี่กลับกลายเป็นข้อดีที่ไม่เพียงปลอดภัยต่อร่างกายคนเราหากยังส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อม

นอกจากทุเรียนไร่ปฐมเพชรแล้ว ในอำเภอพบพระยังมีทุเรียนในไร่ในสวนอื่นๆอีกหลากหลาย อย่างเช่น ทุเรียน“สวนกาญจนศักดิ์” ซึ่ง คุณชัยวัฒน์ ประเสริฐธรรม หรือ “พี่น้อย” เจ้าของสวนได้นำทุเรียนพันธุ์หมอนทองจากชุมพรมาทดลองปลูกที่อำเภอพบพระตั้งแต่ประมาณเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ก็ได้ให้ผลผลิตที่ดีมีคนมาสั่งจองกันเป็นจำนวนมาก

ส่วนที่ “สวนเมืองหนาว” ที่มีคุณ“ธนาพนต์(เสรี) ไชยนอก” เป็นเจ้าของสวน ซึ่งปลูกทุเรียนมาประมาณ 7 ปี วันนี้ก็ได้ให้ผลผลิตที่ดี โดยนอกจากทุเรียนพันธุ์หมอนทอง แล้วก็ยังมีพันธุ์ก้านยาว และพวงมณีที่นำพันธุ์มาจากเมืองจันทน์ให้คนรักทุเรียนได้ลิ้มรสในความอร่อยกัน

สำหรับจุดเด่นของทุเรียนพบพระคือ เม็ดเล็กลีบ เนื้อเยอะฟู รสชาติอร่อย หวานเนียน มัน ลูกโต ต้นเตี้ยเก็บผลง่าย ส่วนข้อด้อยคือ เนื้อทุเรียนมีสีซีด และเนื่องจากวันนี้ยังเป็นทุเรียนสาวอยู่ จึงมีเปลือกหนา ไส้หนา
นอกจากนี้ทุเรียนพบพระยังมีจุดเด่นสำคัญ อีก 2 ข้อ คือ ข้อแรก เป็นทุเรียนทวาย หรือ ทุเรียนนอกฤดู ที่ออกผลช้ากว่าฤดูทุเรียนปกติในภาคตะวันออก ทุเรียนที่นี่จะออกผลให้เก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ต.ค. ข้อสองคือ ทุเรียนพบพระ กลิ่นไม่แรง บางลูกถ้าไม่แกะหรือปอกเปลือกจะไม่ได้กลิ่นเลย

ตัวผมเองมีโอกาสได้ลิ้มลองทุเรียนพบพระ ไร่ปฐมเพชรรุ่นแรกของปีนี้มาแล้ว บอกเลยว่าอร่อย ฟินมาก และเป็นทุเรียนที่กลิ่นไม่แรงเลย บางลูกแกะแล้วยังแทบจะไร้กลิ่นด้วยซ้ำ
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งของดีสิ่งใหม่แห่งเมืองตาก ที่หากใครได้ไปเที่ยวไร่ เที่ยวสวน ในอำเภอพบพระในช่วง มิ.ย.-ต.ค. ย่อมมีโอกาสสูงที่จะได้ลิ้มลองทุเรียนพบพระ รสชาติอร่อย แต่นั่นต้องเป็นช่วงที่ทางสวนเก็บผล และที่สำคัญคือยังพอมีทุเรียนเหลือให้เราได้กิน เนื่องจากส่วนใหญ่มีคนจองกันหมดแล้ว
เที่ยวพบพระ

นอกจากไร่ปฐมเพชรแล้ว อำเภอพบพระยังมี“สวนส้มร่มเกล้า” (ม.4 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ) เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจ
สวนส้มร่มเกล้าปลูกส้มพันธุ์สายน้ำผึ้งและพันธุ์โอเชี่ยน ภายในสวนจะมีส้มให้กินและส้มส่งขายสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นช่วงตลอดทั้งปี

ขณะที่พืชผลเด่นๆอื่นๆที่สวนส้มแห่งนี้นั้นก็มี มัลเบอร์รี(หม่อน) เสาวรส แมคคาเดเมีย และอะโวคาโด เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันทางสวนร่มเกล้าได้นำพืชผลเหล่านี้ไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันทางสวนส้มร่มเกล้าได้มีการปลูกดอกไม้แซมประดับอย่างสวยงามให้บรรยากาศคล้ายรีสอร์ตดูเก๋ไก๋ไม่น้อย

นอกจากแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแล้ว อำเภอพบพระยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามให้สัมผัสเที่ยวชมกัน นำโดย “น้ำตกพาเจริญ”(อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ) ที่เป็นหนึ่งในน้ำตกขึ้นชื่อของจังหวัดตาก

น้ำตกพาเจริญเป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกับน้ำซับบนเขา แล้วไหลเป็นสายน้ำตกลงสู่เบื้องล่าง มีลักษณะเป็นชั้นใหญ่ชั้นเดียว แต่มีชั้นเล็กๆน้อยๆอีกจำนวนมาก นับรวมกันได้มากถึง 97 ชั้น
สายน้ำตกพาเจริญ จะไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินดูคล้ายบันไดขาวฟูฟ่องสวยงามมาจนถึงแอ่งลำธารเบื้องล่างที่สามารถลงเล่นน้ำได้ ในท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของแมกไม้อันร่มรื่น

ใครที่ไปเที่ยวน้ำตกพาเจริญในช่วงฤดูฝนราวเดือน ส.ค.-ต.ค. จะได้พบกับ“ดอกฉัตรทอง” หรือ “ดอกกระเจียวส้ม” สีสดสวย มีกลีบดอกซ้อนกันหลายชั้น ในพื้นที่ 10 กว่าไร่ ที่ทางอุทยานฯปลูกประดับไว้เป็นจำนวนมาก ในพื้นที่รอบบริเวณน้ำตก มองเห็นเป็นสีส้มสดตัดกับสีเขียวของต้นกระเจียวและต้นไม้ใบหญ้าอื่นๆดูงดงามไม่น้อย นับเป็นเสน่ห์พิเศษของน้ำตกพาเจริญที่พบได้เฉพาะในหน้าฝนเท่านั้น

ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญยังมี “น้ำตกป่าหวาย” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวอันโดดเด่น ซึ่งอยู่ห่างจากน้ำตกพาเจริญประมาณ 14 กม. จากจุดจอดรถจะมีทางเดินลงสู่ตัวน้ำตก ผ่านลำธารแมกไม้อันร่มรื่น
น้ำตกป่าหวายเป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำห้วยป่าหวาย มีสายน้ำไหลอยู่ตลอดทั้งปี บริเวณน้ำตกมีต้นหวายขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อ “น้ำตกป่าหวาย”

น้ำตกป่าหวาย มีชั้นหลักๆทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นแบ่งเป็นชั้นย่อยๆอีกจำนวนมาก นับรวมแล้วเกินกว่าร้อยชั้น ซึ่งตัวน้ำตกแต่ละชั้นจะมีสายน้ำไหลฟูฟ่องลดหลั่นลงมาตามชั้นหินน้อยใหญ่ ในตัวน้ำตกมีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นแซม ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นสวยงาม

นอกจากนี้อำเภอพบพระยังมี “บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำนัก” เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ปราศจากกลิ่นกำมะถัน มีอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส ในเอกสารของอุทยานฯ น้ำตกพาเจริญระบุว่า น้ำในบ่อน้ำร้อนมีแร่ธาตุสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งปัจจุบันทางอุทยานฯ ได้พัฒนาปรับปรุงพื้นที่สำหรับการแช่น้ำร้อนเพื่อสุขภาพ ผ่อนคลาย และเพื่อการท่องเที่ยว พร้อมชูเป็น “ออนเซนเมืองตาก” ให้ผู้สนใจได้มาสัมผัสกัน
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของอำเภอพบพระ ที่หากใครได้ไปพบพระแล้ว จะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ชวนให้เพลิดเพลินไม่น้อย
******************************************
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในอำเภอพบพระ และในจังหวัดตากเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานจังหวัดตาก โทร.0-5551-4341 -3
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
“พบพระ”
เป็นชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวัดตาก
ชื่ออำเภอพบพระ ไม่ได้มีที่มาจากการพบเจอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หากแต่มาจากคำว่า “ขี้เปรอะเพอะพะ” ที่หมายถึงขี้โคลนเปรอะเลอะเทอะ
สมัยก่อนเส้นทางคมนาคมที่อำเภอพบพระยังเป็นถนนดินลูกรัง พอถึงช่วงหน้าฝนมีฝนตกชุก ถ้าหากใครผ่านไปแถวนั้น แข้งขาจะมีแต่ขี้โคลนเปรอะเลอะเทอะ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า“ขี้เปรอะเพอะพะ” ทำให้พื้นที่ในอำเภอแห่งนี้ได้ชื่อว่า “บ้านเพอะพะ”
ต่อมาทางการเห็นว่าชื่อฟังไม่เหมาะสม จึงเปลี่ยนเป็นชื่อ“เพอะพะ” เป็น “พบพระ” ที่ฟังแล้วดูเป็นสิริมงคลดี
ปัจจุบันอำเภอพบพระถือเป็นหนึ่งในพื้นที่การเกษตรชั้นดีของเมืองไทย เนื่องจากมีอากาศดี ดินดี มีฝนตกชุก(จากลมมรสุมทะเลอันดามันฝั่งพม่า) ทำให้สามารถปลูกพืชผักผลไม้และดอกไม้ต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ “กุหลาบ” ซึ่งปัจจุบันอำเภอพบพระเป็นแหล่งผลิตดอกกุหลาบส่งขายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
กุหลาบพบพระมีส่งขายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะกุหลาบที่ปากคลองตลาด ส่วนใหญ่จะมาจากอำเภอพบพระแทบทั้งนั้น
กุหลาบมหัศจรรย์
สำหรับหนึ่งแหล่งผลิตกุหลาบชื่อดังของอำเภอพบพระก็คือ “ไร่ปฐมเพชร” หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในนาม “ไร่กุหลาบปฐมเพชร” ที่ตั้งอยู่ที่ ม.6 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
คุณ“ภราดร กานดา” เจ้าของไร่กุหลาบปฐมเพชร และรองประธานหอการค้าจังหวัดตาก เล่าให้ผมฟังว่า ชื่อไร่ปฐมเพชร มาจากชื่อของคุณภราดรที่เป็นคนนครปฐม และชื่อของภรรยา(คุณทุเรียน กานดา)ที่เป็นคนเพชรบุรี จึงรวมกันเป็น “ไร่ปฐมเพชร”
คุณภราดร เดิมปลูกกุหลาบอยู่ที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว พอย้ายมาอยู่ที่ อำเภอพบพระ ในปี พ.ศ. 2538 จึงเริ่มต้นด้วยการทำไร่กุหลาบ จากนั้นก็มีการพัฒนาไร่เรื่อยมา จนกลายเป็นหนึ่งในไร่ดังที่มีชื่อเสียงรู้จักกันอย่างกว้างขวาง
ไร่ปฐมเพชร เป็นผู้บุกเบิกในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบุกเบิกกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นยุคแรกๆใน จ.ตาก ด้วยการเปิดไร่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม พร้อมพาเที่ยวชมไร่ และให้ความรู้ต่างๆทางด้านการเกษตร โดยเฉพาะกุหลาบ
นอกจากนี้ไร่ปฐมเพชรยังเป็นผู้บุกเบิกการแปรรูปกุหลาบด้วยนวัตกรรมการทำ “ดอกกุหลาบอบแห้ง” ที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย ด้วยการนำดอกกุหลาบสีสันสวยงามต่างๆไปอบไล่ความชื้นออก โดยไม่ทำให้ดอกกุหลาบแห้งเหี่ยว
จากนั้นจึงนำดอกกุหลาบที่ผ่านการไล่ความชื้นไปบรรจุไว้ในภาชนะสุญญากาศ เช่น ขวดโหล ถ้วยแก้ว เพื่อให้กลายเป็นกุหลาบอมตะ ที่คงรูปทรงความสวยงาม ไม่เหี่ยวไม่แห้ง และสามารถเก็บรักษาได้ยาวนานนับสิบปี กลายเป็นสินค้ายอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักซื้อกลับไปเป็นที่ระลึก จนได้ชื่อว่าเป็น“กุหลาบมหัศจรรย์”
ทุเรียนพบพระ
ปัญหาเรื้อรังอย่างหนึ่งของเกษตรกรไทยก็คือในเรื่องของราคาผลผลิตตกต่ำ และการกดราคาของพ่อค้าคนกลาง นั่นจึงทำให้ในช่วงราวปี 2545 คุณภราดรได้เดินตามรอยพ่อหลวง ด้วยการนำทฤษฎีเกษตรผสมผสานของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ที่ไร่ปฐมเพชร โดยได้ทดลองนำผลไม้ต่างๆมาปลูกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กล้วยหอม กล้วยเล็บมือนาง มะม่วง ชมพู่ ทับทิม ละมุด กาแฟ ปาล์มน้ำมัน รวมไปถึง “ทุเรียนพบพระ” ที่วันนี้ถือเป็นของดีสิ่งใหม่ในจังหวัดตาก
ทุเรียนในอำเภอพบพระ ปัจจุบันมีเกษตรกรปลูกกันประมาณ 2 พันกว่าไร่ หนึ่งในนั้นก็คือทุเรียนไร่ปฐมเพชร ที่เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการปลูกทุเรียนรุ่นแรกๆของอำเภอพบพระ ซึ่งหลังจากคุณภราดรนำทุเรียนมาทดลองปลูกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทุเรียนไร่ปฐมเพชรได้เริ่มออกผลผลิตให้เก็บเกี่ยวส่งขายได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปีที่แล้ว(2559)
มาในปีนี้ทุเรียนไร่ปฐมเพชรยังคงออกผลผลิตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากที่เริ่มเป็นที่รู้จักในปีที่แล้ว ปีนี้ทุเรียนพบพระเริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น มีคนเข้ามาสั่งจองที่ไร่ปฐมเพชรกันไม่น้อย
สำหรับทุเรียนไร่ปฐมเพชรที่นำมาปลูกและขายคือ พันธุ์“หมอนทอง”จากชุมพร ซึ่งคุณภราดรบอกว่า เนื่องจากมีสภาพอากาศใกล้เคียงกัน คือพบพระตั้งอยู่พื้นที่สูง อยู่ใกล้ทะเลอันดามันของพม่า และมีฝนตกชุก จึงได้ในเรื่องของน้ำ เรื่องของอากาศ
ทุเรียนไร่ปฐมเพชร เป็นการปลูกแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี จึงมีผิวไม่สวย แต่นี่กลับกลายเป็นข้อดีที่ไม่เพียงปลอดภัยต่อร่างกายคนเราหากยังส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อม
นอกจากทุเรียนไร่ปฐมเพชรแล้ว ในอำเภอพบพระยังมีทุเรียนในไร่ในสวนอื่นๆอีกหลากหลาย อย่างเช่น ทุเรียน“สวนกาญจนศักดิ์” ซึ่ง คุณชัยวัฒน์ ประเสริฐธรรม หรือ “พี่น้อย” เจ้าของสวนได้นำทุเรียนพันธุ์หมอนทองจากชุมพรมาทดลองปลูกที่อำเภอพบพระตั้งแต่ประมาณเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ก็ได้ให้ผลผลิตที่ดีมีคนมาสั่งจองกันเป็นจำนวนมาก
ส่วนที่ “สวนเมืองหนาว” ที่มีคุณ“ธนาพนต์(เสรี) ไชยนอก” เป็นเจ้าของสวน ซึ่งปลูกทุเรียนมาประมาณ 7 ปี วันนี้ก็ได้ให้ผลผลิตที่ดี โดยนอกจากทุเรียนพันธุ์หมอนทอง แล้วก็ยังมีพันธุ์ก้านยาว และพวงมณีที่นำพันธุ์มาจากเมืองจันทน์ให้คนรักทุเรียนได้ลิ้มรสในความอร่อยกัน
สำหรับจุดเด่นของทุเรียนพบพระคือ เม็ดเล็กลีบ เนื้อเยอะฟู รสชาติอร่อย หวานเนียน มัน ลูกโต ต้นเตี้ยเก็บผลง่าย ส่วนข้อด้อยคือ เนื้อทุเรียนมีสีซีด และเนื่องจากวันนี้ยังเป็นทุเรียนสาวอยู่ จึงมีเปลือกหนา ไส้หนา
นอกจากนี้ทุเรียนพบพระยังมีจุดเด่นสำคัญ อีก 2 ข้อ คือ ข้อแรก เป็นทุเรียนทวาย หรือ ทุเรียนนอกฤดู ที่ออกผลช้ากว่าฤดูทุเรียนปกติในภาคตะวันออก ทุเรียนที่นี่จะออกผลให้เก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ต.ค. ข้อสองคือ ทุเรียนพบพระ กลิ่นไม่แรง บางลูกถ้าไม่แกะหรือปอกเปลือกจะไม่ได้กลิ่นเลย
ตัวผมเองมีโอกาสได้ลิ้มลองทุเรียนพบพระ ไร่ปฐมเพชรรุ่นแรกของปีนี้มาแล้ว บอกเลยว่าอร่อย ฟินมาก และเป็นทุเรียนที่กลิ่นไม่แรงเลย บางลูกแกะแล้วยังแทบจะไร้กลิ่นด้วยซ้ำ
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งของดีสิ่งใหม่แห่งเมืองตาก ที่หากใครได้ไปเที่ยวไร่ เที่ยวสวน ในอำเภอพบพระในช่วง มิ.ย.-ต.ค. ย่อมมีโอกาสสูงที่จะได้ลิ้มลองทุเรียนพบพระ รสชาติอร่อย แต่นั่นต้องเป็นช่วงที่ทางสวนเก็บผล และที่สำคัญคือยังพอมีทุเรียนเหลือให้เราได้กิน เนื่องจากส่วนใหญ่มีคนจองกันหมดแล้ว
เที่ยวพบพระ
นอกจากไร่ปฐมเพชรแล้ว อำเภอพบพระยังมี“สวนส้มร่มเกล้า” (ม.4 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ) เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจ
สวนส้มร่มเกล้าปลูกส้มพันธุ์สายน้ำผึ้งและพันธุ์โอเชี่ยน ภายในสวนจะมีส้มให้กินและส้มส่งขายสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นช่วงตลอดทั้งปี
ขณะที่พืชผลเด่นๆอื่นๆที่สวนส้มแห่งนี้นั้นก็มี มัลเบอร์รี(หม่อน) เสาวรส แมคคาเดเมีย และอะโวคาโด เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันทางสวนร่มเกล้าได้นำพืชผลเหล่านี้ไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันทางสวนส้มร่มเกล้าได้มีการปลูกดอกไม้แซมประดับอย่างสวยงามให้บรรยากาศคล้ายรีสอร์ตดูเก๋ไก๋ไม่น้อย
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแล้ว อำเภอพบพระยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามให้สัมผัสเที่ยวชมกัน นำโดย “น้ำตกพาเจริญ”(อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ) ที่เป็นหนึ่งในน้ำตกขึ้นชื่อของจังหวัดตาก
น้ำตกพาเจริญเป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกับน้ำซับบนเขา แล้วไหลเป็นสายน้ำตกลงสู่เบื้องล่าง มีลักษณะเป็นชั้นใหญ่ชั้นเดียว แต่มีชั้นเล็กๆน้อยๆอีกจำนวนมาก นับรวมกันได้มากถึง 97 ชั้น
สายน้ำตกพาเจริญ จะไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินดูคล้ายบันไดขาวฟูฟ่องสวยงามมาจนถึงแอ่งลำธารเบื้องล่างที่สามารถลงเล่นน้ำได้ ในท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของแมกไม้อันร่มรื่น
ใครที่ไปเที่ยวน้ำตกพาเจริญในช่วงฤดูฝนราวเดือน ส.ค.-ต.ค. จะได้พบกับ“ดอกฉัตรทอง” หรือ “ดอกกระเจียวส้ม” สีสดสวย มีกลีบดอกซ้อนกันหลายชั้น ในพื้นที่ 10 กว่าไร่ ที่ทางอุทยานฯปลูกประดับไว้เป็นจำนวนมาก ในพื้นที่รอบบริเวณน้ำตก มองเห็นเป็นสีส้มสดตัดกับสีเขียวของต้นกระเจียวและต้นไม้ใบหญ้าอื่นๆดูงดงามไม่น้อย นับเป็นเสน่ห์พิเศษของน้ำตกพาเจริญที่พบได้เฉพาะในหน้าฝนเท่านั้น
ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญยังมี “น้ำตกป่าหวาย” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวอันโดดเด่น ซึ่งอยู่ห่างจากน้ำตกพาเจริญประมาณ 14 กม. จากจุดจอดรถจะมีทางเดินลงสู่ตัวน้ำตก ผ่านลำธารแมกไม้อันร่มรื่น
น้ำตกป่าหวายเป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำห้วยป่าหวาย มีสายน้ำไหลอยู่ตลอดทั้งปี บริเวณน้ำตกมีต้นหวายขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อ “น้ำตกป่าหวาย”
น้ำตกป่าหวาย มีชั้นหลักๆทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นแบ่งเป็นชั้นย่อยๆอีกจำนวนมาก นับรวมแล้วเกินกว่าร้อยชั้น ซึ่งตัวน้ำตกแต่ละชั้นจะมีสายน้ำไหลฟูฟ่องลดหลั่นลงมาตามชั้นหินน้อยใหญ่ ในตัวน้ำตกมีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นแซม ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นสวยงาม
นอกจากนี้อำเภอพบพระยังมี “บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำนัก” เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ปราศจากกลิ่นกำมะถัน มีอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส ในเอกสารของอุทยานฯ น้ำตกพาเจริญระบุว่า น้ำในบ่อน้ำร้อนมีแร่ธาตุสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งปัจจุบันทางอุทยานฯ ได้พัฒนาปรับปรุงพื้นที่สำหรับการแช่น้ำร้อนเพื่อสุขภาพ ผ่อนคลาย และเพื่อการท่องเที่ยว พร้อมชูเป็น “ออนเซนเมืองตาก” ให้ผู้สนใจได้มาสัมผัสกัน
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของอำเภอพบพระ ที่หากใครได้ไปพบพระแล้ว จะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ชวนให้เพลิดเพลินไม่น้อย
******************************************
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในอำเภอพบพระ และในจังหวัดตากเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานจังหวัดตาก โทร.0-5551-4341 -3
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com