โดย : ปิ่น บุตรี
“เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา”
คำขวัญจังหวัดตราด
เที่ยวตราด
จังหวัดตราดเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวชั้นนำในอันดับต้นๆของเมืองไทย โดยเฉพาะกับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล อันได้แก่หมู่เกาะช้าง ที่มีเกาะทั้งหมด 52 เกาะ นำทัพโดย “เกาะช้าง” เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไทยที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง, “เกาะกูด” เกาะใหญ่อันดับ 4 ของเมืองไทย ที่โดดเด่นในเรื่องน้ำใสแจ๋ว หาดทรายสวย, “เกาะหมาก” เกาะสงบงามต้นแบบการท่องเที่ยวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม(โลว์คาร์บอน)ของเมืองไทย, “เกาะกระดาด” อันซีนไทยแลนด์กับเกาะที่มีลักษณะแบนราบ บนเกาะมีกวางมากมายจนได้ชื่อว่า“ซาฟารีกลางทะเล”
ในขณะที่บนฝั่งของจังหวัดตราดนั้นก็มีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลประเภทหาดทราย ชายหาด ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น หาดทรายเงิน หาดทรายแก้ว หาดมุกแก้ว หาดราชการุณย์ หาดไม้รูด หาดบานชื่น และ“หาดทรายดำ”(ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ) ที่มีลักษณะพิเศษเป็นพื้นทรายเนื้อละเอียดที่เม็ดทรายเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มไปจนถึงดำ ซึ่งทั่วโลกมีหาดทรายดำลักษณะเช่นนี้มีเพียงไม่กี่แห่งในโลกเท่านั้น
นอกจากนี้บนฝั่งเมืองตราดยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นน่าสนใจอื่นๆอีก อาทิ “วัดบุปผาราม” วัดที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดตราด มีอายุมากกว่า 300 ปี,“ศาลหลักเมืองจังหวัดตราด” ที่โดดเด่นไปด้วยงานศิลปกรรม 3 วัฒนธรรมด้วยกัน คือพุธ ฮินดู และจีน,“ประภาคารแหลมงอบ”(อ.แหลมงอบ) ที่เป็นจุดชมวิว“สุดแผ่นดินตะวันออก”อันสวยงาม และ“พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด” แหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้เกี่ยวกับจังหวัดตราดในฉบับย่อ ที่หากใครไปเยือนเมืองตราดไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
“พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด”(ถ.สันติสุข อ.เมือง)เป็นการนำศาลากลางหลังเก่าที่เป็นอาคารไม้(เสาปูน)อันสวยงาม มาจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์
ภายในพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด มีการจัดแสดงที่มากไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจต่างๆ อาทิ มรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งตราด,ผู้คนเมืองตราด, เหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง, ตลาดเมืองตราด และเหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อาทิ การพระราชทานพระแสงราชศาสตราประจำเมือง การเสด็จประพาสเมืองตราด ฯลฯ นับเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับจังหวัดตราดในฉบับย่อที่หากใครไปเยือนเมืองตราดไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สำหรับอีกหนึ่งเสน่ห์ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดตราดที่มีความโดดเด่นเป็น อย่างยิ่ง นั่นก็คือ แหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีอยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ชุมชนรักษ์คลองบางพระ ชุมชนน้ำเชี่ยว ชุมชนสลักคอก ชุมชนบ้านช้างทูน ชุมชนบ้านท่าระแนะ ชุมชนบ้านห้วยแร้ง และ“ชุมชนบ้านไม้รูด” ที่ชาวบ้านยังคงยึดอาชีพประมงเป็นวิถีชีวิตและวิถีการผลิตที่พึ่งพิงกับทรัพยากรธรรมชาติ
ชุมชนบ้านไม้รูด เป็นชุมชนริมชายฝั่งปากอ่าวที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ชุมชนแห่งนี้โดดเด่นในเรื่องของการเป็นแหล่ง“แมงกะพรุนหลากสี”จำนวนมหาศาลที่จะมีปรากฏให้ชมกันในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.
นอกจากนี้บ้านไม้รูดยังมีแผนจัดทำเส้นทางล่องเรือสัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวประมง มีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักค้าง
อีกทั้งยังมีแผนพัฒนาของดีในพื้นที่ คือ “หาดทรายสองสี” ที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นหาดทรายสีขาวกับหาดทรายสีแดงมาเชื่อมบรรจบในบริเวณริมชายหาดที่มีวิวทิวทัศน์อันสวยงาม และ “บ่อญวน” ที่ตั้งอยู่หลังวัดไม้รูด เป็นบ่อน้ำจืดในทะเล(ริมทะเล น้ำทะเลท่วมถึง)คล้ายบ่อน้ำจืดหลวงปู่ทวดกลางทะเลที่ทะเลขนอม จ.นครศรีธรรมราช
อย่างไรก็ดีทั้งหาดทรายสองสีและบ่อญวนที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆกัน วันนี้ยังคงอยู่ในสภาพที่ขาดการพัฒนา จึงทำให้มีบรรยากาศดูแล้วยังไม่เอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยว ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งที่ทางชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องวางแผนพัฒนาเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
อพท. ชวนเที่ยววิถีชุมชนสองประเทศ ตราด -เกาะกง
ด้วยศักยภาพทางการท่องเที่ยวอันโดดเด่นของตราด ทาง“องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน)” หรือ “อพท.” จึงได้มีการจัดตั้ง “สำนักงานพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง หรือ อพท.1” ขึ้น ที่จังหวัดตราดเป็นพื้นที่ อพท.แห่งแรก ซึ่งวันนี้ อพท. 1 ดำเนินงานมา 10 กว่าปีแล้ว
สำหรับภารกิจหลักที่ทาง อพท.(1)ได้ดำเนินการ คือ การบริหารจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ โลว์คาร์บอน (Low Catbon Destination) อีกทั้งยังมีการทำงานด้านการท่องเที่ยวเพื่อมุ่งนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการทำงานร่วมกับชุมชนอีกหลากหลาย
นอกจากนี้ล่าสุดทาง อพท.ยังมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา โดยทาง อพท. ได้หนุนการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ตราด – เกาะกง พร้อมทั้งชูกิจกรรมท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างชุมชนใน 2 ประเทศ ชูวิถีประมงชายฝั่ง และป่าชายเลน รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเรียนรู้ เพิ่มวันพักอีก 1 คืน เพิ่มรายได้ชุมชน
นายสุธารักษ์ สุนทรวิภาต รักษาการผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง หรือ อพท. 1 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า อพท. 1 ได้ลงนามความร่วมมือในสัญญา (MOU) กับจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่ชุมชนของทั้ง 2 ประเทศ
ที่ผ่านมา อพท. 1 ได้พัฒนาศักยภาพของชุมชนให้มีความพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยว ล่าสุดได้จัดทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 2 เส้นทาง เชื่อมตราด - เกาะกง ได้แก่ เส้นทาง ตราด- แหลมกลัด-หาดเล็ก-เกาะกง (ป่าโกงกางบางคายัค) และเส้นทาง ตราด-บ้านไม้รูด-หาดเล็ก-เกาะกง (น้ำตกตาไต) จุดประสงค์เพื่อเพิ่มวันพักของนักท่องเที่ยวอีกอย่างน้อย 1 คืน และเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว เช่น การทำกิจกรรมท่องเที่ยวในชุมชน และการจับจ่ายใช้สอยสินค้าชุมชนและสินค้าบริเวณชายแดน
“จังหวัดตราดมีแนวเขตชายแดนติดกับจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา มีจุดแข็งในเรื่องวิถีชีวิตชุมชนใกล้เคียงกัน และทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ ประกอบกับการเปิดเสรีอาเซียน ทำให้การเดินทางข้ามแดนสะดวกขึ้นจึงเป็นอีกจุดแข็งหนึ่งที่ชุมชนตามระยะทางจากตราดไปสู่เกาะกง จะได้รับประโยชน์จากการมาเยือนของนักท่องเที่ยว”
นายสุธารักษ์ กล่าวว่า การส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวครั้งนี้ จะช่วยให้มีนักท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้ในวิถีชีวิตชุมชน โดยชุมชนก็เป็นเจ้าบ้านที่ดีคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวและยังมีรายได้เสริมจากการให้บริการกิจกรรมการท่องเที่ยว และการนำนักท่องเที่ยวไปสัมผัสกิจกรรมต่างๆในชุมชน เช่น การทำประมงชายฝั่ง ทั้งหมดจะช่วยผลักดันให้ชุมชนมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนได้เพิ่มมากขึ้น
ที่ผ่านมา อพท. 1 ดำเนินการสำรวจเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพหลายแห่ง พบว่าชุมชนยังมีวิถีชีวิตแบบเดิมๆ คือทำประมง ทำสวน และ ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ทั้งหมดจึงเป็นจุดแข็ง ที่ อพท. 1 ได้เข้าไปพัฒนาต่อยอด โดยนำองค์ความรู้ด้านการจัดการไปสอนให้กับชุมชน ให้ชุมชนเป็นผู้จัดกิจกรรม บริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้ถูกใช้อย่างคุ้มค่า และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวกิจกรรมการท่องเที่ยวให้ดีมีมาตรฐาน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างประทับใจ
ในส่วนของชุมชนตำบลไม้รูด จุดแข็งคือความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และวิถีประมง ที่จะนำเสนอเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเรียนรู้แก่นักท่องเที่ยว ได้แก่ ศึกษาการทำประมง นั่งเรือชมทะเล ศึกษาป่าชายเลน
ขณะที่ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ เป็นพื้นที่สุดแดนติดกับกัมพูชา เป็นจุดที่แคบที่สุดของไทย มีเขตการค้าชายแดน มีความพร้อมในการรองรับการท่องเที่ยวชุมชน สามารถที่จะดึงนักท่องเที่ยวจากหมู่เกาะช้าง เข้ามาท่องเที่ยวชุมชนเหล่านี้ ช่วยลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในหมู่เกาะช้าง ด้วยการกระจายการท่องเที่ยวสู่ชุมชน ส่วนบริเวณตำบลคลองใหญ่ เป็นประมงพื้นบ้านออกเรือเล็ก เกษตรกรรม มีชายหาด มีแนวชายทะเลยาว 100 กิโลเมตร มีหาดมุกแก้ว เป็นชายหาดบริสุทธิ์ มีความเป็นธรรมชาติมาก มีแมงกะพรุนหลากสี จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี
สำหรับจุดที่แคบที่สุดของเมืองไทย หรือ “ส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทย” เป็นบริเวณชายแดนที่ด้านหนึ่งติดกับประเทศกัมพูชา โดยมีเทือกเขาบรรทัดเป็นพรมแดนธรรมชาติขวางกั้น ส่วนอีกด้านหนึ่งติดชายฝั่งทะเล ที่เมื่อวัดระยะทางจากชายฝั่งทะเลไปจรดพรมแดนคือแนวสันเขาบรรทัดจะมีระยะทางเพียง 450 เมตรเท่านั้น
วันนี้บริเวณส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทย ได้มีการพัฒนาพื้นที่เป็นจุดพักรถ มีห้องน้ำอาดสะอ้าน พร้อมทั้งได้ทำจุดถ่ายรูปป้ายส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทย ป้ายตัวหนังสือจังหวัดตราด และจุดชมวิวบนเนินริมเทือกเขาบรรทัดที่เมื่อมองลงมาจะเห็นวิวทิวทัศน์ของส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทย ไล่ไปยังชายฝั่งท้องทะเลตราด และเห็นไปไกลถึงเกาะกูดเลยทีเดียว
เที่ยวเกาะกง
จากเมืองไทยสุดแดนบูรพาที่จังหวัดตราด เมื่อเดินทางข้ามพรมแดนที่“ด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก”(อ.คลองใหญ่) ที่ถือเป็นอีกหนึ่งประตูสู่อาเซียน เมื่อข้ามแดนไปจะเป็นพื้นที่ของจังหวัด“เกาะกง” ประเทศกัมพูชา
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในจังหวัดเกาะกงนั้น ได้แก่ “เทวสถานโกวครก” ที่มีลักษณะเป็นมณฑปกึ่งเจดีย์ อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแกะสลักหินทรายอันสวยงามซึ่งหันพระพักตร์(หน้า)ไปยังประเทศไทย, “วัดปากคลอง” ที่ในอดีตเป็นที่จำพรรษาของ“หลวงพ่อหมึก” เกจิอาจารย์ชื่อดังที่ทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาต่างให้ความเคารพศรัทธา, “เจดีย์ขุนช้างขุนแผน” ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเกาะกงบริเวณสะพานข้ามเข้าไปยังเกาะกง เป็นเจดีย์เก่าแก่อายุหลายร้อยปี ซึ่งชาวเกาะกงนิยมมานมัสการกราบไว้บูชาเจดีย์ขุนช้างขุนแผน เพื่อขอพรให้สมหวัง ค้าขายร่ำรวย ทำมาค้าขึ้น ซึ่งสถานที่แห่งนี้ในช่วงเย็น ๆ บรรยากาศจะดีมาก ลมเย็น จึงมีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นจำนวนมาก
นอกจากนี้จังหวัดเกาะกงยังมีไฮไลท์สำคัญคือ “น้ำตกตาไต” หรือ“น้ำตกทาไท” ที่ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านทาไท ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันออกของเมืองเกาะกง
ตาไตเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 2 ชั้น ชั้นแรกมีความสูงประมาณ 5-6 เมตร ชั้นที่สองสูงประมาณ 12-15 เมตร ได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมทั้งคนในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งวันนี้ชุมชนตาไตได้เข้ามามีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวของน้ำตกตาไต ด้วยการจัดการด้านบริการเรือนำเที่ยว ที่มีการบริหารจัดการได้อย่างเป็นระเบียบ และมีชูชีพไว้ให้บริการทุกลำเพื่อความปลอดภัย
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยวเชื่อมโยงตราด-เกาะกง ซึ่งเดิมนั้นเมื่อมาให้สุดบูรพาก็ต้องมาให้ถึงตราด ขณะที่ในวันนี้จากตราดสามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปยังจังหวัดเกาะกงได้อย่างสะดวกสบาย
นับเป็นเสน่ห์แห่งใหม่ของการท่องเที่ยวในภาคตะวันออก ณ ดินแดนสุดบูรพา ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com