ในช่วงหน้าฝนตั้งแต่ราวเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม ถือเป็นช่วงเวลาทองของคนรักผลไม้ เพราะในช่วงนี้ทั้งราชา-ราชินีของผลไม้อย่างทุเรียนและมังคุด รวมไปถึงเงาะ ลองกอง สละ และผลไม้แสนอร่อยอีกหลากชนิดของสวนทางภาคตะวันออกต่างก็ทยอยออกผลอันหอมหวานมาให้ชิมกันจนอิ่มเอม ขณะนี้จึงเป็น “ฤดูท่องเที่ยวสวนผลไม้” ที่เจ้าของสวนต่างก็เปิดสวนยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเก็บผลไม้สดๆ จากต้นกินเองให้ฉ่ำใจ
และจุใจแน่นอนถ้าหากได้มาเยือน “จันทบุรี” 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” เมืองน่าเที่ยวจากแคมเปญท่องเที่ยวอันโด่งดังของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ที่ชูให้จันทบุรีเป็นเมือง “สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้” แสดงให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์อันโดดเด่นของเมืองจันท์ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้อันหลากหลาย
สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้
ในหลายๆ อำเภอของจันทบุรี ไม่ว่าจะเป็น อ.แหลมสิงห์ อ.ท่าใหม่ อ.มะขาม หรือ อ.เมือง ก็ล้วนแล้วแต่มีการทำสวนผลไม้กันอย่างหนาแน่น และตอนนี้ผลไม้ก็กำลังสุกงอมพร้อมกิน ทำให้ชาวสวนพร้อมแล้วที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเชิงเกษตร สัมผัสวีถีชีวิตชาวสวน ชิมผลไม้สดๆ รสชาติอร่อยจากต้นได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม
และสำหรับใครที่อยากจะเข้าไปเที่ยวชมสวนผลไม้ พร้อมทั้งได้ลองลิ้มความหอมหวานแบบสดๆ จากต้น ที่จันทบุรีก็มีสวนหลายแห่งที่เกษตรกรเจ้าของสวนเปิดสวนให้ชมให้ชิมกันเพียบ อาทิ สวนสละเฮียถึก สวนสาวสุดใจ บ้านสวนลุงฉลวย สวนประนอม สวนเจริญชัย สวนลุงฉัตร สวนรินรดี สวนภูทิพย์ธารา สวนโถทอง และสวนอินทรีย์กลุ่มรัฐไท ฯลฯ
ส่วนที่สวนเคพีการ์เด้น มีกิจกรรมปั่นจักรยานชมสวน ที่วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชนรักเขาบายศรี สามารถชมและสาธิตการปลูกผลไม้ และที่อิสรีย์ ฟาร์มม้าไทย มีกิจกรรมขี่ม้าและเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ หรือจะไปลองทำทุเรียน มังคุด สละ แก้วมังกรกวน ชมสวนทุเรียนก็สามารถไปได้ที่สวนป้าแกลบ OTOP 5 ดาว
และในวันที่ 3-11 มิถุนายน 2560 ที่จันทบุรีก็กำลังจะจัดงาน “มหานครผลไม้ประจำปี 2560” (Fruitpital Fair 2017) ณ บริเวณลานขนถ่ายสินค้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี ก็สามารถไปซื้อหาผลไม้นานาชนิดเป็นของกินของฝากกันได้แบบจุใจไปเลย
นอนโฮมสเตย์-กินปูเมืองจันท์
นอกจากการจะเป็นแหล่งปลูกผลไม้แสนอร่อยแล้ว จันทบุรียังขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นแหล่งอาหารซีฟู้ดสดใหม่ในราคาไม่แพง โดยการท่องเที่ยวแบบ “นอนโฮมสเตย์-กินปูไม่อั้น” กำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ มีโฮมสเตย์หลายๆ แห่งในจันทบุรี โดยเฉพาะใน อ.ขลุง และ อ.แหลมสิงห์ ที่เปิดให้บริการหลายสิบแห่ง และมีจุดขายคล้ายกันคือมานอนพักผ่อนที่โฮมสเตย์ พร้อมมีอาหารให้บริการ 2-3 มื้อ โดยไฮไลท์ก็อยู่ที่อาหารมื้อเย็นที่จัดเอาซีฟู้ดสดๆ ทั้งปูทะเลตัวใหญ่นึ่งมาพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซบ กุ้งเผาสดหวาน หอยนางรมตัวโต ปลาทอดน้ำปลา และอีกหลายเมนูราว 6-8 อย่างมาเสิร์ฟกันแบบเติมได้เรื่อยๆ จนกว่าจะอิ่ม (แต่ละโฮมสเตย์จะมีเมนูแตกต่างกันไป)
นอกจากมานอนเล่น มากินอาหารอร่อยๆ แล้ว โฮมสเตย์แต่ละแห่งก็จะมีความโดดเด่นและมีกิจกรรมมาให้บริการนักท่องเที่ยวต่างกันไป อาทิ “ป้าหลุยลุงทม โฮมสเตย์” (อ.แหลมสิงห์) เป็นโฮมสเตย์ที่ลอยอยู่บนแพกลางน้ำ ที่นี่เน้นการมากินหอย โดยเฉพาะเมนู “หอยตะโกรม” (หอยนางรมพันธุ์ตัวโต) ที่เลี้ยงเองในฟาร์มเป็นเมนูเด่น ใครมาแล้วต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
หรือจะเป็น “อะโลฮา ซันเซ็ท โฮมสเตย์” (อ.ขลุง) ที่เปิดให้บริการเป็นที่รู้จักมายาวนานกว่า 10 ปี ขึ้นชื่อในเรื่องกิจกรรมทางน้ำ ทั้งเวคบอร์ดและบานาน่าโบท และยังเต็มอิ่มกับปูทะเลนึ่งและนานาอาหารทะเลสดใหม่หลากชนิด
นอกจากนั้นก็ยังมี “ปากคลองโฮมสเตย์” (อ.แหลมสิงห์) โฮมสเตย์น่ารักริมคลองหนองชิ่ม “มุมทะเลจันท์โฮมสเตย์” (อ.ขลุง) ที่จะพาไปเที่ยวที่หมู่บ้านไร้แผ่นดินกลางน้ำ “มณีแดง โฮมสเตย์” (อ.แหลมสิงห์) บ้านกลางน้ำสีสดใส และโฮมสเตย์อีกหลากสิบแห่งให้เลือกไปอิ่มอร่อยพักสบายกันได้เลย
ชมวิวเนินนางพญา คุ้งกระเบนน่ายล
ชายหาดหลายแห่งของจันทบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น “หาดคุ้งวิมาน” (อ.นายายอาม) “หาดแหลมเสด็จ” “หาดเจ้าหลาว” (อ.ท่าใหม่) “หาดแหลมสิงห์” (อ.แหลมสิงห์) ขณะที่ “จุดชมวิวเนินนางพญา” (อ.ท่าใหม่) ก็เป็นจุดชมวิวของจันทบุรีที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม เพราะเป็นเนินเขาที่ชมวิวสวยๆ ได้แบบ 360 องศา ด้านหนึ่งมองไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ของแนวถนนเฉลิมบูรพาชลทิตที่คดโค้งเลาะเลียบไปกับท้องทะเลเมืองจันท์อันงดงาม อีกด้านหนึ่งเป็นโขดหินและท้องทะเลอันสดใส ที่ในยามเย็นก็เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงามอีกด้วย
จากจุดชมวิวเนินนางพญาอีกฝั่งหนึ่งของโค้งอ่าว เป็นที่ตั้งของ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” (อ.ท่าใหม่) เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 แห่งสำคัญในภาคตะวันออก เพราะช่วยพลิกฟื้นป่าชายเลนอันเสื่อมโทรม ให้กลับกลายมาเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านประมงและการเกษตรที่สำคัญแห่งหนึ่งในประเทศไทย
พระองค์ได้ทรงพลิกฟื้นป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนที่เสื่อมโทรม ให้กลายเป็นป่าชายเลนอันทรงคุณค่าที่มากไปด้วยระบบนิเวศอันหลากหลาย นักท่องเที่ยวสามารถมาเรียนรู้และเที่ยวชมใน “เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่าวคุ้งกระเบน” ทางเดินสะพานไม้ระยะทางประมาณ 1,600 เมตร ที่จะทำให้เราได้ความรู้เกี่ยวกับพืชและสัตว์ในป่าชายเลน อีกทั้งยังมี “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา” ซึ่งจัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำเค็มที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในบริเวณอ่าวคุ้งกระเบน และมีอุโมงค์สัตว์น้ำระยะทางสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลที่น่าสนใจ เช่น ปลากระเบน ปลาฉลาม เป็นต้น
นักท่องเที่ยวยังมีสามารถไปทดลองให้อาหารปลาฉลามได้ที่หน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ศึกษาฯ ที่นี่เป็นกระชังเลี้ยงปลาสาธิตเพื่อให้ความรู้กับชาวประมง โดยมีพันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิดทั้งฉลามหลายพันธุ์ ปลาหมอทะเล ปลากะพง เต่าทะเล ฯลฯ น่าตื่นตาไม่น้อย
ชมพูสดใสที่ “ลานหินสีชมพู”
ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน อ.ท่าใหม่ (ห่างจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน 8 ก.ม.) มี “ลานหินสีชมพู” เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งเป็นที่รู้จักเมื่อไม่นานนัก
สำหรับ “ลานหินสีชมพู” เป็นโขดหินริมทะเลที่มีสีแดงอมชมพูสดใส โดยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกึ่งผจญภัยภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ ที่มีระยะทางรวมราว 1 ก.ม. เหตุที่หินเหล่านี้มีสีชมพูก็เนื่องจากว่าเป็นหินทรายสีแดงอมชมพูที่เรียกว่า “หินทรายอาร์โคส” เนื่องจากมีส่วนผสมของแร่เหล็กมากจึงทำให้หินมีสีแดงอมชมพู ยิ่งเมื่อสัมผัสกับแสงแดดจ้าก็ยิ่งออกสีชมพูสดใส แม้จะร้อนไปสักนิดแต่ถ้าได้แดดแรงๆ รับรองถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน
ระหว่างเส้นทางอาจต้องเกาะป่ายปีนโขดหินเลาะริมทะเลไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะได้พบกับโขดหินสีชมพูทอดยาวไปในท้องทะเล พร้อมกับมองเห็น "เกาะช่องสะบ้า" อยู่กลางทะเล ตรงนี้จะเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่สวยงามมากทีเดียว นอกจากนั้นบนเขาก็ยังมีจุดชมวิวบ่อเตย ชมวิวทะเลสีฟ้าครามสดใสที่ในยามเย็นเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกด้วย
แต่ทั้งนี้ต้องเช็คเวลาน้ำขึ้น-น้ำลงก่อนจะมาเที่ยว เพราะหากน้ำขึ้นสูงจะลำบากและเป็นอันตรายในการไต่โขดหิน แต่ใครที่จะมาเที่ยวลานหินสีชมพูในช่วงนี้ไปจนถึงเดือนกรกฎาคมก็สบายใจได้เพราะน้ำจะลงตอนช่วงกลางวัน สามารถเที่ยวได้สะดวก แต่หลังจากเดือนกรกฎาคมต้องสอบถามช่วงเวลาเที่ยวที่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง
เดินเล่นชิลล์ๆ ชมชุมชนริมน้ำจันทบูร
ที่พลาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งเมื่อมาเยือนจันทบุรีก็คือการมาเดินเล่นชิลล์ๆ ที่ “ชุมชนริมน้ำจันทบูร” (อ.เมือง) ชมชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรีที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมอันหลากหลาย ในบริเวณชุมชนเราจะได้สัมผัสกับอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ทรงเสน่ห์ ทั้งบ้านไม้หลังคาปั้นหยา เรือนขนมปังขิง ตึกฝรั่งแบบสไตล์ยุโรปที่ล้วนแล้วแต่มีความเก่าแก่คลาสสิก เดินถ่ายรูปกันเพลินเลย
ที่ชุมชนแห่งนี้ยังมีของกินอร่อยน่าลิ้มลองอย่าง “ก๋วยเตี๋ยวกั้งเจ๊อี๊ด” ก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่ใส่เครื่องจัดเต็มทั้งกั้ง กุ้งปู “ขนมไข่ป้าไต๊” ขนมไข่กรอบนอกนุ่มในที่ขายมานานหลายสิบปี นอกจากนั้นก็ยังมีไอศกรีม ขนมกินเล่นให้เลือกซื้อเลือกชิมได้ตลอดเส้นทาง
อีกฟากฝั่งของแม่น้ำจันทบุรีเป็นที่ตั้งของ “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” หรือ “โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล” ที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิกอันโดดเด่น จนได้รับการยกย่องให้เป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย จนไม่อยากให้พลาดชมกัน
จันทบุรี plus สระแก้ว
มาเที่ยวถึงจันทบุรีแล้ว ถ้าอยากเพิ่มเติมความประทับใจให้มากขึ้นก็ต้องห้ามพลาดไปเยือน “สระแก้ว” จังหวัดชายแดนตะวันออกที่อยู่ติดกันซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายและน่าสนใจ จน ททท. ต้องจับคู่ “จันทบุรี-สระแก้ว” ให้เป็น “เมืองต้องห้ามพลาด plus” เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวให้เราได้ไปเที่ยวแบบสนุกคูณสอง
ที่สระแก้วนั้นมีอำเภอชายแดนอย่าง “อรัญประเทศ” เป็นอำเภอที่คึกคัก มีแหล่งชอปชิ้งชายแดนอันเลื่องชื่ออย่าง “โรงเกลือ” ให้ชอปกันกระจาย อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติหลากหลาย อาทิ ถ้ำน้ำเขาศิวะ (อ.คลองหาด) อุทยานแห่งชาติปางสีดา (ครอบคลุม อ.เมือง อ.วัฒนานคร อ.ตาพระยา) ละลุ เป็นต้น และที่ อ.โคกสูง ก็ยังเป็นที่ตั้งของ “ปราสาทสด๊กก๊อกธม” ปราสาทหินในวัฒนธรรมขอมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกอีกด้วย
ถ้าได้เที่ยวจันทบุรีต่อด้วยสระแก้ว ก็จะยิ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยว “เมืองต้องห้ามพลาด plus” ที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เอ้า...รออะไร เก็บกระเป๋าไปเที่ยวพร้อมกันเลยดีกว่า
* * * * * * * * * * * * * *
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในเส้นทาง เมืองต้องห้าม...พลาด พลัส “จันทบุรี plus สระแก้ว” เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง (ดูแลพื้นที่ระยอง จันทบุรี) โทร.0-3865-5420-1, 0-3866-4585 และ ททท.สำนักงานนครนายก (ดูแลพื้นที่นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) โทร. 0-3731-2282
* * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com