xs
xsm
sm
md
lg

"ฮาโกดาเตะ" ชมวิวยามค่ำ ดื่มด่ำเมืองโรแมนติก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ทิวทัศน์ของเมืองฮาโกดาเตะขณะขึ้นกระเช้า
หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวของญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวชาวไทยอยากไปเยือนมากที่สุดในตอนนี้ “ตะลอนเที่ยว” ว่าต้องมี “ฮาโกดาเตะ” (Hakodate) เมืองใหญ่อันดับ 3 ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะฮอกไกโด ติดโผอยู่ด้วยแน่ๆ

เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็นเมืองโรแมนติก ด้วยบรรยากาศของเมืองชายทะเลที่มีทิวทัศน์งดงาม และด้วยความที่เป็นเมืองท่าเก่าแก่ที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติมานาน จึงทำให้วัฒนธรรมตะวันตกหลั่งไหลเข้ามาในเมืองนี้ มีอาคารบ้านเรือนที่ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมทางตะวันตก มีโบสถ์คริสต์หลายแห่งสร้างขึ้นที่นี่
แสงไฟในเมืองส่องแสงระยิบระยับ
“ตะลอนเที่ยว” ได้มีโอกาสไปเยือนเมืองฮาโกดาเตะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากการชักชวนขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวฮอกไกโด ร่วมกับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) จึงได้มาสัมผัสบรรยากาศอันน่ารักของเมืองฮาโกดาเตะแห่งนี้

แน่นอนว่ามาถึงเมืองฮาโกดาเตะ ใครๆ ก็อยากจะขึ้นไปชมวิวของเมืองทั้งเมืองกันบน “ภูเขาฮาโกดาเตะ” เพราะจุดชมวิวแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวกลางคืนที่สวยงามโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวที่ได้รับคะแนนสูงสุดระดับสามดาวจากคู่มือนำเที่ยว มิชลิน กรีน ไกด์
.ในโค้งอ่าวมองเห็นสวนสาธารณะยื่นลงไปในทะเล
การจะขึ้นไปบนยอดเขานั้นทำได้หลายวิธี ทั้งนั่งรถ เดิน หรือจะนั่งกระเช้าขึ้นไปก็ได้ ซึ่งวิธียอดนิยมก็คือการนั่งกระเช้า เพราะนอกจากจะใช้เวลาเพียง 3 นาที ก็ถึงยอดเขาแล้ว ระหว่างที่กระเช้าลอยสูงขึ้นไปก็ยังจะได้ชมวิวสวยๆ ระหว่างทางขึ้นอีกด้วย

“ตะลอนเที่ยว” เลือกขึ้นไปบนภูเขาในช่วงเย็น เพื่อเตรียมรอชมแสงสียามค่ำคืนของเมืองฮาโกดาเตะ เมื่อขึ้นมาถึงด้านบน เราจะพบกับร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกละลานตาไปหมด และแน่นอนว่าผู้คนก็มหาศาลเช่นกันเพราะใครๆ ก็อยากมาดูแสงไฟในยามเย็นของฮาโกดาเตะด้วยกันทั้งนั้น แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ทิวทัศน์ที่ได้ชมก็สวยงามไม่แพ้กัน
บันทึกภาพความทรงจำ
ระหว่างรอเวลาให้ท้องฟ้ามืดลง เราเข้าไปชมวิดีทัศน์สั้นๆ ที่แนะนำเกี่ยวกับภูเขาฮาโกดาเตะซึ่งเป็นภูเขาริมทะเลที่ตั้งอยู่ระหว่างอ่าว 2 อ่าว จึงทำให้วิวเมืองที่เห็นจากยอดเขานั้นมีรูปทรงคล้ายนาฬิกาทรายที่ขนาบด้วยทะเลทั้งสองด้าน

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง พร้อมๆ กับผู้คนก็ทยอยออกไปจับจองที่ยืนที่นั่งชมวิวกันที่ชั้นบนสุดของอาคาร ถ้าใครมาช้ารับรองได้เห็นแต่หัวคนแน่นอน เพราะทุกคนก็ต่างเต็มใจมายืนจองที่รอให้ได้แสงสวยๆ มุมดีๆ ทั้งนั้น “ตะลอนเที่ยว” จับจองได้ที่มุมๆ หนึ่ง และยืนรอเมื่อแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ลับไป พร้อมกับแสงไฟในเมืองที่เริ่มสว่างขึ้น ภาพที่เห็นนั้นสวยงามสมคำร่ำลือ แสงไฟเบื้องล่างเหมือนดาวนับล้านๆ ดวงเปล่งประกายแวววาวตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม มองแล้วช่างโรแมนติกสุดๆ มิน่าใครๆ ถึงได้ยกให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวกลางคืนที่ไม่ควรพลาด
หอชมวิวโกเรียวคาคุ
นอกจากจะมีจุดชมวิวกลางคืนแสนสวยแล้ว ที่นี่ก็มีจุดชมวิวตอนกลางวันที่ไม่ควรพลาดอีกด้วย นั่นก็คือที่ “หอชมวิวโกเรียวคาคุ” ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮาโกดาเตะ มีความสูงถึง 107 เมตร เปิดให้บริการตั้งแต่ปีค.ศ.2006 บริเวณชั้นล่างสุดของหอชมวิวเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึกและของฝากของเมืองฮาโกดาเตะ และยังเป็นจุดขึ้นลิฟต์ไปยังจุดชมวิวด้านบนด้วย

ก่อนจะได้ช้อปปิ้ง “ตะลอนเที่ยว” ขึ้นลิฟต์ไปยังหอชมวิวชั้นที่ 1 ก่อน บริเวณนี้มีความสูง 86 เมตร บริเวณด้านข้างเป็นกระจกใสให้เราสามารถเดินชมวิวได้โดยรอบแบบ 360 องศา ที่ชั้นนี้ยังเป็นจุดจำหน่ายไอศกรีม ขนม กาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ แต่หากจะดื่มด่ำกับวิวงามๆ เพียงอย่างเดียว ก็ต้องขึ้นไปที่หอชมวิวชั้นที่ 2 ความสูง 90 เมตร ที่ชั้นนี้ก็เป็นกระจกใสให้เราชมวิวได้โดยรอบเช่นกัน โดยเราสามารถมองไปได้กว้างไกล เห็นบ้านเมืองหนาแน่นในเมืองฮาโกดาเตะ เห็นภูเขาฮาโกดาเตะ และท้องทะเลกว้างใหญ่
“ปราสาทโกเรียวคาคุ” ป้อมปราการก่อด้วยหิน สร้างเป็นรูปดาวเลียนแบบปราสาทในยุโรป
แต่สิ่งหนึ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนและโดดเด่นก็คือลานกว้างรูปดาวขนาดใหญ่สวยงามไม่น้อย สิ่งนั้นก็คือ “ปราสาทโกเรียวคาคุ” ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1857 ซึ่งเป็นป้อมปราการก่อด้วยหิน สร้างเป็นรูปดาวเลียนแบบปราสาทในยุโรป โดยมีการสร้างปืนใหญ่รอบๆ เพื่อป้องกันเมืองด้วย โดยปราสาทแห่งนี้ได้เป็นศูนย์กลางทางการเมือง การต่างประเทศ และการป้องกันของญี่ปุ่นในภาคเหนือ เพื่อใช้ป้องกันการรุกรานจากต่างชาติในช่วงที่สหรัฐต้องการบีบให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ

ในช่วงที่ “ตะลอนเที่ยว” มาเยือนฮาโกดาเตะยังคงมีหิมะปกคลุมไปทั่ว เมื่อมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นต้นไม้นับพันต้นที่ทิ้งใบจนหมดเหลือแต่กิ่งก้านหงิกงอปลูกอยู่รอบๆ คูน้ำของปราสาทรูปดาว มีคนบอกว่าต้นหงิกๆ งอๆ นี้คือ “ต้นซากุระ” ที่มีอยู่มากถึง 1,600 ต้น และเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิก็จะออกดอกสีชมพูหวาน ซึ่งในขณะนี้ต้นซากุระรอบๆ ปราสาทก็คงจะกำลังบานสวยเลย น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เห็น คงต้องลองมาเยือนใหม่ในช่วงใบไม้ผลิครั้งต่อไป
ในหน้าหนาว ต้นซากุระเหลือแต่กิ่งก้านหงิกๆ งอๆ
ตรงกลางป้อมรูปดาวคือสำนักงานปกครองฮาโกดาเตะ (บุเกียวโช)
ด้านหน้าบุเกียวโช
ลงจากหอชมวิวแล้วถ้าใครอยากชมปราสาทโกเรียวคาคุใกล้ๆ ก็สามารถเดินเข้ามาชมได้ เพราะปัจจุบันที่นี่เปิดเป็นสวนสาธารณะตั้งแต่ปี ค.ศ.1952 และถูกกำหนดให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์พิเศษ ซึ่งศูนย์กลางของปราสาทแห่งนี้ก็คือ “สำนักงานปกครองฮาโกดาเตะ” (บุเกียวโช) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางสวนสาธารณะ อาคารแห่งนี้ได้รับการฟื้นฟูสภาพใหม่ หลังจากที่เคยถูกใช้เป็นสำนักงานของรัฐบาลที่บริหารโดยซามูไร
ตึกอิฐแดงริมทะเล
อีกหนึ่งสิ่งที่เมื่อมาถึงฮาโกดาเตะแล้วจะพลาดชมไม่ได้เลยก็คือ “คลังสินค้าอิฐแดงคาเนโมริ” (Kanemori Red Brick Warehouse) ที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวริมทะเลไม่ไกลจากภูเขาฮาโกดาเตะมากนัก ที่นี่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอ่าวฮาโกดาเตะเลยก็ว่าได้ โดยโกดังสินค้าเหล่านี้สร้างขึ้นด้วยอิฐสีแดงไว้เพื่อเก็บสินค้าในช่วงที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ภายหลังถูกไฟไหม้ไปแต่ก็ได้สร้างทดแทนขึ้นใหม่และถูกดัดแปลงภายในให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์ ให้นักท่องเที่ยวได้มาเดินเล่นชมสินค้าและบรรยากาศอันแสนน่ารักในบริเวณนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน
ตึกอิฐแดงดูสวยคลาสสิก
อาคารโกดังสินต้าที่ดัดแปลงภายในเป็นร้านขายของ
เราสามารถเดินเล่นจากบริเวณริมถนนเข้าไปยังริมอ่าว ถ่ายรูปกับโกดังอิฐแดงอันสวยคลาสสิค แวะช้อปปิ้งหรือกินไอศกรีมอร่อยๆ ระหว่างทาง พร้อมสูดอากาศดีๆ ของชายทะเล
เป็นมุมถ่ายรูปที่สวยไม่น้อย
ปูยักษ์ชั่งน้ำหนักให้ดูเห็นๆ
ปิดท้ายการเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะกันด้วยของขึ้นชื่อของเมืองนี้ นั่นก็คืออาหารทะเลสดๆ ที่สามารถหาชิมได้ที่ “ตลาดเช้าอะซา-อิชิ” (Asa-ichi Morning Market) ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีฮาโกดาเตะ โดยที่ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดยามเช้าที่เน้นขายอาหารทะเลสดๆ ไม่ว่าจะเป็นปูยักษ์ หอยเม่น หมึก ปลาดิบ ฯลฯ มีทั้งแบบตลาดในร่มที่รวมเอาร้านค้าต่างๆ ไว้ด้วยกัน (ในตลาดมีบ่อหมึกให้ลูกค้าได้ลองตกหมึกมากินสดๆ ด้วยตัวเองอีกด้วย!) และร้านค้าด้านนอกที่อยู่ตามตรอกซอกซอยให้เดินเล่นได้อย่างเพลิดเพลิน
บรรยากาศในตลาดเช้า
ปูขน ปูยักษ์ ฯลฯ หาซื้อได้ที่นี่
และนอกจากจะมีร้านขายวัตถุดิบสดๆ แล้ว ก็มีร้านอาหารที่ปรุงสำเร็จพร้อมกิน ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสั่งซูชิหรือซาซิมิสดๆ ข้าวหน้าอาหารทะเลสดๆ และอีกหลากหลายเมนูที่ส่งกลิ่นหอมออกมานอกร้านทำเอาน้ำลายไหลได้เลยทีเดียว
หอยเม่นสดน่ากิน
ชิมอาหารทะเลสดๆ หรือจะลองตกหมึกเองในบ่อก็ได้
บอกเลยว่าฮาโกดาเตะไม่ได้มีที่เที่ยวเพียงเท่าที่กล่าวมานี้ แต่ยังมีอีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นโบสถ์คริสต์เก่าแก่งดงาม ถนนให้เดินเล่นชมอาคารเก่าแก่ในบรรยากาศโรแมนติกสไตล์ยุโรป ท่าเรือสุดชิลล์ให้เดินเล่นและย่านช้อปปิ้งต่างๆ ถ้ามีโอกาสอยากให้มาเยือน “ฮาโกดาเตะ” เมืองน่ารักโรแมนติกแห่งเกาะฮอกไกโดแห่งนี้กัน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ผู้ที่สนใจอยากไปเที่ยวฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ได้ที่ http://soodyod-hokkaido.jp/

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น