สาวๆ สมัยนี้นอกจากจะทำงานเก่ง ดูแลตัวเองเก่ง ใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งใครแล้ว พวกเธอยังรักอิสระ รักการเดินทางท่องเที่ยวเดินทางไปในที่ต่างๆ และที่สำคัญ ถ้าไปเที่ยวแล้วเจอของฝากถูกใจ ยิ่งเป็นของท้องถิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์และประณีตแล้วละก็ พวกเธอก็จะช้อปกระจายไม่แคร์ใครอีกด้วย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล็งเห็นถึงศักยภาพของนีกท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงเหล่านี้ จึงอยากชวนสาวๆ ให้ลองไปสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในภาคอีสานกันบ้าง ททท.ด้านตลาดในประเทศจึงได้จัดกิจกรรมนำร่อง พาไปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวแบบผู้หญิงๆ ในภาคอีสาน โดยเลือกเส้นทางในจังหวัดขอนแก่น-ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม โดยได้ทำเป็นเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับผู้หญิงขึ้น
โดยเส้นทางครั้งนี้มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน "ตะลอนเที่ยว" ขอแนะนำทางสะดวกก็คือให้จังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์กลางในการเดินทางและพักค้าง เพราะจากขอนแก่นจะเดินทางไปร้อยเอ็ดหรือมหาสารคามนั้นใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมง แถมยังมีที่พัก ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้งและปาร์ตี้สังสรรค์ให้สาวๆ สะดวกสบายอีกด้วย
เริ่มต้นเส้นทางกันที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยสถานที่แรกที่ได้มาเยือนคือ “เมืองไม้บาติก” ที่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด แหล่งทำผ้าบาติกที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่น เพราะที่นี่จะใช้ผ้าไหมทอมือฝีมือชาวบ้านใน จ.ร้อยเอ็ด มาวาดลวดลายเขียนเทียน ก่อนจะลงสีที่จะเน้นสีแนวเอิร์ธโทน หรือสีสันตามที่ลูกค้าต้องการ ส่วนลวดลายก็จะเน้นเป็นลวดลายในท้องถิ่น เช่น ลายดอกอินทนิลซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นต้น
ผ้าบาติกเหล่านี้บ้างก็นำมาทำผ้าตัดเสื้อ บ้างทำเป็นผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ ฯลฯ สาวๆ เลือกช้อปกันได้เพลินเลย และไม่ได้แค่มาช้อปอย่างเดียว เพราะที่นี่เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้คนได้เข้ามาลองทำผ้าบาติกด้วยฝีมือตัวเอง โดยมี อ.ต่อศักดิ์ สุทธิสา เจ้าของเมืองไม้บาติกเป็นผู้ให้คำแนะนำ ได้ทดลองเขียนเทียน ลงสี ไม่เก่งศิลปะก็ไม่เป็นไร ถ้ามากับเพื่อนหลายๆ คนยิ่งช่วยกันทำยิ่งสนุก
ที่ร้อยเอ็ดยังมีวัดงามที่สาวๆ ไม่ควรพลาดไปชมและไปไหว้พระกัน คือที่ “วัดป่ากุง” หรือ “วัดประชาคมวนาราม” ใน อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด พระเจดีย์หินทรายแห่งวัดป่ากุงแห่งนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องของความสวยงาม โดยสร้างให้มีรูปทรงคล้ายกับเจดีย์บุโรพุทโธ (Borobudur-โบโรบูดูร์ หรือบรมพุทโธ) ที่เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย
เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจากคำปรารภของหลวงปู่ศรี มหาวีโร (พระเทพวิสุทธิมงคล) พระเกจิชื่อดังของจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ต้องการให้ก่อสร้างเจดีย์ด้วยหินทรายธรรมชาติ แต่นำมาประยุกต์ให้มีความเหมาะสมกับสถานที่ ผสมผสานกับความเป็นไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยให้มีรูปทรงคล้ายกับเจดีย์บุโรพุทโธ แต่ภายในมีพื้นที่สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ
ด้านนอกขององค์เจดีย์แบ่งออกเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีภาพแกะสลักหินทรายนูนต่ำที่สวยงามเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระเวสสันดรชาดก พุทธประวัติ ภาพสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ฯลฯ ส่วนยอดองค์เจดีย์เป็นทองคำน้ำหนัก 101 บาท งดงามล้ำค่าไม่น่าพลาดชมเลยจริงๆ
ออกจากร้อยเอ็ดเดินทางมายังมหาสารคาม มาชมและช้อป “เสื่อกกบ้านแพง” ที่หมู่บ้านหัตถกรรมเสื่อกกบ้านแพง ใน ต.แพง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม อาชีพหลักของคนที่นี่คือการทำนา รองลงมาคือการทอเสื่อกก ที่ทอกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า แต่เดิมเน้นทอไว้ใช้สอยในครัวเรือน แต่ปัจจุบันทอส่งขายสร้างรายได้ให้คนในชุมชนได้ไม่น้อย จนกลายเป็นหมู่บ้าน OTOP ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันทั้งในและต่างประเทศ ที่ชุมชนบ้านแพงจึงกลายเป็นแหล่งศึกษาดูงานที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
“ตะลอนเที่ยว” มีโอกาสได้นั่งรถอีแต๊กเที่ยวชมภายในหมู่บ้าน จึงได้รู้ว่าที่นี่ทำเสื่อกกกันแทบทุกบ้านจริงๆ เพราะผ่านไปบ้านไหนๆ ก็เห็นต้นกกวางตากอยู่หน้าบ้านเตรียมที่จะนำไปย้อมสีและทอเป็นผืนเสื่อ แถมนอกจากทุ่งนาที่ได้เห็นแล้ว ยังเห็นนาต้นกกที่ชาวบ้านปลูกไว้เพื่อตัดมาทอเสื่อ เวลาเก็บเกี่ยวใช้เคียวเกี่ยวแบบเดียวกับเกี่ยวข้าวเลย
จากนั้นกลับมาที่ศูนย์โอทอป มาชมการทอเสื่อและช้อปผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก ที่มีทั้งเสื่อผืนเล็กผืนใหญ่ มีลวดลายและไม่มีลวดลาย แบบมีลายเป็น “ลายขิด” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทางอีสาน และเสื่อที่ทอขึ้นก็ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นของใช้ได้อีกหลากหลาย ทั้งเบาะนั่ง เบานอน เสื่อโยคะ กระเป๋า กล่องใส่ของ กล่องใส่กระดาษทิชชู่ ฯลฯ ช้อปเพลินในราคาไม่แพง
ทีนี้มาเยือนขอนแก่น เมืองใหญ่ศูนย์กลางของภาคอีสานกันบ้าง ที่ขอนแก่นมีวัดงามหลายแห่งที่อยากให้สาวๆ ไปเยือนกัน สำหรับในเมืองต้องไม่พลาดมากราบ “พระมหาธาตุแก่นนคร” ที่วัดหนองแวงพระอารามหลวง ริมบึงแก่นนคร (อ.เมืองขอนแก่น) ที่โดดเด่นไปด้วยพระมหาธาตุเก้าชั้นสีทองอร่าม โดยได้จัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี และมหามังคลานุสรณ์ 200 ปี เมืองขอนแก่น
องค์พระธาตุมีทั้งหมด 9 ชั้น มีฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 50 เมตร มีความสูง 80 เมตร เรือนยอดทรงเจดีย์จำลองแบบมาจากพระธาตุขามแก่น บริเวณมุมทั้งสี่มีพระจุลธาตุ 4 องค์ประดิษฐานไว้ และมีกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดีผสมผสานศิลปะอินโดจีน
เราเข้ามากราบพระบรมสารีริกธาตุด้านในที่ชั้น 1 ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปทีละชั้นๆ ผ่านหอปฏิบัติธรรม หอพิพิธภัณฑ์ หอพระธรรม ฯลฯ จนมาถึงชั้นที่ 9 ซึ่งเป็นหอพระพุทธ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุบนบุษบกอันงดงาม และบนชั้น 9 นี้ยังสามารถชมทิวทัศน์ของบึงแก่นนครและวิวทั้งสี่ทิศของขอนแก่นได้สวยงามกว้างไกลอีกด้วย
ออกนอกเมืองอีกนิด ไปยัง “วัดทุ่งเศรษฐี” ที่ ต.พระลับ อ.เมืองขอนแก่น ไปชมความงามของ “มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ” เจดีย์งามแห่งสามโลกที่สร้างขึ้นตามความคิดของ “หลวงตาอ๋อยย่ามแดง” หรือ “หลวงตาย่ามแดง” ซึ่งเคยบวชเป็นพระ ญาติโยมเรียกท่านว่าหลวงตา เมื่อสึกออกมายังเป็นผู้อุปัฎฐากครูบาอาจารย์พระกรรมฐานสายวัดป่าในภาคอีสาน
หลวงตาย่ามแดงมีความเชื่อว่าพื้นที่ที่ก่อสร้างมหารัตนเจดีย์นั้นเป็นรอยต่อของสามโลก คือสวรรค์ แดนมนุษย์ และบาดาล โดยหลังจากที่มีการขุดพบพระขรรค์สำริดโบราณเข้าโดยบังเอิญ หลวงตาอ๋อยจึงให้ศิษยานุศิษย์ร่วมกันก่อสร้างมหารัตนเจดีย์ขึ้นบนที่ดินราว 73 ไร่ โดยจุดที่เชื่อว่าเป็นจุดบรรจบของสามโลกได้สร้างพระมหาเจดีย์ครอบไว้ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงมหาเจดีย์องค์สำคัญสามองค์ในสามโลก คือ เจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นาคเจดีย์ในนาคพิภพ และมหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ (มหาเจดีย์รัตนะ) แห่งนี้ ผู้มาสักการบูชาย่อมเท่ากับได้กราบบูชาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ 3 แห่ง ในสามโลกพร้อมกัน
สำหรับมหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุแห่งนี้มีความสวยงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมาย เจดีย์ตั้งอยู่ท่างกลางบึงน้ำล้อมรอบเปรียบเป็นโอฆสงสารที่สัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิด ปลียอดของพระมหาเจดีย์เป็นรูปดอกบัวตูม สื่อถึงดอกบัวแห่งความรู้แจ้งที่ผุดงอกมาจากบึงน้ำแห่งวัฏสงสาร เติบโตขึ้นเพื่อเบ่งบานสู่เบื้องบน คือพระนิพพาน เจดีย์ทิศทั้งสี่แทนดิน น้ำ ลม ไฟ อันเป็นธาตุองค์ประกอบพื้นฐานของโลก ซึ่งเป็นที่สถิตของเทวรูปแทนองค์ท้าวจตุมหาราชิกาทั้ง 4 อีกทั้งด้านในยังประดิษฐานพระประธาน “พระพุทธนีลวรรโณศีโลทรัพยุดม” (หลวงปู่ดำ) พระพุทธรูปสำริดทรงเครื่องจักรพรรดิ ปิดทองประดับด้วยอัญมณีสีต่างๆ
มาขอนแก่นทั้งที จะพลาดมาสักการะ “พระธาตุขามแก่น” ได้อย่างไร ออกเดินทางจากเมืองมายัง “วัดเจติยภูมิ” อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุขามแก่น ปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง แม้จะไม่ปรากฏอายุการสร้างที่แน่นอน แต่ก็มีประวัติความเป็นมาที่เล่าขานกันมาช้านาน ตามตำนานเล่าว่า หลังพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพาน พระมหากัสสปะเถรเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ได้นำเอาพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) มาประดิษฐานยังภูกำพร้า (พระธาตุพนม) ดังนั้นพระยาหลังเขียว พระอรหันต์ยอดแก้ว พระอรหันต์รังสี พระอรหันต์คันที และไม่ปรากฏชื่ออีก 6 องค์ จึงได้อัญเชิญเอาพระอังคารธาตุมาบรรจุไว้ในที่พระธาตุพนมด้วยด้วย
ระหว่างทางได้แวะพักบริเวณต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่น และได้นำเอาพระอังคารธาตุไปวางพักไว้ที่ต้นมะขามนี้ พอรุ่งเช้าก็เดินทางต่อ แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าพระธาตุพนมสร้างเสร็จแล้ว จึงจำต้องเดินทางกลับ ระหว่างทางกลับมาเจอต้นมะขามต้นเดิมที่ตายเหลือแต่แก่น แต่บัดนี้กลับผลิดอกออกผลแตกกิ่งก้านสาขาเป็นที่น่าอัศจรรย์ จงได้ร่วมกันสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม และได้บรรจุพระอังคารธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ภายใน และเรียกว่าพระธาตุขามแก่นมาจนปัจจุบัน
ดังนั้นจึงเชื่อว่า อานิสงส์ของการมาไหว้พระธาตุขามแก่นคือโรคภัยจะห่างหาย เรื่องร้ายจะกลายเป็นเรื่องดี นั่นเอง
ไหว้พระกันเรียบร้อยแล้ว ทีนี้มาถึงเรื่องช้อปปิ้งกันบ้าง ของฝากขึ้นชื่อของขอนแก่นต้องนี่เลย ผ้าไหมมัดหมี่ของอำเภอชนบท ซึ่งเป็นงานแฮนด์เมดทุกขั้นตอน วันนี้ “ตะลอนเที่ยว” ได้มาชมกระบวนการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ของ “กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย” อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมการทอผ้าไหมได้เป็นอย่างดี เพราะมีกระบวนการขั้นตอนตั้งแต่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สาวไหมออกมาเป็นเส้นด้าย ย้อมสี มัดหมี่ และทอขึ้นเป็นผืนอย่างประณีต
โดยส่วนใหญ่ผ้าไหมมัดหมี่เมืองชนบทของขอนแก่นจะเป็นการทอผ้าแบบ 3 ตะกอ ทำให้เนื้อผ้าแน่นสม่ำเสมอ สีสันและสวดลายของผ้าด้านหนึ่งจะสีทึบกว่าอีกด้าน สีที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมก็คือสีม่วง แดง เขียว และสีเม็ดมะขาม สาวๆ ที่จะมาช้อปผ้าไหมมาเลือกกันได้เพลินเลยเพราะมีให้เลือกหลายแบบหลายลาย หรือจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปอย่างเสื่อ กระโปรง ผ้าพันคอก็ได้เช่นกัน
มาปิดท้ายกันที่แหล่งช้อปปิ้งเก๋ๆ ที่ "ตลาดต้นตาล" ในตัวเมืองขอนแก่น (Ton Tann Green Market ) ตั้งอยู่ในตัวเมือง ตลาดที่เน้นสินค้าพวกเสื้อผ้าแฟชั่น รวมถึงสินค้าแฮนด์เมด ของสะสม สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ภายในตลาดแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ทั้งโซนขายสินค้า ขายของแฮนด์เมด งานศิลปะ โซนร้านอาหารที่จัดไว้อย่างน่านั่งพร้อมร้านอาหารให้เลือกแบบละลานตา นอกจากนั้นยังมีโซนเวทีการแสดง ที่เปิดโอกาสให้คนมีของมาโชว์ความสามารถ และเป็นเวทีแสดงในโอกาสต่างๆ
แค่มาเดินเล่นอย่างเดียวก็สัมผัสได้ถึงความชิลล์ ใครอยากมาซื้อของช้อปปิ้งหรือมาหาอะไรกินอร่อยๆ ที่ตลาดต้นตาลเขาเปิดทุกวัน ตั้งแต่ประมาณ 16.00-23.00 น. เป็นแหล่งเดินเล่นซื้อของใช้เวลาเพลินๆ ที่นี่ได้ดีทีเดียว
ได้เที่ยวเพลินทั้งไหว้พระ ช้อปปิ้ง เดินชิลล์มาจนเมื่อย หากสาวๆ อยากจะไปพักผ่อนนอนนวดเท้า
นวดขา สปาอโรมาต่างๆ ขอบอกว่าในเมืองขอนแก่นก็หาสปาดีๆ บรรยากาศสบายๆ ได้ไม่ยากเลย หรือจะเลือกไปที่ปราณิสา สปา และชีวาทิพย์ สปา ทั้งสองแห่งก็มีบรรยากาศและการผ่อนคลายในสไตล์ของตนที่สาวๆ น่าจะชอบ
และนี่ก็คือเส้นทางท่องเที่ยวในภาคอีสานที่น่าจะเหมาะกับสาวๆ คราวหน้าถ้าวางแผนการท่องเที่ยว ลองเลือกเส้นทางอีสาน ขอนแก่น-ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม เป็นเส้นทางท่องเที่ยว รับรองว่าได้ทั้งไหว้ เที่ยว ช้อปกันเพลินเลยทีเดียว
*****************************************
ผู้ที่สนใจจะท่องเที่ยวในเส้นทาง ขอนแก่น-ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน หรือการเดินทางได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานขอนแก่น (ดูแลพื้นที่ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์) โทร.0 4322 7714-6 หรือเฟซบุค www.facebook.com/TAT.KhonkaenOffice
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com