xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตำนานดังที่เหอหนาน (2)...จบ : เที่ยวจีนตามรอย “เทพเจ้ากวนอู-กังฟูเส้าหลิน” แวะชม “ผาหินแกะสลักบูเช็คเทียน” ประทับใจมิรู้ลืม!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กังฟูวัดเส้าหลิน
“ตะลอนเที่ยว” ยังอยู่ที่ “มณฑลเหอหนาน” ทางภาคกลางค่อนไปทางตะวันออกของประเทศจีน แต่ครั้งนี้จะพาทุกคนมาเที่ยวกันที่ “นครเจิ้งโจว” เมืองหลวงของมณฑลเหอหนานและ “เมืองลั่วหยาง” ซึ่งทั้งสองเมืองนี้มีประวัติศาสตร์เรื่องราวมากมายที่สำคัญ นอกจากนั้นยังเป็นจุดกำเนิดของสถานที่และตัวละครดังในตำนานที่ในอดีตเคยมีชีวิตอยู่จริงอีกด้วย

ปัจจุบันการเดินทางมาเที่ยวที่มณฑลเหอหนานนั้นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะทางสายการบิน “ไทยสมายล์” ได้เปิดเที่ยวบินตรง “กรุงเทพฯ-เจิ้งโจว” และเที่ยวบิน “เจิ้งโจว-กรุงเทพฯ” อย่างละ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆ ในมณฑลเหอหนานได้ง่ายด้วยรถไฟหรือรถบัสโดยสารสาธารณะ
ป้ายทางเข้าวัดเส้าหลินพร้อมรูปปั้นท่านตั๊กม้อ
“วัดเส้าหลิน”

“วัดเส้าหลิน” หรือ “เสี้ยวลิ้มยี่” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาซงซาน ในอำเภอเติงเฟิง เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน สร้างขึ้น ใน ค.ศ.495 ในสมัยราชวงศ์วุ่ย (เว่ย) ปัจจุบันวัดเส้าหลินมีอายุกว่า 1,500 ปี และเป็นที่พำนักของพระภิกษุจากอินเดียที่เดินทางมาเผยแผ่พุทธศาสนา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของศิลปะมวยจีนหรือ “กังฟูวัดเส้าหลิน” ที่ก่อตั้งโดย “ท่านตั๊กม้อ” หรือ “พระโพธิธรรม” เจ้าอาวาสท่านแรกของที่วัดนี้ ท่านเป็นพระภิกษุชาวชมพูทวีป (อินเดีย) ได้เดินทางจากอินเดีย มาเผยแผ่พุทธศาสนานิกายเซ็นในเมืองจีน ราว ค.ศ. 527
ภายในวัดเส้าหลิน
สมัยที่วัดนี้ตั้งอยู่ในป่าที่ชุกชุมไปด้วยสัตว์ร้าย และการที่บรรดาหลวงจีนต้องนั่งสมาธินานๆ โดยไม่ได้ออกกำลังกายก็ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมได้ง่าย ท่านตั๊กม้อจึงได้คิดเพลงหมัดมวยขึ้นมาเพื่อใช้ออกกำลังกาย และใช้ป้องกันตัวจากสัตว์ดุร้าย จนมาถึงในยุคปัจจุบันภายในบริเวณวัดได้จัดให้มี "โรงเรียนสอนกังฟูเส้าหลิน" เพื่อฝึกสอนให้กับเด็กรุ่นใหม่
ต้นแปะก๊วยอายุกว่า 1,200 ปี ที่มีรอยนิ้วบุ๋มลงไปจากการฝึกวิชากังฟู
ส่วนภายในบริเวณวัดเส้าหลินที่ในปัจจุบันได้ผ่านการบูรณะซ่อมแซมใหม่แล้ว เมื่อผ่านซุ้มประตูไปจะพบกับต้นแปะก๊วยเรียงรายตลอด 2 ข้างทาง ซึ่งมีต้นแปะก๊วยอายุกว่า 1,200 ปี ขึ้นโดดเด่นอยู่ที่ปลายทางด้านขวามือ ที่ลำต้นจะเห็นเป็นรอยบุ๋มที่เกิดจากการเอานิ้วจิ้มลงไป ซึ่งเป็นหนึ่งในวิทยายุทธของกังฟูวัดเส้าหลิน โดยทางเดินได้ทอดตัวสู่ “วิหารเทวราช” ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ ส่วนด้านซ้ายมือเป็นหอกลอง ด้านขวามือเป็นหอระฆัง
“ปี้ซี” ที่เป็นหนึ่งในสัตว์ศักดิสิทธิ์ของคนจีน
เสน่ห์ของวัดเส้าหลินอีกอย่างก็คือ “ปี้ซี” ที่เป็นหนึ่งในสัตว์ศักดิสิทธิ์ของคนจีน ตัวเป็นเต่าแต่มีหัวเป็นมังกร คนจีนโบราณเชื่อกันว่าเมื่อไปลูบคลำตรงหัวจะโชคดีไม่มีอดตาย หากลูบคอจะปลอดภัยไร้โรค ส่วนลูบฟันจะมีโชคลาภ และส่วนใครที่อยากจะขอลูกหลานให้ลูบหลัง
ภายในวิหารตั๊กม้อมีร่องรอยทรุดตัวจากการฝึกกังฟู
อีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดชมก็คือ “วิหารตั๊กม้อ” หรือ “วิหารเจ้าอาวาส” ภายในวิหารนอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปตามแบบมหายานแล้ว หากสังเกตดีๆ ที่พื้นในวิหารจะดูเป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งหากใครไม่รู้อาจจะนึกว่าพื้นทรุด แต่จริงๆแล้วที่นี่ในอดีตคือสถานที่ฝึกเพลงยุทธ์ของ 18 อรหันต์ทองคำวัดเส้าหลิน ที่ส่วนใหญ่มีกำลังภายในเหลือล้นจึงกระทืบพื้นวิหารเป็นหลุมเป็นบ่อทั่วไปหมด
ป่าเจดีย์ หรือ ถ่าหลิน
ใกล้กับบริเวณของวัดเส้าหลิน ยังมี “ป่าเจดีย์” หรือ “ถ่าหลิน” เป็นหมู่เจดีย์ 248 องค์ ที่ภายในบรรจุอัฐิของอดีตเจ้าอาวาสของวัดเส้าหลิน ซึ่งเจดีย์องค์ล่าสุดที่เพิ่งสร้างไปเมื่อ 4-5 ปีมานี้ ได้มีการแกะสลักลวดลายรอบๆ เป็นรูปโน้ตบุ๊ก รถยนต์ กล้องวิดีโอ ฯลฯ ดูเป็นองค์เจดีย์ที่ทันสมัย ส่วนไฮไลต์ของที่วัดเส้าหลินก็คือ “การแสดงกังฟู” จากเหล่าเณรน้อย ที่เรียกความสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
เจดีย์ที่เพิ่งสร้างล่าสุด
ลวดลายที่ตัวเจดีย์มีความทันสมัยตามยุค
การแสดงกังฟูเส้าหลิน
โพรงถ้ำบริเวณผาหิน
“ถ้ำผาหลงเหมิน”

จากนครเจิ้งโจวเดินทางเข้าสู่เมืองลั่วหยาง อีกหนึ่งเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ อย่างเช่นที่ “ถ้ำผาหลงเหมิน” (หลงเหมินสือคู) หรือ “ถ้ำประตูมังกร” กลุ่มถ้ำบนหน้าผา อายุราว 1,500 ปี ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 2000 โดยถือเป็นแหล่งประติมากรรมโบราณอันมีชื่อเสียงมาก

ถ้ำหลงเหมินเริ่มมีการสร้างราวปี ค.ศ.494 ในสมัยเว่ยเหนือและสร้างเพิ่มเติมเรื่อยมาจนถึงสมัยราชวงศ์ถัง หากมองมาไกลๆ จะเห็นว่ามีสกัดช่องไว้ตามผนังเขาหินแห่งนี้กว่า 2,000 โพรง เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ภายในโพรงถ้ำต่างๆ มีพระพุทธรูปแกะสลักประดิษฐานอยู่ภายในรวมกว่า 100,000 องค์ รวมถึงการเขียนภาพจิตรกรรมลงบนผนังถ้ำ สร้างโดยการอุปถัมภ์ของชนชั้นสูงในสมัยนั้นๆ รวมระยะเวลากว่า 400 ปี
พระพุทธรูปองค์เล็กจิ๋วเพียง 2 เซนติเมตร
จุดไฮไลต์ที่สวยๆ ของที่นี่มี 3 จุดด้วยกัน จุดแรกคือภายในบริเวณโพรงถ้ำที่มีการแกะสลัก “พระพุทธรูปองค์เล็ก” ขนาดประมาณ 2 ซ.ม. อยู่ทั่วทั้งโพรงถ้ำกว่า 10,000 องค์ จุดที่สองคือ “ถ้ำดอกบัว” ซึ่งภายในโพรงถ้ำนี้ด้านบนได้มีการแกะสลักรูปดอกบัวไว้ ถึงแม้เวลาผ่านไปนานแต่รูปแกะสลักนี้ยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก
ดอกบัวแกะสลักในถ้ำดอกบัว
ส่วนจุดที่เป็นไฮไลต์จุดที่สามและเป็นจุดสำคัญของที่นี่อยู่บริเวณ “อารามเฟิ่งเซียน” ซึ่งตั้งอยู่บนโตรกผาสูง 40 เมตร มีพระพุทธรูปองค์ประธานนามว่า “พระโพธิสัตว์ไวโรจนะ” สูง 17.14 เมตร เฉพาะเศียรสูง 4 เมตร ใบหูยาว 1.9 เมตรเป็น ความโดดเด่นอยู่ที่ดวงตาที่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหน ดวงตานั้นก็ยังคงมองเห็นอยู่ ซึ่งพระประธานองค์นี้เชื่อว่าแกะสลักเป็นรูปพระพักตร์ของ “พระนางบูเช็กเทียน” จักรพรรดินี (ฮ่องเต้หญิง) องค์แรกและองค์เดียวที่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน
“อารามเฟิ่งเซียน”
สิงโตหินจำนวน 104 ตัวเรียงรายสองข้างทาง
“ศาลเจ้ากวนอู”

สถานที่สำคัญที่สุดท้ายเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “กวนอู” แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยสามก๊ก และเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งของชาวจีน ที่นี่คือ “ศาลเจ้ากวนอู” ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองลั่วหยางออกไป 7 กิโลเมตร ภายในศาลเจ้าประกอบไปด้วยสามตำหนัก โดยระยะทางผ่านจากประตูใหญ่เข้าไปถึงตำหนักแรกห่างประมาณ 50 เมตร มีสิงโตหินจำนวน 104 ตัวเรียงรายสองข้างทาง
เทพเจ้ากวนอูภายในศาลเจ้ากวนอู
ทั้งสามตำหนักจะมีรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูในอากัปกิริยาต่างๆ อยู่ด้านในให้นักท่องเที่ยวกราบไหว้บูชา เช่น เทพเจ้ากวนอูนั่งอ่านตำราศึก เทพเจ้ากวนอูนอนแต่ดวงตาจะไม่ปิดสนิทเชื่อว่าท่านต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น ส่วนด้านหลังสุดของศาลเจ้าเชื่อว่าเป็นที่ฝังศีรษะของกวนอู สามารถมาสักการะขอพรเกี่ยวกับเรื่องของการงานและการเงินได้
เทพเจ้ากวนอูในลักษณะนั่งอ่านตำราศึก
หยอดเหรียญขอพรในสุสานที่ฝังศีรษะของเทพเจ้ากวนอู
สำหรับใครที่ชื่นชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์จีน ก็สามารถมาตามรอยตำนานดังที่มณฑลเหอหนานแห่งนี้ได้ รับรองว่าประทับใจและได้ความรู้เพิ่มเติมแน่นอน!

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สายการบิน “ไทยสมายล์” ได้เปิดเที่ยวบินตรง “กรุงเทพฯ-เจิ้งโจว” 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเที่ยวบิน “เจิ้งโจว-กรุงเทพฯ” เปิดให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในราคาเริ่มต้นที่ 4,860 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว) ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 1181 หรือที่ 0-2118-8888 หรือดูที่ www.thaismileair.com
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น