xs
xsm
sm
md
lg

“ภูเขาทอง”...หมอกสวย รวยทอง ล่องแก่งเร้าใจ “บุญบั้งไฟ”หนึ่งเดียวในภาคใต้/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
ทะเลหมอกผาสน อีกหนึ่งความงามแห่ง ต.ภูเขาทอง(ภาพ ทีมปชส.การท่องเที่ยว ต.ภูเขาทอง)
“ต้นน้ำสายบุรี มากมีผลไม้ หลากหลายวัฒนธรรม แร่ทองคำล้ำค่า บาลา-ฮาลา ป่านกเงือก”

คำขวัญตำบล“ภูเขาทอง

รู้จักภูเขาทอง

ภูเขาทอง เป็นตำบลหนึ่ง ในอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส

ตำบลภูเขาทองมีประวัติความเป็นมาบันทึกเอาไว้ว่า ในอดีต(จนถึงปัจจุบัน)ดินแดนแห่งนี้มีแร่ทองคำมาก ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2474 ชาวฝรั่งเศสได้เข้ามารับสัมปทานทำเหมืองแร่ทองคำบริเวณภูเขาโต๊ะโมะในปัจจุบัน(เดิมเรียกภูเขาลีซอ) จึงมีราษฎรจากพื้นที่ต่างๆอพยพเข้ามาทำเหมืองเป็นจำนวนมาก ทางการจึงได้จัดตั้งกิ่งอำเภอปาโจขึ้นในปี พ.ศ. 2474 ที่บริเวณบ้านโต๊ะโมะในปัจจุบัน
ต.ภูเขาทอง ปัจจุบันยังมีแร่ทองคำอยู่มาก ถือเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้วามให้กับชาวบ้านในพื้นที่
ต่อมาได้เกิดสงครามเอเชียมหาบูรพาขึ้น ชาวฝรั่งเศสจึงอพยพสงครามกลับประเทศ รัฐบาลจึงได้ดำเนินการทำเหมืองต่ออีกประมาณปีกว่าๆก็เกิดเหตุการณ์ ฉ้อราษฎร์บังหลวง ปล้นสะดมทองคำ และเหตุการณ์ความไม่สงบ ทางการจึงได้ล้มเลิกกิจการเหมืองทองคำ ราษฎรที่อพยพมาจึงได้อพยพกลับถิ่นฐานเดิม ภายหลังจึงได้ยุบกิ่งอำเภอปาโจลง ในปี พ.ศ. 2484 จากนั้นในปี พ.ศ. 2506 รัฐบาลได้จัดตั้ง นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้จังหวัดนราธิวาสขึ้น เพื่ออพยพราษฎรที่มีฐานะยากจน ไม่มีที่ดินทำกินจากถิ่นต่างๆเข้ามาอยู่อาศัย

เดิมพื้นที่ตำบลภูเขาทอง(ในปัจจุบัน) ขึ้นอยู่กับตำบลมาโมง อำเภอแว้ง แต่เมื่อมีการจัดตั้งตำบลมาโมงเป็นกิ่งอำเภอสุคิริน ก็ได้จัดตั้งตำบลภูเขาทองขึ้นในปี พ.ศ. 2523
บุญบั้งไฟภูเขาทอง งานประเพณีบุญบั้งไฟหนึ่งเดียวในภาคใต้
ปัจจุบันตำบลภูเขาทอง(มี 8 หมู่บ้าน)เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอสุคิริน ประชากรชาวตำบลภูเขาทอง นอกจากชาวนราธิวาส ชาวใต้แล้ว ก็ยังมีราษฎรที่อพยพมาจากที่อื่นๆโดยเฉพาะจากภาคอีสาน ซึ่งได้นำประเพณีวัฒนธรรมติดตัวมาด้วยโดยเฉพาะประเพณีบุญบั้งไฟที่มีการจัดขึ้นเพียงหนึ่งเดียวในภาคใต้ที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส

“บุญบั้งไฟ”หนึ่งเดียวในภาคใต้

หลายคนทราบกันดีว่าบุญบั้งไฟเป็นงานประเพณีเอกลักษณ์ของชาวอีสานที่สืบทอดกันมาช้านานจัดขึ้นเพื่อบูชาพญาแถน เทพเจ้าแห่งฝน ขอให้พญาแถนบันดาลให้ฝนตกลงมาเพื่อที่จะได้ทำนาปลูกข้าว ชาวอีสานจึงจัดงานบุญบั้งไฟขึ้นในช่วงเดือน 6 ก่อนเข้าฤดูฝน

เช่นเดียวกับชาวอีสานที่เข้ามาอยู่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้จังหวัดนราธิวาส ใน ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน ก็ได้มีการจัดงานประเพณี“บุญบั้งไฟภูเขาทอง”ขึ้น ซึ่งปัจจุบันถือเป็นงานประเพณีบุญบั้งไฟหนึ่งเดียวแห่งดินแดนด้ามขวาน
บรรยากาศงานบุญบั้งไฟภูเขาทอง(ปี 2558)
“ชาวอีสานที่เข้ามาอยู่ใน ต.ภูเขาทอง ส่วนใหญ่ มาจากอีสานใต้ โคราช(นครราชสีมา) บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ วันนี้มี 3 พันกว่าคน ประมาณ 80% ของประชากรในพื้นที่ คนอีสานที่มาอยู่ที่นี่ก็นำประเพณีของตัวเองติดตัวมา โดยเฉพาะกับงานแห่บุญบั้งไฟ ขอให้ฝนตกตามฤดูกาล แล้วก็จัดเป็นประเพณีต่อเนื่องเรื่อยมา” พันธ์ ตั้งอยู่ หนึ่งในชาวอีสานที่อพยพมาอยู่ที่บ้านภูเขาทองจนได้เป็นกำนันแห่งบ้านภูเขาทอง เล่าให้ฟัง

ประเพณีบุญบั้งไฟภูเขาทอง แรกเริ่มเดิมทีจัดขึ้นในช่วงปี 2522 ที่บ้านไอบาโจ หลังจากนั้นแต่ละหมู่บ้านก็เวียนกันจัดเรื่อยมา กว่า 30 ครั้งแล้ว ปัจจุบันประเพณีบุญบั้งไฟใน ต.ภูเขาทอง มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงกลางปี ทุกวันเสาร์สัปดาห์ที่สองของเดือนมิถุนายนของทุกปี
บรรยากาศงานบุญบั้งไฟภูเขาทอง(ปี 2558)
งานบุญบั้งไฟภูเขาทองแม้จะไม่ได้จัดใหญ่อลังการอย่างงานบุญบั้งไฟหลายๆแห่งในภาคอีสาน แต่ก็เป็นงานประเพณีที่สนุก คึกคัก ดูแล้วยังคงเสน่ห์ของความเป็นประเพณีดั้งเดิมเอาไว้มากกว่างานบุญบั้งไฟใหญ่ๆในหลายพื้นที่ที่ตอนหลังงานผิดเพี้ยนกลายเป็นเรื่องของการแข่งขัน การพนันขันต่อไป

ขณะที่ถือเป็นความพิเศษก็คือภาพความร่วมมือร่วมใจ กลมเกลียวปรองดองกัน ทั้งระหว่างคนในพื้นที่ คนอีสาน-คนใต้, ไทยพุทธ-ไทยมุสลิม, ชาวบ้าน-เจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าไปช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งแต่ละปีนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยมาเที่ยวชมงานบุญบั้งไฟภูเขาทองแล้ว ก็ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวมาเลเซียเดินทางร่วมงานกันไม่น้อยเลย

ภูเขาทอง ถิ่นทองคำ
ชาวบ้านลงร่อนแร่หทองคำตามลำน้ำใน ต.ภูเขาทอง
ตำบลภูเขาทองได้นำชื่อบ้านภูเขาทองมาเป็นชื่อตำบล โดยที่มาของชื่อหมู่บ้านภูเขาทองมาจากตอนที่ชาวบ้านได้มาขุดหลุมวางเสาที่พักชั่วคราว แล้วเจอทองคำจึงได้ตั้งเป็นชื่อหมู่บ้านภูเขาทอง ซึ่งครั้งหนึ่งชาวฝรั่งเศสได้เข้ามาสัมปทานทำเหมืองแร่ทองคำตามที่กล่าวมาข้างต้น

ปัจจุบันบ้านภูเขาทองแม้จะยกเลิกสัมปทานไปแต่ความอุดมสมบูรณ์ของแร่ทองคำยังคงอยู่ นับเป็นอีกหนึ่งความอะเมซิ่งของตำบลภูเขาทอง ที่วันนี้ชาวบ้านส่วนหนึ่งของที่นี่ยังคงไว้ซึ่งการร่อนแร่ทองคำในลำน้ำตามวิถีแห่งภูมิปัญญาพื้นบ้าน
ทองคำที่ร่อนได้ในเลียง
การร่อนทองที่บ้านภูเขาทอง หลักๆก็จะเหมือนกับที่อื่นๆ คือจะมีการนำอุปกรณ์ร่อนทองที่ชาวบ้าน(ที่นี่)เรียกกันว่า“ชะเลียง”หรือ“เลียง” อุปกรณ์ร่อนทองรูปร่างคล้ายกระทะทำจากไม้หลุมพอ ไปยืนในตำแหน่งน้ำไหลที่น่าจะมีแร่ทองคำลงไปร่อนแร่ แล้วร่อนไปเป็นรอบๆไม่นานก็ได้ทองคำขึ้นมาให้รวบรวมนำไปขายได้แล้ว

พี่ที่ชำนาญการร่อนแร่หาทองคำคนหนึ่งให้คำแนะนำผมว่า เราต้องรู้จุด รู้ตำแหน่งน้ำไหล แล้วก็วิธีการในการแยกทองออกจากเศษดินทราย ซึ่งถ้าทำเป็นโอกาสได้ทองที่นี่มีถึง 80-90 % เลยทีเดียว
วิถีชีวิตส่วนหนึ่งของชาวภูเขาทองที่ผูกพันกับการร่อนทองในสายน้ำ
สำหรับทองคำที่นี่เป็นทองคำบริสุทธิ์ เป็นหนึ่งในวิถีของชาวสุคิรินที่ทำเป็นอาชีพเสริม โดยเมื่อเสร็จจากอาชีพหลักก็จะลงไปร่อนแร่หาทองคำกันในลำคลอง(นิยมทำกันในช่วงเย็น เพราะไม่ร้อนมาก) สนนราคาขายกันกรัมละพันกว่าบาท บางคนหาขายทองได้หลักร้อย หลักหลายร้อยต่อวัน บางคนโชคดีก็ขายได้วันละเป็นพัน นับเป็นรายได้เสริมที่รายได้ดีทีเดียว

งานนี้ถ้าหากใครอยากจะลองร่อนทองลุ้นโชคก็สามารถทำกันได้ เพราะทางอำเภอสุคิรินเขามีโครงการเปิดให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรมร่วมร่อนทองลุ้นโชค รวมถึงเปิดพื้นที่ “อุโมงค์เหมืองทองคำ” และ“อุโมงค์ลำเลียง” แห่ง “เหมืองทองคำโต๊ะโมะ”(บ้านโต๊ะโมะ ต.ภูเขาทอง) ที่วันนี้แม้จะเลิกร้างกิจการไปแล้ว แต่ก็ยังเหลือร่องรอยของอดีตให้เที่ยวชมกัน
ล่องแก่งภูเขาทอง
นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมไฮไลท์กับการ“ล่องแก่ง-ร่อนทอง” ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ล่องแก่งภูเขาทอง” (บ้านไอปาโจ ต.ภูเขาทอง) ซึ่งจะเป็นการล่องแก่งด้วยเรือคายักไปตามต้นน้ำสายบุรี ที่แวดล้อมไปด้วยภาพของวิถีชีวิตและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์
ล่องแก่งภูเขาทองผจญฝ่าสายน้ำเชี่ยว
กิจกรรมล่องแก่งภูเขาทองมีจุดเริ่มต้นบริเวณสะพานสามแยกบ้านโต๊ะโมะล่องไปสิ้นสุดบริเวณฟาร์มตัวอย่างฯ บ้านไอปาโจ รวมระยะทางประมาณ 7 กม. ใช้เวลาล่องแกงที่มีความแรงของสายน้ำในระดับ 1-2 ประมาณ 2 ชั่วโมง
นักท่องเที่ยว(ขวา)ร่วมเปิดประสบการณ์ร่อนทองกับชาวบ้าน
เมื่อล่องแก่งมาขึ้นบนฝั่งยังจุดหมายแล้ว ต่อจากนั้นก็จะให้นักท่องเที่ยวได้ไปดูวิถีการร่อนทองของชาวบ้าน ที่ในเส้นทางช่วงท้ายๆของการล่องแก่งจะเป็นแหล่งร่อนแร่หาทองของชาวบ้าน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถไปร่วมทดลองร่อนหาทองกับชาวบ้านเขาได้ หรือไม่ก็ไปขอซื้อทองคำบริสุทธิ์ที่ชาวบ้านเขาร่อนขึ้นมาได้สดๆในราคาไม่แพง ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีน-มาเลย์นิยมมาซื้อทองคำที่ชาวบ้านเพิ่งร่อนทองขึ้นมาได้ เพราะเชื่อว่าเป็นสิริมงคลจะนำโชคดีมีชัยมาให้

ป่าบาลา-ฮาลา
ผืนป่าบาลา-ฮาลา ยามเช้า
ตำบลภูเขาทองยังมีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ใน“เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา”ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ของภาคใต้ ที่ถือเป็นแหล่งนกเงือกที่สำคัญที่สุดของเมืองไทย โดยพบนกเงือกที่นี่ถึง 10 ชนิด จากจำนวน 13 ชนิดที่สำรวจพบในเมืองไทย

ผืนป่าฮาลา-บาลา เป็นป่าดงดิบ 2 ผืน มีพื้นที่ไม่ต่อเนื่องกัน แต่มีชื่อเรียกขานคู่กัน ประกอบด้วย“ป่าฮาลา” ที่ครอบคลุมพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส กับ“ป่าบาลา” ที่ครอบคลุมพื้นที่ อ.แว้ง และ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส โดยชาวบ้านจะเรียกป่าในฝั่งนราธิวาสว่าป่า“บาลา-ฮาลา” และในฝั่งยะลาว่าป่า“ฮาลา-บาลา
ต้นกะพงษ์ยักษ์
สำหรับผืนป่าบาลา-ฮาลา ใน ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส นอกจากจะมีความอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีไฮไลท์สำคัญคือ“ต้นกะพงษ์ยักษ์”(บ้านภูเขาทอง ต.ภูเขาทอง)หรือ“ต้นสมพง”ขนาดใหญ่มาก อายุนับร้อยปี ที่มีขนาดลำต้นช่วงพูพอนใหญ่ถึงประมาณ 29-30 คนโอบ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของผืนป่าใหญ่อันอุดมสมบูรณ์
เนินพิศวง
ในผืนป่าบาลา-ฮาลาไม่ไกลจากต้นกะพงยักษ์เท่าไหร่ ยังมีอีกหนึ่งความน่าทึ่งจากสภาพภูมิประเทศของพื้นที่นั่นก็คือ “เนินพิศวง”(บ้านภูเขาทอง ต.ภูเขาทอง) กับสถานที่ที่มีลักษณะพิเศษมีความยาวประมาณ 30 เมตร ดูเผินๆเหมือนเป็นเนินที่มีความลาดเอียงตามปกติ แต่เนินนี้มีความพิศวงน่าทึ่งตรงที่ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ วัตถุ สิ่งของที่ไปตั้งวางที่เนินแห่งนี้ จะดูเหมือนมันกำลังไหลขึ้น(ทั้งๆที่ในความเป็นจริงวัตถุต้องไหลงลงจากที่สูงลงที่ต่ำ)

ไม่ว่าจะเป็นการทดลองวางลูกบอลไว้ ลูกบอลก็จะไหลจากที่ต่ำจะกลิ้งไหลไปยังที่สูง หรือแม้กระทั่งการทดลองให้รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ ดับเครื่องและไม่ได้เข้าเบรก(โดยมีคนบังคับทิศทาง)นำไปจอดที่เนินพิศวงก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน คือ รถจะค่อยๆเลื่อนไหลจากที่เนินที่ตำกว่าไปสู่เนินที่สูงกว่า ซึ่งนี่เป็นปรากฏการณ์ภาพหลอกตาของธรรมชาติ เพราะเมื่อเปลี่ยนมุมมองไปมองอีกฝั่งหนึ่งของเนินพิศวงก็จะเห็นเป็นเนินไหลลาดลงตามปกติ

ทะเลหมอกงาม
ทะเลหมอกที่จุดชมทะเลหมอกผู้พิชิตปลายด้ามขวานทอง
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและผืนป่า ทำให้ในพื้นที่ ต.ภูเขาทอง และ อ.สุคิริน มีสายหมอกงามปรากฏในยามเช้าอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ในหน้าร้อน ทำให้ อ.สุคิริน ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งถิ่นทะเลหมอกงามแห่งภาคใต้ ซึ่งวันนี้มีไฮไลท์ของจุดเที่ยวชมทะเลหมอกที่สำคัญคือ “จุดชมทะเลหมอกผู้พิชิตปลายด้ามขวานทอง

จุดชมทะเลหมอกผู้พิชิตปลายด้ามขวานทอง ตั้งอยู่ภายในบริเวณ“สำนักสงฆ์พระธาตุภูเขาทอง” ที่มี “เจดีย์ภูเขาทอง”สีทองอร่ามตั้งโดดเด่น เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกที่ได้รับประทานเนื่องมาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก เพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวและพึ่งทางจิตใจของชาวชุมชน
บริเวณจุดชมทะเลหมอกผู้พิชิตปลายด้ามขวานทอง
จุดชมทะเลหมอกฯปลายด้ามขวานทอง สามารถเดินทางเข้าถึงง่าย เมื่อรถเข้ามาจอดก็เดินลงไปชมทะเลหมอกได้เลย ซึ่งในบริเวณนี้มีการจัดแต่งพื้นที่สำหรับให้ชมวิวไว้เป็นอย่างดี มีทั้งสระน้ำ บ้านพัก ที่กางเต็นท์ หลักกม. ป้ายถ่ายรูป จุดเช็คอิน และจุดชมวิว ที่ในวันอากาศเป็นใจจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกยามเช้าได้อย่างสวยงามกว้างไกล
ทะเลหมอกผาสน(ภาพ ทีมปชส.การท่องเที่ยว ต.ภูเขาทอง)
ในตำบลภูเขาทองยังมีจุดชมทะเลหมอกเด่นๆอื่นๆอีก อาทิ จุดชมทะเลหมอกภูศาลา จุดชมทะเลหมอกเขาแผงม้า และ“จุดชมทะเลหมอกผาสน” หรือ“เขาอีด่าง” ที่ตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 530 เมตรจากระดับน้ำทะเล

บนนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติได้อย่างสวยงาม ในวันที่อากาศเป็นใจจะมองเห็นทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งในหุบเขา โดยมีบรรดายอดเขาลูกย่อยๆโผล่พ้นแพลมๆเหนือหมอกออกมา ดูคล้ายเกาะหมู่เกาะอยู่กลางทะเลหมอก จนชาวบ้านขนานนามที่แห่งนี้ว่า“จุดชมทะเลหมอกร้อยเกาะ
ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ ต.ภูเขาทอง
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆตามที่กล่าวมาแล้ว ใน ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน ยังมีจุดน่าสนใจให้เที่ยวชม อาทิ “ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ”, “ด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย”, “อนุสรณ์สถานท่านคุณหญิงสุประภาดาฯ

ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงนั้นก็มี “พระตำหนักสุคิริน”(พระตำหนักสมเด็จย่า-ต.สุคิริน), “ผานับดาว”(ต.สุคิริน),“นาขั้นบันได”(ต.มาโมง),“จุดชมทะเลหมอกผาอโศก”(ต.มาโมง) และ“ผืนป่าบาลา-ฮาลา”(เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อ.แว้ง) เป็นต้น
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
วันนี้ทางตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน นอกจากจะได้ผลักดันเรื่องการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ยังได้มีการจัดทีมมัคคุเทศก์ของชุมชนและมัคคุเทศก์น้อยหรือไกด์น้อย มาคอยให้ข้อมูลเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว สิ่งประวัฒนธรรม ประเพณี อาหารการกิน และสิ่งน่าสนใจเด่นๆภายในชุมชนของตน

นี่นับเป็นอีกหนึ่งสีสันของจังหวัดนราธิวาส เป็นเหรียญอีกด้านหนึ่งของนราธิวาส เป็นแง่งามในท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งผมก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้เหตุการณ์ความไม่สงบ เหตุการณ์ร้ายๆในสามจังหวัดชายแดนใต้ผ่านพ้นจบสิ้นลงโดยเร็วพลัน
เจดีย์ภูเขาทอง
******************************************
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง โทร. 073-709-725-6 ล่องแก่งภูเขาทอง โทร. 073-709-726

และสามารถสอบถามข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ในนราธิวาส ปัตตานี ยะลา เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานจังหวัดนราธิวาส(รับผิดชอบพื้นที่นราธิวาส ปัตตานี ยะลา) โทร. 0-7352-2411 , 0-7354-2345
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น