โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
หลัง“ไต้หวัน”เปิดฟรีวีซ่าให้คนไทยในปี 2559 ดินแดนแห่งนี้ก็เนื้อหอมกลายเป็นเมืองในอันดับต้นๆที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว ยิ่งล่าสุดทางการไต้หวันได้ขยายการเปิดฟรีวีซ่าสำหรับคนไทยต่อไปอีกหนึ่งปี
ไต้หวันวันนี้ก็ดูจะยิ่งฮอตฮิตติดลมบนมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้หลายสายการบินในบ้านเราจึงพากันเดินหน้าสยายปีก บินตรงเชื่อมเมืองไทยกับไต้หวันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ"สายการบินเวียตเจ็ท" ที่กำลังจะเปิดเที่ยวบินตรงจากไทยไป“เมืองไถจง”หรือ“ไทจง”(Taichung) ทางฝั่งตะวันตกของไต้หวันในเร็วๆนี้
ในขณะที่เมือง“ฮวาเหลียน”ทางฝั่งตะวันออกก็ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีศักยภาพของไต้หวัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าสายการบินเวียตเจ็ทอาจจะเปิดเส้นทางบินตรง จากเมืองไทยสู่เมืองฮวาเหลียนภายในอนาคตอันใกล้นี้เช่นกัน
รู้จักเมืองฮวาเหลียน
เมือง“ฮวาเหลียน”หรือ“ฮัวเหลียน”(Hualien) ชื่อเมืองนี้บ้างก็ว่ามาจากการกลับคำในภาษาจีน คือ “เหลียนฮวา”(Lianhua) ที่แปลว่า“ดอกบัว”เป็น“ฮวาเหลียน” บ้างก็ว่ามาจากคำว่า“หุ้ยหลัน”(Huilan) ที่แปลว่าน้ำวน ซึ่งมาจากการที่แม่น้ำฮวาเหลียนที่ไหลผ่านเมืองนี้ในช่วงที่จะไหลออกสู่ทะเลจะมีลักษณะเป็นสายน้ำวน
ส่วนบ้างก็ว่ามาจากชื่อที่ชาวโปรตุเกสตั้งให้ตั้งแต่ยุคที่พวกเขาได้เดินเรือผ่านมาทางช่องแคบของไต้หวัน แล้วพบเม็ดทองคำที่ปนอยู่ในทราย จึงเอาชื่อแม่น้ำที่ผลิตทองในโปรตุเกสเรียกขานดินแดนแห่งนี้ว่า“ฮวาเหลียน”
ฮวาเหลียนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของไต้หวันติดมหาสมุทรแปซิฟิค ฮวาเหลียนเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวันมีเนื้อที่กว่า 4,600 ตร.กม. แต่กลับมีประชากรไม่มาก(หากเทียบกับปริมาณพื้นที่)ราวๆ 350,000 คน
นอกจากนี้ฮวาเหลียนยังเป็นเมืองที่มีพื้นที่ราบไม่มากเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีภูเขาโอบล้อมถึงสามด้านในแนวเหนือ-ใต้-ตะวันตก ส่วนทางฝั่งตะวันออกเป็นแนวชายฝั่งติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกยาวตลอดเหนือจรดใต้
ด้วยความเป็นเมืองที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา ทำให้ความเจริญทางวัตถุเดินทางเข้าสู่เมืองฮวาเหลียนช้ากว่าเมืองอื่นๆในไต้หวัน แต่นั่นก็ทำให้ปัจจุบันเมืองฮวาเหลียนยังคงไว้ซึ่งวิถีชนบทอันทรงเสน่ห์ ผู้คนเปี่ยมน้ำมิตรไมตรี มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งโดดเด่นไปด้วยทัศนียภาพอันงดงามของแนวชายฝั่งและขุนเขา ฮวาเหลียนจึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในจังหวัดที่สวยที่สุดในไต้หวัน อีกทั้งยังได้รับการตั้งฉายาให้เป็น“สวิตเซอร์แลนด์ไต้หวัน” ซึ่งทางสำนักข่าว CNN ได้เคยจัดให้ฮวาเหลียนเป็น 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดในเอเชียอีกด้วย
เที่ยวฮวาเหลียน
ปัจจุบันฮวาเหลียนเป็นอีกหนึ่งเมืองที่"การท่องเที่ยวไต้หวัน"ภูมิใจนำเสนอต่อนักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วยอยากให้ไปสัมผัสกับไต้หวันในบรรยากาศที่แตกต่าง นอกจากการชม ชิม ชอป สถานที่ท่องเที่ยวดังๆในตัวเมืองหลวงไทเป
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆของฮวาเหลียนนั้น ผมขอเริ่มกันที่ริมชายฝั่งท้องทะเลแปซิฟิก กับ“หาดซีซิงถัน”(Qixingtan) หรือ“ทะเลสาบเจ็ดดาว” ที่เป็นแนวชายหาดรูปวงพระจันทร์ยาวกว่า 20 กม.
หาดซีซิงถัน ไม่ใช่หาดทรายหากแต่เป็นแนวชายหาด“ก้อนกรวด”ที่มีวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ทว่าไม่เหมาะต่อการลงเล่นน้ำเพราะเป็นแนวหาดตัดลึกลงไปสู่ทะเล และเป็นหาดที่มีคลื่นสูงและแรงมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน ชมความงาม และถ่ายรูปคู่กับคลื่นสีขาวฟูฟ่องที่ถาดโถมซัดเข้าฝั่ง
ขณะที่ตามแนวชายหาดบางช่วงบางตอนได้มีการจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ มีสตรีทเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ มีองค์เจ้าแม่กวนอิมให้สักการะบูชา และทางจักรยานไว้ในนักปั่นได้มาปั่นออกกำลังกายกินลมชมหาดกัน สมดังคอนเซ็ปต์ไต้หวันเมืองหลวงแห่งจักรยานของเอเชีย
ในแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของไต้หวันยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญนั่นก็คือ "กิจกรรมการเที่ยวชมวาฬ-โลมา"(Whale and Dolphin Watching)ที่ “สือทีผิง” ซึ่งจะมีเรือนำเที่ยวพานักท่องเที่ยวออกไปเฝ้ารอชมเจ้าวาฬ-โลมา โดยเปอร์เซ็นต์การได้เห็นวาฬและโลมานั้นอยู่ที่กว่า 90% เลยทีเดียว
ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆในเมืองฮวาเหลียนนั้นก็มี “ทะเลสาบหลีหยู่” หรือ “ทะเลสาบปลาคาร์ฟ” (Liyu (Carp) Lake) ที่โดดเด่นไปด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงาม “ล่องแก่งแม่น้ำซิ่งกูหลวนซี” ที่สนุกเพลิดเพลินพร้อมกับได้กินอาหารพื้นเมืองรสเด็ดที่สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี
“วัดชิงซิ่วเยี่ยน”(Qing-Xiu Temple) วัดหรือศาลเจ้าญี่ปุ่นอายุเก่าแก่ร่วม 100 ปี สร้างขึ้นในสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน ภายในวัดมีไฮไลท์คือ พระพุทธรูปหิน 88 องค์ ซึ่งวันนี้วัดแห่งนี้ยังคงเปี่ยมไปด้วยความคลาสสิกและบรรยากาศเปี่ยมศรัทธาให้ผู้สนใจได้ไปสัมผัสในพลังแห่งธรรมกัน
“สวนอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมฮวาเหลียน”(Hualien Cultural Creative Industries Park)ที่ปรับเปลี่ยนโรงงานผลิตเหล้าไวน์ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ ที่มีทั้งการแสดงนำโดยโชว์“10 กลอง” มีส่วนจัดแสดงนิทรรศการ จุดทำกิจกรรม ร้านอาหาร และมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูปกันหลายจุดด้วยกัน
นอกจากนี้ในฮวาเหลียนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สำคัญนั่นก็คือ “อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ” ที่ผู้มาเยือนฮวาเหลียนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ทาโรโกะ
ย้อนอดีตไปในปี ค.ศ. 1590 ทหารเรือชาวโปรตุเกสได้แล่นเรือผ่านมายังชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน(ที่เป็นเมืองฮวาเหลียนในปัจจุบัน) และได้ตื่นตะลึงกับทัศนียภาพอันสวยงามน่าอัศจรรย์ของดินแดนแห่งนี้ จึงขนามนามไต้หวันในยุคนั้นว่า “Formosa” ที่หมายถึงเกาะแห่งความสวยงาม ซึ่งจุดสำคัญอันเป็นที่มาของฉายานี้ก็คือบริเวณที่เป็น“อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ” ในปัจจุบัน
อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ(Taroko National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน มีเนื้อที่ประมาณ 920 ตร.กม. ครอบคลุมพื้นที่ 3 เมืองคือ ไทจง,หนานโถว และฮวาเหลียน โดยไฮไลท์ทางการท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ในพื้นที่เมืองฮวาเหลียนเป็นหลัก
อช.ทาโรโกะ ตั้งชื่อตามชนเผ่า Truku หรือ ชวนเผ่าทาโรโกะ(Taroko) ชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ คำว่าทาโรโกะเป็นคำเรียกขานในภาษาญี่ปุ่น ขณะที่คนจีนเรียกอุทยานฯแห่งนี้(และชนเผ่าทาโรโกะ)ว่า“ไท่หลู่เก๋อ”
อช.ทาโรโกะเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่โดดเด่นไปด้วยแคนยอน(หุบเขาลึก) ช่องแคบ โตรกผาสูงชัน ซึ่งมีทั้งหุบเขาหินปูนและหินอ่อน ที่เกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำ ลม ฝน จนเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามแปลกตา ในระหว่างช่องเขามีแม่น้ำลี่อู๋(Liwu)ไหลผ่าน จากป่าต้นน้ำบนเทือกเขาแห่งทาโรโกะไปออกยังปากอ่าวท้องทะเลแปซิฟิก โดยมีช่องแคบแคนยอนช่วงหน้าผาชิงสุ่ย(Qingshui)ไปถึงยอดเขาหนานหู (Nanhu Peak)ที่สูงถึง 3,742 เมตร ได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพอันงดงามและเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ อช.ทาโรโกะ แห่งนี้
ในบริเวณหุบเขาแคนยอนในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจฟ้าเปิดอากาศแจ่มใส เราจะมองเห็นแม่น้ำลี่อู๋ที่ไหลคดเหลียวไปตามโตรกผาเป็นสีฟ้าครามสดใส พร้อมทั้งมองเห็นความงามของเส้นสายลายน้ำและลวดลายสีสันของหินผาได้อย่างสวยงาม
ส่วนถ้าวันไหนฟ้าปิด มีฝนตกพรำ อช.ทาโรโกะก็จะงดงามไปอีกแบบกับบรรยากาศชุ่มฉ่ำเขียวขจี มีสายหมอกลอยอ้อยอิ่งไต่ระเรี่ยตามยอดเขา ชวนให้คนเดียวดายรู้สึกเปลี่ยวเหงากระไรปานนั้น
เดิมการสัญจรในพื้นที่ อช.ทาโรโกะไปมาลำบาก การเดินทางจะต้องอ้อมเกาะไปทำให้เสียเวลามาก มีเพียงเส้นทางเดินเท้าของชนพื้นเมือง ในบางช่วงของช่องแคบระหว่างหุบเขา จะมีการสร้างสะพานเล็กๆเป็นทางสัญจรเชื่อมเส้นทางซึ่งเบื้องล่างเป็นหุบเหวลึกที่ดูน่าหวาดเสียวยิ่งนัก
กระทั่งมาในยุคของวีรบุรุษไต้หวันคือ ประธานาธิบดี “เจียงจิงกว๋อ”(บุตรชายของประธานาธิบดีเจียงไคเช็ก) บุคคลตงฉินที่นอกจากจะเข้ามากวาดล้างคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังแล้ว ยังได้พัฒนาไต้หวันให้เจริญรุ่งเรืองสู่ดินแดนอารยะ ด้วยการสร้างสิ่งสำคัญๆ(เมกะโปรเจค)ไว้มากมาย
โดยหนึ่งในก็คือการสร้างถนนสายยุทธศาสตร์เชื่อมตะวันออกกับตะวันตก โดยมีเส้นทางช่วงหนึ่งตัดผ่าน อช.ทาโรโกะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในถนนที่มีความสวยงามที่สุดในไต้หวัน เพราะนอกจากจะมีการตัดถนนเลาะเลียบไปตามแนวหน้าผา ด้านหนึ่งเป็นภูเขา ด้านหนึ่งเป็นหุบเหว หน้าผา เลาะเลียบไปจนถึงแนวชายฝั่งแล้ว ยังมีการเจาะอุโมงค์ภูเขาทำถนน และมีการสร้างสะพานสวยๆงามๆไว้บนถนนเส้นนี้อยู่หลายแห่งด้วยกัน
บนถนนสายนี้มีการสร้าง“ซุ้มประตู อช.ทาโรโกะ”(The East Entrance Arch Gate) ของถนนไว้ตรงบริเวณที่เป็นจุดเริ่มต้นทางเข้า อช.ทาโรโกะ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของอุทยานฯแห่งนี้ บนซุ้มประตูมีข้อความเขียนไว้ว่า“ตงซีเหิงก้วนกงลู่” ที่แปลว่า “ถนนหลวงแนวขวางเชื่อมระหว่างฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตก”
บริเวณนี้ยังมีป้ายก้อนหินที่สลักชื่อ อช.ทาโรโกะ เอาไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำลี่อู๋ ซึ่งทั้งซุ้มประตู สะพาน และป้ายก้อนหินนั้นถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแวะถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก
เที่ยว อช.ทาโรโกะ
สำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางผ่านซุ้มประตูก็จะเข้าสู่เขต อช.ทาโรโกะ ภายในอุทยานแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นหลากหลายให้ได้สัมผัสกัน ไม่ว่าจะเป็น
-“จุดชมวิวผาชิงสุ่ย”(Qingshui Cliff) ที่ตั้งอยู่ก่อนถึงทางเข้าซุ้มประตู อช.ทาโรโกะ เมื่อมองลงไปจะเห็นแนวขุนเขาสูงทอดตัวลงไปในท้องทะเล มองเห็นผืนป่าสีเขียวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าครามดูสวยงามไม่น้อย
-“ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อช.ทาโรโกะ” ที่เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ มีอาคารจัดแสดงจุดท่องเที่ยวและสิ่งน่าสนใจต่างๆใน อช.ทาโรโกะ ที่มีการจัดตกแต่งได้อย่างทรงเสน่ห์ ขณะที่อาณาบริเวณด้านนอกมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างงดงาม ท่ามกลางแนวขุนเขาเบื้องหน้าที่ตั้งตระหง่าน
ณ ศูนย์บริการฯแห่งนี้ยังมีไกด์จิตอาสาภาษาอังกฤษ มาช่วยให้ข้อมูลกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งผมอยากให้ตามอุทยานแห่งชาติบ้านเรามีแบบนี้บ้างจัง
-“ศาลเจ้าฉางชุน” (Changchun Shrine หรือ Eteranal Spring Shrine) อีกหนึ่งจุดไฮไลท์สำคัญของ อช.ทาโรโกะ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อสักการะดวงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตกว่า 200 คน จากการทำถนนใน อช.ทาโรโกะ
ศาลเจ้าฉางชุน(ฉางชุนแปลว่าฤดูใบไม้ผลิอันยาวนาน) เป็นอีกหนึ่งภาพงามสัญลักษณ์ของ อช.ทาโรโกะ ตัวศาลเจ้าตั้งโดดเด่นอยู่บริเวณเชิงเขา เบื้องล่างมีสาย“น้ำตกฉางชุน”ไหลเป็นสายฟูฟ่องลงมาสู่สายธารของแม่น้ำลี่อู๋ ซึ่งทาง อช.ทาโรโกะได้สร้างจุดชมวิวไว้ที่ฝั่งตรงข้ามของศาลเจ้าให้นักท่องเที่ยวได้มายลในความงามและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก รวมถึงมีเส้นทางเดินเท้าจะจุดชมวิวสู่ตัวศาลเจ้าฉางชุนอีกด้วย
-“สะพานพระคุณมารดา”(Cimu Bridge) สะพานสีแดงสดที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงตำนานเรื่องเล่าของแม่คนหนึ่ง ซึ่งในช่วงที่มีการสร้างถนนภายในพื้นที่ อช.ทาโรโกะ คุณแม่ท่านนี้ทุกๆวันจะนำข้าวกล่องมาส่งให้ลูกที่เป็นผู้ร่วมสร้างถนน มาวันหนึ่งเกินพายุไต้ฝุ่นพัดถล่ม แต่คุณแม่ก็ยังคงเดินทางนำข้าวกล่องมาส่งให้ลูก ซึ่งสุดท้ายได้ถูกพายุไต้ฝุ่นพัดตกน้ำเสียชีวิต กลายเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันมา
สะพานพระคุณมารดา เป็นสะพานเหล็กสีแดงสด หัวสะพานประดับรูปสิงโตหินอ่อน บริเวณสะพานมีเก๋งจีน 2 หลัง หลังหนึ่งคือเก๋งของประธานาธิบดีเจียงไคเช็ค ส่วนอีกหลังหนึ่งเป็นเก่งของประธานาธิบดีเจียงจิงกว๋อ ที่ฐานหินของเก๋งสีแดงริมเพิงผา ว่ากันว่าเป็นผารูปร่างคล้ายกบ ซึ่งงานนี้ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนว่าจะมองเห็นเป็นกบหรือมองเห็นเป็นอย่างอื่น
- “อุโมงค์นกนางแอ่น” หรือ “อุโมงค์ 9 โค้ง”(Tunnel of Nine Turns) เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์กับเส้นทางเดินชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์แคนยอนและทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของ อช.ทาโรโกะ ซึ่งเหตุที่สถานที่แห่งนี้เรียกว่า“อุโมงค์นกนางแอ่น”เพราะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ - ฤดูร้อน จะมีฝูงนกนางแอ่นจำนวนมากบินมาเพื่อสร้างรังตามโพรงหินที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของลำธาร และน้ำจากดินที่ผุดขึ้นมาตามโพรงหิน
สำหรับการเดินเที่ยวในอุโมงค์นกนางแอ่น ก่อนเดินเข้าไปทาง อช.ทาโรโกะ จะมีหมวกกันน็อกให้สวมใส่ เพื่อป้องกันหินก้อนเล็กๆจากหน้าผาที่อาจหล่นลงมา ในเส้นทางนี้มีสิ่งน่าสนใจหลากหลายให้ชมกัน ไม่ว่าจะเป็น “จุดชมวิวสะพานแขวน” ที่ในอดีตชนพื้นเมืองใช้เป็นเส้นทางสัญจรไป-มา ส่วนปัจจุบันกลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต, “แนวช่องแคบระหว่างภูเขา" เป็นแนวหน้าผาหินอ่อน(บางช่วงเป็นช่องแคบระหว่างภูเขาห่างกันแค่ประมาณ 10 เมตร)เบื้องล่างมีลำธารจากแม่น้ำลี่อู๋ไหลผ่าน ในวันที่ฟ้าเปิดจะมองเห็นลำธารเป็นสีฟ้าสวยงาม “หน้าผาโพรงนกนางแอ่น” เป็นบริเวณแนวทำรังของนกนางแอ่นที่เจาะแนวหินสร้างบ้านทำรังไว้จนเป็นรูพรุนดูสวยงามแปลกตา
นอกจากนี้ใน อช.ทาโรโกะ ยังมีหมู่บ้านของชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิม ซึ่งปัจจุบันบางหมู่บ้านได้ปรับเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว อย่างเช่น หมู่บ้าน“ปุโลวัน”(Buluowan) ที่เป็นหมู่บ้านดั้งเดิมของชนเผ่าพื้นเมืองทาโรโกะหรือไท่ลู่เก๋อ คำว่า“ปุโลวัน” แปลว่าเสียงสะท้อน เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยี ชาวพื้นเมืองก็จะใช้วิธีตะโกนให้เกิดเสียงสะท้อน เช่น เวลาผู้ชายออกไปล่าสัตว์นานๆ ผู้หญิงก็จะใช้วิธีตะโกนเพื่อเรียกหากันและกัน
ปัจจุบันหมู่บ้านปุโลวันได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ภายในหมู่บ้านมีที่พัก ร้านอาหาร จุดถ่ายรูป รวมถึงการแสดงต้อนรับนักท่องเที่ยวจากชาวชนเผ่าทาโรโกะที่วันนี้พวกเขาดูไม่ต่างจากคนไต้หวันทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่จะมีเอกลักษณ์ชุดผ้าคาดคลุมตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่านี้
สำหรับใครที่มาเที่ยว อช.ทาโรโกะ แล้วอยากดื่มด่ำสัมผัสกับธรรมชาติภายในอุทยานฯแห่งนี้อย่างลึกซึ้ง ภายในพื้นที่ใกล้เคียง อช.ทาโรโกะ ก็มีที่พักให้เลือกหลากหลาย ขณะที่ภายใน อช.ทาโรโกะ นั้นก็มีทั้งที่พักโฮมสเตย์ของชาวบ้าน ที่พักโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านปุโลวัน รวมไปถึงยังมีโรงแรม 5 ดาว หรูหราหนึ่งเดียว คือ “Silk Place” ให้เลือกพักกันตามความชอบและตามกำลังทรัพย์
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของ อช.ทาโรโกะ อีกหนึ่งพื้นที่อันทรงเสน่ห์น่าอัศจรรย์แห่งดินแดนไต้หวัน ซึ่งหากใครไปเที่ยวยังอุทยานฯแห่งนี้ แล้วไปประเภททัวร์ฉาบฉวย หรือประเภทชะโงกทัวร์นั่งอยู่บนรถแล้วดูเพียงผ่านๆ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง
**************************************************
เร็วๆนี้ที่บ้านเราจะมีการเปิดสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันประจำประเทศไทยขึ้น เพื่อให้ผู้สนใจได้ติดต่อสอบถามข้อมูลทางการท่องเที่ยวของไต้หวันได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวของไต้หวันที่น่าสนใจไม่น้อย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
หลัง“ไต้หวัน”เปิดฟรีวีซ่าให้คนไทยในปี 2559 ดินแดนแห่งนี้ก็เนื้อหอมกลายเป็นเมืองในอันดับต้นๆที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว ยิ่งล่าสุดทางการไต้หวันได้ขยายการเปิดฟรีวีซ่าสำหรับคนไทยต่อไปอีกหนึ่งปี
ไต้หวันวันนี้ก็ดูจะยิ่งฮอตฮิตติดลมบนมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้หลายสายการบินในบ้านเราจึงพากันเดินหน้าสยายปีก บินตรงเชื่อมเมืองไทยกับไต้หวันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ"สายการบินเวียตเจ็ท" ที่กำลังจะเปิดเที่ยวบินตรงจากไทยไป“เมืองไถจง”หรือ“ไทจง”(Taichung) ทางฝั่งตะวันตกของไต้หวันในเร็วๆนี้
ในขณะที่เมือง“ฮวาเหลียน”ทางฝั่งตะวันออกก็ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีศักยภาพของไต้หวัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าสายการบินเวียตเจ็ทอาจจะเปิดเส้นทางบินตรง จากเมืองไทยสู่เมืองฮวาเหลียนภายในอนาคตอันใกล้นี้เช่นกัน
รู้จักเมืองฮวาเหลียน
เมือง“ฮวาเหลียน”หรือ“ฮัวเหลียน”(Hualien) ชื่อเมืองนี้บ้างก็ว่ามาจากการกลับคำในภาษาจีน คือ “เหลียนฮวา”(Lianhua) ที่แปลว่า“ดอกบัว”เป็น“ฮวาเหลียน” บ้างก็ว่ามาจากคำว่า“หุ้ยหลัน”(Huilan) ที่แปลว่าน้ำวน ซึ่งมาจากการที่แม่น้ำฮวาเหลียนที่ไหลผ่านเมืองนี้ในช่วงที่จะไหลออกสู่ทะเลจะมีลักษณะเป็นสายน้ำวน
ส่วนบ้างก็ว่ามาจากชื่อที่ชาวโปรตุเกสตั้งให้ตั้งแต่ยุคที่พวกเขาได้เดินเรือผ่านมาทางช่องแคบของไต้หวัน แล้วพบเม็ดทองคำที่ปนอยู่ในทราย จึงเอาชื่อแม่น้ำที่ผลิตทองในโปรตุเกสเรียกขานดินแดนแห่งนี้ว่า“ฮวาเหลียน”
ฮวาเหลียนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของไต้หวันติดมหาสมุทรแปซิฟิค ฮวาเหลียนเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวันมีเนื้อที่กว่า 4,600 ตร.กม. แต่กลับมีประชากรไม่มาก(หากเทียบกับปริมาณพื้นที่)ราวๆ 350,000 คน
นอกจากนี้ฮวาเหลียนยังเป็นเมืองที่มีพื้นที่ราบไม่มากเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีภูเขาโอบล้อมถึงสามด้านในแนวเหนือ-ใต้-ตะวันตก ส่วนทางฝั่งตะวันออกเป็นแนวชายฝั่งติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกยาวตลอดเหนือจรดใต้
ด้วยความเป็นเมืองที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา ทำให้ความเจริญทางวัตถุเดินทางเข้าสู่เมืองฮวาเหลียนช้ากว่าเมืองอื่นๆในไต้หวัน แต่นั่นก็ทำให้ปัจจุบันเมืองฮวาเหลียนยังคงไว้ซึ่งวิถีชนบทอันทรงเสน่ห์ ผู้คนเปี่ยมน้ำมิตรไมตรี มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งโดดเด่นไปด้วยทัศนียภาพอันงดงามของแนวชายฝั่งและขุนเขา ฮวาเหลียนจึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในจังหวัดที่สวยที่สุดในไต้หวัน อีกทั้งยังได้รับการตั้งฉายาให้เป็น“สวิตเซอร์แลนด์ไต้หวัน” ซึ่งทางสำนักข่าว CNN ได้เคยจัดให้ฮวาเหลียนเป็น 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดในเอเชียอีกด้วย
เที่ยวฮวาเหลียน
ปัจจุบันฮวาเหลียนเป็นอีกหนึ่งเมืองที่"การท่องเที่ยวไต้หวัน"ภูมิใจนำเสนอต่อนักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วยอยากให้ไปสัมผัสกับไต้หวันในบรรยากาศที่แตกต่าง นอกจากการชม ชิม ชอป สถานที่ท่องเที่ยวดังๆในตัวเมืองหลวงไทเป
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆของฮวาเหลียนนั้น ผมขอเริ่มกันที่ริมชายฝั่งท้องทะเลแปซิฟิก กับ“หาดซีซิงถัน”(Qixingtan) หรือ“ทะเลสาบเจ็ดดาว” ที่เป็นแนวชายหาดรูปวงพระจันทร์ยาวกว่า 20 กม.
หาดซีซิงถัน ไม่ใช่หาดทรายหากแต่เป็นแนวชายหาด“ก้อนกรวด”ที่มีวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ทว่าไม่เหมาะต่อการลงเล่นน้ำเพราะเป็นแนวหาดตัดลึกลงไปสู่ทะเล และเป็นหาดที่มีคลื่นสูงและแรงมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน ชมความงาม และถ่ายรูปคู่กับคลื่นสีขาวฟูฟ่องที่ถาดโถมซัดเข้าฝั่ง
ขณะที่ตามแนวชายหาดบางช่วงบางตอนได้มีการจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ มีสตรีทเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ มีองค์เจ้าแม่กวนอิมให้สักการะบูชา และทางจักรยานไว้ในนักปั่นได้มาปั่นออกกำลังกายกินลมชมหาดกัน สมดังคอนเซ็ปต์ไต้หวันเมืองหลวงแห่งจักรยานของเอเชีย
ในแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของไต้หวันยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญนั่นก็คือ "กิจกรรมการเที่ยวชมวาฬ-โลมา"(Whale and Dolphin Watching)ที่ “สือทีผิง” ซึ่งจะมีเรือนำเที่ยวพานักท่องเที่ยวออกไปเฝ้ารอชมเจ้าวาฬ-โลมา โดยเปอร์เซ็นต์การได้เห็นวาฬและโลมานั้นอยู่ที่กว่า 90% เลยทีเดียว
ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆในเมืองฮวาเหลียนนั้นก็มี “ทะเลสาบหลีหยู่” หรือ “ทะเลสาบปลาคาร์ฟ” (Liyu (Carp) Lake) ที่โดดเด่นไปด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงาม “ล่องแก่งแม่น้ำซิ่งกูหลวนซี” ที่สนุกเพลิดเพลินพร้อมกับได้กินอาหารพื้นเมืองรสเด็ดที่สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี
“วัดชิงซิ่วเยี่ยน”(Qing-Xiu Temple) วัดหรือศาลเจ้าญี่ปุ่นอายุเก่าแก่ร่วม 100 ปี สร้างขึ้นในสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน ภายในวัดมีไฮไลท์คือ พระพุทธรูปหิน 88 องค์ ซึ่งวันนี้วัดแห่งนี้ยังคงเปี่ยมไปด้วยความคลาสสิกและบรรยากาศเปี่ยมศรัทธาให้ผู้สนใจได้ไปสัมผัสในพลังแห่งธรรมกัน
“สวนอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมฮวาเหลียน”(Hualien Cultural Creative Industries Park)ที่ปรับเปลี่ยนโรงงานผลิตเหล้าไวน์ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ ที่มีทั้งการแสดงนำโดยโชว์“10 กลอง” มีส่วนจัดแสดงนิทรรศการ จุดทำกิจกรรม ร้านอาหาร และมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูปกันหลายจุดด้วยกัน
นอกจากนี้ในฮวาเหลียนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สำคัญนั่นก็คือ “อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ” ที่ผู้มาเยือนฮวาเหลียนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ทาโรโกะ
ย้อนอดีตไปในปี ค.ศ. 1590 ทหารเรือชาวโปรตุเกสได้แล่นเรือผ่านมายังชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน(ที่เป็นเมืองฮวาเหลียนในปัจจุบัน) และได้ตื่นตะลึงกับทัศนียภาพอันสวยงามน่าอัศจรรย์ของดินแดนแห่งนี้ จึงขนามนามไต้หวันในยุคนั้นว่า “Formosa” ที่หมายถึงเกาะแห่งความสวยงาม ซึ่งจุดสำคัญอันเป็นที่มาของฉายานี้ก็คือบริเวณที่เป็น“อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ” ในปัจจุบัน
อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ(Taroko National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน มีเนื้อที่ประมาณ 920 ตร.กม. ครอบคลุมพื้นที่ 3 เมืองคือ ไทจง,หนานโถว และฮวาเหลียน โดยไฮไลท์ทางการท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ในพื้นที่เมืองฮวาเหลียนเป็นหลัก
อช.ทาโรโกะ ตั้งชื่อตามชนเผ่า Truku หรือ ชวนเผ่าทาโรโกะ(Taroko) ชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ คำว่าทาโรโกะเป็นคำเรียกขานในภาษาญี่ปุ่น ขณะที่คนจีนเรียกอุทยานฯแห่งนี้(และชนเผ่าทาโรโกะ)ว่า“ไท่หลู่เก๋อ”
อช.ทาโรโกะเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่โดดเด่นไปด้วยแคนยอน(หุบเขาลึก) ช่องแคบ โตรกผาสูงชัน ซึ่งมีทั้งหุบเขาหินปูนและหินอ่อน ที่เกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำ ลม ฝน จนเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามแปลกตา ในระหว่างช่องเขามีแม่น้ำลี่อู๋(Liwu)ไหลผ่าน จากป่าต้นน้ำบนเทือกเขาแห่งทาโรโกะไปออกยังปากอ่าวท้องทะเลแปซิฟิก โดยมีช่องแคบแคนยอนช่วงหน้าผาชิงสุ่ย(Qingshui)ไปถึงยอดเขาหนานหู (Nanhu Peak)ที่สูงถึง 3,742 เมตร ได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพอันงดงามและเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ อช.ทาโรโกะ แห่งนี้
ในบริเวณหุบเขาแคนยอนในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจฟ้าเปิดอากาศแจ่มใส เราจะมองเห็นแม่น้ำลี่อู๋ที่ไหลคดเหลียวไปตามโตรกผาเป็นสีฟ้าครามสดใส พร้อมทั้งมองเห็นความงามของเส้นสายลายน้ำและลวดลายสีสันของหินผาได้อย่างสวยงาม
ส่วนถ้าวันไหนฟ้าปิด มีฝนตกพรำ อช.ทาโรโกะก็จะงดงามไปอีกแบบกับบรรยากาศชุ่มฉ่ำเขียวขจี มีสายหมอกลอยอ้อยอิ่งไต่ระเรี่ยตามยอดเขา ชวนให้คนเดียวดายรู้สึกเปลี่ยวเหงากระไรปานนั้น
เดิมการสัญจรในพื้นที่ อช.ทาโรโกะไปมาลำบาก การเดินทางจะต้องอ้อมเกาะไปทำให้เสียเวลามาก มีเพียงเส้นทางเดินเท้าของชนพื้นเมือง ในบางช่วงของช่องแคบระหว่างหุบเขา จะมีการสร้างสะพานเล็กๆเป็นทางสัญจรเชื่อมเส้นทางซึ่งเบื้องล่างเป็นหุบเหวลึกที่ดูน่าหวาดเสียวยิ่งนัก
กระทั่งมาในยุคของวีรบุรุษไต้หวันคือ ประธานาธิบดี “เจียงจิงกว๋อ”(บุตรชายของประธานาธิบดีเจียงไคเช็ก) บุคคลตงฉินที่นอกจากจะเข้ามากวาดล้างคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังแล้ว ยังได้พัฒนาไต้หวันให้เจริญรุ่งเรืองสู่ดินแดนอารยะ ด้วยการสร้างสิ่งสำคัญๆ(เมกะโปรเจค)ไว้มากมาย
โดยหนึ่งในก็คือการสร้างถนนสายยุทธศาสตร์เชื่อมตะวันออกกับตะวันตก โดยมีเส้นทางช่วงหนึ่งตัดผ่าน อช.ทาโรโกะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในถนนที่มีความสวยงามที่สุดในไต้หวัน เพราะนอกจากจะมีการตัดถนนเลาะเลียบไปตามแนวหน้าผา ด้านหนึ่งเป็นภูเขา ด้านหนึ่งเป็นหุบเหว หน้าผา เลาะเลียบไปจนถึงแนวชายฝั่งแล้ว ยังมีการเจาะอุโมงค์ภูเขาทำถนน และมีการสร้างสะพานสวยๆงามๆไว้บนถนนเส้นนี้อยู่หลายแห่งด้วยกัน
บนถนนสายนี้มีการสร้าง“ซุ้มประตู อช.ทาโรโกะ”(The East Entrance Arch Gate) ของถนนไว้ตรงบริเวณที่เป็นจุดเริ่มต้นทางเข้า อช.ทาโรโกะ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของอุทยานฯแห่งนี้ บนซุ้มประตูมีข้อความเขียนไว้ว่า“ตงซีเหิงก้วนกงลู่” ที่แปลว่า “ถนนหลวงแนวขวางเชื่อมระหว่างฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตก”
บริเวณนี้ยังมีป้ายก้อนหินที่สลักชื่อ อช.ทาโรโกะ เอาไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำลี่อู๋ ซึ่งทั้งซุ้มประตู สะพาน และป้ายก้อนหินนั้นถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแวะถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก
เที่ยว อช.ทาโรโกะ
สำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางผ่านซุ้มประตูก็จะเข้าสู่เขต อช.ทาโรโกะ ภายในอุทยานแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นหลากหลายให้ได้สัมผัสกัน ไม่ว่าจะเป็น
-“จุดชมวิวผาชิงสุ่ย”(Qingshui Cliff) ที่ตั้งอยู่ก่อนถึงทางเข้าซุ้มประตู อช.ทาโรโกะ เมื่อมองลงไปจะเห็นแนวขุนเขาสูงทอดตัวลงไปในท้องทะเล มองเห็นผืนป่าสีเขียวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าครามดูสวยงามไม่น้อย
-“ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อช.ทาโรโกะ” ที่เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ มีอาคารจัดแสดงจุดท่องเที่ยวและสิ่งน่าสนใจต่างๆใน อช.ทาโรโกะ ที่มีการจัดตกแต่งได้อย่างทรงเสน่ห์ ขณะที่อาณาบริเวณด้านนอกมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างงดงาม ท่ามกลางแนวขุนเขาเบื้องหน้าที่ตั้งตระหง่าน
ณ ศูนย์บริการฯแห่งนี้ยังมีไกด์จิตอาสาภาษาอังกฤษ มาช่วยให้ข้อมูลกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งผมอยากให้ตามอุทยานแห่งชาติบ้านเรามีแบบนี้บ้างจัง
-“ศาลเจ้าฉางชุน” (Changchun Shrine หรือ Eteranal Spring Shrine) อีกหนึ่งจุดไฮไลท์สำคัญของ อช.ทาโรโกะ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อสักการะดวงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตกว่า 200 คน จากการทำถนนใน อช.ทาโรโกะ
ศาลเจ้าฉางชุน(ฉางชุนแปลว่าฤดูใบไม้ผลิอันยาวนาน) เป็นอีกหนึ่งภาพงามสัญลักษณ์ของ อช.ทาโรโกะ ตัวศาลเจ้าตั้งโดดเด่นอยู่บริเวณเชิงเขา เบื้องล่างมีสาย“น้ำตกฉางชุน”ไหลเป็นสายฟูฟ่องลงมาสู่สายธารของแม่น้ำลี่อู๋ ซึ่งทาง อช.ทาโรโกะได้สร้างจุดชมวิวไว้ที่ฝั่งตรงข้ามของศาลเจ้าให้นักท่องเที่ยวได้มายลในความงามและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก รวมถึงมีเส้นทางเดินเท้าจะจุดชมวิวสู่ตัวศาลเจ้าฉางชุนอีกด้วย
-“สะพานพระคุณมารดา”(Cimu Bridge) สะพานสีแดงสดที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงตำนานเรื่องเล่าของแม่คนหนึ่ง ซึ่งในช่วงที่มีการสร้างถนนภายในพื้นที่ อช.ทาโรโกะ คุณแม่ท่านนี้ทุกๆวันจะนำข้าวกล่องมาส่งให้ลูกที่เป็นผู้ร่วมสร้างถนน มาวันหนึ่งเกินพายุไต้ฝุ่นพัดถล่ม แต่คุณแม่ก็ยังคงเดินทางนำข้าวกล่องมาส่งให้ลูก ซึ่งสุดท้ายได้ถูกพายุไต้ฝุ่นพัดตกน้ำเสียชีวิต กลายเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันมา
สะพานพระคุณมารดา เป็นสะพานเหล็กสีแดงสด หัวสะพานประดับรูปสิงโตหินอ่อน บริเวณสะพานมีเก๋งจีน 2 หลัง หลังหนึ่งคือเก๋งของประธานาธิบดีเจียงไคเช็ค ส่วนอีกหลังหนึ่งเป็นเก่งของประธานาธิบดีเจียงจิงกว๋อ ที่ฐานหินของเก๋งสีแดงริมเพิงผา ว่ากันว่าเป็นผารูปร่างคล้ายกบ ซึ่งงานนี้ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนว่าจะมองเห็นเป็นกบหรือมองเห็นเป็นอย่างอื่น
- “อุโมงค์นกนางแอ่น” หรือ “อุโมงค์ 9 โค้ง”(Tunnel of Nine Turns) เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์กับเส้นทางเดินชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์แคนยอนและทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของ อช.ทาโรโกะ ซึ่งเหตุที่สถานที่แห่งนี้เรียกว่า“อุโมงค์นกนางแอ่น”เพราะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ - ฤดูร้อน จะมีฝูงนกนางแอ่นจำนวนมากบินมาเพื่อสร้างรังตามโพรงหินที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของลำธาร และน้ำจากดินที่ผุดขึ้นมาตามโพรงหิน
สำหรับการเดินเที่ยวในอุโมงค์นกนางแอ่น ก่อนเดินเข้าไปทาง อช.ทาโรโกะ จะมีหมวกกันน็อกให้สวมใส่ เพื่อป้องกันหินก้อนเล็กๆจากหน้าผาที่อาจหล่นลงมา ในเส้นทางนี้มีสิ่งน่าสนใจหลากหลายให้ชมกัน ไม่ว่าจะเป็น “จุดชมวิวสะพานแขวน” ที่ในอดีตชนพื้นเมืองใช้เป็นเส้นทางสัญจรไป-มา ส่วนปัจจุบันกลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต, “แนวช่องแคบระหว่างภูเขา" เป็นแนวหน้าผาหินอ่อน(บางช่วงเป็นช่องแคบระหว่างภูเขาห่างกันแค่ประมาณ 10 เมตร)เบื้องล่างมีลำธารจากแม่น้ำลี่อู๋ไหลผ่าน ในวันที่ฟ้าเปิดจะมองเห็นลำธารเป็นสีฟ้าสวยงาม “หน้าผาโพรงนกนางแอ่น” เป็นบริเวณแนวทำรังของนกนางแอ่นที่เจาะแนวหินสร้างบ้านทำรังไว้จนเป็นรูพรุนดูสวยงามแปลกตา
นอกจากนี้ใน อช.ทาโรโกะ ยังมีหมู่บ้านของชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิม ซึ่งปัจจุบันบางหมู่บ้านได้ปรับเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว อย่างเช่น หมู่บ้าน“ปุโลวัน”(Buluowan) ที่เป็นหมู่บ้านดั้งเดิมของชนเผ่าพื้นเมืองทาโรโกะหรือไท่ลู่เก๋อ คำว่า“ปุโลวัน” แปลว่าเสียงสะท้อน เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยี ชาวพื้นเมืองก็จะใช้วิธีตะโกนให้เกิดเสียงสะท้อน เช่น เวลาผู้ชายออกไปล่าสัตว์นานๆ ผู้หญิงก็จะใช้วิธีตะโกนเพื่อเรียกหากันและกัน
ปัจจุบันหมู่บ้านปุโลวันได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ภายในหมู่บ้านมีที่พัก ร้านอาหาร จุดถ่ายรูป รวมถึงการแสดงต้อนรับนักท่องเที่ยวจากชาวชนเผ่าทาโรโกะที่วันนี้พวกเขาดูไม่ต่างจากคนไต้หวันทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่จะมีเอกลักษณ์ชุดผ้าคาดคลุมตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่านี้
สำหรับใครที่มาเที่ยว อช.ทาโรโกะ แล้วอยากดื่มด่ำสัมผัสกับธรรมชาติภายในอุทยานฯแห่งนี้อย่างลึกซึ้ง ภายในพื้นที่ใกล้เคียง อช.ทาโรโกะ ก็มีที่พักให้เลือกหลากหลาย ขณะที่ภายใน อช.ทาโรโกะ นั้นก็มีทั้งที่พักโฮมสเตย์ของชาวบ้าน ที่พักโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านปุโลวัน รวมไปถึงยังมีโรงแรม 5 ดาว หรูหราหนึ่งเดียว คือ “Silk Place” ให้เลือกพักกันตามความชอบและตามกำลังทรัพย์
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของ อช.ทาโรโกะ อีกหนึ่งพื้นที่อันทรงเสน่ห์น่าอัศจรรย์แห่งดินแดนไต้หวัน ซึ่งหากใครไปเที่ยวยังอุทยานฯแห่งนี้ แล้วไปประเภททัวร์ฉาบฉวย หรือประเภทชะโงกทัวร์นั่งอยู่บนรถแล้วดูเพียงผ่านๆ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง
**************************************************
เร็วๆนี้ที่บ้านเราจะมีการเปิดสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันประจำประเทศไทยขึ้น เพื่อให้ผู้สนใจได้ติดต่อสอบถามข้อมูลทางการท่องเที่ยวของไต้หวันได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวของไต้หวันที่น่าสนใจไม่น้อย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com