เพิ่งมีข่าวยกเลิกการจัดคอนเสิร์ต “เสม็ดอินเลิฟ ครั้งที่ 8” บนเกาะเสม็ด อ.แกลง จ.ระยอง ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายน 2560 เนื่องจากผู้ประกอบการและชาวบ้านในเกาะเสม็ดได้รวมตัวกันคัดค้านการจัดคอนเสิร์ตดังกล่าว
กลุ่มชาวเกาะเสม็ดที่ร่วมกันคัดค้านมีความคิดเห็นว่า การจัดคอนเสิร์ตนั้นสร้างปัญหามากกว่าจะเป็นการส่งเสริมหรือกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด เห็นได้จากตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาที่มีการจัดงานคอนเสิร์ตนี้ขึ้น การท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ดไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในทางบวก แต่ในระหว่างจัดงานกลับมีปัญหาทะเลาะวิวาท ชายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงาน ปัญหาการปิดล้อมชายหาดระหว่างจัดคอนเสิร์ต นักท่องเที่ยวถูกโก่งราคาค่าที่พัก หลังจัดงานยังมีปัญหาขยะเป็นภาระกับคนบนเกาะอีกต่างหาก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ประเด็นที่ใหญ่กว่าก็คือ เกาะเสม็ดทั้งเกาะนั้นอยู่ในพื้นที่ของ “อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด” โดยมีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่งและในท้องทะเล ตลอดจนเกาะต่างๆ ประกอบด้วยเกาะเสม็ด เกาะจันทร์ เกาะทะลุ เกาะกุฎี เกาะมะขาม และเกาะปลายตีน เขาแหลมหญ้าและชายทะเลด้านทิศตะวันตกของเขาแหลมหญ้า โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า 6 เล่ม 98 ตอนที่ 162 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2524 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 34 ของประเทศไทย
สำหรับการจัดคอนเสิร์ตทั้ง 7 ครั้งที่ผ่านมา ได้มีการจัดคอนเสิร์ตขึ้นที่หาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ซึ่งอุทยานฯ ทุกแห่งต่างมีกฎระเบียบพื้นฐานคือ “ห้ามมิให้บุคคลใด” (17) ส่งเสียงอื้อฉาวหรือกระทําการอื่นอันเป็นการรบกวน หรือเป็นที่เดือดร้อนรําคาญแก่คนหรือสัตว์ และ(18) ทิ้งขยะมูลฝอยหรือสิ่งต่างๆ ในที่ที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้น (จาก “พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504”)
ทั้งนี้การอนุญาตให้มีการจัดคอนเสิร์ตครั้งที่ผ่านมานั้น ก็ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน รวมถึงผู้มีอำนาจของอุทยานในขณะนั้นที่อนุญาตให้ผู้จัดเข้าไปใช้พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โดยอาจเล็งเห็นประโยชน์ในการดึงนักท่องเที่ยว รวมถึงเม็ดเงินเข้าไปสู่เกาะเสม็ดมากขึ้นก็เป็นได้ (คลิกอ่านข่าวเก่าเพิ่มเติมที่นี่)
แต่สำหรับในปีนี้ นอกจากกลุ่มชาวบ้านและผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ดจะรวมตัวกันคัดค้านและขอให้ยกเลิกคอนเสิร์ตถาวรแล้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด “นายประยูร พงศ์พันธุ์” ก็กล่าวอย่างชัดเจนว่า จะไม่อนุญาตให้มีการจัดเสม็ดอินเลิฟแน่นอน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ประชาชนกำลังแสดงความอาลัยในพระราชพิธีพระบรมศพ จึงไม่น่าจัดงานรื่นเริง เป็นการผิด พ.ร.บ.อุทยานฯ และการหาผลประโยชน์ ใช้เสียงที่ดังเกินไป
โดยไทยรัฐออนไลน์ระบุว่า นายประยูรได้กล่าวว่า “...ที่แล้วมา 7 ปี มีการจัดผมไม่ทราบแต่ผมอยู่จัดไม่ได้ ถ้าให้จัดผิดมาตรา 157 ใครจะร่วมผิดกับผมไหม ผู้จัดงานก็บอกว่าจะไปเสนอขออธิบดีก็แล้วแต่เขา เราก็มีเหตุและผล เขาจัดกลับไปทิ้งสิ่งต่างๆ ไว้มากมาย เขาหอบเงินไปผมผิดคนเดียว ตราบใดที่เรายังอยู่ที่นี่ต้องทำตามกฎหมาย”
ด้าน “คมฉาน ตะวันฉาย” นักเขียนสารคดี คอลัมนิสต์ และนักอนุรักษ์ แสดงความเห็นในกรณีนี้ว่า ถ้าการจัดคอนเสิร์ตนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตนมองว่าเกาะเสม็ดนั้นไม่จำเป็นต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ต้องการจำกัดนักท่องเที่ยวเสียมากกว่า เพราะปัญหาของเสม็ดคือคนไปใช้พื้นที่เยอะเกินไป แถมคนที่ไปเที่ยวเกาะเสม็ดบางคนยังไม่รู้ด้วยว่าพื้นที่บนเกาะทั้งหมดเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งเพียงแค่อนุญาตให้ผู้ประกอบการยังสามารถประกอบการได้ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงของอุทยานแห่งชาติ พูดง่ายๆ ก็คืออยู่ภายในการควบคุมของอุทยานแห่งชาตินั่นเอง เมื่อขึ้นไปบนเกาะจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยานฯ นั่นแหละแสดงว่าเกาะนี้เป็นพื้นที่อุทยาน ถึงได้มาเก็บค่าธรรมเนียมได้
“พื้นที่อุทยานมี พรบ.ควบคุมและให้อำนาจของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมดูแลการใช้พื้นที่ ซึ่งจริงๆ การจัดคอนเสิร์ตใช้เครื่องเสียงส่งเสียงดังทั้งหลาย จริงๆ แล้วมันผิดระเบียบอุทยานอยู่แล้ว เผลอๆ ต้องตำหนิย้อนหลังไปในการจัดคอนเสิร์ต 7 ครั้งที่แล้วว่าคุณอนุญาตได้ยังไง เพราะถ้าเราให้เกาะเสม็ดเป็นพื้นที่หนึ่งที่ได้รับการยกเว้นเข้าไปจัดงาน จัดคอนเสิร์ตอย่างนี้ได้ เราก็สามารถทำได้ในเขตอุทยานแห่งชาติที่อื่นๆ เหมือนเป็นบรรทัดฐานไปเสีย”
“แต่ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าผู้ประกอบการหรือเอกชน เอาตั้งแต่คนที่คิดโปรเจ็กต์ต่างๆ ขึ้นมา มองถึงความเหมาะสม ทั้งเรื่องของพื้นที่จัดงาน รูปแบบงาน ที่นี่เขตอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเปล่า ผิดกฎระเบียบหรือเปล่า ต้องคิดแบบนี้ แต่เป็นเพราะว่าที่ผ่านมาบ้านเรามันถูกละเลย ถูกอะลุ้มอล่วย ถูกอิทธิพลการเมืองครอบงำซะจนเจ้าหน้าที่ ข้าราชการในพื้นที่ไม่กล้าแสดงศักยภาพ” คมฉานกล่าว
ทั้งนี้เกาะเสม็ดในความคิดของนักท่องเที่ยวเองก็ไม่ค่อยมีภาพของความเป็นอุทยานฯ สักเท่าไร ส่วนมากมักเป็นภาพของหาดทรายขาวน้ำใส รีสอร์ทสวยๆ เตียงผ้าใบริมทะเล ร้านอาหารผับบาร์ริมชายหาดต่างๆ เสียมากกว่า จนคนอาจจะลืมไปว่าเกาะเสม็ดทั้งเกาะเป็นอุทยานแห่งชาติ ดังนั้นคมฉานจึงเห็นด้วยว่า การที่ปฏิเสธไม่ให้จัดคอนเสิร์ตนั้นดีเสียอีก เพื่อทำให้ผู้ประกอบการ นักลงทุนทั้งหลาย หรือนักท่องเที่ยวเองได้สำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าเราอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
“คอนเสิร์ตจะไปจัดที่ไหนก็จัดไป ทำไมต้องมาจัดในอุทยานแห่งชาติ ทำไมต้องไปจัดอยู่ริมป่าเขา ทำไมต้องไปจัดริมทะเล คนจัดเขาเอาความเป็นธรรมชาติของแหล่งท่องเที่ยวมาเป็นจุดขายของคอนเสิร์ต แต่นั่นแสดงว่าคนจัดมองแต่ประโยชน์ของตัวเอง แต่ไม่ได้มองแง่ผลกระทบของธรรมชาติ ของสิ่งแวดล้อม ถ้าเป็นที่ของเอกชน มองในแง่กฎหมายอยากจัดก็จัดไม่ผิด แต่ในแง่ของความรู้สึกต้องคิดด้วยว่าจะมีผลกระทบไปถึงสัตว์ป่า สิ่งแวดล้อมหรือไม่”
การที่คนในชุมชนออกมาคัดค้าน และหัวหน้าอุทยานก็เข้มแข็งนั้นดีมาก ควรจะตั้งให้เป็นเสม็ดโมเดลเสียเลยสำหรับที่ที่อาจจะมีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นอีก คมฉานกล่าวปิดท้าย
ขณะนี้ในเฟซบุคแฟนเพจ Samed in Love ก็ได้มีการประกาศว่า “8 พ.ค. นี้ แถลงข่าว Samed in Love 8 ประกาศความชัดเจน และรายละเอียดของงานทั้งหมด สามารถติดตามข่าวสารอย่างเป็นทางการได้ที่เพจนี้เท่านั้น” ทางด้านผู้ที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตรวมถึงผู้ที่จ่ายเงินจองที่พักที่เกาะเสม็ดเพื่อมาชมคอนเสิร์ตไปเรียบร้อยแล้ว ต่างเข้ามาโพสต์ถามถึงความชัดเจนในการจัดงาน ความเป็นไปได้ในการคืนเงินค่าบัตรคอนเสิร์ตและค่าที่พักเป็นจำนวนมาก โดยทางเพจ Samed in Love ได้เข้าไปตอบว่า หากงานยกเลิก ทีมงานยินดีคืนเงินค่าบัตรเต็มจำนวน แต่ทั้งนี้ก็ให้รอประกาศอย่างเป็นทางการในหน้าเพจอีกครั้ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com