หน้าร้อนอย่างนี้ เที่ยวที่ไหนจะสุขใจเท่าไปทะเล...
และถ้าฝันอยากไปทะเล ก็ต้องนึกถึง “เมืองเกาะในฝัน” สวรรค์ของคนรักทะเลอย่าง “จังหวัดตราด” ดินแดนสุดปลายฟ้าบูรพาที่มีหมู่เกาะงดงามให้เราได้ไปสัมผัสผืนทรายชายหาดและน้ำทะเลใส ไม่เพียงเท่านั้น “ตราด” ยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากเสน่ห์อีกหลากหลาย ในเมืองตราดเองมีย่านการค้าเก่าแก่ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นถนนสายชิลล์เดินเล่นถ่ายภาพได้ไม่เบื่อ มีชุมชนหลายแห่งที่เปิดให้เข้าไปท่องเที่ยวเรียนรู้ชมของดีในท้องถิ่น มีธรรมชาติมหัศจรรย์ติดอันดับโลก และยังเป็นดินแดนผลไม้รสเยี่ยมที่แสนอุดมสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) จึงเลือกให้ตราดเป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” ภายใต้ธีม “เมืองเกาะในฝัน” ที่อยากให้นักท่องเที่ยวได้ลองมาสัมผัส “ตราด” กันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
เกาะในฝัน สวรรค์ทะเลตราด
“หมู่เกาะทะเลตราด” คือทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญของภาคตะวันออก ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่จำนวน 52 เกาะ นำโดย “เกาะช้าง” เกาะขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นที่นิยมที่สุดของตราด เกาะช้างโดดเด่นทั้งในเรื่องของธรรมชาติทางทะเลที่งดงาม มีหาดทรายสวยใสหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายขาว หาดคลองพร้าว หาดไก่แบ้ ฯลฯ ทั้งยังมีสภาพธรรมชาติป่าไม้ที่ยังอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติป่าเขาอย่างน้ำตกธารมะยม น้ำตกคลองพลู เป็นต้น
ส่วนกิจกรรมที่อยากแนะนำว่าไม่ควรพลาดบนเกาะช้างนอกจากการสัมผัสน้ำทะเลก็คือ การนั่งเรือมาดชมป่าชายเลนที่บ้านสลักคอก ซึ่งเป็นการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นวิถีชีวิตของตนเองมาประยุกต์ให้เป็นกิจกรรมท่องเที่ยว ด้วยการดัดแปลงเรือแจวธรรมดาๆ ให้เป็นเป็นเรือแจวหลักคู่ มีโต๊ะเก้าอี้อยู่กลางลำเรือ พร้อมร่มสีขาวกางเด่นสวยงาม ส่วนฝีพายยืนแจวอยู่ท้ายเรือ ได้บรรยากาศโรแมนติกดีไม่น้อย ทั้งยังได้ชมบรรยากาศของป่าชายเลนร่มรื่นสมบูรณ์ และอ่าวสลักคอกที่สวยงามก็คุ้มค่าแล้ว
“เกาะกูด” อีกหนึ่งเกาะงามที่ปลายสุดของน่านน้ำตะวันออก ด้วยความที่อยู่ไกลชายฝั่งทำให้เกาะกูดมีหาดทรายที่ขาวสะอาด น้ำทะเลสวยใสไม่แพ้เกาะแถบอันดามันเลยทีเดียว บนเกาะกูดมีชายหาดสวยๆ หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น อ่าวสับปะรด อ่าวสลัด หาดคลองยายกี๋ หาดคลองเจ้า ฯลฯ และยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และน้ำตกขนาดใหญ่ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์อันหลากหลายให้เกาะกูด
ขณะที่ “เกาะหมาก” เป็นอีกหนึ่งเกาะที่เงียบสงบสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อน และยังเป็นจุดเชื่อมโยงไปยังเกาะอื่นๆ เพื่อทำกิจกรรม อาทิ ดำน้ำดูประติมากรรมช้างใต้ทะเล ดำน้ำดูปะการังเกาะยักษ์ หมู่เกาะรัง ส่วนบนเกาะก็มีอ่าวน่าเที่ยวหลายอ่าว เช่น อ่าวนิด เป็นที่ตั้งของชุมชนบนเกาะหมาก อ่าวสวนใหญ่ อ่าวโล่ง ฯลฯ โดย ในหลายๆ อ่าวบนเกาะหมากจะมีการสร้างสะพานเทียบเรือของที่พักทอดยาวลงสู่ทะเล ถือเป็นจุดถ่ายรูปและเสน่ห์อันโดดเด่นของเกาะแห่งนี้
และไม่ไกลจากเกาะหมาก เป็นที่ตั้งของ “เกาะกระดาด” ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “ซาฟารีกลางทะเล” เพราะบนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของกวางฝูงใหญ่ซึ่งมีผู้นำมาเลี้ยงไว้และได้ออกลูกหลานมากมายนับร้อย การนั่งรถอีแต๊กชมฝูงกวางที่ออกมาเล็มหญ้ากลางทุ่งและชมบรรยากาศของเกาะจึงเป็นกิจกรรมยอดฮิตของ นักท่องเที่ยวที่มายังเกาะกระดาด
นอกจากนั้นก็ยังมีอีกหลายเกาะงดงามของหมู่เกาะทะเลตราดที่สามารถซื้อทริปไปเที่ยวได้ อาทิ เกาะหวาย เกาะเหลายา เกาะง่าม เกาะคลุ้ม เกาะพร้าว เกาะไม้ซี้ใหญ่ เกาะจาน ฯลฯ เป็นต้น
เมืองตราดมากเสน่ห์ เดินเล่นเก๋ๆ ที่คลองบางพระ
ท้องทะเลและหมู่เกาะต่างๆ อาจเป็นจุดเด่นของตราดที่คนนึกถึงเป็นอย่างแรก แต่หากได้ลองมาสัมผัสกับบรรยากาศในเมืองตราดแล้วก็อาจติดใจในความชิลล์ได้เช่นกัน ขอแนะนำให้เริ่มต้นการท่องเที่ยวในเมืองด้วยการมาชม “พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด” ที่เดิมเป็นศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดตราด พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารไม้หลังใหญ่ที่ภายในเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจของตราดฉบับสมบูรณ์ ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองตราด ช่วงที่ฝรั่งเศสยึดเมืองตราด เรื่องราวของรัชกาลที่ 5 ที่เคยเสด็จมาที่จังหวัดตราดโดยเฉพาะเกาะช้างมากถึง 12 ครั้ง รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดที่ตราด การได้มาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่เมืองตราดที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
“ชุมชนรักษ์คลองบางพระ” เป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดชิลล์ในเมืองตราดที่ไม่อยากให้พลาดมาเที่ยวชม ชุมชนแห่งนี้อยู่ริมคลองบางพระ ซึ่งเป็นคลองสายหลักกลางเมืองตราด แต่เดิมย่านริมคลองบางพระนี้เป็นย่านการค้า เป็นแหล่งรวมสินค้าและบริการทุกอย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องจักร ร้านขายยาไทย-จีน ร้านตีเหล็ก ร้านขนมปัง ร้านเครื่องถ้วยชามจากเมืองจีน ร้านผลิตผลทางการเกษตร ฯลฯ ร้านค้าส่วนใหญ่เป็นเรือนแถวไม้ชั้นเดียวประตูบานเฟี้ยมหลังคามุงกระเบื้องว่าว ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีบ้านเก่าให้เห็นอยู่
ปัจจุบันย่านริมคลองบางพระ ไม่ว่าจะเป็นถนนธนเจริญ ถนนหลักเมือง และตามตรอกซอกซอยใกล้เคียง กลายเป็นย่านร้านอาหาร ร้านกาแฟเบเกอรี่ และเกสต์เฮ้าส์ ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน เนื่องจากบรรยากาศของชุมชนที่เงียบสงบ มีร้านรวงเก๋ๆ ซ่อนอยู่ท่ามกลางกลิ่นอายของชุมชนโบราณ เราสามารถเดินเล่นได้ทั้งบริเวณทางเดินเท้าเลียบคลอง และเดินชมบ้านเรือนไปตามซอกซอยต่างๆ ที่มีภาพสตรีทอาร์ตน่ารักๆ ให้ได้ค้นหาเรื่องราวของชุมชนรักษ์คลองบางพระแห่งนี้อีกด้วย
เรายังคงพบเห็นร่องรอยของประวัติศาสตร์ในช่วงที่ตราดตกเป็นของฝรั่งเศสในย่านตลาดแห่งนี้ คือ “เรซิดัง กัมปอต” เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 3 ชั้น หลังคาปั้นหยา ที่นี่เคยใช้เป็นที่พำนักของข้าหลวงกำกับราชการชาวฝรั่งเศส ซึ่งเรียกตำแหน่งนี้ว่า “เรซิดัง” (Resident) ทำหน้าที่ปกครองบังคับบัญชาเหนือเจ้าพนักงานฝ่ายทหารและพลเรือน ปัจจุบันอาคารหลังนี้ได้รับการอนุรักษ์และใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานแห่งหนึ่งอยู่
และแน่นอนว่า มาถึงเมืองตราด ต้องมากราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลกันที่ “ศาลหลักเมืองจังหวัดตราด” ซึ่งสมเด็จพระเจ้าตากสินโปรดให้สร้างขึ้นตามความเชื่อแบบจีนเพื่อปกป้องคุ้มครองเมืองให้รอดพ้นจากอันตราย
และที่อยู่ใกล้เคียงกันก็คือ “วัดโยธานิมิต” ซึ่งมีความสำคัญตรงที่เป็นวัดที่พระเจ้าตากสินได้มาตั้งค่ายพักแรมรวบรวมไพร่พลที่นี่ โบราณสถานสำคัญของวัดก็คือวิหารซึ่งภายในมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างพื้นเมืองสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นเรื่องราวพระเวสสันดรชาดกและภาพพุทธประวัติ อีกทั้งยังมีพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินให้ประชาชนได้มาสักการะกันด้วย
อีกหนึ่งวัดสำคัญของตราดก็คือ “วัดบุปผาราม” ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในตราด มีอายุมากกว่า 300 ปี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา สิ่งที่น่าสนใจในวัดแห่งนี้คือ “โบสถ์ 2 ชั้น” ซึ่งชั้นในเป็นโบสถ์เก่าแก่ดั้งเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม ต่อมาได้บูรณะโดยการสร้างโบสถ์ชั้นนอกครอบโบสถ์เก่าอีกที ภายในประดิษฐาน “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีพุทธลักษณะเด่นตรงที่ท่านมีเล็บมือ-เล็บเท้าเป็นสีขาวขุ่นเหมือนเล็บของมนุษย์เรา
ขอแนะนำสถานที่เดินเล่นที่ตราดกันอีกหนึ่งแห่ง ออกนอกเมืองไปสักหน่อยไปที่ “ประภาคารแหลมงอบ” (อ.แหลมงอบ) ที่นี่นอกจากจะเป็นที่ตั้งของประภาคารแหลมงอบและท่าเทียบเรือแหลมงอบที่เป็นจุดนั่งเรือโดยสารประจำทางไปยังเกาะต่างๆ แล้ว บริเวณนี้ยังเป็นจุดชมวิว “สุดแผ่นดินตะวันออก” และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้อย่างงดงามมากอีกด้วย อีกทั้งบริเวณนี้ยังประดิษฐานพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 ในช่วงเย็นที่แดดร่มลมตกจึงมีผู้คนเดินทางมาสักการะพระบรมรูปของท่าน และเดินเล่นถ่ายรูปประภาคาร และชมพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆ ตกลงสู่ท้องทะเล เป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก
เที่ยวลึกซึ้งถึงชุมชน ชมความมหัศจรรย์“หาดทรายดำ”
อีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวที่โดดเด่นของจังหวัดตราดก็คือการท่องเที่ยวชุมชน ในจังหวัดตราดนั้นอุดมไปด้วยวิถีชีวิตและวิถีชุมชนของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน พาไปชมแห่งแรกที่ “บ้านน้ำเชี่ยว” (ต.น้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ) โดดเด่นตรงที่เป็นชุมชน 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม คือศาสนาพุทธและมุสลิม และวัฒนธรรมไทย จีน และอิสลาม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน มาที่นี่จึงเที่ยวชมได้ทั้งวัดน้ำเชี่ยว มัสยิดอัลกุบรอ รวมไปถึงเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน และอย่าลืมไปแชะภาพคู่กับสะพานข้ามคลองน้ำเชี่ยวสุดเก๋ที่เป็นสะพานข้ามคลองที่สูงที่สุดในเมืองไทย ใครกลัวความสูงอาจขาสั่นได้เลยทีเดียว แต่ทิวทัศน์บนสะพานสามารถมองเห็นชุมชนได้กว้างไกล มองเห็นแนวป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มองเห็นโค้งน้ำและเรือประมงสีสันสดใสน่าชม เห็นเสน่ห์ของบ้านน้ำเชี่ยวได้ครบถ้วน
“ชุมชนบ้านท่าระแนะ” (ต.หนองคันทรง อ.เมือง) เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำตราดที่ไหลออกสู่อ่าวทะเลตราด มีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ และมี “ลานตะบูน” เป็นไฮไลต์อันน่าตื่นตาที่ต้องนั่งเรือเข้าไปชม ลานตะบูนนี้เป็นลานขนาดใหญ่ที่มีรากของต้นตะบูนเก่าแก่อายุนับร้อยปีแผ่รากอยู่เต็มทั่วพื้นที่ เราสามารถขึ้นไปเดินชมได้อย่างใกล้ชิด และชาวบ้านยังได้คิดกิจกรรมขึ้นมาให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกที่ลานตะบูนในกิจกรรมชื่อว่า “โบว์ลิ่งตะบูน” เป็นการนำไม้ตะบูน และลูกตะบูนมาทำเป็นลานโบว์ลิ่งธรรมชาติ
มาต่อกันที่ “ชุมชนบ้านช้างทูน” (ต.บ้านช้างทูน อ.บ่อไร่) ชุมชนที่เต็มไปด้วยกิจกรรมให้ทำแบบหลากหลายเริ่มจากการทำ “ยาดมบุฟเฟต์” ที่ใช้วัตถุดิบเป็นสมุนไพรในท้องถิ่น ใครชอบกลิ่นไหนก็เลือกทำได้ตามใจชอบ ที่นี่ยังมีกิจกรรม “ร่อนพลอยแดง (ทับทิมสยาม)” ให้ได้ทดลองร่อนหาพลอยแดงแห่งเมืองตราดกันในลำธารจริงๆ และหากร่อนพลอยท่ามกลางแดดนานๆ ก็มีกิจกรรมผ่อนคลายไปกับการพอกผิวด้วย “สปาโคลนขาว” ที่ใช้โคลนขาวเนื้อละเอียดในชั้นดินของลำธารมากรองแล้วเติมน้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากพืชสมุนไพรในท้องถิ่นลงไป นำมาพอกผิวทิ้งไว้ให้แห้งก่อนลงแช่ลำธาร
แต่ถ้ายังผ่อนคลายไม่พอ ต้องมาปิดท้ายกันด้วยกิจกรรม “สปาสุ่มไก่” ซึ่งเป็นการทำสปาด้วยสมุนไพรกว่า 32 ชนิด โดยต้องเข้าไปอบสมุนไพรในสุ่มไก่ขนาดใหญ่ดูเก๋ไม่หยอก แถมหลังจากอบสมุนไพรแล้วยังมีการนวดจับเส้นผ่อนคลายหรือนวดตัวด้วยน้ำมัน ผ่อนคลายตัวเบาหวิวกันเลยทีเดียว
มาปิดท้ายด้วยความมหัศจรรย์ของเมืองตราดที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก และเป็นหนึ่งเดียวในไทย นั่นก็คือ “หาดทรายดำ” ใน อ.แหลมงอบ หาดทรายสุดแปลกที่เม็ดทรายมีลักษณะละเอียด มีสีน้ำตาลแดงเข้มไปจนถึงดำ ซึ่งทั่วโลกมีหาดทรายดำลักษณะเช่นนี้มีเพียง 5 แห่งเท่านั้น โดยทรายสีดำที่ว่านี้มีชื่อว่า “ไลโมไนต์” (Limonite) เป็นแร่ที่เกิดจากการยุบตัวของเศษเหมืองและเปลือกหอยผสมด้วยควอตซ์ หรือเป็นแร่ที่เกิดจากการผุกร่อนของเหล็ก เชื่อกันว่าทรายดำที่นี่มีแร่ธาตุที่ช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และรักษาอาการปวดเมื่อยได้
และหากมาชมหาดทรายดำแล้ว ต้องลองมาเยือนนิเวศพิพิธภัณฑ์บ้านยายม่อมที่อยู่ใกล้เคียงกัน ทำกิจกรรม “สปาทรายดำ” ลงไปหมกตัวในทรายสีดำที่ร่อนจนละเอียด เชื่อว่าจะทำให้สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนสะดวก และช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ด้วย
เที่ยวสวนสละ ชิมผลไม้รสดีที่ตราด
ในช่วงหน้าร้อนอาจเป็นช่วงไฮซีซันที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนตราดเป็นจำนวนมาก แต่ในช่วง “กรีนซีซัน" หรือช่วงฤดูฝนก็เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่คุ้มค่าในการมาเยือนตราดเช่นกัน เพราะในช่วงนี้เราสามารถเที่ยวชม ชิม และชอปผลไม้หลากชนิดที่ต่างออกผลมาให้ชิมกันจนพุงกาง ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ สละ ลองกอง
หรือถ้าใครอยากเข้าไปเที่ยวชมสวนผลไม้ ขอแนะนำให้มาเยือน “สวนสละสมโภชน์” (ต.วังกระแจะ อ.เมือง) หนึ่งในสวนสละขึ้นชื่อของภาคตะวันออก ที่นี่ปลูกสละพันธุ์สุมาลี อันเป็นพันธุ์ขึ้นชื่อของจังหวัดตราด โดยนอกจากจะเป็นสวนสละคุณภาพดีแล้ว ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมสวน และพูดคุยกับคุณลุงเจ้าของเกี่ยวกับความรู้เรื่องการปลูกสละและการทำสวนผลไม้ได้อีกด้วย
ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวส่วนหนึ่งของตราดเท่านั้น และหากใครที่ต้องการท่องเที่ยวให้ครบเครื่อง ต้องจับคู่เมือง “ตราด plus ระยอง” เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเมืองต้องห้าม...พลาด plus ที่มีเสน่ห์คล้ายคลึงกัน เพราะระยองก็เป็นหนึ่งในเมืองชายทะเลแห่งภาคตะวันออกที่มีหมู่เกาะอันสวยงามไม่ไกลกรุง ไม่ว่าจะเป็นเกาะเสม็ด หมู่เกาะมัน (มันนอก มันกลาง มันใน) หรือจะพักผ่อนหย่อนใจริมชายหาดก็มีหาดทรายในบรรยากาศสุดชิลล์ให้เลือกมากมาย ทั้งหาดแม่รำพึง หาดสวนสน หาดแม่พิมพ์ จับคู่เที่ยวแล้วรับรองว่าฟิน เต็มอิ่มกับทะเลตะวันออกกันในหน้าร้อนนี้ได้เลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดตราดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตราด โทร.0 3959 7259 และสอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวในจังหวัดระยองได้ที่ ททท. สำนักงานระยอง โทร.0 3865 5420-1, 0 3866 4585
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com