xs
xsm
sm
md
lg

“สงกรานต์มอญสังขละบุรี” ประเพณีแห่งศรัทธา ชุ่มฉ่ำพร้อมรอยยิ้มประทับใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศการสรงน้ำพระผ่านรางไม้ไผ่ เมื่อสรงน้ำเสร็จเรียบร้อยทุกคนจะสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน
“ประเพณีสงกรานต์” ประเพณีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของไทยที่มีมาตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต และถือเป็นประเพณีไทยที่คนมักจะรู้จักกันเป็นอันดับแรก ในช่วงนี้ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทยจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย อีกทั้งในแต่ละพื้นที่ก็ยังได้มีการนำวัฒนธรรมและประเพณีพื้นบ้านมาผสมผสานและประยุกต์ให้เข้ากับประเพณีสงกรานต์ จนเกิดเป็นประเพณีอันงดงามที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น “ประเพณีสงกรานต์มอญสังขละบุรี” ของชาวไทยเชื้อสายมอญแห่งอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

“สงกรานต์มอญสังขละบุรี” เป็นอีกหนึ่งประเพณีสงกรานต์อันงดงามเป็นเอกลักษณ์ที่มากไปด้วยเสน่ห์แห่งวิถีวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า โดยปีนี้มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13-17 เมษายน 2560 ณ วัดวังก์วิเวการาม และบริเวณเจดีย์พุทธคยา อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจ อาทิ การก่อพระเจดีย์ทรายของชาวมอญ การขนน้ำไปอาบผู้สูงอายุ และไฮไลต์ คือ การสรงน้ำพระผ่านรางกระบอกไม้ไผ่ รวมถึงสัมผัสกับแรงศรัทธาของผู้คนที่พร้อมใจกันนอนให้พระสงฆ์เดินเหยียบหลัง ในวันที่ 16 เริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. และกิจกรรมปิดท้ายกับพิธีแห่กองผ้าป่าและยกฉัตรเจดีย์ทราย ในช่วงเช้าของวันที่ 17 เม.ย.
พระสงฆ์เดินเหยียบไปบนหลังชาวบ้านผู้ชายที่มีจิตศรัทธา
ไฮไลต์ของสงกรานต์มอญสังขละบุรีที่หลายคนอาจเป็นภาพตามสื่อต่างๆ คือการนอนราบกับพื้นให้พระสงฆ์เดินเหยียบหลัง และการสรงน้ำพระผ่านรางไม้ไผ่นั้น พระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เล่าให้ฟังถึงที่มาว่า

“การให้พระสงฆ์เดินเหยียบหลังนั้น เมื่อก่อนไม่ใช่พระสงฆ์ทุกรูปจะขึ้นเหยียบ แต่จะเป็นหลวงปู่ (หลวงพ่ออุตตมะ) รูปเดียว เพราะคนนับถือหลวงปู่มาก เมื่อคนมาสรงน้ำพระก็จะมาให้หลวงปู่เหยียบเพื่อเป็นสิริมงคล มันเกิดขึ้นจากความศรัทธาในหลวงพ่ออุตตมะ ไม่ใช่ประเพณีอะไร”

ส่วนที่มาของความเชื่อว่าการให้พระสงฆ์เหยียบหลังแล้วจะเกิดสิริมงคลนั้นมาจากพุทธชาดกตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นดาบส ชื่อสุเมธดาบส ในยุคของพระพุทธเจ้าทีปังกร สุเมธดาบสได้ลงนอนราบกับพื้นโคลนเลนให้พระพุทธเจ้าเดินเหยียบไปบนหลัง เพื่อไม่ให้เท้าของพระองค์ต้องเปื้อนโคลน พร้อมกับตั้งจิตปรารถนาอธิษฐานขอให้ตนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง พระพุทธเจ้าทีปังกรก็พยากรณ์ไว้ว่า ในอนาคตข้างหน้าสี่อสงไขยกำไรแสนกัป เธอจะเป็นพระพุทธเจ้าชื่อว่าโคดม ดังนั้นจึงเกิดความเชื่อว่าการอุทิศตนให้พระสงฆ์เหยียบหลังจะเป็นมงคลแก่ตัวเอง
ขบวนแห่กองผ้าป่าไปยังวัด
พระมหาสุชาติยังได้เล่าถึงงานประเพณีสงกรานต์มอญสังขละบุรีให้ฟังว่ามีการจัดงานทั้งหมด 5 วันด้วยกัน โดยยึดถือวันตามปฏิทินสงกรานต์ โดยวันที่ 1 คือวันสงกรานต์ลง ซึ่งหมายถึงวันที่นางสงกรานต์จะนำเศียรของท้าวกบิลพรหมลงมายังโลกมนุษย์เป็นเวลา 3 วัน วันที่ 2 คือวันคาบปี หรือวันสิ้นปี วันที่ 3 คือวันสงกรานต์ขึ้น ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 4 คือวันสรงน้ำพระ และวันที่ 5 คือวันตรวจน้ำ หรือกรวดน้ำ 
 
โดยประเพณีสงกรานต์ 3 วันแรก จะเป็นวันที่ผู้เฒ่าผู้แก่จะมาถืออุโบสถศีลอยู่ที่วัด ในช่วงเช้าลูกหลานจึงนำอาหารจากบ้านมาถวายพระ และนำมาให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ถือศีลที่วัดได้กินด้วย โดยส่วนมากจะเป็นอาหารที่เรียกเป็นภาษามอญว่า “เปิงดาด” (เปิง=ข้าว ดาด=น้ำ) มีลักษณะคล้ายข้าวแช่ที่เราคุ้นเคยกัน แต่เครื่องที่กินกับข้าวจะแตกต่างกัน โดยที่นี่นิยมใช้ปลาต้มจนยุ่ย นำมาผัดกับมะม่วงและหัวหอมให้ออกรสเปรี้ยว บางบ้านใช้กุ้งแห้งป่น หรือถั่วป่น
 

ส่วนในช่วงเย็นเราจะเห็นภาพน่ารักๆ เมื่อลูกหลานจะนำน้ำมาอาบให้พ่อแม่หรือผู้เฒ่าผู้แก่ที่วัด ก่อนผู้ใหญ่เหล่านั้นจะนอนค้างที่วัดเพื่อถืออุโบสถศีลกันต่อ โดยลูกหลานนำเอาถังน้ำใส่ท้ายรถกระบะมา แต่เมื่อก่อนนี้ที่ยังไม่มีรถก็จะใช้วิธีหาบน้ำมาจากบ้านเพื่อมาอาบให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายของตัวเอง หรือไปอาบให้ญาติๆ หรือคนรู้จักที่ถือศีลที่วัดด้วยเช่นกัน
ชาวมอญแต่งกายอย่างงดงามมาร่วมสรงน้ำพระผ่านรางไม้ไผ่
ในวันที่ 4 หลังจากออกจากอุโบสถศีล ช่วงบ่ายจะมีการสรงน้ำพระ ชาวบ้านจะช่วยกันทำรางน้ำจากไม้ไผ่ บางวัดอาจประยุกต์ใช้ท่อพีวีซีแทนรางไม้ไผ่ แต่หลวงปู่ (หลวงพ่ออุตตมะ) เคยบอกว่า สงกรานต์ปีหนึ่งมีครั้งเดียว หากใช้ไม้ไผ่มาช่วยกันทำจะต้องใช้ความกลมเกลียว สามัคคี ช่วยกันทำช่วยกันตัดไม้ไผ่ในป่า เวลาที่ช่วยกันทำก็จะได้คุยกันก็จะซึบซับความรู้สึกอันดีต่อกัน ได้เสียสละร่วมกัน ดังนั้นหลวงปู่จะให้ทำใหม่ทุกปี ถ้าใช้ท่อพีวีซีซึ่งทำครั้งเดียวเก็บไว้ใช้ได้นานหลายปี มันจะทำให้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขาดไป

สำหรับพิธีในวันที่ 4 หรือวันสรงน้ำพระนี้ ในช่วงบ่ายชาวบ้านจะทยอยเดินมาที่ลานหน้าเจดีย์พุทธคยา ในงานบุญเช่นนี้แต่ละคนจะแต่งตัวแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะสาวๆ ที่จะแต่งตัวและแต่งหน้าสวยงาม ใส่เสื้อแขนยาวลูกไม้โปร่งสีสันสดใสและผ้านุ่งยาวกรอมเท้า ประดับร่างกายด้วยทองหยองตามกำลังของแต่ละคน
 

การสรงน้ำจะเริ่มขึ้นเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีเป็นผู้อัญเชิญพระพุทธรูปจากเจดีย์พุทธคยามาที่ปลายรางไม้ไผ่ ชาวบ้านก็จะเริ่มสรงน้ำพระพุทธรูปด้วยน้ำอบน้ำปรุงลอยดอกไม้ จากนั้นพระสงฆ์จะเดินเรียงกันออกมาจากองค์เจดีย์ และเดินเหยียบไปบนหลังชายผู้มีศรัทธาที่นอนคว่ำเรียงรายกันเป็นแถวตั้งแต่องค์เจดีย์มาจนถึงปลายรางไม้ไผ่เพื่อให้ชาวบ้านได้สรงน้ำทีละรูปๆ รูปใดสรงเสร็จแล้วจะมีชาวบ้านผู้ชายมาช่วยกันอุ้มกลับไปยังองค์เจดีย์
สาวมอญในขบวนแห่เทินสำรับอาหารไว้บนศีรษะอย่างชำนาญ
เมื่อสรงน้ำพระสงฆ์ครบทุกรูปแล้ว ชาวบ้านที่มารวมกันอยู่ตรงลานหน้าเจดีย์จะนำน้ำในขันที่เหลือสาดขึ้นฟ้า และสาดกันเองทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่และคนเฒ่าคนแก่เป็นที่สนุกสนาน สร้างความชุ่มฉ่ำและสร้างรอยยิ้มให้เต็มไปทั่วทั้งลานวัด

ส่วนในวันสุดท้ายของงานสงกรานต์ซึ่งเป็นวันกรวดน้ำ หลังจากทำบุญปีใหม่มาตลอด 4 วันแล้ว วันสุดท้ายก็จะแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้อื่น แต่ละบ้านหรือแต่ละชุมชนจะนำกองผ้าป่ามารวมกันที่ตลาดในตอนเช้า จากนั้นจะแห่กองผ้าป่า เครื่องไทยทาน รวมถึงสำรับกับข้าวขึ้นมาที่วัด เป็นขบวนยาวที่มีสีสันและความสนุกสนานด้วยเสียงดนตรีและท่าฟ้อนของสาวน้อย สาวใหญ่ชาวมอญ
ชาวบ้านมาร่วมกันทำพิธีสวมยอดฉัตรเจดีย์ทราย
เมื่อนำกองผ้าป่าและสำรับกับข้าวไปไว้ที่วัดแล้ว ก็จะร่วมกันแห่ฉัตรยอดเจดีย์ทรายจากวัดไปที่เจดีย์ทรายบริเวณด้านหน้าลาน เจดีย์พุทธคยา ทำพิธียกฉัตรและสวมฉัตรเจดีย์ทราย จากนั้นจะกลับมาที่ศาลาอีกครั้ง มาสมาทานศีล ถวายเพลพระ ถวายผ้าป่า กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลและเป็นอันเสร็จพิธี

งานประเพณีสงกรานต์มอญสังขละบุรีจึงนับเป็นประเพณีสงกรานต์ที่งดงามอย่างมีเอกลักษณ์ที่ควรค่าแก่การคงรักษาไว้สืบต่อไปให้ลูกหลานได้ชื่นชม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น