“ประจวบคีรีขันธ์” เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “หัวหิน” ที่เป็นจุดมุ่งหมายหลักของนักท่องเที่ยวหลายคน ไม่ว่าจะเป็นการไปพักผ่อนริมหาด ทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ หรือหาของอร่อยกิน
แต่หากว่าขับรถเลยจากหัวหินไปอีกเล็กน้อย ก็จะเข้าสู่พื้นที่ของ “อ.ปราณบุรี” ซึ่งที่นี่ก็นับเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะมีชายหาดสวยๆ แล้ว ก็มีป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ที่เป็นประโยชน์ให้กับทั้งคนและสัตว์ไม่น้อย
แต่ก่อนที่จะมาเป็นป่าชายเลนแบบที่เห็นในปัจจุบัน ย้อนกลับไปเมื่อราวยี่สิบกว่าปีก่อน ป่าชายเลนบริเวณปากน้ำปราณเคยตกอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมอย่างหนัก สาเหตุมาจากการทำนากุ้งจนทำให้ดินเสีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมโทรมของป่าชายเลนแห่งอื่นๆ เช่นกัน จนเมื่อปี 2539 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่วนอุทยานปราณบุรี และทรงมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ป่าชายเลนบริเวณปากน้ำปราณบุรี ทำให้กรมป่าไม้ยกเลิกการต่อใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าชายเลนในบริเวณดังกล่าว
จากนั้นจึงเริ่มปลูกป่าชายเลนขึ้นอย่างจริงจังในปี 2540 โดยความร่วมมือของชาวชุมชนปากน้ำปราณและบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ด้วยการเลือกพันธุ์ไม้ให้เหมาะสมกับพื้นที่และปลูกป่าชายเลนขึ้นมาตามโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ และในปี 2547 ได้พัฒนาแปลงปลูกป่าชายเลนบางส่วนให้เป็นศูนย์ศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน และห้องเรียนรู้เกี่ยวกับทรัพยากรป่าชายเลน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานชื่อว่า “สิรินาถราชินี" อันมีความหมายว่า “ที่พึ่งอันกว้างใหญ่ไฟศาล” จนมาถึงปัจจุบัน นากุ้งเสื่อมโทรมจึงได้กลายเป็นป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ระบบนิเวศป่าชายเลนฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง
ปัจจุบัน “ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี” เปิดให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ เข้ามาเรียนรู้ ศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลนได้ โดยจะมีมัคคุเทศก์น้อยให้คำแนะนำตลอดเส้นทางการเดินชม ซึ่งหากมาถึงศูนย์ฯ จุดแรกที่จะเข้าไปก็คือ “เรือนโปรงขาว” เป็นจุดที่จะให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอ่าชายเลนแห่งนี้ผ่านการชมวีดิทัศน์ เล่าเรื่องราวตั้งแต่ยังเป็นป่าเสื่อมโทรม จนมาถึงการพลิกฟื้นคืนผืนป่าชายเลนให้อุดมสมบูรณ์อย่างทุกวันนี้ ส่วนด้านข้างก็เป็น “เรือนโกงกาง” ที่จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ จัดแสดงเรื่องราวของป่าชายเลน และวิถีชีวิตของชุมชนปากน้ำปราณ
จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน โดยมัคคุเทศก์น้อยจะอธิบายระเบียบในการเข้าชม และกฎข้อห้ามต่างๆ ซึ่งในส่วนของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนนั้นมีหลายจุดด้วยกันที่น่าสนใจ โดยสามารถเดินตามเส้นทางตามรอยรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินในพิธีน้อมเกล้าฯ ถวายผืนป่า 1,000,000 ไร่ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2545 หรือจะเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1 ก.ม. ที่ร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยพรรณไม้ป่าชายเลน สัมผัสระบบนิเวศอย่างใกล้ชิด โดยจะมีป้ายข้อมูลให้ความรู้อยู่เป็นระยะ
นอกจากนั้นในเส้นทางเดินยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ “ต้นโกงกางประวัติศาสตร์” หรือต้นโกงกางใบเล็กจำนวน 2 ต้น ที่ ในหลวง ร.9 และสมเด็จพระเทพฯทรงปลูกที่ศูนย์แห่งนี้ ต้นโกงกางถือเป็นไม้เด่นประจำป่าชายเลน ในป่าแห่งนี้มีทั้งโกงกางใบเล็กและโกงกางใบใหญ่ นอกจากนั้นก็ยังมีต้นแสม ต้นโปรง ตาตุ่มทะเล ฯลฯ เป็นสังคมป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์
บนเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ นอกจากจะได้รู้จักกับพรรณไม้ต่างๆ ในป่าชายเลนแล้ว ก็ยังจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน และยังเป็นตัวบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าอีกด้วย เช่น ปูก้ามดาบ หอยขี้กา กุ้งดีดขัน ส่วนปลาชนิดต่างๆ ก็เป็นตัวบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน โดยปลาที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนตลอดชีวิต ตั้งแต่เป็นปลาตัวเล็กจนโตเต็มวัย ได้แก่ ปลาตีน ปลากระบอก ปลาหมอเทศ ปลาแป้นเหลืองทอง เป็นต้น นอกจากนั้นก็ยังมีนกกินเปี้ยว หรือนกกระเต็นชนิดหนึ่งที่กินปูเปี้ยวเป็นอาหาร จัดเป็นนกที่มีสีสันสวยงามที่สุดในบรรดานกป่าชายเลน
แต่ที่เป็นไฮไลต์และพลาดไม่ได้หากมาเยี่ยมเยือนศูนย์ฯ สิรินาถ ก็คือการขึ้นไปชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศา บน “หอชะคราม” หอสูงเท่าตึก 6 ชั้นที่เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ป่าชายเลนในมุมกว้างได้แบบไม่มีอะไรบดบังสายตา และในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสก็จะสามารถมองไปได้ไกลถึงปากแม่น้ำปราณบุรี อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ศาลเจ้าแม่ทับทิมทอง ซึ่งแต่ละด้านของหอชะครามจะมีป้ายสื่อความหมายให้ข้อมูลว่าภาพเบื้องหน้าเรานั้นมีอะไรเป็นจุดสนใจบ้าง และยังมีภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังการสร้างป่าจากนากุ้งร้างให้ชมกันด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * *
“ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี” ตั้งอยู่ที่ ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. โทร.0-3263-2255 หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร.0-3251-3885, 0-3251-3871 Facebook : TAT PRACHUAP
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com