xs
xsm
sm
md
lg

“อาสาเที่ยว” ลุยเข้าป่า อาสาสอนน้องปลูกผัก-เลี้ยงปลา ที่ “บ้านไล่โว่” กาญจนบุรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เด็กๆในหมู่บ้านไล่โว่
โครงการ "อาสาเที่ยว" เป็นโครงการจิตอาสา ที่รวมเอาการท่องเที่ยวกับการทำประโยชน์เพื่อชุมชนที่เราไปเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน เกิดขึ้นจากความคิดของ โอ๊ก วรพจน์ จันทรนิล และกลุ่มเพื่อนที่รักการท่องเที่ยว ที่มักชวนกันไปเที่ยวในช่วงวันหยุดและพบว่านักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุดไปพร้อมๆ กับการสร้างประโยชน์ให้แก่ธรรมชาติ ได้เที่ยวแถมได้ทำความดี อาสาเที่ยวอยากให้คนที่ไปเที่ยวได้อะไรมากกว่าการไปเที่ยว

"อาสาเที่ยว" ในครั้งนี้ ร่วมกับคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี ลุยเข้าป่าไปที่ "โรงเรียนกองม่องทะ" สาขาไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อมอบของใช้ อุปกรณ์การเกษตร อุปกรณ์การเรียน อาหาร ให้ความรู้เรื่องการปลูกผัก สร้างบ่อปลาให้แก่ชาวบ้าน และมอบความสุขให้แก่ชาวบ้านและเด็กๆ ที่หมู่บ้านไล่โว่
สะพานมอญ
เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เราแวะเที่ยวชม “สะพานมอญ” สะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเลียไปยังหมู่บ้านมอญชาวมอญใน อ.สังขละบุรี ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี

หากไปถึงในช่วงเช้าราว 06.00-07.00 น. ก็จะเป็นช่วงที่ได้เห็นวิถีชีวิตชาวมอญที่ตื่นมาใส่บาตรพระแต่เช้า อีกทั้งยังได้เห็นแสงอาทิตย์ยามเช้าและวิวสวยๆ จากบริเวณสะพานมอญอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถใส่บาตรพระได้ และยังมีชุดแบบชาวมอญให้ได้ใส่ถ่ายรูปสวยๆ ด้วยเช่นกัน
ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานมอญ
หลังจากเดินเที่ยวสะพานมอญ ตักบาตร เก็บภาพประทับใจกันไปแล้ว ถึงเวลาอาสาเที่ยวจะเข้าป่าไปทำความดีที่หมู่บ้านไล่โว่กันแล้ว โดยจะต้องเข้าไปที่ "หน่วยพิทักษ์ป่าตะเคียนทอง" เพื่อทำเรื่องขออนุญาตก่อน และเปลี่ยนรถไปใช้รถโฟร์วีล เพราะเส้นทางไปยังหมู่บ้านค่อนข้างคดเคี้ยวต้องขึ้นเขาสูงชัน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงโรงเรียนกองม่องทะ สาขาบ้านไล่โว่ สถานที่ที่เราจะปักหลักทำความดีกัน

"หมู่บ้านไล่โว่" เป็นหมู่บ้านเล็กในป่าใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นพื้นที่ห่างไกลจากสถานพยาบาล ลำบากในการออกไปรักษาแต่ละครั้งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังขาดแคลนอาหารจำพวกโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ เพราะในหมู่บ้านจะไม่เลี้ยงสัตว์เพื่อเอาไว้บริโภค เพราะกลัวว่าสัตว์ที่กินเนื้อที่อยู่ในป่าจะเข้ามาในหมู่บ้าน และก่อให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งทำให้มีอาหารไม่เพียงพอ

ในช่วงฤดูฝน ถนนก็ไม่สะดวกในการเข้าออก ชาวบ้านต้องเดินเท้ากว่า 20 กิโลเมตร จากหมู่บ้านเพื่อมาขึ้นรถโดยสารเข้าไปซื้อของใช้จำเป็นในตัวเมือง
ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณโรงเรียน
ในครั้งนี้อาสาเที่ยวเดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านก่อนฤดูฝน เพื่อไปทำบ่อเลี้ยงปลา และแปลงเกษตรเพื่อปลูกผัก โดยมีอาจารย์และนักศึกษาจากคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ ททท.กาญจนบุรี มาร่วมให้ความรู้ เพื่อที่ชาวบ้านเรียนรู้และนำไปใช้ได้จริง ปลูกได้เองอย่างถูกวิธีแบบยั่งยืนต่อไป

เมื่อเข้ามาถึงบริเวณโรงเรียนก็พบกับเด็กๆที่มารอต้อนรับ โรงเรียนแห่งนี้เป็นห้องเรียนพิเศษสาขาบ้านไล่โว่ เป็นสาขาของโรงเรียนบ้านกองม่องทะ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง
ช่วยชาวบ้านทำบ่อเลี้ยงปลา
พื้นที่บริเวณโรงเรียนเหมือนเป็นจุดศูนย์รวมของชาวบ้านที่นี่ หากจะมีงานเลี้ยง หรือประชุม ชาวบ้านก็จะนัดกันรวมตัวบริเวณนี้ เนื่องจากหมู่บ้านไล่ไว่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง ทางโรงเรียนจึงติดแผงโซล่าเซลล์ไว้ เพื่อเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ และนำมาปั่นไฟใช้ในตอนกลางคืน

ขนของเก็บสัมภาระกันเรียบร้อย ก็ลงมือเข้าครัวเตรียมตัวทำก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารเย็นให้กับเด็กๆ และชาวบ้านในพื้นที่ บางส่วนก็ไปช่วยชาวบ้านทำบ่อปลาที่ใช้ปล่อยพันธุ์ปลาดุกจำนวนกว่าหลายร้อยตัว เพื่อให้ชาวบ้านนำไปขยายพันธุ์ต่อ และจะได้นำไปใช้ในการประกอบอาหารต่อไปได้
ให้ความรู้เด็กในหมู่บ้านเรื่องการปลูกผัก
อีกทั้งอาจารย์และนักศึกษาจากคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ช่วยกันเตรียมแปลงผัก และสอนเด็กๆในพื้นที่ปลูกผัก ได้แก่ ต้นหม่อน คะน้า หัวไชเท้า และแครอท เด็กๆให้ความสนใจและให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ช่วยกันปลูกผักและรดน้ำต้นไม้กันอย่างสนุกสนาน
เด็กๆช่วยกันปลูกผักและรดน้ำ
ก่อนกลับกลุ่มอาสาเที่ยวยังได้มอบอุปกรณ์การเกษตร อุปกรณ์การเรียน อาหาร และยารักษาโรคให้แก่ชาวบ้าน พร้อมทั้งให้ความรู้เรื่องการใช้ยาให้ถูกวิธี และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอีกด้วย
อาสาเที่ยวมอบของต่างๆให้แก่ชาวบ้านในชุมชน
สำหรับวันหยุดที่ผ่านมานี้ "อาสาเที่ยว" ได้ให้อะไรกับเราหลายอย่างทีเดียว แม้จะไม่ได้เป็นการมาเที่ยวพักผ่อนสบายๆ แต่เป็นการลุยป่าเข้ามายังพื้นที่ขาดแคลนเพื่อมอบของใช้ ให้ความรู้ และสร้างความสุข ได้เห็นรอยยิ้มของคนในหมู่บ้านก็รู้สึกอิ่มเอมใจและทำให้อยากกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะมากกว่าความการทำความดีคือการได้แบ่งปันให้กับผู้อื่นนั่นเอง 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากไปร่วมอาสาทำความดีกับกลุ่มอาสาเที่ยว สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/rsatieowfanpage, www.rsatieow.com ,โทร.09 7154 0124 (คุณโอ๊ก)
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น