โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
ผู้หญิงยุคใหม่หลายๆคนนอกจากจะเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนตัวแม่แล้ว ยังเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวตัวฉกาจ ยามพวกเธอมีเวลาว่างจากงาน เป็นต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าใบเก่งหรือเป้ใบเก่า สวมชุดคู่ใจ รองเท้าคู่กาย ออกตะลุยตะลอนเที่ยวมุ่งไปตามใจปรารถนา
และตามวิถีความชอบแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น สายฮิปเตอร์ สายธรรมะ สายกิน สายเซลฟี่ สายผจญภัย สายสโลว์ไลฟ์ ฯ หรือพวกสายฟิวชั่นที่เที่ยวผสมผสานกันได้หมด เป็นทั้ง ฮิปเตอร์เข้าวัดฟังธรรม กินจนตัวปริ เซลฟี่กระจาย ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ และไม่พลาดกิจกรรมท้าทายท่องเที่ยวผจญภัยมันๆที่พวกเธอบ่ยั่นด้วยประการทั้งปวง
สำหรับนักท่องเที่ยว“กลุ่มผู้หญิง” หรือ ตลาดนักท่องเที่ยว“กลุ่มสตรี”นั้น วันนี้กำลังมาแรง(และมาแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา) นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตอย่างสูง เป็นกลุ่มที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อ และมีกำลังจับจ่ายสูง(ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีว่าผู้หญิงไทยเป็นนักช้อปที่ไม่เป็นรองชาติใดในโลก)
ด้วยเหตุที่เทรนด์นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงมาแรง ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานภูมิภาค ภาคเหนือ จึงจัดทริปพิเศษ พานักท่องเที่ยวสาวๆล่องใต้ไปเที่ยว “ชุมพร-ระนอง” (ผมมีโอกาสได้ร่วมทริปตามสาวๆไปด้วย) โดยทริปได้มุ่งเน้นไปที่ จ.ระนอง เป็นหลัก ที่วันนี้สามารถเที่ยวแบบเออีซี จากทะเลระนองล่องไปสัมผัสกับทะเลพม่าอันน่าตื่นตาตื่นใจ
ล่องแพพะโต๊ะ
ทริปนี้เราเปิดประเดิมกันด้วยกิจกรรมสนุกๆกับการ“ล่องแพพะโต๊ะ” ที่ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร
อ.พะโต๊ะ เป็นหนึ่งในดินแดนที่มีวิวทิวทัศน์อันงดงาม และมากไปด้วยสิ่งน่าสนใจชวนให้ค้นหา อำเภอนี้มีคำขวัญว่า “ดินแดนแห่งภูเขาเขียว เที่ยวล่องแพ แลหมอกปก น้ำตกงาม ลือนามผลไม้” โดยมีการล่องแพพะโต๊ะเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวขึ้นชื่อของอำเภอพะโต๊ะ
ในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อต้นปีนี้(2560) อ.พะโต๊ะ เป็นอีกหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม โดยเฉพาะในบริเวณเส้นทางล่องแพพะโต๊ะ ที่ถูกน้ำป่าไหลทะลักพัดพาบ้านเรือนและข้าวของเสียหาย รวมไปถึง“แพ”และอุปกรณ์ที่ใช้ในการล่องแพท่องเที่ยวลำน้ำพะโต๊ะของชาวบ้าน
อย่างไรก็ดีด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของชาวบ้าน หลังวิกฤติน้ำท่วมผ่านพ้น ชาวบ้านพะโต๊ะที่ได้รับความเสียหาย นอกจากจะทำการสร้างบ้านเรือนใหม่(สำหรับบ้านที่ถูกน้ำทำลายไปทั้งหลัง)และซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนที่ถูกน้ำป่าทำลายแล้ว ก็ได้ช่วยกันเร่งต่อแพเพื่อให้กิจกรรมล่องแพพะโต๊ะเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการท่องเที่ยวนั้นถือเป็นการกระจายรายได้ที่สำคัญอย่างหนึ่ง
สำหรับแพที่ใช้ล่องลำน้ำ(แม่น้ำหลังสวน) ชาวบ้านเขาจะนำท่อพีวีซีมาต่อเป็นแพลูกบวบ เพราะมีความทนทานกว่าแพไม้ไผ่และไม่ต้องทำลายทรัพยากรไม้ไผ่ แพลำหนึ่งนั่งได้ประมาณ 4-6 คน(ตามขนาดและน้ำหนักตัว)
ส่วนจุดที่เริ่มต้นลงล่องแพนั้น จะเริ่มที่ “บ้านในหยาน” ล่องแพไหลเรื่อยไปตามลำน้ำ ที่สองฝากฝั่งมีวิวทิวทัศน์ของป่าเขา เรือกสวน และวิถีชีวิตชาวบ้านให้ชมกัน รวมไปถึงสภาพร่องรอยที่เสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งคุณลุงนายท้ายที่ถ่อแพบอกกับผมว่า “เมื่อธรรมชาติพัดพามา สุดท้ายธรรมชาติก็จะพัดพาพวกนี้ไปในวิถีทางของมัน(ธรรมชาติ)”
นอกจากนี้ในเส้นทางล่องแพยังมีบางจุดให้เราได้โดดลงเล่นน้ำใสไหลเย็น บางจุดที่คนถ้อแพมั่นใจก็จะลองให้สาวๆได้ลองออกแรงถ่อแพผจญสายน้ำกันดูบ้าง ส่วนบางจุดที่มีแก่งเล็กๆนายท้ายของเราจะถ่อแพคัดท้ายให้แพล่องผ่านแก่งไปแบบปลอดภัยสบายหายห่วง แต่ว่าก็ต้องเปียกน้ำกันพอหอมปากหอมคอ เพื่อเป็นการการันตีว่าได้มาล่องแพพะโต๊ะแล้ว
หลังใช้เวลาล่องแพประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็มาขึ้นฝั่งที่ “มาลิน บริการล่องแพ” ที่เป็นกลุ่มชาวบ้านที่จัดการล่องแพในทริปนี้ ก่อนที่พวกเราจะลงมือโซ้ยอาหารที่ทางมาลินฯเขาจัดเตรียมไว้ให้กับเมนู ข้าวห่อใบคลัง(ใบไม้ในท้องถิ่น) แกงหยวกกล้วยป่า ไข่เจียวใบตอง แกงเลียง ใบเหลียงผัดไข่ น้ำพริกกะปิ-ปลาทู และผัดกูดผัดกะทิ ซึ่งบางเมนูเป็นอาหารพื้นบ้านที่หากินไม่ได้ง่ายๆ(สำหรับคนเมือง)
ที่สำคัญคือรสชาตินั้นหรอยอย่างแรงชนิดที่สาวๆหลายๆคนกินกันแบบไม่กลัวน้ำหนักเพิ่มแต่อย่างใด
เที่ยวระนอง ท่องทะเลสีทอง
จากชุมพร คณะเลดี้ทริปเดินทางข้ามจังหวัดสู่จังหวัด“ระนอง”เพื่อไปนั่งเรือท่องทะเลระนองสัมผัสบรรยากาศย้อนยุค โดยจุดลงล่องเรือนั้นอยู่ที่ “ท่าเรือศุลกากรระนอง” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ“ท่าเรือประภาคารระนอง” เนื่องจากมีประภาคารโดมสีแดง 8 เหลี่ยม ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ประภาคารระนองเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในเมืองไทย ภายในโดมประภาคารเปิดเป็นร้านกาแฟให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปนั่งจิบกาแฟ ทอดอารมณ์ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลระนองที่มองเห็นไกลไปถึงทะเลพม่า
ขณะที่เรือที่พวกเรานั่งท่องเที่ยวนั้นมีชื่อว่า“เดอะรอยัลอันดามัน”(The Royal Andaman) เป็นเรือโบราณเก่าแก่คลาสสิกในยุคเหมืองแร่ระนอง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 เดิมเป็นเรือโดยสารวิ่งรับ ส่ง ผู้โดยสารจากตะกั่วป่า-กระบุรี-ระนอง
แต่เมื่อมีถนนเข้ามาการสัญจรทางน้ำลดบทบาทลง เรือลำนี้ถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นเรือประมงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วจึงนำไปเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ก่อนที่ในวันนี้จะถูกนำมาใช้วิ่งอีกครั้งให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งตัวเรือนั้นยังคงสภาพดี วิ่งได้ฉลุย
เรือเดอะรอยัลอันดามัน เน้นการตกแต่งในสไตล์ย้อนยุคเป็นหลัก แต่ก็มีพร็อบเก๋ๆอินเทรนด์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน
นอกจากนี้บนเรือยังมีบาร์เครื่องดื่มบริการในชั้นดาดฟ้า รวมถึงมีนักดนตรี(เดี่ยว) มาเล่นอะคูสติกกีตาร์ให้ฟังกันสดๆ ชนิดที่เราสามารถขอเพลงได้ และสามารถขอไมค์มาร้องคาราโอเกะร่วมกับนักดนตรีได้
ครั้นเมื่อเรือแล่นออกจากฝั่ง “น้องมณีจันทร์” พนักงานต้อนรับคนสวยจะนำทีมต้อนรับด้วยภาษาไทยย้อนยุค“สวัสดีเจ้าคะ” ก่อนจะตามด้วยบริการ(ฟรี) ให้เราสวมชุดพื้นเมืองระนองย้อนยุค(ชุดบ่าบ๋า ย่าหยา สไตล์ระนอง) ผู้ชายมีหมวกกะโล่สวม ส่วนผู้หญิงจะมีมงกุฎให้สวมเป็นนางงามกลางเล ชนิดที่ไม่ต้องไปร่วมประกวดนางงามให้เกิดข่าวดราม่าแต่อย่างใด
สำหรับเส้นทางล่องเรือนั้นเป็นเส้นทาง“ตามรอยเสด็จประพาสต้น รัชกาลที่ 5 รศ. 109” โดยเมื่อเรือแล่นออกจากฝั่งมุ่งหน้าสู่ปากน้ำระนอง ล่องไปท่ามกลางสายลมทะเลยามเย็นที่พัดปะทะร่างเย็นกายสบายใจ
ระหว่างทางเมื่อผ่าน“เกาะสะระนีย์”(เดิมชื่อเกาะผี ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2510 สมเด็จย่าทรงตั้งชื่อใหม่ให้ว่าเกาะสะระนีย์) เรือจะชลอให้เราได้สักการะเจ้าแม่กวนอิมองค์สีทองงามอร่ามตาที่ประดิษฐานอย่างโดดเด่นมองเห็นแต่ไกลอยู่บนเกาะสะระนีย์
จากนั้นเรือจะแล่นผ่าน“เกาะคณฑี” อีกหนึ่งเกาะแห่งประวัติศาสตร์ของระนอง ซึ่งมีหลักฐานบันทึกว่า รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมายังเกาะแห่งนี้เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว
ถัดจากเกาะคณฑีไปจะผ่าน“สะพานปลา” ที่มีฉายาว่าลิตเติ้ลเวนิสระนองอันถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของการทำประมงในจังหวัดระนอง ซึ่งในช่วงบริเวณนี้บนฟากฝ้าจะเต็มไปด้วย “เหยี่ยวปากแดง” ที่มาร่อนถลารอโฉบบินกินเหยื่อ(ปลา)เก็บตกจากเรือประมง ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันอันน่าตื่นตาตื่นใจที่น้องมณีจันทร์เธอภูมิใจนำเสนอ
ต่อจากนั้นเรือจะแล่นผ่าน “เกาะเหลา”หนึ่งในแหล่งทำกะปิชั้นดีที่สุดของเมืองไทย ผ่าน“เกาะช้าง” แหล่งปลูก“มะม่วงหิมพานต์”หรือ“กาหยู”อันดับต้นๆของเมืองไทย ก่อนที่เรือจะมุ่งหน้าออกปากน้ำระนอง เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกกันกลางท้องทะเลอันดามัน บริเวณ“เกาะเสียงไห”หรือ“เกาะสินไห”
เกาะเสียงไหมีน้ำจืดอุดมสมบูรณ์อยู่บนเกาะ จนเกิดมีเรื่องเล่าขานตำนานชื่อเกาะว่า มีคนนำไหมาใส่น้ำจืดที่นี้แล้วทำไหตกแตก ได้ยินเสียงไหแตกดังลั่นอันนำมาซึ่งชื่อเรียกขานว่า“เกาะเสียงไห” ส่วนชื่อเกาะสินไหนั้นก็มาจากตำนานเดียวกัน แต่เพี้ยนไปว่าไหที่ตกแตกนั้นคือการสิ้นไห ก่อนจะเรียกเพี้ยนเป็นชื่อ“เกาะสินไห”
สำหรับท้องทะเลในแถบนี้ได้ชื่อว่าเป็น“ทะเลสีทอง” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในแหลมมลายู(อ้างอิงจากคำบรรยายบนเรือเดอะรอยัลอันดามัน)
เมื่อเราล่องไปถึงยังทะเลสีทอง กัปตันจะเบาเครื่องลอยลำให้พวกเราฟังดนตรีขับกล่อม จิบเครื่องดื่มเย็นๆเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ลาลับ
จากนั้นช่วงเวลานาทีทองก็มาถึง เมื่อพระอาทิตย์ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนลาลับแผ่นฟ้าได้ทอแสงเรื่อเรืองเป็นไข่แดงลูกกลมโตได้ค่อยๆลอยเลื่อนคล้อยต่ำ ท่ามกลางผืนแผ่นน้ำที่สะท้อนทอประกายระยิบระยับ นับเป็นอีกหนึ่งภาพงามอันแสนประทับใจของทริปนี้ ที่ช่วยการันตีว่า
ทะเลสีทองมันเป็นเช่นนี้นี้เอง
ลอยพรกพร้าว
หลังดวงตะวันลาลับ ม่านวิกาลเริ่มคืบคลานเข้าห่มคลุม ทะเลสีทองเริ่มกลายเป็นทะเลสีด่ำ พวกเรากลับเข้าไปในเรือเพื่อรับประทานอาหารเย็น ที่ทางเรือรอต้อนรับเราด้วยเมนูพิเศษที่ได้รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อเสิร์ฟนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการล่องเรือของที่นี่โดยเฉพาะ
สำหรับอาหารมื้อค่ำนี้ มี 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ กลุ่มอาหารทะเล คือ ปู กุ้ง หมึก สดๆใหม่ๆที่เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มรสแซ่บ และเมนูชุดอาหารโบราณที่มีเสิร์ฟเฉพาะบนเรือลำนี้เท่านั้น อันประกอบด้วย “ข้าวมันลอกอย่อ”(ข้าว-มัน-ลอ-กอ-ย่อ) คล้ายข้าวมันส้มตำ แต่เป็นมะละกอที่ตำกับกะปิระนองอันเลื่องชื่อ มีปลาเค็มแกล้ม เสิร์ฟพร้อมใบมะยมให้ห่อกินคล้ายเมี่ยง, “ลอหมี่ปู” เป็นราดหน้าบะหมี่ปูรสกลมกล่อม และ “ขนมน้ำหอม” เป็นขนมหวานลอดช่องแก้วหวานหอมชื่นใจ ที่เสิร์ฟปิดท้ายให้ล้างปาก
ก่อนที่เรือจะค่อยๆลอยเข้าฝั่งใกล้เทียบท่า บนเรือมีกิจกรรมสุดท้ายให้ทำคือการ “ลอยพรกพร้าว” ที่เป็นประเพณีโบราณของชาวเลระนองใช้กะลามะพร้าวใส่ดอกดาวเรือง แล้วจุดเทียน ปล่อยล่องลอยไปในผืนน้ำ(คล้ายลอยกระทง) ซึ่งถือเป็นการขอบคุณพระแม่คงคา รวมถึงยังเชื่อว่าเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
นับเป็นการปิดกิจกรรมล่องเรือย้อนยุคอย่างกิ๊บเก๋ และเป็นการปิดทริปผู้หญิงเที่ยวในวันแรกที่มีหลากรสชาติและแปลกแตกต่างไม่น้อย...(อ่านต่อตอนหน้ากับกิจกรรมไฮไลท์ เที่ยวทะเลระนอง ท่องทะเลพม่าสวยใสสุดฟิน)
**************************************************
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในเส้นทาง “ชุมพร, ระนอง” ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร (พื้นที่รับผิดชอบชุมพร ระนอง) โทร. 0-7750-2775-6, 0-7750-1831
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
ผู้หญิงยุคใหม่หลายๆคนนอกจากจะเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนตัวแม่แล้ว ยังเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวตัวฉกาจ ยามพวกเธอมีเวลาว่างจากงาน เป็นต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าใบเก่งหรือเป้ใบเก่า สวมชุดคู่ใจ รองเท้าคู่กาย ออกตะลุยตะลอนเที่ยวมุ่งไปตามใจปรารถนา
และตามวิถีความชอบแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น สายฮิปเตอร์ สายธรรมะ สายกิน สายเซลฟี่ สายผจญภัย สายสโลว์ไลฟ์ ฯ หรือพวกสายฟิวชั่นที่เที่ยวผสมผสานกันได้หมด เป็นทั้ง ฮิปเตอร์เข้าวัดฟังธรรม กินจนตัวปริ เซลฟี่กระจาย ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ และไม่พลาดกิจกรรมท้าทายท่องเที่ยวผจญภัยมันๆที่พวกเธอบ่ยั่นด้วยประการทั้งปวง
สำหรับนักท่องเที่ยว“กลุ่มผู้หญิง” หรือ ตลาดนักท่องเที่ยว“กลุ่มสตรี”นั้น วันนี้กำลังมาแรง(และมาแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา) นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตอย่างสูง เป็นกลุ่มที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อ และมีกำลังจับจ่ายสูง(ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีว่าผู้หญิงไทยเป็นนักช้อปที่ไม่เป็นรองชาติใดในโลก)
ด้วยเหตุที่เทรนด์นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงมาแรง ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานภูมิภาค ภาคเหนือ จึงจัดทริปพิเศษ พานักท่องเที่ยวสาวๆล่องใต้ไปเที่ยว “ชุมพร-ระนอง” (ผมมีโอกาสได้ร่วมทริปตามสาวๆไปด้วย) โดยทริปได้มุ่งเน้นไปที่ จ.ระนอง เป็นหลัก ที่วันนี้สามารถเที่ยวแบบเออีซี จากทะเลระนองล่องไปสัมผัสกับทะเลพม่าอันน่าตื่นตาตื่นใจ
ล่องแพพะโต๊ะ
ทริปนี้เราเปิดประเดิมกันด้วยกิจกรรมสนุกๆกับการ“ล่องแพพะโต๊ะ” ที่ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร
อ.พะโต๊ะ เป็นหนึ่งในดินแดนที่มีวิวทิวทัศน์อันงดงาม และมากไปด้วยสิ่งน่าสนใจชวนให้ค้นหา อำเภอนี้มีคำขวัญว่า “ดินแดนแห่งภูเขาเขียว เที่ยวล่องแพ แลหมอกปก น้ำตกงาม ลือนามผลไม้” โดยมีการล่องแพพะโต๊ะเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวขึ้นชื่อของอำเภอพะโต๊ะ
ในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อต้นปีนี้(2560) อ.พะโต๊ะ เป็นอีกหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม โดยเฉพาะในบริเวณเส้นทางล่องแพพะโต๊ะ ที่ถูกน้ำป่าไหลทะลักพัดพาบ้านเรือนและข้าวของเสียหาย รวมไปถึง“แพ”และอุปกรณ์ที่ใช้ในการล่องแพท่องเที่ยวลำน้ำพะโต๊ะของชาวบ้าน
อย่างไรก็ดีด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของชาวบ้าน หลังวิกฤติน้ำท่วมผ่านพ้น ชาวบ้านพะโต๊ะที่ได้รับความเสียหาย นอกจากจะทำการสร้างบ้านเรือนใหม่(สำหรับบ้านที่ถูกน้ำทำลายไปทั้งหลัง)และซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนที่ถูกน้ำป่าทำลายแล้ว ก็ได้ช่วยกันเร่งต่อแพเพื่อให้กิจกรรมล่องแพพะโต๊ะเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการท่องเที่ยวนั้นถือเป็นการกระจายรายได้ที่สำคัญอย่างหนึ่ง
สำหรับแพที่ใช้ล่องลำน้ำ(แม่น้ำหลังสวน) ชาวบ้านเขาจะนำท่อพีวีซีมาต่อเป็นแพลูกบวบ เพราะมีความทนทานกว่าแพไม้ไผ่และไม่ต้องทำลายทรัพยากรไม้ไผ่ แพลำหนึ่งนั่งได้ประมาณ 4-6 คน(ตามขนาดและน้ำหนักตัว)
ส่วนจุดที่เริ่มต้นลงล่องแพนั้น จะเริ่มที่ “บ้านในหยาน” ล่องแพไหลเรื่อยไปตามลำน้ำ ที่สองฝากฝั่งมีวิวทิวทัศน์ของป่าเขา เรือกสวน และวิถีชีวิตชาวบ้านให้ชมกัน รวมไปถึงสภาพร่องรอยที่เสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งคุณลุงนายท้ายที่ถ่อแพบอกกับผมว่า “เมื่อธรรมชาติพัดพามา สุดท้ายธรรมชาติก็จะพัดพาพวกนี้ไปในวิถีทางของมัน(ธรรมชาติ)”
นอกจากนี้ในเส้นทางล่องแพยังมีบางจุดให้เราได้โดดลงเล่นน้ำใสไหลเย็น บางจุดที่คนถ้อแพมั่นใจก็จะลองให้สาวๆได้ลองออกแรงถ่อแพผจญสายน้ำกันดูบ้าง ส่วนบางจุดที่มีแก่งเล็กๆนายท้ายของเราจะถ่อแพคัดท้ายให้แพล่องผ่านแก่งไปแบบปลอดภัยสบายหายห่วง แต่ว่าก็ต้องเปียกน้ำกันพอหอมปากหอมคอ เพื่อเป็นการการันตีว่าได้มาล่องแพพะโต๊ะแล้ว
หลังใช้เวลาล่องแพประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็มาขึ้นฝั่งที่ “มาลิน บริการล่องแพ” ที่เป็นกลุ่มชาวบ้านที่จัดการล่องแพในทริปนี้ ก่อนที่พวกเราจะลงมือโซ้ยอาหารที่ทางมาลินฯเขาจัดเตรียมไว้ให้กับเมนู ข้าวห่อใบคลัง(ใบไม้ในท้องถิ่น) แกงหยวกกล้วยป่า ไข่เจียวใบตอง แกงเลียง ใบเหลียงผัดไข่ น้ำพริกกะปิ-ปลาทู และผัดกูดผัดกะทิ ซึ่งบางเมนูเป็นอาหารพื้นบ้านที่หากินไม่ได้ง่ายๆ(สำหรับคนเมือง)
ที่สำคัญคือรสชาตินั้นหรอยอย่างแรงชนิดที่สาวๆหลายๆคนกินกันแบบไม่กลัวน้ำหนักเพิ่มแต่อย่างใด
เที่ยวระนอง ท่องทะเลสีทอง
จากชุมพร คณะเลดี้ทริปเดินทางข้ามจังหวัดสู่จังหวัด“ระนอง”เพื่อไปนั่งเรือท่องทะเลระนองสัมผัสบรรยากาศย้อนยุค โดยจุดลงล่องเรือนั้นอยู่ที่ “ท่าเรือศุลกากรระนอง” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ“ท่าเรือประภาคารระนอง” เนื่องจากมีประภาคารโดมสีแดง 8 เหลี่ยม ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ประภาคารระนองเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในเมืองไทย ภายในโดมประภาคารเปิดเป็นร้านกาแฟให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปนั่งจิบกาแฟ ทอดอารมณ์ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลระนองที่มองเห็นไกลไปถึงทะเลพม่า
ขณะที่เรือที่พวกเรานั่งท่องเที่ยวนั้นมีชื่อว่า“เดอะรอยัลอันดามัน”(The Royal Andaman) เป็นเรือโบราณเก่าแก่คลาสสิกในยุคเหมืองแร่ระนอง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 เดิมเป็นเรือโดยสารวิ่งรับ ส่ง ผู้โดยสารจากตะกั่วป่า-กระบุรี-ระนอง
แต่เมื่อมีถนนเข้ามาการสัญจรทางน้ำลดบทบาทลง เรือลำนี้ถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นเรือประมงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วจึงนำไปเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ก่อนที่ในวันนี้จะถูกนำมาใช้วิ่งอีกครั้งให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งตัวเรือนั้นยังคงสภาพดี วิ่งได้ฉลุย
เรือเดอะรอยัลอันดามัน เน้นการตกแต่งในสไตล์ย้อนยุคเป็นหลัก แต่ก็มีพร็อบเก๋ๆอินเทรนด์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน
นอกจากนี้บนเรือยังมีบาร์เครื่องดื่มบริการในชั้นดาดฟ้า รวมถึงมีนักดนตรี(เดี่ยว) มาเล่นอะคูสติกกีตาร์ให้ฟังกันสดๆ ชนิดที่เราสามารถขอเพลงได้ และสามารถขอไมค์มาร้องคาราโอเกะร่วมกับนักดนตรีได้
ครั้นเมื่อเรือแล่นออกจากฝั่ง “น้องมณีจันทร์” พนักงานต้อนรับคนสวยจะนำทีมต้อนรับด้วยภาษาไทยย้อนยุค“สวัสดีเจ้าคะ” ก่อนจะตามด้วยบริการ(ฟรี) ให้เราสวมชุดพื้นเมืองระนองย้อนยุค(ชุดบ่าบ๋า ย่าหยา สไตล์ระนอง) ผู้ชายมีหมวกกะโล่สวม ส่วนผู้หญิงจะมีมงกุฎให้สวมเป็นนางงามกลางเล ชนิดที่ไม่ต้องไปร่วมประกวดนางงามให้เกิดข่าวดราม่าแต่อย่างใด
สำหรับเส้นทางล่องเรือนั้นเป็นเส้นทาง“ตามรอยเสด็จประพาสต้น รัชกาลที่ 5 รศ. 109” โดยเมื่อเรือแล่นออกจากฝั่งมุ่งหน้าสู่ปากน้ำระนอง ล่องไปท่ามกลางสายลมทะเลยามเย็นที่พัดปะทะร่างเย็นกายสบายใจ
ระหว่างทางเมื่อผ่าน“เกาะสะระนีย์”(เดิมชื่อเกาะผี ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2510 สมเด็จย่าทรงตั้งชื่อใหม่ให้ว่าเกาะสะระนีย์) เรือจะชลอให้เราได้สักการะเจ้าแม่กวนอิมองค์สีทองงามอร่ามตาที่ประดิษฐานอย่างโดดเด่นมองเห็นแต่ไกลอยู่บนเกาะสะระนีย์
จากนั้นเรือจะแล่นผ่าน“เกาะคณฑี” อีกหนึ่งเกาะแห่งประวัติศาสตร์ของระนอง ซึ่งมีหลักฐานบันทึกว่า รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมายังเกาะแห่งนี้เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว
ถัดจากเกาะคณฑีไปจะผ่าน“สะพานปลา” ที่มีฉายาว่าลิตเติ้ลเวนิสระนองอันถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของการทำประมงในจังหวัดระนอง ซึ่งในช่วงบริเวณนี้บนฟากฝ้าจะเต็มไปด้วย “เหยี่ยวปากแดง” ที่มาร่อนถลารอโฉบบินกินเหยื่อ(ปลา)เก็บตกจากเรือประมง ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันอันน่าตื่นตาตื่นใจที่น้องมณีจันทร์เธอภูมิใจนำเสนอ
ต่อจากนั้นเรือจะแล่นผ่าน “เกาะเหลา”หนึ่งในแหล่งทำกะปิชั้นดีที่สุดของเมืองไทย ผ่าน“เกาะช้าง” แหล่งปลูก“มะม่วงหิมพานต์”หรือ“กาหยู”อันดับต้นๆของเมืองไทย ก่อนที่เรือจะมุ่งหน้าออกปากน้ำระนอง เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกกันกลางท้องทะเลอันดามัน บริเวณ“เกาะเสียงไห”หรือ“เกาะสินไห”
เกาะเสียงไหมีน้ำจืดอุดมสมบูรณ์อยู่บนเกาะ จนเกิดมีเรื่องเล่าขานตำนานชื่อเกาะว่า มีคนนำไหมาใส่น้ำจืดที่นี้แล้วทำไหตกแตก ได้ยินเสียงไหแตกดังลั่นอันนำมาซึ่งชื่อเรียกขานว่า“เกาะเสียงไห” ส่วนชื่อเกาะสินไหนั้นก็มาจากตำนานเดียวกัน แต่เพี้ยนไปว่าไหที่ตกแตกนั้นคือการสิ้นไห ก่อนจะเรียกเพี้ยนเป็นชื่อ“เกาะสินไห”
สำหรับท้องทะเลในแถบนี้ได้ชื่อว่าเป็น“ทะเลสีทอง” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในแหลมมลายู(อ้างอิงจากคำบรรยายบนเรือเดอะรอยัลอันดามัน)
เมื่อเราล่องไปถึงยังทะเลสีทอง กัปตันจะเบาเครื่องลอยลำให้พวกเราฟังดนตรีขับกล่อม จิบเครื่องดื่มเย็นๆเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ลาลับ
จากนั้นช่วงเวลานาทีทองก็มาถึง เมื่อพระอาทิตย์ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนลาลับแผ่นฟ้าได้ทอแสงเรื่อเรืองเป็นไข่แดงลูกกลมโตได้ค่อยๆลอยเลื่อนคล้อยต่ำ ท่ามกลางผืนแผ่นน้ำที่สะท้อนทอประกายระยิบระยับ นับเป็นอีกหนึ่งภาพงามอันแสนประทับใจของทริปนี้ ที่ช่วยการันตีว่า
ทะเลสีทองมันเป็นเช่นนี้นี้เอง
ลอยพรกพร้าว
หลังดวงตะวันลาลับ ม่านวิกาลเริ่มคืบคลานเข้าห่มคลุม ทะเลสีทองเริ่มกลายเป็นทะเลสีด่ำ พวกเรากลับเข้าไปในเรือเพื่อรับประทานอาหารเย็น ที่ทางเรือรอต้อนรับเราด้วยเมนูพิเศษที่ได้รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อเสิร์ฟนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการล่องเรือของที่นี่โดยเฉพาะ
สำหรับอาหารมื้อค่ำนี้ มี 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ กลุ่มอาหารทะเล คือ ปู กุ้ง หมึก สดๆใหม่ๆที่เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มรสแซ่บ และเมนูชุดอาหารโบราณที่มีเสิร์ฟเฉพาะบนเรือลำนี้เท่านั้น อันประกอบด้วย “ข้าวมันลอกอย่อ”(ข้าว-มัน-ลอ-กอ-ย่อ) คล้ายข้าวมันส้มตำ แต่เป็นมะละกอที่ตำกับกะปิระนองอันเลื่องชื่อ มีปลาเค็มแกล้ม เสิร์ฟพร้อมใบมะยมให้ห่อกินคล้ายเมี่ยง, “ลอหมี่ปู” เป็นราดหน้าบะหมี่ปูรสกลมกล่อม และ “ขนมน้ำหอม” เป็นขนมหวานลอดช่องแก้วหวานหอมชื่นใจ ที่เสิร์ฟปิดท้ายให้ล้างปาก
ก่อนที่เรือจะค่อยๆลอยเข้าฝั่งใกล้เทียบท่า บนเรือมีกิจกรรมสุดท้ายให้ทำคือการ “ลอยพรกพร้าว” ที่เป็นประเพณีโบราณของชาวเลระนองใช้กะลามะพร้าวใส่ดอกดาวเรือง แล้วจุดเทียน ปล่อยล่องลอยไปในผืนน้ำ(คล้ายลอยกระทง) ซึ่งถือเป็นการขอบคุณพระแม่คงคา รวมถึงยังเชื่อว่าเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
นับเป็นการปิดกิจกรรมล่องเรือย้อนยุคอย่างกิ๊บเก๋ และเป็นการปิดทริปผู้หญิงเที่ยวในวันแรกที่มีหลากรสชาติและแปลกแตกต่างไม่น้อย...(อ่านต่อตอนหน้ากับกิจกรรมไฮไลท์ เที่ยวทะเลระนอง ท่องทะเลพม่าสวยใสสุดฟิน)
**************************************************
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในเส้นทาง “ชุมพร, ระนอง” ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร (พื้นที่รับผิดชอบชุมพร ระนอง) โทร. 0-7750-2775-6, 0-7750-1831
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com