ในฤดูร้อนอากาศแบบนี้ คนทั่วไปก็มักนึกอยากจะไปเที่ยวทะเลกัน แต่ประเทศไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายที่สามารถเที่ยวฤดูร้อนได้ อย่างที่ "สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า" จ.พิษณุโลกนี้ก็เช่นกัน เพราะที่นี่สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู ไม่ใช่เพียงช่วงหน้าหนาวเท่านั้น เพราะที่นี่มีต้นไม้ดอกไม้ที่เบ่งบานให้ชมกันได้ทุกฤดู อย่างในหน้าร้อนก็เป็นพันธุ์กล้วยไม้ที่กำลังเบ่งบาน และดอกไม้หายากอื่นๆ ที่รวบรวมไว้ให้ได้ชมกัน ยิ่งหากใครเป็นคนชอบดูดอกไม้กล้วยไม้ด้วยแล้วไม่ควรพลาดที่จะมาสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าแห่งนี้
"สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า" จัดตั้งขึ้นเนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนินงานของโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ ภูขัด ภูเมี่ยง ภูสอยดาว ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2542 จึงได้มีพระราชเสาวนีย์ให้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการจัดตั้ง สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า ขึ้นในพื้นที่ส่วนปลายของเทือกเขาภูสอยดาว
โดยมีพระราชประสงค์เพื่อส่งเสริมความมั่นคงในประเทศ และอนุรักษ์พื้นที่ป่าสมบูรณ์ไว้เพื่อเป็นแหล่งป่าต้นน้ำลำธาร และเพื่อเป็นการสนับสนุนราษฎรหมู่บ้านร่มเกล้า และหมู่บ้านข้างเคียงให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีรายได้เพิ่มขึ้น พร้องทั้งจะได้พัฒนาสถานที่ดังกล่าว ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดพิษณุโลกและประเทศชาติต่อไป
สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า เน้นในเรื่องของการศึกษาวิจัยและพัฒนา เป็นสถานที่ในการศึกษาธรรมชาติของนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ที่นอกจากจะเป็นศูนย์รวมและจัดแสดงพรรณไม้ ยังเป็นที่ๆ รวบรวมภูมิปัญญาท้องถิ่น และการใช้ประโยชน์จากพืชในชุมชนอย่างยั่งยืนอีกด้วย
จุดแรกที่จะพาไปชมคือ "จุดชมวิวค้อเดียวดาย" เป็นจุดชมวิวไฮไลท์ของที่นี่ ในยามเช้าจะสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นตรงฝั่งประเทศลาว และชมวิวแบบ 360 องศาที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้สุดหูลูกตา และได้ชมไม้ประจำถิ่น อาทิ ค้อ ที่แสดงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ท่ามกลางทิวทัศน์ของ 2 ประเทศ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.พิษณุโลก จ.อุตรดิตถ์ และ จ.เลย ถ้าหากมาในวันฟ้าเปิดที่นี่ยังสามารถมองเห็นอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย จ.เลย และชมพระอาทิตย์ขึ้นยังฝั่งประเทศลาว และถ้ามาในช่วงหน้าหนาวหรือปลายฝนต้นหนาว จุดแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยไม่แพ้ที่อื่นเลยทีเดียว
จากนั้นไปต่อกันที่ "ลานกางเต็นท์" บริเวณทางเข้านั้นมีป่าสนสามใบ และดอกไม้นานาพันธุ์ให้ได้ชมกัน และในเทศกาล "ห่มหมอก กอดหนาว ดูดาวบนภู" ช่วงหน้าหนาว ที่นี่จะคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาค้างคืนเพื่อรอชมความสวยงามของธรรมชาติท่ามกลางอากาศหนาว และดูดาวยามค่ำคืน
จุดท่องเที่ยวต่อไปใน สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า ถ้าหากใครเป็นคนชอบดอกกุหลาบต้องไม่พลาดมาเยี่ยมชม อย่าง "สวนจัดแสดงพันธุ์กุหลาบและแมกโนเลีย" ที่แห่งนี้จะทำให้รู้สึกสดชื่นไปกับดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธ์ ส่วนใหญ่จะปลูกกุหลาบที่เป็นพันธุ์กุหลาบมาจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ และยังมีจำปี-จำปาพันธุ์ไทย และแมกโนเลียลูกผสม ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์จากต่างประเทศ และมีกลิ่นหอม อาทิ แกรนดิฟลอร่าสีขาว ที่มีกลิ่นหอมเย้ายวน ซึ่งจะแข่งกันเบ่งบานในช่วงปลายหนาวไปจนถึงหน้าร้อน โดยทางสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า มีโครงการที่จะปรับปรุงที่แห่งนี้ให้เป็นสวนกุหลาบสไตล์อังกฤษ ที่เที่ยวไฮไลท์แห่งใหม่ แต่ถ้าใครอดทนรอไม่ไหว ก็สามารถเที่ยวชมกันก่อนได้เพราะมีดอกกุหลาบให้ชมกันทั้งปี
นอกจากนั้นที่นี่มีพันธุ์ไม้เด่นประจำสวนคือ ซุ้มสร้อยสยาม เป็นไม้ตระกูลชงโค หรือเสี้ยวของไทย พืชถิ่นเดียวหายากพบได้ที่เดียวในโลก เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ซึ่งพบในป่าเบญจพรรณผสมป่าไผ่ โดยซุ้มสร้อยสยามค้นพบครั้งแรกที่ ต.บ้านดง อ.ชาติตระการ ออกดอกตลอดทั้งปี และมากที่สุดในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
อีกไฮไลท์เด่นของสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าที่เหมาะกับช่วงมาเที่ยวหน้าร้อนนั่นคือ "โรงเรือนจัดแสดงพันธุ์กล้วยไม้" สถานที่ที่รวบรวมสายพันธุ์กล้วยไม้ไทยที่หาชมได้ยากยิ่ง และกล้วยไม้ลูกผสมกว่า 300 ชนิด ทั้งสายพันธุ์ไทยและต่างประเทศ อาทิ ว่านเพชรหึง ซึ่งถือว่าเป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ว่านนกคุ้ม ปีกแมลงปอ พวงหยก พันธุ์ไม้อื่นๆ อาทิ ไข่ปูส้ม รวมไปถึงรองเท้านารีสายพันธุ์ต่างๆ และกล้วยไม้ที่พบเฉพาะพื้นที่สูงเท่านั้น ถือว่าเป็นสถานที่อีกแห่งในประเทศไทยที่มีกล้วยไม้ให้ชมกันอย่างหลากหลายเลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังมี หลุมบังเกอร์ อีกหนึ่งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่หลงเหลือไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เพราะในอดีตบริเวณพื้นที่ตั้งสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ เคยเป็นสมรภูมิรบ โดยในการรบครั้งนั้น ทหารไทยและลาวมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่เกิดจากการสู้รบในครั้งนั้นนั่นก็คือหลุมบังเกอร์ ซึ่งการรบครั้งนั้นถูกเรียกว่า "สมรภูมิรบบ้านร่มเกล้า" นั่นเอง
ในการมาเที่ยวที่สวนพฤกษศาสตร์ร่มเกล้า นอกจากจะได้มาเที่ยวในฤดูร้อนชมกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์แล้ว ในช่วงปลายฝนต้นหนาวก็ยังสามารถมาชมหมอกเคล้ากลิ่นไอฝนให้ชุ่มฉ่ำ ส่วนหน้าหนาวก็มีเทศกาล “ห่มหมอก กอดหนาว ดูดาวบนภู” ให้ได้นอนดูดาวกับอากาศหนาวกันให้ชื่นใจ
นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง อาทิ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ รวมถึงแหล่งเรียนรู้ด้านพืช สวนผักผลไม้ของชาวบ้าน อาทิ องุ่น สตอเบอรี่ เงาะ สับปะรด และสวนผักหลากชนิด ที่อยู่ในโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดินลุ่มน้ำภาค จ.พิษณุโลก
เรียกได้ว่าหากใครอยากมาเที่ยวในฤดูไหนที่สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ ก็สามารถมาได้ตลอดทั้งปี และหากใครชอบการผจญภัยก็สามารถเดิน หรือใช้บริการรถอีแต๊กชื่นชมและศึกษาธรรมชาติที่สมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้นานาชนิดที่สวยงามได้ ซึ่งนอกจากจะได้พักผ่อนท่ามกลางขุนเขาเมฆไม้และสายหมอกแล้ว ยังได้เรียนรู้และสนุกกับการผจญภัยไปพร้อมกัน
*******************************************************
สอบถามรายละเอียดได้ที่สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก โทร. 0-5531-6713-(5), 081-278-4994, อีเมล์ Romklaobg@yahoo.com, facebook : http://www.facebook.com/romklaobg หรือ www.qsbg.org
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com