มาเยือนฮอกไกโดในช่วงฤดูหนาว เป็นช่วงที่มีเสน่ห์น่ารักด้วยสีขาวของหิมะที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเกาะ “ตะลอนเที่ยว” มีโอกาสมาฮอกไกโดคราวนี้ก็ด้วยการชักชวนขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวฮอกไกโด ร่วมกับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) โดยหลังจากที่ได้ไปเยือนเมืองซัปโปโรและชิโตเสะกันมาเรียบร้อยแล้ว ก็จะพามาเที่ยวเมืองน่ารักๆ อย่าง “โอตารุ” กันบ้าง
“โอตารุ” เป็นเมืองท่าชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะฮอกไกโด ในอดีตเมืองนี้เป็นเมืองท่าติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศทางตะวันตก ปัจจุบันโอตารุเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดฮอกไกโดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาแวะเวียนอยู่เสมอ โดยจากซัปโปโรจะเดินทางมายังเมืองโอตารุใช้เวลาไม่นานเลย ไม่ว่าจะนั่งรถไฟหรือรถยนต์ก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้น
เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมายังเมืองโอตารุ สถานที่แรกที่หลายๆ คนมักจะแวะเวียนมาชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันก็คือ “คลองโอตารุ” คลองที่ไหลผ่านใจกลางเมืองออกสู่ทะเล แต่เดิมคลองแห่งนี้มีความสำคัญในยุคเริ่มสร้างเมืองฮอกไกโดตรงที่เป็นเส้นทางขนถ่ายสินค้าจากเรือเดินสมุทรเข้ามาในเมือง บริเวณริมคลองเราจึงมองเห็นอาคารที่มีลักษณะเป็นโกดังสินค้าเรียงรายกันตลอดแนว
แต่ในปัจจุบันที่คลองแห่งนี้ไม่ได้ใช้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าอีกต่อไป อาคารและโกดังเหล่านี้จึงถูกเปลี่ยนให้เป็นร้านอาหาร ร้านขนม และร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ เต็มไปหมด
ในช่วงฤดูหนาวอย่างนี้สองฝั่งคลองโอตารุถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ยิ่งสร้างบรรยากาศสวยสงบโรแมนติกมากยิ่งขึ้น และยิ่งถ้าใครมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่มีการจัดงาน “เทศกาลทางเดินแห่งแสงหิมะโอตารุ” (Otaru Snow Light Path Festival) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของโอตารุ ก็จะยิ่งได้สัมผัสกับความโรแมนติกแบบสุดๆ เพราะในช่วงเย็นย่ำ บริเวณริมคลองโอตารุจะประดับประดาไปด้วยแสงเทียนในโคมหิมะ ส่วนในคลองก็จะลอยด้วยเทียนในโคมแก้ว ส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางหิมะงดงามเหมือนฝัน ใครอยากมาชมบรรยากาศเช่นนั้นเตรียมตัวมาในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าได้เลย
น่าเสียดายที่ “ตะลอนเที่ยว” มาไม่ตรงช่วงวันที่มีงาน ดังนั้นเมื่อชมบรรยากาศของคลองในยามกลางวันเรียบร้อยแล้ว จึงเดินเท้าจากคลองโอตารุมายังถนนซาไกมาจิ ที่ถือเป็นย่านท่องเที่ยวหลักของโอตารุ ซึ่งมีอาคารบ้านเรือนและร้านรวงน่ารักตลอดสองข้างทาง
แม้หิมะจะตกเป็นระยะ อากาศจะหนาวเหน็บ แต่นักท่องเที่ยวก็ยังมาเดินเที่ยวบนถนนสายนี้เป็นจำนวนมาก โดยระหว่างทางจะมีร้านอาหารและร้านขนมเป็นระยะ รวมถึงมีจุดให้แวะชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านเครื่องแก้วที่มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน เพราะที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทำเครื่องแก้วและการเป่าแก้ว นักท่องเที่ยวจึงนิยมซื้อเครื่องแก้วกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึก และหากอยากได้ของที่ระลึกที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก บางร้านก็ให้เราทดลองเป่าแก้วด้วยตัวเอง ได้เป็นชิ้นงานเฉพาะฝีมือตัวเองอีกด้วย
แต่ที่เป็นไฮไลท์ของเมืองโอตารุก็คือ “พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ” (Otaru Music Box Museum) ที่แต่เดิมเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทค้าข้าวที่มีเพียงไม่กี่แห่งในฮอกไกโด เป็นอาคารก่ออิฐโครงไม้ที่สวยงามคลาสสิค แต่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านขายกล่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมมากมายในแต่ละวัน
แต่ก่อนจะเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์ เราสังเกตเห็นว่ามีนาฬิกาขนาดใหญ่หน้าตาโบราณเรือนหนึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า มีคนยืนรายล้อมจ้องมองไปที่นาฬิกานี้เป็นตาเดียว จึงขอทำตัวเป็นไทยมุงยืนจ้องนาฬิกาไปกับเขาด้วย และไม่นานนักก็ถึงบางอ้อเมื่อเจ้านาฬิกาเรือนนี้พ่นไอน้ำออกมาดังฟู่ พร้อมกับมีเสียงดนตรีดังประกอบกัน ซึ่งจะดังขึ้นทุกๆ 15 นาที สร้างความตื่นตาได้ไม่น้อย โดย “นาฬิกาไอน้ำโบราณ” (Stream Clock) เรือนนี้เป็นของขวัญจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ที่มอบให้เมืองโอตารุเมื่อครั้งยังทำการค้ากันในอดีต โดยปัจจุบันมีนาฬิกาแบบนี้เหลืออยู่เพียง 2 เรือนบนโลกเท่านั้น คือที่โอตารุและแคนาดา
และเมื่อเข้าไปด้านในก็จะได้พบกับบรรยากาศอันแสนน่ารักมุ้งมิ้งและเสียงกังวานไพเราะของกล่องดนตรีไขลานหลากหลายรูปแบบที่วางขายและวางโชว์อยู่ด้านใน อาคารขนาดใหญ่นี้เต็มไปด้วยกล่องดนตรีนับหมื่นชิ้นที่มีความน่ารักน่าซื้อเต็มไปหมด หากคิดอยากจะได้กล่องดนตรีเป็นที่ระลึกสักชิ้นหนึ่งรับรองว่าต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อดูให้ทั่ว และอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อตัดสินใจว่าจะเลือกชิ้นไหนดี คนชอบของกระจุกกระจิกรับรองว่าเดินชมได้เพลินเป็นชั่วโมงไม่มีเบื่อ
แต่เดินนานๆ ท้องก็เริ่มร้องแล้วเหมือนกัน ไปหาของอร่อยๆ ในโอตารุกินกันดีกว่า อาหารการกินที่โอตารุนั้นก็มีมากหลาย แต่ของกินขึ้นชื่ออย่างหนึ่งก็คือ “ซูชิ” ที่แม้จะกินที่ไหนก็ได้ในญี่ปุ่น แต่ซูชิที่ฮอกไกโด โดยเฉพาะโอตารุนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของความสดใหม่ได้รสชาติของอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นปลาดิบหลากชนิด ไข่หอยเม่น ปูยักษ์ (ปูทาราบะ) ปูขน หมึก ได้ชื่อว่าสดหวาน เมื่อนำมาทำซูชิจึงอร่อยกว่าที่อื่นๆ
นอกจากการกินซูชิที่มีให้เลือกหลากหลายร้านแล้ว กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือการลงมือทำซูชิด้วยตัวเอง ซึ่งวันนี้ “ตะลอนเที่ยว” ก็ได้มาทดลองทำซูชิกันที่ร้าน “ทัตสึมิ ซูชิ” ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองปั้นซูชิกันเอง โดยมีพ่อครัวชาวญี่ปุ่นคอยแนะนำวิธีการปั้นข้าว การวางชิ้นปลา การป้ายวาซาบิ ไปจนถึงจัดเรียงลงในจาน เสร็จเรียบร้อยก็กินซูชิฝีมือการปั้นของตัวเองอิ่มอร่อยสบายใจกันไป
กินของคาวแล้วควรต่อด้วยของหวานอย่างที่สุด เพราะในถนนซาไกมาจิซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวนั้นก็เต็มไปด้วยร้านขนมและร้านกาแฟหลากหลาย “ตะลอนเที่ยว” ขอเข้าไปชิมของหวานขึ้นชื่อของโอตารุซึ่งก็คือร้านเบเกอรี่ “เลอ เตา” (Le Tao) ที่มีชีสเค้กอันโด่งดังเป็นตัวชูโรง
เพียงเข้าไปในร้านก็ได้กลิ่นหอมฟุ้งของขนมหลากหลายชนิด แต่แน่นอนว่าเราต้องขอลองชิมชีสเค้กแบบออริจินัล หรือ Double Fromage Cheesecake ที่เป็นชีสเค้กสดใหม่โปะลงบนชีสเค้กอบ ตักส่งเข้าปากก็ละลายในปากอย่างนุ่มนวล กินคู่กับชาร้อนๆ โอ้โห…สดชื่นตาเป็นประกายเลยทีเดียว
ดูเหมือนการมาเที่ยวโอตารุจะสมบูรณ์ด้วยการได้กินชีสเค้กนี่เอง แต่เดี๋ยวก่อน ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เราขอแวะเที่ยวและซื้อของฝากกันอีกหนึ่งแห่งคือที่โรงงานสาเก “ทานากะ” ที่มีอายุกว่า 88 ปี มาแล้ว ที่นี่เราได้เดินชมส่วนของโรงงานผลิตสาเก ได้รู้ถึงกรรมวิธีต่างๆ ในการหมักข้าวจนได้มาเป็นสาเก อันเป็นเครื่องดื่มคู่วัฒนธรรมญี่ปุ่น และยังได้เลือกซื้อหาของฝากที่ได้อารมณ์ญี่ปุ่นแท้ๆ อีกด้วย
ในตอนหน้าเราจะมุ่งหน้าพาลงใต้ของเกาะฮอกไกโด ไปที่เมือง “โนโบริเบทสึ” ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำแร่ชื่อดังแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และมีแหล่งท่องเที่ยวน่ารักมากมาย ติดตามต่อกันได้ตอนหน้าจ้า
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ผู้ที่สนใจอยากไปเที่ยวฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ได้ที่ http://soodyod-hokkaido.jp/
* * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com