มนต์เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่ง นอกจากจะชวนให้เราตรึงตราพาฝันแล้ว บางเมือง บางสถานที่ ยังมีมนต์สะกดให้เรารู้สึกเหมือนกับเวลาเดินช้า เข็มนาฬิกาหยุดหมุน จนเราอยากจะจมจ่อมอยู่ในสถานที่นั้นๆแบบไม่อยากจะตัดใจจำจากจร
ดังเช่นจังหวัด“ลำปาง”เมืองที่อวลไปด้วยบรรยากาศของกลิ่นอายแห่งอดีตอันทรงเสน่ห์ จนถูกยกให้เป็น “ลำปาง-เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา”จากโครงการ“เมืองต้องห้าม...พลาด” อันขึ้นชื่อของ“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”(ททท.)ซึ่งมีแรงดึงดูดให้“ตะลอนเที่ยว” ออกเดินทางหนีกรุงมุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่เมืองลำปางเขลางค์นคร
สำหรับการขึ้นไปแอ่วลำปางในทริปนี้ เราเลือกที่จะไปเที่ยวสัมผัสกับวิถีแห่งลำปางด้วยแนวคิด “ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง”ผ่านการท่องเที่ยวด้วย“รถ”ในรูปแบบที่แตกต่างและหลากหลาย
นับเป็นการเที่ยวแบบ“หลายรถ”ที่สามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์อัน“หลากรส”ในมนต์เสน่ห์แห่งลำปาง เมืองต้องห้าม...พลาด ที่ไม่หมุนตามกาลเวลา
รถไฟ
จากกรุงเทพฯ “ตะลอนเที่ยว”เลือกเดินทางสู่จังหวัดลำปางด้วย“รถไฟ”ขบวนรถด่วนพิเศษ“อุตราวิถี” ซึ่งเป็นบริการใหม่ของรถไฟไทย กับรถไฟตู้ขบวนใหม่ที่ดูหรูหรา สะอาดสะอ้าน ตรงเวลา และทันสมัย
โดยทริปนี้เราใช้บริการรถตู้นอนชั้น 2 ของขบวน“อุตราวิถี 9” กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือ “สถานีหัวลำโพง” เวลา 18.10 น. ถึงสถานีเชียงใหม่เวลา 07.15 น. (ส่วน อุตราวิถี 10 เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ออกจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ 18.00 น. ถึงสถานีรถไฟกรุงเทพฯ 06.50 น.) ผู้โดยสารสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ สายด่วน 1690 สถานีรถไฟทั่วประเทศ รวมถึงสามารถจองตั๋วผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.railway.co.th
ขบวนรถด่วนพิเศษอุตราวิถี 9 ระหว่างทางจะมีการจอดรับ-ส่ง ผู้โดยสารตามสถานีใหญ่ๆ โดยเราเลือกลงระหว่างทางที่ “สถานีนครลำปาง” ซึ่งรถไฟ(ขบวนนี้)เดินทางไปถึง(ตรงเวลา)ในช่วงประมาณ ตี 5 ของเช้าวันรุ่งขึ้น
สำหรับสถานีรถไฟนครลำปางจุดหมายปลายทางของเรา ถือเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟสุดคลาสสิกของเมืองไทย สร้างเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้สองชั้น ที่มีการผสมผสานงานศิลปกรรมแบบล้านนากับยุโรปได้อย่างลงตัวสวยงาม
บริเวณชานชาลาสถานีรถไฟนครลำปาง มีการสร้างหุ่นจำลองของ อุโมงค์ขุนตาน วัดเจดีย์ซาวหลัง หอนาฬิกาลำปาง มาไว้ให้ผู้ที่ผ่านไป-มา ได้ชม ส่วนบริเวณหน้าถนนทางเข้าสถานีรถไฟมีหัวรถจักรรถไฟตั้งอยู่โดดเด่นบนเกาะกลาง ถัดเข้ามาตรงหน้าอาคารสถานี(ทางขวา)มีการสร้างรถม้าจำลองไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน
รถม้า
“รถม้า” คือหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดลำปาง ซึ่งปัจจุบันลำปางนับเป็นจังหวัดเดียวในเมืองไทยที่ยังคงมีรถม้าวิ่งให้บริการ จนทำให้ลำปางได้รับการเรียกขานให้เป็น“เมืองรถม้า”อันลือลั่น
รถม้าเดินทางเข้ามาสู่ลำปางในช่วงเวลาเดียวกับการเข้ามาถึงของรถไฟ ในอดีตรถม้าลำปางใช้วิ่งเป็นรถม้าแท็กซี่ ให้บริการรับ-ส่งผู้คน ข้าวของสินค้า จากสถานีรถไฟลำปางเข้าสู่ตัวเมือง ปัจจุบันรถม้าลำปางได้ปรับเปลี่ยนบทบาทมาคอยวิ่งให้บริการนักท่องเที่ยว โดยมีคิวรถม้าจอดบริการอยู่ตามจุดต่างๆ อาทิ หน้าศาลากลางหลังเก่า หน้าวัดเชียงราย หน้าโรงแรมทิพย์หนานช้าง โรงแรมเวียงละคอน และลำปางเวียงทอง เป็นต้น นอกจากนี้ที่หน้าวัดพระธาตุลำปางหลวง(อ.เกาะคา)ก็มีคิวรถม้าจอดไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
รถม้าลำปางเป็นรถม้าแบบวิคตอเรีย สไตล์อังกฤษ มีวิ่งบริการนักท่องเที่ยวไปตามเส้นทางต่างๆ เช่น เส้นทางชมเมืองรอบเล็ก เส้นทางชมเมืองรอบใหญ่ เส้นทางชมย่านตลาดจีน เป็นต้น โดยสนนราคานั้นก็ตามระยะทาง ได้แก่ รอบเล็ก/3 กม./200 บาท/ประมาณ 20 นาที รอบใหญ่/5 กม./300 บาท/ประมาณ 40-45 นาที รวมถึงมีแบบเหมาชั่วโมง ชั่วโมงละ 400 บาท
แน่นอนว่าทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” ย่อมไม่พลาดที่จะนั่งรถม้าเที่ยวเมืองลำปาง ฟังเสียงเกือกม้ากระทบพื้น “กุบกับ...กุบกับ...” กับสารถีที่แต่งตัวในชุดโคบาลสุดเท่ นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผู้มาแอ่วเมืองรถม้าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
รถถีบ
มาถึงอีกหนึ่งรูปแบบของการเที่ยวชมเมืองลำปางที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนั่นก็คือ การเที่ยวด้วย“จักรยาน” หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า“รถถีบ” ซึ่งปัจจุบันทางเทศบาลนครลำปางได้มีบริการให้ยืมจักรยานฟรี(แบบวันเดียว) ที่ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งได้ทำคู่มือ “เส้นทางท่องเที่ยวด้วยจักรยาน จังหวัดลำปาง” เพื่อเป็นไกด์เบื้องต้นแก่นักท่องเที่ยวผู้รักการปั่นสองล้อทั้งหลาย
อย่างไรก็ดีนอกเหนือจากเส้นทางปั่นทั้งสามตามในคู่มือแล้ว เราสามารถเลือกเส้นทางปั่นตามใจฉัน ดังที่“ตะลอนเที่ยว” เลือกปั่นเที่ยวเองแบบชิลๆในทริปนี้ โดยเราเริ่มตั้งต้นจากที่พักบนถนนตลาดเก่า ปั่นไปเที่ยวกาดกองต้าชมสีสันอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ แวะเที่ยววัดเกาะวาลุการาม ปั่นข้าม“สะพานออเรนจ์”หรือ“สะพานแขวน”อันสวยงาม
จากนั้นปั่นเลาะเลียบริมน้ำชมวิวทิวทัศน์ไปชมความสวยงามคลาสสิกของสะพานรัษฎาภิเศก แล้วปั่นต่อยังไปวัดประตูป่อง พิพิธภัณฑ์รถม้า และมาเฝ้ารอชมดวงตะวันลับฟ้าผ่านมุมมองของสะพานรัษฎาฯ บนสะพานช้างเผือก ที่ถือเป็นอีกหนึ่งมุมมองอันงดงามของเมืองลำปางที่หลายๆคนมักเลยผ่านไป
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของการปั่นจักรยานเที่ยว ซึ่งจะช่วยพาเราไปสัมผัสกับวิถีของชาวเมืองลำปางอย่างลึกซึ้ง เพราะจักรยานสามารถซอกแซกเข้าตรอกซอกซอย จอดแวะชมสถานที่ต่างๆ แวะถ่ายรูป เซลฟี่ หยุดพูดคุยกับทักทายกับคนลำปางได้อย่างใกล้ชิดลึกซึ้ง นอกจากนี้การปั่นจักรยานเที่ยวยังเป็นการออกกำลังกายไปในตัว นับเป็นเรื่องดีต่อสุขภาพอันน่ารื่นรมย์ไม่น้อย
รถราง
มาถึงกิจกรรมท่องเที่ยวน้องใหม่ในลำปางกับกิจกรรมนั่ง“รถรางเพื่อการท่องเที่ยว ชุมชนท่ามะโอ” ซึ่งเปิดให้บริการในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รอบเช้า 09.00 น. รอบบ่าย 13.00 น. อัตราค่าบริการ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนวันธรรมดาจะให้บริการเฉพาะแบบเหมาคัน โดยนักท่องเที่ยวบุคคลทั่วไป คิดเที่ยวละ 800 บาท ส่วนนักเรียนนักศึกษาคิดเที่ยวละ 500 บาท
รถรางท่ามะโอ มีจุดเริ่มต้นนั่งรถเที่ยวอยู่ที่ลานเอนกประสงค์หน้า“วัดประตูป่อง”(ต.เวียงเหนือ อ.เมือง) ซึ่งในเส้นทางรถจะวิ่งผ่านสิ่งน่าสนใจต่างๆ อาทิ วัดปงสนุก ถนนสายวัฒนธรรม กู่เจ้าย่าสุตา วัดแสงเมืองมา สถานปฏิบัติธรรมหลวงพ่อเกษม เขมโก วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม บ้านเสานัก บ้านร้อยปี และบ้านหลุยส์ ฯลฯ ก่อนจะกลับมาสิ้นสุด ณ จุดเริ่มต้นที่วัดประตูป่องอีกครั้ง
สำหรับการนั่งรถรางท่ามะโอเที่ยวนั้น ตลอดเส้นทางจะมีวิทยากรท้องถิ่นที่น่ารักเปี่ยมอัธยาศัยไมตรีและข้อมูลความรู้แน่นปึ้ก มาคอยบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆในเส้นทางที่รถรางวิ่งผ่าน ช่วยทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวอันหลากหลายในลำปางอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
นับได้ว่ากิจกรรมนั่งรถรางเที่ยวของชุมชนท่ามะโอเป็นอีกหนึ่งการเปิดมุมมองใหม่ในลำปาง โดยเฉพาะมนต์เสน่ห์ของ “วัดประตูป่อง” ที่มีงานศิลปกรรมอันงดงามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น งานศิลปะปูนปั้น งานแกะสลักไม้ และงานภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารฝีมือจิตรกรร่วมสมัย กับภาพวาดป๋าเวณีสิบสองเดือน(ประเพณีสิบสองเดือน)อันมีเอกลักษณ์งดงามมาก
นอกจากนี้วัดประตูป่องยังมี“เงาพระธาตุ”(หัวกลับ)ในกุฏิหลังเก่า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งอันซีนลำปางที่มีเสน่ห์และยังไม่เป็นที่รู้จักกันสักเท่าไหร่
ไฮไลท์ลำปาง
นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแบบหลายรถหลากรส ด้วยรถหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถไฟ รถม้า รถถีบ และรถรางแล้ว รถยนต์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว รถเช่า รถตู้ หรือรถบัสที่นำนักท่องเที่ยวมาเป็นทัวร์คณะใหญ่ ก็ยังคงเป็นยาพาหนะหลักในการนำเราไปชมยังสถานที่ต่างๆในจังหวัดลำปาง
โดยเฉพาะกับแหล่งท่องเที่ยวไฮไลท์ไม่ควรพลาดในจังหวัดลำปาง นำโดย“วัดพระธาตุลำปางหลวง”(อ.เกาะคา) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองลำปาง สถานที่ประดิษฐานองค์พระธาตุลำปางหลวง พระธาตุคู่เมืองลำปางและพระธาตุประจำปีฉลู(วัว)
ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วิหารหลวง พระเจ้าล้านทอง พระเจ้าองค์หลวงพระนครลำปาง รวมไปถึง“เงาพระธาตุ” ที่มีความโดดเด่นจนถูกยกให้เป็นอันซีนไทยแลนด์อันลือลั่น
ขณะที่วัดที่น่าสนใจอื่นๆนั้นก็มีกลุ่มวัดในตัวเมืองได้แก่ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดารามวัดปงสนุก วัดเจดีย์ซาวหลัง และ วัดศรีชุม เป็นต้น
ส่วนวัดเด่นๆที่อยู่นอกเมืองก็มี “วัดจองคำ”(อ.งาว)ที่มีองค์“พระมหาเจดีย์พุทธคยา”(จำลอง)ให้สักการะ,“วัดพระบาทปู่ผาแดง”(อ.แจ้ห่ม) ที่เป็นจุดชมวิว ชมทะเลหมอก(หน้าหนาว)ในยามเช้าอย่างงดงาม และมีการสร้างพระธาตุเจดีย์ไว้บนยอดเขาริมเหวได้อย่างน่าทึ่ง และ“วัดพระธาตุดอยพระฌาน”(อ.แม่ทะ) แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่มาแรงที่เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกยามหน้าหนาวแห่งใหม่ ภายในวัดมีวิหารหลังงามกำลังดำเนินการก่อสร้าง รวมถึงมีจุดน่าสนใจอีกหลากหลายให้เที่ยวชม
สถาปัตยกรรม-อาคารเก่าแก่คลาสสิก
ลำปางนอกจากจะอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งกลิ่นอายอดีตแล้ว ในตัวเมืองลำปางยังโดดเด่นไปด้วยงานสถาปัตยกรรมเหนือกาลเวลา ที่เปรียบดังไทม์แมชชีนย้อนเวลาพาเราไปสัมผัสกับแง่งาม และมนต์เสน่ห์อันน่าตื่นตาตื่นใจของเมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลาแห่งนี้
เริ่มกันด้วยสถาปัตยกรรมคู่เมืองอย่าง “สะพานรัษฎาภิเศก” สะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่เก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือ มีสีขาวเด่น กับโครงสร้าง 4 โค้งอันสวยงามคลาสสิก “หอนาฬิกาลำปาง” อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างเก่าแก่คู่เมืองลำปาง และ “สถานีรถไฟนครลำปาง” สถานีรถไฟเหนือกาลเวลาอันความสวยงามคลาสสิก
ส่วนกลุ่มอาคารบ้านเรือนเก่าแก่คลาสสิกนั้น นำโดยบรรดาอาคารเก่าใน”กาดกองต้า” หรือย่านชุมชนตลาดจีนเก่าแก่ ซึ่งเหมาะต่อการปั่นจักรยานหรือเดินชิลล์ๆแบบสโลว์ไลฟ์ชมย่านแห่งนี้ที่ โดดเด่นไปด้วยบรรยากาศอวลไออดีต
กาดกองต้า(ในช่วงที่ไม่มีถนนคนเดิน)เป็นย่านที่น่ายลไปด้วยมนต์ของสถาปัตยกรรมเรือนไม้ และอาคารปูนเก่าแก่ที่น่าสนใจหลากหลาย เช่น หอศิลป์ อาคารฟองหลี และ “อาคารหม่องโง่ยซิ่น” กับเรือนขนมปังขิงแสนสวย ประดับไปด้วยลวดลายฉลุไม้อันงดงามวิจิตร
ถนนคนเดิน
ถนนคนเดินเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมน่าสนใจในจังหวัดลำปาง นำโดย“ถนนคนเดินกาดกองต้า” ที่เปิดทุกเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเวลา17.00-ประมาณ 22.00 บนถนนตลาดเก่าเชิงสะพานรัษฎาฯขนานกับแม่น้ำวัง
ถนนคนเดินกาดกองต้า ได้เปลี่ยนบรรยากาศของกาดกองต้าที่สงบงามเนิบนิ่งในวันธรรมดาให้กลายเป็นตลาดถนนคนเดินอันแสนคึกคักมีชีวิตชีวากับสินค้าอันหลากหลาย ทั้งอาหารการกิน งานศิลปะ งานแฮนด์เมด สินค้าพื้นเมือง สินค้าที่มีเอกลักษณ์ และสินค้าจิปาถะอื่นๆ ท่ามกลางบรรยากาศของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ซึ่งมีทั้งคนลำปางและนักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น
นอกจากถนนคนเดินกาดกองต้าแล้ว ตัวเมืองลำปางยังมี “ถนนสายวัฒนธรรม”ที่ตั้งอยู่ที่ ถ.วังเหนือ ย่านเมืองเก่าท่ามะโอ(หลังวัดประตูป่อง) ต.เวียงเหนือ ซึ่งเปิดทุกวันศุกร์ เวลา 16.30-21.30 น.
ถนนสายวัฒนธรรม ได้ชื่อว่าเป็นถนนสายพื้นเมืองของชาวลำปาง ที่น่าเดินไปด้วยเสน่ห์แห่งความเป็นท้องถิ่น กับบรรยากาศของ กาดหมั้วคัวแลง มีอาหารพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง รวมไปถึงสินค้าการเกษตร พืชผักปลอดสารพิษ สินค้าทำมือ และสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ก็ยังมีดนตรีพื้นเมือง และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเหล่าเยาวชน รวมถึงการสาธิตงานฝีมือภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าสนใจให้ได้สัมผัสกัน
ลำปาง Plus ลำพูน
ด้วยไออดีตแห่งบรรยากาศย้อนยุคอันโดดเด่นของจังหวัดลำปาง ทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”(ททท.) จึงจับคู่ให้ลำปางกับลำพูนเป็นหนึ่งในโครงการ“เมืองต้องห้าม...พลาดPlus”(เมืองต้องห้ามพลาด...พลัส) กับเส้นทางท่องเที่ยวชื่อเก๋ไก๋“ลำปาง plus ลำพูน” พาไปสัมผัสกับสิ่งน่าสนใจอันหลากหลายในจังหวัดทั้งสอง พร้อมเชื่อมโยงรอยอดีตอันรุ่งโรจน์แห่งวันวานเข้าไว้ด้วยกัน
โดยลำปางนั้นอวลไปด้วยกลิ่นอายวันวานแห่งเขลางค์นครอันสุดแสนจะคลาสสิก ส่วนลำพูนนั้นโดดเด่นไปด้วยไออดีตแห่งนครหริภุญชัยอันทรงเสน่ห์
สำหรับผู้มาแอ่วลำพูนนั้น สิ่งแรกที่ไม่ควรพลาดก็คือการไปสักการะ “พระธาตุหริภุญชัย” พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูน รวมถึงเป็นพระธาตุประจำตัวคนเกิดปีระกา(ไก่)ตามคติความเชื่อของล้านนาโบราณ
นอกจากพระธาตุหริภุญชัยที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวลำพูนแล้ว ในตัวเมืองลำพูนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นอื่นๆ อาทิ อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี กู่กุด-วัดจามเทวี วัดมหาวัน วัดพระยืน และ “กู่ช้าง กู่ม้า” ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังของช้างศึกและม้าศึกคู่บารมีของพระนางจามเทวี ซึ่งทาง ททท. ได้คัดสรรให้เป็น 1 ใน 24 แหล่งท่องเที่ยวในโครงการ “เขาเล่าว่า...” อีกหนึ่งแคมเปญท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ ททท.
นอกจากนี้ลำพูนยังมีเส้นทางรถไฟที่เชื่อมโยงกับเมืองลำปาง ร้อยเรียงมนต์เสน่ห์และเรื่องราวทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน โดยมี“อุโมงค์ขุนตาน” อุโมงค์ 2 จังหวัด(ลำปาง-ลำพูน) มีความยาว 1,352.10 เมตร ถือเป็นอุโมงค์รถไฟลอดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งสร้างลอดเทือกเขาที่แบ่งเขตแดนระหว่างลำปาง-ลำพูน
เมื่อรถไฟ(ขาขึ้น)วิ่งลอดอุโมงค์ขุนตาน จาก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ข้ามจังหวัด ไปทะลุที่ อ.แม่ทา จ.ลำพูน ก็จะเข้าสู่สถานีขุนตาน จากนั้นรถไฟจะวิ่งผ่าน “สะพานขาวทาชมภู” ที่ตั้งทอดตัวผ่านลำน้ำแม่ทา กับสะพานรถไฟสีขาวเด่นมีทรวดทรงโค้งงามโดดเด่น ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของจังหวัดลำพูน
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของจังหวัดลำปางและลำพูน ซึ่งเวลาที่“ตะลอนเที่ยว”ได้มีโอกาสขึ้นเหนือไปแอ่วเมืองทั้งสอง มันช่างให้ความรู้สึกคล้ายกับเรากำลังนั่งไทม์แมชชีนแห่งกาลเวลาย้อนอดีตไปสัมผัสกับกลิ่นอายแห่งวันวาน ที่น่าเที่ยวชม น่าค้นหา และชวนให้หลงรัก
โลกใบเดียวกัน วันเวลาผันผ่านไปเหมือนกัน
แต่...น่าแปลกที่ในบางเมือง บางสถานที่ เมื่อเราได้ไปเยือนแล้ว กลับให้ความรู้สึกเหมือนเวลาเดินช้า เข็มนาฬิกาคล้ายหยุดหมุน
ดังเช่นจังหวัด “ลำปาง-ลำพูน” เมืองที่อวลไปด้วยกลิ่นอายอดีตอันงดงาม
**************************************************
-“รถไฟ” ขบวนรถด่วนพิเศษ“อุตราวิถี” เป็นบริการใหม่ของรถไฟไทย โดยขบวน“อุตราวิถี 9”(ขาขึ้น)กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือ “สถานีหัวลำโพง” เวลา 18.10 น. ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่เวลา 07.15 น. ส่วน ขบวนอุตราวิถี 10 เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ออกจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ 18.00 น. ถึงสถานีรถไฟกรุงเทพฯ 06.50 น. ระหว่างทาง จะมีการจอดรับ-ส่ง ผู้โดยสารตามสถานีใหญ่ๆ สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ สายด่วน 1690 สถานีรถไฟทั่วประเทศ รวมถึงสามารถจองตั๋วผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.railway.co.th
-“รถม้าลำปาง” มีวิ่งบริการนักท่องเที่ยวไปตามเส้นทางต่างๆ เช่น เส้นทางชมเมืองรอบเล็ก เส้นทางชมเมืองรอบใหญ่ เส้นทางชมย่านตลาดจีน เป็นต้น โดยสนนราคานั้นก็ตามระยะทาง ได้แก่ รอบเล็ก/3 กม./200 บาท/ประมาณ 20 นาที รอบใหญ่/5 กม./300 บาท/ประมาณ 40-45 นาที รวมถึงมีแบบเหมาชั่วโมง ชั่วโมงละ 400 บาท โดยในเส้นทางรถม้าจะพาวิ่งผ่านจุดสำคัญต่างๆในตัวเมือง อาทิ วัดปงสนุก วัดพระแก้วดอนเต้า และวัดต่างๆ นมัสการหลวงพ่อเกษม ชุมชนเก่ากาดกองต้า ชมวิถีชีวิตริมแม่น้ำวัง เป็นต้น
-“รถจักรยาน” เทศบาลนครลำปางมีบริการให้ยืมจักรยานฟรี! แบบวันเดียว โดยให้นำบัตรประชาชน หรือ Passport ไปแลกยืมกับเจ้าหน้าที่ ที่ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว เวลา 09.00-16.30 น.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 054-237-229 นอกจากนี้ผู้ประกอบการในตัวเมืองลำปางก็ยังมีรถจักรยานให้เช่าปั่นในราคาเยาว์ อาทิ อาลัมภางค์เกสเฮาส์, ลดาเฮาส์, ร้านโอโซน, วิลล่า รัษฎา นครลำปาง,ร้าน Tea Cafe,ร้านรักษ์ถีบ เป็นต้น
-“รถรางเพื่อการท่องเที่ยว ชุมชนท่ามะโอ” เปิดให้บริการในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รอบเช้า 09.00 น. รอบบ่าย 13.00 น. อัตราค่าบริการ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนวันธรรมดาจะให้บริการเฉพาะแบบเหมาคันเฉพาะเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวบุคคลทั่วไป คิดเที่ยวละ 800 บาท ส่วนนักเรียนนักศึกษาคิดเที่ยวละ 500 บาท ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณประทีป เมืองแก่น 081-950-9098
-“วัดประตูป่อง”(ต.เวียงเหนือ อ.เมือง)เปิดโบสถ์ให้เข้าชมเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00-14.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่จิตอาสานำพาเที่ยวชม
-“ถนนคนเดินกาดกองต้า” เปิดทุกเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเวลา17.00-ประมาณ 22.00 บนถนนตลาดเก่าเชิงสะพานรัษฎาฯขนานกับแม่น้ำวัง
-“ถนนสายวัฒนธรรม” เปิดทุกวันศุกร์ เวลา 16.30-21.30 น. บนถนนวังเหนือ ย่านเมืองเก่าท่ามะโอ(หลังวัดประตูป่อง) ต.เวียงเหนือ
ทั้งนี้ผู้สนใจสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในบทความ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางไปในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัดลำปางและลำพูนเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานลำปาง (พื้นที่รับผิดชอบลำปาง,ลำพูน) โทร.0-5422-2214-15 เปิดทุกวัน เวลา 08.30 น.-16.30 น.