xs
xsm
sm
md
lg

ชมวัดราชบพิธฯ สัมผัสความงามตระการตา ที่ประทับ “ สมเด็จพระสังฆราช 3 พระองค์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 และเป็นองค์ที่ 3 ของ “วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม”
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 และเป็นองค์ที่ 3 ของ “วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม” ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นสำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ตั้งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา ฉันเลยจึงอยากแนะนำวัดแห่งนี้ให้ได้รู้จักกัน

วัดราชบพิธ มีชื่อเต็มๆ ว่า “วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร” คำว่า “ราชบพิธ” หมายถึง พระราชาทรงสร้าง ซึ่งก็คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับพระอัครมเหสี พระราชเทวี และเจ้าจอมพระสนมเอกของพระองค์ ส่วน “สถิตมหาสีมาราม” ก็คือเป็นวัดที่ประดิษฐานเสมาขนาดใหญ่ และตามปกติแล้ว เสมาของวัดโดยทั่วไปจะอยู่ตามมุม หรือติดอยู่กับตัวพระอุโบสถ แต่เสมาของวัดนี้ตั้งอยู่บนกำแพงรอบวัดถึง 8 ด้าน จึงเป็นการขยายเขตทำสังฆกรรมของสงฆ์ให้กว้างขึ้น
พระระเบียงคดล้อมรอบมหาเจดีย์ไว้ภายใน
วัดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 เท่านั้น แต่ยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 อีกพระองค์หนึ่งด้วย เพราะในรัชสมัยของ ร.7 มิได้มีการสร้างวัด แต่ท่านก็ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธนี้ด้วย ดังนั้นจึงถือวัดนี้เป็นวัดประจำพระองค์ด้วยเช่นกัน

ชื่อเสียงที่ฉันได้ยินมาเกี่ยวกับวัดนี้ก็นั่นก็คือ ความงดงามภายในอุโบสถที่มีคนบอกว่าภายนอกเป็นแบบไทยๆ แต่ภายในเป็นแบบยุโรป มาคราวนี้จึงต้องเข้าไปดูด้วยตาตัวเองสักหน่อยว่าจะงามขนาดไหน แต่ก่อนที่จะเข้าไปข้างในก็ได้ลองเดินชมภายนอกอุโบสถที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์จากประเทศจีน บานประตูและหน้าต่างประดับด้วยมุกที่ทำเป็นลายไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างๆ ส่วนซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มมงกุฎประดับปูนปั้นปิดทอง ประดับกระจกแพรวพราวสวยงามมาก
พระอุโบสถด้านนอก งดงามไม่แพ้ด้านใน
ชมแค่ภายนอกว่างามแล้ว แต่เมื่อเข้าไปด้านใน พระอุโบสถ กลับพบสิ่งที่สวยงามมากกว่า เมื่อเข้าไปภายใน สิ่งแรกที่รู้สึกก็คือ ความมลังเมลืองของสีทองที่สะท้อนเข้าตา เพดานและผนังของพระอุโบสถตกแต่งด้วยสีทอง เป็นศิลปะยุโรปแบบโกธิค ที่มีคนกล่าวกันว่ามีลักษณะคล้ายพระที่นั่งแห่งหนึ่งในพระราชวังแวร์ซาย ผนังพระอุโบสถมีตราสัญลักษณ์ประจำรัชกาล ส่วนบนเพดานประดับด้วยโคมไฟระย้าที่ให้แสงสีเหลืองอาบทุกสิ่งทุกอย่างจนกลายเป็นสีทองไปหมด ฉันรู้มาว่า เหตุที่ตกแต่งภายในเป็นแบบยุโรปก็เนื่องจากในช่วงยุคสมัยของรัชกาลที่ 5 นั้น เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการล่าอาณานิคม พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริว่า หากไม่ปรับตัวเองแล้ว ประเทศไทยก็จะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนในสายตาของผู้อื่น วัดราชบพิธแห่งนี้จึงได้มีช่างชาวต่างประเทศ เช่น อิตาลีและเยอรมันเข้ามาร่วมสร้างด้วย
พระพุทธอังคีรส พระประธานภายในพระอุโบสถที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง
พระประธานในพระอุโบสถนั้นมีความสวยงามอย่างมาก ซึ่งพระประธานในนี้มีนามว่า “พระพุทธอังคีรส” แปลว่า มีรัศมีซ่านออกจากพระวรกาย ซึ่งฉันคิดว่าชื่อนี้เหมาะสมกับท่านที่สุดแล้ว พระพุทธอังคีรสประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อนจากอิตาลี โดยที่ใต้ฐานพระได้บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ด้วยกัน เช่น พระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7

หลังจากกราบพระเสร็จ ฉันนั่งชมสิ่งต่างๆ ภายในอุโบสถอย่างเงียบๆ ความสงบยิ่งช่วยเพิ่มความงามให้มากขึ้น และสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกก็คือ ความเป็นตะวันตกและตะวันออกในบางครั้งเมื่อมารวมกันแล้วกลับดูขัดแย้ง ไม่กลมกลืน แต่สำหรับพระอุโบสถแห่งนี้ฉันยืนยันได้ว่าไม่เป็นเช่นนั้นเลย การตกแต่งแบบยุโรปกับพระพุทธรูปศิลปะไทย สามารถผสมกลมกลืนกันได้อย่างงดงามไม่มีที่ติในพระอุโบสถวัดราชบพิธแห่งนี้
เจดีย์มีความสวยงามอย่างมาก
วัดแห่งนี้ถือว่ามีการจัดผังได้สวยงาม โดยมีพระเจดีย์เป็นศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยพระระเบียงวิหารคดเป็นวงกลม ด้านข้างจะมีทางเข้าไปในรอบๆ พระเจดีย์ได้ ส่วนพระอุโบสถกับพระวิหารซึ่งอยู่ตรงข้ามกันนั้น ตั้งอยู่ด้านนอกพระระเบียงอีกที ใครที่นึกภาพไม่ออกก็ให้ดูตัวอย่างจากวัดพระปฐมเจดีย์ เพราะการวางตัวของสิ่งก่อสร้างนั้นเป็นแบบเดียวกัน
บรรยากาศภายในสวยงาม
"พระเจดีย์" ที่ว่านี้เป็นเจดีย์ทรงกลม ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบลายเบญจรงค์สวยงาม บนยอดปลีเป็นลูกแก้วกลมครอบผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ส่วนฐานเจาะเป็นซุ้มคูหา 16 ซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ สำหรับด้านในพระเจดีย์นั้น มีพระพุทธรูปศิลาสมัยลพบุรี ปางนาคปรกอยู่ด้วย 4 องค์ ซึ่งเล่ากันมาว่าขุดพบใต้ต้นตะเคียนริมคลองหลอด และเชื่อกันว่าคนที่อยากมีลูกให้มาขอพรที่นี่ก็จะได้มีลูกสมใจ
ซุ้มคูหาประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปหล่อของสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์มหาเถร)
จากนั้นไปชม “พระที่นั่งสีตลาภิรมย์” ซึ่งมีลักษณะเก๋งจีน 3 ชั้น ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บโบราณวัตถุทรงคุณค่าซึ่งเป็นสมบัติของวัด และของใช้ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์ คือพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 11 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 8)
เจดีย์ ในวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากอีกอย่างหนึ่งที่วัดราชบพิธที่แตกต่างจากวัดอื่นๆ ก็คือ ที่วัดแห่งนี้มี "สุสานหลวง" ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก สุสานหลวง นี้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างไว้เพื่อประดิษฐานพระสรีรังคารแห่งสายพระราชสกุลในพระองค์ ซึ่งอนุสาวรีย์เหล่านั้นก็มีรูปทรงที่หลากหลาย มีทั้งแบบไทย แบบฝรั่ง หรือแม้แต่แบบขอมก็มี ซึ่งอนุสาวรีย์บางส่วนก็ได้สร้างขึ้นเองภายหลังบ้าง
ซุ้มประตูที่มีทหารเฝ้า
อนุสาวรีย์ที่ว่านั้นก็มีอนุสาวรีย์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ราชสกุลอาภากร อนุสาวรีย์ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี อนุสาวรีย์สุขุมาลนฤมิตร์ ราชสกุลบริพัตร อนุสาวรีย์รังษีวัฒนา ราชสกุลมหิดล ซึ่งมีพระสรีรังคารของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือพระราชบิดาและพระราชมารดาของในหลวงอยู่ด้วย
ศิลปะแบบต่างๆ ของอนุสาวรีย์ในสุสานหลวง
บริเวณสุสานหลวงได้รับการตกแต่งซ่อมแซมดูแลอย่างดีจากสำนักพระราชวัง จึงเป็นสวนที่ร่มรื่นไปด้วยไม้ดอกไม้ใบนานาพันธุ์ หลายต้นเป็นไม้โบราณ เช่น กล้วยทอง กรรณิการ์ สารภี เข็ม ตะแบก ลั่นทม (ลีลาวดี) เป็นต้น ปัจจุบันถูกดัดแปลงให้มีลักษณะกึ่งสวนหย่อม กึ่งอนุสรณ์สถาน

วัดแห่งนี้จึงไม่ใช่เป็นเพียงวัดที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นวัดที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าและความสวยงาม อยู่คู่กับประชาชนชาวไทยตลอดไป

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

วัดราชบพิธ ตั้งอยู่ที่ถนนเฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กทม. ข้างกระทรวงมหาดไทย

พระอุโบสถของวัดราชบพิธจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนาและวันพระเท่านั้น สนใจสอบถามรายละเอียด โทร. 0-2222-3930
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น